บทที่ 5
ข้อเสนอ หวงเฟยหลงที่ลอบติดตามมู่ซูเจียวก็เห็นความผิดปกติในทันที ทางเดินที่นางกำนัลพาไปนั้นไม่ใช่ตำหนักรับรอง แต่กลับเป็นตำหนักเล็กของพระสนมนางหนึ่งที่ถูกปิดตายไปแล้ว หนทางที่ต้องลัดเลาะไปมานั้นดูวกวนไปมา จนเขาอดจะสงสัยกับการกระทำนี้ของนางไม่ได้ มู่ซูเจียวที่เคยมาเยือนวังหลวงหลายคราก็เริ่มตงิดใจ นางหยุดชะงักไม่ก้าวเดินตามนางกำนัลไปอีก “คุณหนูมู่มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ” นางกำนัลที่รู้ว่ามู่ซูเจียวไม่ได้เดินตามมานั้นจึงรีบเอ่ยถามทันที หากครั้งนี้นางทำแผนการของฮองเฮาล้มเหลว ตัวนางและครอบครัวคงไม่แคล้วต้องไปเยือนปรโลกเป็นแน่ “ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะมาผิดทาง ทางนี้มันเป็นวังหลังของฝ่าบาทมิใช่หรือ เหตุใดเจ้าจึงไม่พาข้าไปตำหนักรับรองกัน” “คือ...ตำหนักรับรองมีคุณหนูคุณชายมาพักกันหมดทุกห้องแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูมู่ไปที่ตำหนักรับรองอีกที่หนึ่งนะเจ้าคะ” “เช่นนั้นหรือ แต่ข้าว่า...” ฟุบ!! ขันทีที่ติดตามมาทางด้านหลัง ลอบสับมือที่หลังคอของมู่ซูเจียวจนนางสลบไปในทันที ขันทีผู้นี้ประคองร่างที่ไร้สติของมู่ซูเจียวไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น “ไม่ได้เรื่อง แค่งานง่าย ๆ ยังทำไม่สำเร็จ” “ขะ ขอโทษเจ้าค่ะ” “รีบพานางไปเร็วเข้า หากมีผู้ใดมาเห็นเข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” “เจ้าค่ะ” นางกำนัลปรี่เข้ามาช่วยประคองมู่ซูเจียวไปยังสถานที่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ ทั้งคู่ใช้เวลายังไม่ทันน้ำในกาเดือดก็พามู่ซูเจียวมาถึงยังตำหนักที่เคยปิดตายไว้ แต่ตอนนี้กลับมีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากในห้อง และยังเห็นว่ามีเงาของบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในห้องนั้นด้วย หวงเฟยหลงที่แอบติดตามมาไม่ห่าง ขบฟัดกรอดด้วยความกรุ่นโกรธ บัดนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งใดคือเป้าหมายของคนพวกนี้ จัดฉากให้มู่ซูเจียวมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่น แล้วปลดนางออกจากตำแหน่งพระชายาในองค์รัชทายาท!! แผนการสกปรกหยาบช้าเช่นนี้ คงมีเพียงฮองเฮาที่น่ารังเกียจผู้นั้นเป็นแน่ สารเลว!! “คุณชายหลี่มาแล้วขอรับ” ขันทีเอ่ยเรียกคนข้างในเสียงเบา บุรุษที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้รีบลุกพรวดมารับหญิงสาวที่เขาเฝ้าคะนึงหา ‘หลี่อี้เฉิน’ บุตรชายของรองเจ้ากรมพิธีการ ที่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกับฮองเฮา รีบตรงเข้ามารับร่างที่อ่อนปวกเปียกของมู่ซูเจียวด้วยความยินดี “ฝากคุณชายหลี่ด้วยขอรับ ฮองเฮาทรงตรัสว่าอย่าได้ทำให้พระองค์ผิดหวัง อีกสักหนึ่งชั่วยามก่อนงานเลี้ยงเลิกจะมีนางกำนัลมาพบพวกท่านทั้งสอง หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยนะขอรับ” หลี่อี้เฉินยกยิ้มด้วยความสมใจ “อย่าได้กังวล ข้าไม่มีทางทำให้ฮองเฮาต้องทรงผิดหวังเป็นแน่” “เช่นนั้นก็ดีขอรับ ขอให้คุณชายหลี่มีค่ำคืนที่ดีนะขอรับ” หลี่อี้เฉินนำถุงเงินที่เตรียมเอาไว้มอบให้กับขันทีผู้นั้น ก่อนจะรีบอุ้มร่างที่ไร้สติของมู่ซูเจียวไปยังห้องนอนชั้นใน เขากระตุกยิ้มอย่างยินดี พลางกวาดสายตาสำรวจเรือนร่างที่งดงามของมู่ซูเจียว ริมฝีปากหนาแห้งผากเมื่อคิดว่าค่ำคืนนี้โฉมสะคราญแห่งเมืองหลวงจะตกเป็นของเขา กายแกร่งพลันรู้สึกร้อนวูบวาบ อารมณ์ปรารถนาถูกจุดขึ้นจนยากจะดับลง มีเพียงต้องเติมเต็มความต้องการนี้เท่านั้น “อ่า...เจ้าช่างงดงามนัก ข้าสัญญาว่าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี หึๆ” ฝ่ามือหนาเลื่อนมาปลดอาภรณ์ของมู่ซูเจียว แต่ทันใดนั้นกลับมีมีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่หลังมือของเขาอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วหลังมือ เลือดสีแดงฉานอาบย้อมเต็มฝ่ามือหนาของหลี่อี้เฉิน “โอ๊ย!! ผู้ใดมันกล้าลอบกัดข้า ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” หลี่อี้เฉินลุกพรวดแล้วหันหลังกลับมามองผู้ที่กล้าทำร้ายเขาที่วังหลัง พลันแข็งขาของชายหนุ่มอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ใบหน้าที่มีเลือดฝาดพลันซีดขาวราวกับกระดาษ ดวงตาทั้งสองเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง “อะ...องค์รัชทายาท ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้” น้ำเสียงของเขาสั่นระริกด้วยความขลาดกลัว ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าองค์รัชทายาทผู้นี้โหดเหี้ยมเกินผู้ใด ทั้งที่ฮองเฮาทรงตรัสว่าจะดึงตัวพระองค์ให้อยู่ในงานเลี้ยง แต่เหตุใดพระองค์จึงมาปรากฏกาย ณ ที่แห่งนี้ได้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย แล้วเช่นนี้เขาจะเอาชีวิตรอดที่ล่วงเกินว่าที่พระชายาได้อย่างไร “เจ้าบังอาจนัก! หาญกล้าเช่นไรถึงได้กล้ามาทำร้ายว่าที่พระชายาของข้า นี่เจ้าวางแผนจะฆ่านางใช่หรือไม่” หวงเฟยหลงตวาดเสียงดังลั่น จนหลี่อี้เฉินสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจกลัว “มะ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่ แค่จะ...” หัวสมองหมุนติ้วเพื่อหาคำแก้ตัวพัลวัน ในตอนนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ สายตามาดร้ายมองมู่ซูเจียวที่ยังคงสลบตรงเตียงนอน “อภัยให้กับความรักของเราทั้งสองด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับเจียวเอ๋อร์เรารักกันพ่ะย่ะค่ะ แต่เพราะสมรสพระราชทานจึงทำให้เราทั้งคู่ต้องพรากจากกัน พวกเรามิอาจจะทนฝืนใจได้อีกต่อไปจึงได้ลอบทำเรื่องเช่นนี้ที่วังหลัง ขอองค์รัชทายาทโปรดเห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ของพวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หวงเฟยหลงขบฟันแน่นด้วยความโกรธ มันผู้นี้กล้าผายลมต่อหน้าเขาเช่นนั้นหรือ ร่างสูงแค่นหัวเราะกับคำพูดพกลมของหลี่อี้เฉิน เสียงหัวเราะของเขาบาดลึกเข้าไปถึงใจคนฟัง “ตระกูลหลี่คงจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้สินะ ข้าก็เห็นอยู่ว่าเจ้ากำลังบีบคอเจียวเอ๋อร์ของข้า แล้วเจ้าจะมาโป้ปดคำเท็จหาว่านางกับเจ้าเป็นคนรักกันได้อย่างไร บอกมาว่าผู้ใดเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง” “ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ ข้ากับเจียวเอ๋อร์คือคนรักกัน และเพราะนางอ่อนเพลียข้าจึงพานางมาพักยังที่นี่ และเมื่อครู่เราทั้งสองก็กำลังจะ...”ในค่ำคืนนั้นโม่โฉ่วได้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับบุตรสาว ส่วนเขาก็รีบตรงไปยังเรือนนอนของเสิ่นลู่ซือ ทันทีที่เข้ามายังเรือนนอน ปลายจมูกโด่งพลันได้กลิ่นหอมรัญจวนที่โชยออกมาจากห้องหับ คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นอ่า...ซือเอ๋อร์ของเขามิใช่ว่ากำลังจะยั่วยวนเขาใช่หรือไม่กายแกร่งเดินเข้าไปยังห้องนอนแต่ภายในห้องกลับว่างเปล่า เขามองหานางจนทั่วจนกระทั่งได้ยินเสียงกระเซ็นของน้ำที่ดังมาจากห้องอาบน้ำ ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปยังห้องอาบน้ำภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏนี้ทำให้ร่างกายของโม่โฉ่วรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด เรือนร่างขาวผ่องของเสิ่นลู่ซือที่นั่งหันหลังให้เขากำลังลูบไล้เรียวแขนเสลา และท่อนขาเรียวยาว กลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา (กุหลาบ) กำจรไปทั่วห้องอาบน้ำกึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันขยายใหญ่ขึ้นมาจนเขารู้สึกคับแน่นไปหมด ลำคอหนาของชายหนุ่มแห้งผากเมื่อเห็นภาพเย้ายวนตรงหน้า“อุ๊ย! ท่านพี่มาแล้วหรือเจ้าคะ”เสิ่นลู่ซือแสร้งทำท่าตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นสามียืนมองนางอยู่นานแล้ว มุมปากเล็กยกยิ้มอย่างยั่วยวน คล้ายกับกำลังเชิญชวนให้เขามาอาบน้ำร่วมกันกับนาง“เจ้าอยากทำพ
ตอนพิเศษ 3เหล่าตัวแสบตระกูลเสิ่นบุตรสาวคนแรกของตระกูลเสิ่นมีนามว่า ‘เสิ่นซิ่วอิง’ นางเป็นเด็กเลี้ยงง่ายจนหลายคนพากันประหลาดใจ แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาตกตะลึง นั่นคือวิธีการกำราบน้องชายที่มีนามว่า ‘เสิ่นฮุ่ยหวง’หากเสิ่นฮุ่ยหวงร้องไห้เกเร เสิ่นซิ่วอิงก็จะแผดเสียงร้องลั่นใส่น้องชาย จนทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ในทันทีเสิ่นลู่ซืออดจะหัวเราะไม่ได้ ดูท่าในอนาคตบุตรสาวของนางคงจะกำราบน้องชายจนสิ้นท่าเป็นแน่หลังจากเสิ่นลู่ซือให้กำเนิดทารกฝาแฝดไม่นาน ฮองเฮามู่ซูเจียวก็ได้ให้กำเนิดมังกรคู่เช่นกัน องค์ชายทั้งสองทรงมีพระนามว่า ‘หวงเฟยเทียน’ กับ ‘หวงเฟยอวี่’ องค์ชายทั้งสองมีอายุน้อยกว่าสองพี่น้องตระกูลเสิ่นเพียงห้าเดือนเท่านั้น ทำให้เด็กน้อยทั้งสี่ได้กลายเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่แบเบาะห้าปีผ่านไปวันเวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล จวนตระกูลเสิ่นได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เป็นบุตรชายคนที่สองนามว่า ‘เสิ่นลู่หลิ่ง’โม่โฉ่วผู้ขยันหว่านเมล็ดพันธุ์นั้น ภาคภูมิใจในความเก่งกาจของเขาเหลือเกิน เสิ่นฮุ่ยหมิ่นเองก็ชอบอกชอบใจในตัวบุตรเขยของเขาผู้นี้นัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบสิ้นสติ
จวนตระกูลเสิ่นนับจากเรื่องวุ่นวายได้จบลงไปแล้ว เวลานี้ก็ผ่านมานานหลายเดือนจนท้องของเสิ่นลู่ซือขยายใหญ่มากขึ้น การเดินเหินของนางเป็นไปอย่างยากลำบาก หากอยากไปที่ใดจะต้องมีคนคอยช่วยประคองถึงสองคนโม่โฉ่วที่กำลังกังวลกับครรภ์แฝดของภรรยานั้น จึงได้ขอลางานกับหวงเฟยหลง เวลานี้เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่หัวหน้าองครักษ์ของฮ่องเต้ แต่ยังเป็นพระเชษฐาด้วย ถึงแม้โม่โฉ่วจะไม่ปรารถนาบรรดาศักดิ์อย่างที่ควรได้ แต่เขาก็ได้รับความยำเกรงจากฮ่องเต้และเหล่าขุนนาง“เป็นอย่างไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่”โม่โฉ่วเอ่ยถามฮูหยินรัก หลังจากที่ประคองนางมานั่งรับลมที่ศาลาไม้“ตอนนี้ข้าเจริญอาหารมากเลยเจ้าค่ะ กินสิ่งใดล้วนอร่อยทั้งสิ้น”เสิ่นลู่ซือเอ่ยตอบอย่างเขินอาย เวลานี้ร่างกายของนางอวบอิ่มมากกว่าเดิมนัก น้ำหนักก็ขึ้นมาหลายสิบโล ไม่รู้ว่าหลังจากคลอดเจ้าแฝดร่างกายของนางจะเป็นเช่นเดิมหรือไม่“ฮ่ะฮ่ะ ช่วงนี้ต้องบำรุงเยอะ ๆ เจ้ากับลูกจะได้แข็งแรง และข้า...”“โอ๊ย!!”เสิ่นลู่ซือที่นั่งอมยิ้มพลันปวดหน่วงตรงท้องขึ้นมาฉับพลัน ดวงหน้างามซีดขาวด้วยความเจ็บปวดที่จู่โจมขึ้นมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ในตอนนั้นนางรู้สึกว่ามีน้ำไหลออกมาจาก
ตอนพิเศษ 2กำเนิดเจ้าก้อนแป้งน้อยองค์ชายสี่กับฮองเฮาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตต่อหน้าธารกำนัลทั้งหลาย โดยก่อนหน้านั้นทั้งสองจะถูกจับเข้าไปอยู่ในกรงขัง แล้วแห่ประจานถึงความผิดที่ได้ก่อเอาไว้ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ชาวแคว้นหวงอย่าได้เอาเป็นแบบอย่าง โรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือขององค์ชายสี่ รวมถึงการสิ้นพระชนม์ของอดีตฮองเฮานั้นก็เป็นฝีมือของหลี่ฮองเฮาด้วยราษฎร์ที่ล่วงรู้ความชั่วร้ายของทั้งสอง ต่างพากันมารุมประณามด่าทอ ทั้งยังขว้างปาสิ่งของเข้ามายังกรงที่คุมขังนักโทษ ทั้งสองได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย“สารเลว!! สมควรตาย กล้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร ข้าต้องเสียลูกไปเพราะโรคระบาดในครั้งนั้นเลยนะ ฮือ ๆ”“ชั่วช้านัก ประหารพวกมันเลย!!”“เลวทั้งแม่ทั้งลูก”เสียงด่าทอดังขึ้นมาไม่ขาดสาย หวงเฟยอินกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตของเขาจะตกต่ำถึงเพียงนี้ เจ้าพวกนี้มันกล้ามาด่าทอเขาได้อย่างไรสมควรตายนัก!!การประหารของทั้งสองดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ศีรษะที่ถูกตัดขาดออกจากตัวถูกนำไปแขวนไว้ที่ประตูเมืองทางทิศเหนือ ฮ่องเต้ได้ออกราชโองการประกาศคุณงามความดีแก่องค์รัชทายาท และตระกูล
ร่างสูงหยัดกายเต็มความสูงด้วยความแค้นที่สุมอยู่ในอก เขาเดินไปยังหลังพระพุทธรูปก่อนจะพบช่องทางลับที่ท่านแม่บอกไว้ให้ ไม่รู้ว่าเพราะแรงแค้นหรือไม่ จึงทำให้เขาสามารถพาร่างกายที่แสนบอบช้ำนี้ เดินออกไปจากป่าไผ่จนพบเข้ากับแม่น้ำหนึ่งสายแต่เหมือนสวรรค์ยังคงจะทำการทดสอบเขาอีก ฝนห่าใหญ่ได้ตกกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ากำลังพิโรธ โม่โฉ่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดำมืดด้วยสายตาว่างเปล่าร่างสูงที่ยืนอยู่ริมน้ำกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาของเขาไหลรินลงมา โดยถูกสายฝนชำระล้างไปสิ้น ราวกับกำลังจะย้ำเตือนว่าให้เขาหยุดร้องไห้ แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้แค้นคนชั่ว!!โม่โฉ่วเดินไปริมตลิ่งเจอเข้ากับเรือไม้ลำเล็ก ราวกับมีคนจงใจเตรียมไว้แล้ว สุดท้ายท่านแม่ก็คือคนที่เสียสละ และรักเขามากที่สุดร่างกายสูงใหญ่เดินโซเซไปนั่งในเรือ แล้วพายเรือออกจากฝั่งท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา แม่น้ำสายนี้ไม่ได้กว้างมากนัก เขาจึงกัดฟันทนจนพายมาถึงฝั่งตรงข้ามได้ในที่สุดชายหนุ่มเดินโซเซออกมาจากเรือ เวลานี้ร่างกายของเขาเริ่มจะทานทนไม่ไหวเสียแล้ว ร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไข้ขึ้นสูง กอปรกับพิษบาดแผลจากด้านหลังทำให้โม่โฉ่วสลบ
ตอนพิเศษ 1การเจอกันครั้งแรก“เหตุใดถึงทำเช่นนี้กับข้าและท่านแม่เช่นนี้ พวกข้าไปทำสิ่งใดให้พวกเจ้ากัน”เด็กหนุ่มในวัย 18 หนาวตะคอกถามผู้ที่เขาเคยนับถือเป็นเสด็จยายและน้องชาย แต่ในวันนี้กลับเป็นพวกเขาที่หันคมดาบมาแทงข้างหลังของเขาอย่างเลือดเย็นในแววตาของทั้งสองที่มองมานั้น แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ออกมาอย่างเปี่ยมล้น สายตาที่ทิ่มแทงมาราวกับคมดาบมันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของโม่โฉ่ว ใบหน้าของทั้งสองมีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันด้วยความสมเพชน้องชายที่เขาเคยให้ความเอ็นดูแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ “หึ นี่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าเห็นเจ้าเป็นพี่ชาย คนอย่างเจ้าเนี่ยนะ! น่าขันสิ้นดี”เขาพ่นน้ำลายใส่หน้าของโม่โฉ่ว พลางสืบเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงที่นอนขดตัวคุดคู้อยู่บนพื้นไม้สกปรก แววตาของเด็กหนุ่มที่อายุแค่ 17 หนาวมองมาอย่างเลือดเย็นก่อนหน้านี้โม่โฉ่วได้ถูกคนของเขาซ้อมจนสะบักสะบอม แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงมองมาทางเขาอย่างถือดี น่าตายนัก!“เจ้ากับแม่มันก็แค่สวะชั้นต่ำ เสด็จยายของข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูพวกเจ้าขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าแม่ลูกก็ควรตอบแทนบุญคุณสิ”“เจ้าต้องการอะไร” เขากัดฟันแน่นด้วยความก