เอาอีกแล้ว บ้าอำนาจอีกแล้ว ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาเคยถูกใครกดขี่ข่มเหงมาก่อนหรือไง ชาตินี้ถึงได้อยากแสดงอำนาจนัก ฟันซี่เล็กๆกัดลงบนริมฝีปากบางจนเจ็บเพราะฉัตรตะวันรู้ว่ายังไงเสียเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจคีตกานต์ได้
ถ้าเขาบอกว่าเธอ'ต้องเปิด' นั่นก็แสดงว่าเธอ..ต้องเปิด
ประตูบานไม้ถูกเปิดแง้มออก แต่ไม่หมด ในขณะที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเขามาทำไมและต้องการอะไร บานประตูก็ถูกมือใหญ่นั่นจับเอาไว้และเปิดอ้าออก
ทันทีที่เรือนร่างสูงใหญ่นั่นขยับมา จมูกของฉัตรตะวันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง ก่อนที่ตัวเธอจะถูกเขาดันให้ถอยเข้าบ้านไป แล้วตัวเขาเองก็แทรกตามเข้ามา
"คุณคีย์นี่คุณเข้ามาทำไม แล้วซันก็ยังไม่ได้อนุญาตเลยด้วย เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
ฉัตรตะวันกล่าวออกไปเสียงแหวพร้อมกับหน้าตาท่าทางพร้อมเอาเรื่อง ก็มันเรื่องอะไรจะไปยอมง่ายๆ นี่มันบ้านที่เธอเป็นผู้เช่า เพราะฉะนั้นกรรมสิทธิ์ในการครอบครองก็ต้องเป็นเธออยู่แล้ว ต่อให้เขาจะเป็นนายจ้างเธอก็เหอะ แต่นอกเวลางานแบบนี้ มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาได้หรือไม่ได้
"หึ ทีฉันล่ะทำเป็นไล่ นี่ถ้าเป็นนายอรรถเธอคงเต็มอกเต็มใจเปิดประตูต้อนรับล่ะสิท่า อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันเธอนะฉัตรตะวัน" ว่าแล้วไง ปากแบบนี้เข้ามาก็ไม่พ้นตามมาหาเรื่องเธออีกจนได้
"นี่คุณเมาแล้วใช่ไหมคุณคีย์ ถึงได้ตามมาหาเรื่องซันแบบนี้"
"ตอบมา! ว่าถ้าเป็นนายอรรถ เธอคงจะเต็มใจเปิดประตูต้อนรับใช่หรือเปล่า"
"ซันไม่ตอบ และก็ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามไร้สาระบ้าๆของคุณนี่ด้วย คุณอยากจะคิดบ้าคิดบออะไรมันก็แล้วแต่คุณ สมองแบบคุณมันก็คิดได้แต่เรื่องสกปรกๆเท่านั้นแหละ ต่อให้ซันปฏิเสธแทบเป็นแทบตาย แต่คนจิตใจมืดบอดแบบคุณมันก็คิดได้แต่เรื่องชั่วๆอยู่ดี"
"ปากดี"
"โอ๊ย ปล่อยนะคุณคีย์ซันเจ็บ"
หลังจากที่ทำใจกล้าเถียงเขาออกไปฉอดๆ เวลานี้สองแก้มขาวผ่องนั่นก็ถูกฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่สองข้างแก้ม มันแรงพอจนฉัตรตะวันรู้สึกเจ็บ คิ้วเข้มสองข้างของคีตกานต์ขมวดเข้าหากัน แถมดวงตาคมก็จิกจ้องมองมาราวกับเคียดแค้นชิงชังหนักหนา
"ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับนายอรรถ อยากท้าทายอำนาจมืดของฉันมากนักหรือไง"
ก็ได้ ในเมื่อคีตกานต์อยากบ้ามากนัก เธอเองก็จะลองทำให้เขาบ้าให้ดู เรื่องที่เขาเกลียดเธอ เขาเกลียดเธอเรื่องอะไรเธอก็ยังไม่รู้ กับอีกหนึ่งเรื่องที่ดูว่าจะทำให้คีตกานต์เป็นเดือดเป็นร้อนนักหนาก็คือ เขาไม่ต้องการให้เธอยุ่งเกี่ยวกับอรรถกร แต่คีตกานต์รู้บ้างหรือเปล่าว่าคนอย่างเธอไม่ได้กลัวใครง่ายๆหรอกนะ พอเห็นว่าเขายิ่งขู่ ริมฝีปากบางเฉียบนั่นก็ยิ่งอยากรีบตอบสวนกลับเขาไป
"ก็แล้วถ้าเกิดว่าซันอยากจะยุ่งกับพี่อรรถจริงๆแล้วคุณจะทำไมคะ พี่อรรถเป็นคนดีแล้วเขาก็พึ่งบอกเองว่าเขาชอบซัน ถ้าเราสองคนจะรักกัน มันก็เรื่องของซันกับพี่อรรถไม่เกี่ยวกับคุณ ปล่อย!"
"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเธอก็จะไม่หยุดใช่ไหมได้สิ เธอเลือกเองนะ"
"ว้ายคุณคีย์ นี่คุณจะทำอะไรปล่อยซันลงเดี๋ยวนี้นะ"
ร่างบางถูกเขาอุ้มวืดลอยขึ้นจากพื้นขึ้นมาทันที ฉัตรตะวันพยายามทั้งดิ้นทั้งสะบัดเพื่อที่จะให้ตัวเองได้หลุดรอดและเป็นอิสระจากวงแขนนั่น แต่ดูท่าแล้วน่าจะยาก คีตกานต์ไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงทุบของเธอเลยสักนิด ขายาวๆกลับพาเธอก้าวอาดๆตรงไปยังเตียงนอนที่อยู่ด้านใน จนคนที่มัวแต่สาละวนอยู่กับการดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นหันไปเห็นเข้าก็เกิดใจหายวาบ ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกคีตกานต์โยนลงไปกองอยู่ที่บนเตียง
"คุณคีย์นี่คุณกำลังจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
ใบหน้าขาวนวลเริ่มซีดเผือดลงยามเมื่อเห็นท่าทีขึงขังและจริงจังของเขา มือเล็กจับกระชับปมผ้าขนหนูให้แน่นขึ้นพร้อมทั้งขยับถอยเร็วจนแผ่นหลังชิดไปชนเข้ากับผนักหัวเตียงอย่างแรง
"เก่งนักไม่ใช่หรอ ถ้าคิดว่าตัวเองดีพอและคู่ควรกับนายอรรถแล้วล่ะก็ ฉันนี่แหละที่จะทำให้เธอแปดเปื้อน"
ในขณะที่ตกใจและสมองก็กำลังประมวลผลว่าสิ่งที่คีตกานต์พูดนั้นมีความหมายว่าอย่างไร หรือว่าตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะทำคืออะไร เช่น ต่อสู้ ต่อรอง หรือหาทางหนีออกไปจากตรงนี้ยังไง ข้อเท้าเล็กกลับถูกดึงกระชากให้กลับขยับใกล้เข้ามาหาคนตัวโตกว่าเสียอย่างเต็มแรง ตามด้วยเรือนร่างสูงใหญ่นั่นก็ทาบทับลงมาพร้อมกับริมฝีปากของเธอที่ถูกเขาปิดลงอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
"อื้อ อ่อยอ๊ะ"
แม้ว่าปากจะถูกปิด แต่ฉัตรตะวันก็ยังพยายามสะบัดหน้าหนี ข้อมือน้อยสองข้างทุบตีไปที่ไหล่แกร่งไม่หยุด ก่อนที่คีตกานต์จะหันมารวบเอาข้อมือทั้งสองข้างจับตรึงไปไว้เหนือศรีษะจนมันยากที่จะขยับ
นาทีนี้ฉัตรตะวันเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ ยิ่งเข้าใกล้เธอก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าคืนนี้คีตกานต์คงจะดื่มมาไม่น้อย ทั้งแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่ที่เคลือบเจืออยู่ในริมฝีปากร้อนทำเอาสติสัมปชัญญะของเธอเริ่มโคลงเคลง ศรีษะเล็กยังคงพยายามสะบัดหนีจากการุกราน จนผมยาวสลวยนั้นแผ่กระจายไปเต็มหมอน
ใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยไรหนวดเริ่มซุกซอกลงมาที่บริเวณข้างลำคอขาวก่อนจะดูดเม้มเสียเต็มแรงจนฉัตรตะวันนั้นต้องย่นคอหนี ส่วนผ้าขนหนูที่ถูกจับเอาไว้แน่นในตอนแรก เวลานี้ก็เริ่มหลุดลุ่ยถอยร่นจนมันเปิดเปลือยไปถึงไหนต่อไหน
"คุณคีย์ปล่อยซันเดี๋ยวนี้นะ ไหนคุณว่าเกลียดรังเกียจผู้หญิงอย่างซันนักหนาไง แล้วนี่คุณจะมาบ้าแตะต้องเนื้อตัวผู้หญิงที่คุณทั้งเกลียดและรังเกลียดไปทำไม" พอได้จังหวะฉัตรตะวันก็รีบร้องขึ้นเพื่อเตือนสติคนเมา แต่ดูแล้วก็เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย
"พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อฉันเตือนเธอแล้ว แต่เธอก็ยังเลือกดื้อด้านที่จะทำต่อ เธอคิดว่าฉันไม่เห็นหรือไง ทั้งในงานแล้วก็หน้าบ้านของเธอเมื่อกี้ ฉันบอกไปแล้วใช่ไหมว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่มีทางคู่ควรกับนายอรรถ"
คราวนี้พอละจากต้นคอ ริมฝีปากร้อนก็วนกลับขึ้นไปประกบปิดปากคนที่กำลังจะอ้าปากเถียงเขาขึ้นมาอีกครั้งให้หยุดลง ก่อนจะใช้จังหวะนี้ส่งลิ้นร้อนดุนดันตามเข้าไปภายในโพรงปากหวานได้จนสำเร็จ อีกทั้งมือแกร่งนั่นยังบีบบังคับให้ริมฝีปากบางเล็กต้องเปิดอ้าเพื่อตอบรับการรุกรานจากเขา
ผ้าขนหนูรุ่ยหลุดไปไม่มีชิ้นดี สักพักหน้าอกอวบคู่งามก็เริ่มถูกบีบเค้น ฉัตรตะวันได้สติแต่ไม่สามารถที่จะปกป้องปิดบังการกระทำที่แสนอุกอาดนั้นได้เลย เนื่องจากว่าแขนทั้งสองข้างยังคงถูกตรึงไว้อยู่
"ปล่อยนะคุณคีย์ซันบอกให้ปล่อย นี่คุณกำลังจะข่มขืนซันหรอคะ"
"ถึงขนาดนี้แล้ว เธอคงไม่คาดหวังว่าฉันจะเป็นคนดีขนาดนั้นหรอกมั้งฉัตรตะวัน"
"อื้อ ไม่นะอย่า"
ข้อมือเล็กยังคงพยายามบิดหนีอยู่ แต่ก็ค่อยๆหมดแรงลงทีละน้อยยามที่สองหน้าอกคู่งามถูกคีตกานต์ดูดกิน ข้างหนึ่งดูด ข้างหนึ่งบีบ สลับกันไปมาอย่างง่ายดายยามเมื่อไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆปิดกั้น จนทำเอาคนที่ถูกเขาดูดกินนั้นเริ่มเกิดอาการร้อนรุ่ม
"อ๊ะ ยะ อย่าค่ะ"
เสียงครางแผ่วเบาที่หลุดรอดออกมานั้นใช่เสียงของเธอหรือเปล่าฉัตรตะวันเองก็ยังไม่แน่ใจ รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาตอนนี้มันเริ่มจะชักเริ่มที่จะแปลกๆและยากที่จะควบคุม จากตอนแรกที่ยังขัดขืน กลับกลายเป็นว่าเวลานี้เรียวลิ้นทั้งของเธอและเขากำลังกอดเกี่ยวกวัดสอดพันกันไปมา
ราวกับมีกระแสไฟวิ่งไปทั่วร่าง ยิ่งตรงบริเวณจุดกึ่งกลางกาย คลายกับว่ามันกำลังเบ่งบานและตื่นเต้นขึ้นอย่างตื่นตัว แปลกใหม่ และยังไม่เคยได้สัมผัส
เนื้อตัวของเธอเวลานี้เปลือยเปล่าจนไม่เหลืออะไรติดกายเลยสักชิ้น ลิ้นร้อนของคีตกานต์ยังคงปาดเลียไปทั่วเม็ดจุกสีอมชมพูกลางเต้า จนทั้งสองข้างพากันแข็งตั้งกลายเป็นตุ่มไต ก่อนที่สติอันกระเจิดกระเจิงจะถูกเรียกกลับคืนมาอีกครั้งเมื่อเธอเริ่มสัมผัสได้ว่าฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่วลำตัวของเธออยู่นั้น เวลานี้กำลังเลื้อยลงต่ำไปบริเวณโคนต้นขา แล้วค่อยๆลูบวนวกมาสัมผัสกับบริเวณหวงห้าม
"อ๊ะ คุณคีย์อย่า"
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ