ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร
มือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า เจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมด ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกัน ภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการกระชากลมหายใจผู้หญิงไร้ยางอาย นับดาวที่ดูเหมือนจะเจนจัด แต่ใครจะรู้ว่าเป็นแค่การแสดง เธอไม่ได้ช่ำชองเรื่องพันนี้เหมือนที่ใครต่อใครคิดเมื่อถูกจูบกระชากวิญญาณแบบนี้ก็ถึงกับตั้งตัวไม่ทัน "อื้อ" ส่งเสียงร้องท้วงในลำคอพลางใช้มือดันอกแกร่งหวังผลักร่างสูงให้ออกห่างเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจ ทว่าอีกคนกลับยิ่งจูบหนักขึ้นกะจะให้ขาดใจตายกันหรืออย่างไร จากที่พยายามผลักไสจึงเปลี่ยนเป็นรัวกำปั้นใส่แทนพร้อมกับดีดดิ้นไปด้วย ยกนี้เธอยอมแพ้ เขาร้ายกาจกว่าที่เธอคิดไว้มาก อีกคนรับรู้ได้แต่ยังจูบต่อพร้อมกับดันตัวเธอไปที่เตียง "อ๊ะ!" หัวใจของนับดาวหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มในตอนที่แผ่นหลังปะทะกับที่นอนนุ่มเมื่อถูกร่างสูงผลักลงบนเตียงอย่างไร้ความอ่อนโยนส่งผลให้ชุดนอนเลิกขึ้นจนเห็นแพนตี้ลูกไม้สีดำ เธอทำท่าจะใช้มือดึงชายกระโปรงลงพลางหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าร่างสูงกลับโถมตัวลงมาทาบทับเสียก่อน ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำอะไรเลยเขาก็กระแทกจูบลงบนเรียวปากเธอ บดขยี้ ขบเม้ม ดูดดึงอย่างโหดร้ายจนรู้สึกเจ็บไปหมด มือทั้งสองบีบเคล้นทรวงอกหนักหน่วงราวกับจะให้มันแตกคามือ เธอพยายามพาหน้าหนีจูบแสนเถื่อน ใช้มือผลักไหล่กว้างหวังให้เขาหยุดการกระทำ กลับไม่เป็นผลอีกคนยิ่งทำรุนแรงขึ้น เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด และหลงระเริงในชัยชนะโง่ ๆ จนลืมนึกไปว่าติณณภัทรก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง "จะเล่นตัวทำไมนับดาว เธอยั่วยวนฉันเพราะต้องการสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันกำลังสนองให้อยู่นี่ไง" ติณณภัทรผละจูบผงกหน้าขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวนึกรำคาญในความแสแสร้งของคนใต้ร่างที่เอาแต่ผลักไสทำเหมือนไม่ยินยอมทั้งที่เป็นคนยั่วยวนเอง แน่นอนว่านับดาวไม่ยอมพ่ายแพ้แม้ตอนนี้ทั้งรู้สึกเจ็บ และกลัวจนอยากจะถอยหนีไปให้ไกล ๆ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีอะไรกับเขาเป็นครั้งที่สอง แต่ถ้าทำแบบนั้นเหมือนเธอยกธงขาวยอมแพ้ เช่นนั้นชายหนุ่มคงดูถูก และหัวเราะเยาะว่าเธอเก่งไม่จริง พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกมากมายเอาไว้เปล่งเสียงสวนกลับเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร "งั้นคุณก็พร้อมยอมรับว่าตัวเองเป็นหมาแล้วใช่ไหมเพราะกำลังมีอะไรกับฉันอีกครั้ง ทั้งที่บอกว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก" เธอจงใจย้ำคำว่าหมาเพราะแอบหวังลึก ๆ ว่าจะช่วยทำให้เขาหยุดการกระทำ ทว่ากลับตรงกันข้ามเหมือนเป็นการสุ่มไฟให้เขามากกว่า แคว่ก! สิ้นเสียงของหญิงสาวติณณภัทรก็กระชากชุดนอนบนตัวเธออย่างแรงจนขาดวิ่นส่งผลให้ผ้าครูดผิวขาวเรียบเนียนเกิดรอยแดงเป็นทางยาวสร้างความเจ็บแสบให้เจ้าของไม่น้อย "กรี๊ด! คุณทำบ้าอะไรติณณภัทร" นับดาวกรีดใส่เจ้าของการกระทำรุนแรงด้วยความโกรธพลางรัวกำปั้นทุบตีเขาสุดแรงที่มี ไม่สนใจสักนิดว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองเหลือเพียงบราเซียกับแพนตี้ปกปิดจุดสงวน ความกลัวถูกแทนที่ด้วยความโกรธจัด ชุดนอนไม่ได้นอนสุดเซ็กซี่ที่เธอลงทุนซื้อมาราคาไม่ใช่บาทสองบาท แต่ใส่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกลับถูกเขาทำลายจนกลายเป็นเศษผ้าในพริบตา "อะ.." ก่อนที่เสียงแหลมปรี๊ดแสบแก้วหูจะได้ดังออกมาอีกครั้งติณณภัทรก็กระแทกจูบปิดปากเสียก่อนเพราะกลัวว่าคนอื่นภายในบ้านได้ยินแล้วแห่กันมาดู ก่อนจะจับมือเรียวทั้งสองข้างที่กำลังทุบตีเขาไปกดตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก แล้วต่อด้วยกางเกง และเพียงไม่กี่วินาทีกางเกงก็ถูกถลกลงไปกองไว้ที่ต้นขา ใช้เข่าแยกเรียวขาของคนใต้ร่างออก ก่อนแหวกแพนตี้ไปไว้ด้านข้าง จับแท่งเนื้อขนาดห้าสิบหกโอบล้อมด้วยเส้นเอ็นกดเข้าไปในร่องสวาท "อื้อ" หัวใจดวงน้อย ๆ ของนับดาวพลันกระหน่ำเต้นราวกับกลองชุด รู้สึกหวาดหวั่นเป็นอยากมากเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร ยิ่งอีกคนพยายามดุนดันเข้ามามากเท่าไรความเจ็บก็ยิ่งทวีคูณมากเท่านั้นจนต้องเกร็งร่างกาย น้ำตาคลอเบ้าอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะกัดฟันกรอดข่มความรู้สึกไว้ เพราะไม่อยากให้ผู้ชายร้ายกาจอย่างติณณภัทรรู้ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอ ทว่าผู้ชายที่ผ่านเรื่องอย่างว่ามาพอสมควรมีหรือจะไม่รู้ว่าแบบไหนผ่านการใช้งานหนัก หรือแบบไหนสดใหม่ ครั้งนั้นเพราะความเมาและฤทธิ์ยาทำให้เขาแยกแยะความรู้สึกไม่เคยได้ แต่ครั้งนี้มีสติครบทุกอย่าง "ฮืม" เขาส่งเสียงคำรามในลำคอเบา ๆ ด้วยความแปลกใจเพราะช่องทางรักของหญิงสาวคับแน่นสอดใส่ท่อนเนื้อได้แค่ส่วนหัวเท่านั้น หนำซ้ำยังบีบรัดจนปวดหนึบไปหมด คำถามพลันผุดขึ้นในสมองว่านี่คือร่องสวาทของคนที่ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วนหรือ ทำไมมันคับแน่นจนไม่สามารถเข้าได้ เขาถอนจูบออกมองใบหน้าสวยจึงได้เห็นว่าดวงตาของเธอเออไปด้วยน้ำสีใส แววตาฉายถึงความหวาดหวั่นจนปิดไม่มิด ร่างกายของเธอเกร็งราวกับไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ามาก่อน "คุณเลิกทำเหมือนว่าไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนเถอะ ทั้งที่พรุนหมดแล้ว" เขาอยากรู้จึงลองพูดไปแบบนั้นเพื่อดูปฏิกิริยา แวบหนึ่งเขาเห็นว่าเธอแสดงสีหน้าตระหนกออกมาเหมือนกลัวเขารู้อะไร แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้ม "ฉันก็แค่อยากแสดงเอาใจคุณสักหน่อย การแสดงของฉันใช้ดะ..." "โอ๊ย!" นับดาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานมองสบแววตาคนด้านบนอย่างยั่วยวนทั้งที่รู้สึกเจ็บกลางกายตุบ ๆ แสดงให้เขาเห็นว่าเธอมีความสุขดี ทว่าไม่ทันจะได้เอ่ยจบก็ต้องหลุดร้อง ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ แอ่นตัวขึ้นพร้อมทั้งจิกเล็บกับอุ้งมือตัวเอง น้ำตาไหลพราก ร่างกายสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่ได้เมื่อคนด้านบนถอนท่อนเนื้อออกแล้วกระทุ้งเข้ามาใหม่ด้วยความรุนแรงจนสุดความยาวในคราวเดียวส่งผลให้ร่องสาวฉีกขาด เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อนแก่นกายใหญ่ "อึก" ความเจ็บที่ถาโถมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัวทำเอาเธอเก็บอาการไม่อยู่ แม้พยายามบอกตัวเองว่าอย่าแสดงมันออกมาให้ชายหนุ่มรู้ก็ตาม ติณณภัทรก้มมองจุดเชื่อมต่อที่มีเลือดสีแดงเปรอะเปื้อนอย่างเหลือเชื่อ เขาจงใจกระทำรุนแรงเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างซึ่งตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้ว กลีบเนื้อสีแดงระเรื่อที่ปิดสนิท ความคับแน่นภายในเหมือนกับไม่เคยผ่านการใช้งาน บวกอาการที่หญิงสาวแสดงออกมาคือคนไม่เคยชัด ๆ และในคืนนั้นเขาอาจจะเป็นคนเปิดซิงเธอด้วยซ้ำ ถึงได้มีเลือดติดอยู่ ทว่าทำไมมันถึงสวนทางกับสิ่งที่เธอทำ สวนทางกับสิ่งที่เขาได้ยิน และได้รับรู้มา ยังคงมีความคลางแคลงใจอยู่ดีนับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"