ตอนที่ 10 หมายถึงทั้งตัว
เขากระซิบเสียงทุ้มที่ข้างหู ลมหายใจรดลงมาจนทำให้ขนลุก
ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัวอีกครั้ง แต่ฉันจะทำให้มันเกิดขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะตอบอะไรออกไป ฉันควรที่จะต้องคิดให้รอบคอบ เพื่อที่จะได้มีชีวิตรอดออกไป ฉันถอนหายใจแล้วตอบเขากลับไป
“เฮ้อออออ คุณเซฟเจ้าค่ะ ได้โปรดลุกออกไปจากตัวดิฉัน เอ๊ย เอลิซ ด้วยค่ะ” ฉันเอ่ยอย่างคนไม่สบอารมณ์
“คุณกำลังทำให้ผมไม่พอใจ แล้วถ้าผมไม่พอใจ ผมก็จะ...” ขณะที่เขาพูด มือของเขาก็ลูบไล้ที่ต้นขาของฉัน จนฉันสะดุ้ง
“ขะ..ขอโทษค่ะ คุณเซฟขาาาา ลุกเถอะนะคะ เอลิซ อยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ” ฉันส่งสายตาที่คิดว่าหวานหยาดเยิ้มที่สุดให้เขา
แต่หารู้ไม่!!!
“ยิ่งคุณทำแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากลุกเลย...เรามาเล่นเกมสนุกๆ เหมือนเมื่อคืนกันดีกว่าไหม” เขาพูด พร้อมก้มลงจูบที่ซอกคอของฉัน
ฉันตกใจกับสิ่งที่เขาทำ ฉันพยายามดิ้นหนีแต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้ร่างของเราทั้งสองเสียดสีบดขยี้เพิ่มความสยิวกันเสียมากกว่า
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงกัน ฉันพูดดีก็แล้ว อะไรก็แล้ว จะมาเจ้าเล่ห์อะไรใส่ฉันอีก หึ” ฉันโพล่งออกไปด้วยความรู้สึกสุดจะทน
“ฮ่าๆๆๆ โอเคๆๆ ผมขอโทษ ผมลุกแล้ว ก็ใครให้คุณน่ารัก น่าแกล้งขนาดนี้” คำพูดทีเล่นทีจริงของเขา กลับทำฉันหน้าแดงไปถึงหู
(ไอ้บ้านี่ อารมณ์ดีอะไรได้ขนาดนั้น หุ้นขึ้นหรือไง)
เขาลุกออกจากตัวฉัน แล้วนั่งลงข้างๆ ฉัน ฉันได้โอกาสรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมเอาผ้าห่มมาคลุมกายอีกรอบ ฉันต้องเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่อง!!
“คุณเซฟค่ะ ฉัน เอ๊ย เอลิซ จริงจังนะคะ รบกวนคุณเซฟแต่งตัวแล้วออกไปรอข้างนอกได้ไหมคะ เอลิซจะขออาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันให้รู้เรื่องนะคะ” ฉันพูดอย่างจริงจัง
“ก็ได้ งั้นคุณก็เข้าไปอาบน้ำสิ” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงราบเรียบแต่ยังคงทุ้มมีเสน่ห์
“แล้วคุณเอ่อ...ไม่...แต่งตัว หรอค่ะ?” ฉันถามด้วยความสงสัย
“คุณเข้าไปอาบน้ำเถอะ ผมขอนั่งตรงนี่สักครู่” เขาพูดโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉัน
“งั้นก็ได้ค่ะ เอ่อ...เอลิซขอยืมเสื้อเชิ้ตของคุณสักตัวนะคะ เสื้อผ้าเมื่อคืนมัน...” ฉันมองไปที่เสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นอย่างเขินๆ
“เอาสิ เลือกเอาได้ตามสบาย” เขาเอ่ย
ร่างบางเดินละลิ่ว ไปหยิบเสื้อก่อนที่จะหมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ ตัวเธอจะรู้บ้างไหมว่า บัดนี้มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ร่างระหง ด้วยสายตาที่มีความหมายบางอย่าง...
กลับมาที่ชายหนุ่มร่างกำยำ เขาล้มตัวเอนนอนบนเตียงทอดสายตามองไปยังร่างบาง สมส่วนน่ามอง ที่กำลังย่างกายเดินเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยสายตาที่ยากหยั่งถึง มุมปากหนาได้รูปกระตุกยิ้มแสดงความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ‘แกะน้อยไร้เดียงสา เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉันยังกินไม่อิ่ม ‘
ฉันปล่อยให้สายน้ำชโลมร่างกาย เผื่อจะทำให้ฉันมีสติคิดหาทางออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ฉันไม่อยากมีปัญหากับคนอย่างเขา เซบาสเธีย ธิพัฒน์เดชะไพศาล ใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดินเบอร์นั้น ใครที่คิดเป็นศัตรูได้หายไปจากโลกนี้เป็นการถาวรแน่ ให้ตายเถอะออกไปได้แม่จะไปแล้วไปลับเลยคอยดู
แต่สิ่งหนึ่งที่ตงิดอยู่ในใจของฉันมาสักพักก็คือ!! ฉันไม่ยักจำได้เลยแฮะ ว่าฉันบอกว่าจะแต่งงานกับเขาด้วย ฉันไปเอ่ยปากบอกตอนไหนหว่า แต่ก็นะ...ช่างมันเถอะ เมาขนาดนั้น คงจะพูดอะไรเลอะเทอะไปอีกมาก หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องเซอร์ไพรส์บ้าๆ บอๆ อะไรอีกนะ
ฉันอาบน้ำไปนานเท่าไรไม่รู้ กว่าจะแต่งตัวแล้วทำใจเดินออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน แม้จะยังคิดหาวิธีหนีไปจากเขาไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าคนระดับเขาต้องมีเหตุผล และฟังเหตุผลของฉันอย่างแน่นอน เอาว่ะ..ถึงฉันจะเป็นคนสวย รวยเสน่ห์ หน้าอกสะบึม หุ่นเซี๊ยะ (แล้วเวลานี้แก่จะชมตัวเองเพื่อ!) ฉันคิดว่าเขาคงไม่เอาอนาคตที่จะได้เลือกคู่ชีวิตมาทิ้งไว้ที่ฉันหรอก...ฮึบไว้...ยัยเอลิซ
ฉันเปิดประตูห้องน้ำออกมา ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา โดยที่ข้างในใส่แค่แพนตี้ตัวจิ๋ว ส่วนหน้าอกฉันปล่อยให้มันเผยความอวบอิ่มโชว์ยอดปทุมถันที่กำลังดุนดันภายใต้เสื้อเชิ้ต เนื่องจากที่ซิลิโคนปิดเม็ดมุกคู่งาม ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วเมื่อคืน แล้วฉันก็ไม่ได้มีสำรองด้วย
เมื่อเดินออกมาต้องผงะ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขายังคงเอนนอนอยู่บนที่นอน โดยที่มีแค่ผ้าขนหนูพันไว้ส่วนท่อนล่างเท่านั้น
“คุณเซฟ ทำไมยังไม่แต่งตัวออกไปอีกล่ะค่ะ” ฉันถามอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ก็นี่มันห้องผม” เขาตอบขณะที่ยังปิดเปลือกตา
“ก็เอลิซบอกแล้วไม่ใช่หรอค่ะว่า ให้คุณแต่งตัวออกไปรอข้างนอก เรามีเรื่องที่จะต้องตกลงกัน” ฉันเอ่ยอย่างหัวเสียขณะยื่นกอดอกอย่างคนเอาเรื่อง คนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง
พอฉันพูดจบ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วมองมาที่ฉัน ปราดเดียวเท่านั้นที่ฉันสัมผัสได้ถึงความหื่นกระหายจากดวงตาคมสีเทาเข้มคู่นั้น ตอนที่จับจ้องมายังเรือนร่างของฉันที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับไปเป็นสายตาเย็นชาทรงเสน่ห์เช่นเดิม
“จะคุยก็คุยตรงนี้แหละ ผมขี้เกียจ...ถอด.....อีกรอบ” เขาพูดขณะที่นอนเอนกายแล้วเอามือทั้งสองพาดหนุนคอตัวเอง
(จิ๊..จะมาถงมาถอดอะไรเพ้อเจ้อ) ฉันสบถในใจ
“งั้นก็เข้าเรื่องเลยนะคะ” ฉันยืนพูดกับเขาอย่างจนใจ
“มานั่งตรงนี้ ผมไม่อยากตะโกนคุย เจ็บคอ”
(ตะโกนอะไร ก็คุยกันตั้งนานสองนาน จะมาลูกไม้อะไรอีก) ฉันได้แต่นึกในใจ
ฉันเดินไปด้วยความระแวง ด้วยความที่เสื้อผ้าที่ฉันใส่มันไม่เรียบร้อยเอาสะเลย ก่อนจะค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงปลายเตียง
“มานั่งที่ตักผม” เขาเอ่ยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“เอลิซนั่งตรงนี้ได้ค่ะ” ฉันยืนกรานที่จะไม่เข้าไป
“ผมบอกให้มาไง” เขาเริ่มขึ้นเสียง ทำให้ฉันสะดุ้งโหยง
(ไหนกลัวเจ็บคอ ตะคอกสะตกอกตกใจหมด)
ฉันเดินไปอย่างจำใจ ค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งที่ต้นขาเขาอย่างทุลักทุเล เพราะว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่มันไม่เรียบร้อยเอาสะเลย ขณะนั่ง ฉันพยายามที่จะไม่ให้บั้นท้ายงอนงามไปโดนแก่นกายของเขาที่มันคอยจะดันตัวออกมานอกผ้าขนหนูผืนบางผืนนั้น
“หันมาหาผม” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ก็หันอยู่นี่ไงคะ ลืมตาขึ้นมาดูสิ...ชิ” ฉันพูดอย่างเหลืออด ขณะเอียงคอมองเขา
“ผมหมายถึงทั้งตัว” เขายังคงนอนหลับตา แต่กลับเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย
“ห๊ะ......” *_*??ฉันนั่งงง ทำอะไรไม่ถูก
“ก็นั่งคร่อมไง งงอะไร” เขาพูดพลางลืมตามาดูท่าทีของฉัน
(อ๊ากกกกกกกกก ไอ้บ้า ไอ้คุณเซฟบ้า นั่งคร่อมมันก็เท่ากับ........)
ตอนพิเศษ : บทสรุปคนทรยศณ Penthouse เซบาสเธีย“จัดการสั่งสอนพวกมันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม...เออดี...พวกมันจะต้องจำไปจนตาย...”เสียงแข็งกร้าวกรอกเสียงไปตามสาย ก่อนที่ปากหยักสวยจะเหยียดยิ้มร้ายด้วยความสะใจผมที่ตื่นนอนขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น จากลูกน้องที่โทรมารายงานถึงเรื่องราวที่ผมได้ให้มันไปสืบ ผมที่สั่งลูกน้องคนสนิทไปดำเนินการตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่อยู่ในร้าน เนื่องด้วยว่าผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จนถึงกับทำให้เธอคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอนของผม ต้องเสียใจจนถึงขนาดเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อประชดชีวิตเขาที่แม้จะเดาได้ตั้งแต่แรก แต่พอได้ยินเองกับหู ก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้าทันที ทั้งที่เธอแสนดีกับพวกมันขนาดนั้น แต่กลับถูกพวกมันทรยศหักหลัง จนหัวใจแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี และเธอที่ตัดสินใจประชดชีวิตไปแบบนั้น ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่ผมที่ดูแลเธอ ชีวิตเธอตอนนี้จะเป็นยังไงหลังจากที่ผมได้ฟังในสิ่งที่ลูกน้องรายงาน รวมทั้งเรื่องที่ผมสั่งให้ไปกระทืบพวกมัน พอลูกน้องคนสนิทของรายงานจบผมก็ตัดสายทันทีและพลางนึกสะใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องมอบความต้องการให้แก่เธอ ผมคงไปกระทืบมันด้วยตัวของผมเองแล
ตอนพิเศษ : ครอบครัวที่แท้จริง...(3)--- เอลิซ Talk ---ฉันที่ถึงกับร้องไห้โฮหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่คุณเซฟได้ไปสืบเรื่องการหายตัวไปของพ่อกับแม่ของฉัน เขาที่ตามเบาะแสทุกอย่าง เพราะอยากจะให้พวกท่านได้มาร่วมงานในวันแต่งงานของเราทั้งสองคน แต่ใครจะไปคิดว่ากลับไม่มีพวกท่านอยู่บนโลกนี้อีกแล้วคุณเซฟยังเล่าให้ฟังต่อว่า พวกท่านทั้งสองได้ถูกทำพิธีทางศาสนาไปทั้งนานแล้วโดยองค์กรนั้น และจัดการกับเถ้ากระดูกไปจนหมดสิ้นเนื่องจากไม่คิดว่าทั้งสองท่านยังมีญาติหลงเหลืออยู่ และนั่นก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ใจที่แม้แต่เถ้ากระดูกของพ่อกับแม่ตัวเอง ฉันยังไม่อาจจะสัมผัสได้ฉันร่ำไห้สะอื้นจนตัวโยนแม้จะตั้งท้องจนใกล้คลอด ฉันก็ยังอยากจะมีแม่ไว้คอยให้คำปรึกษาในเวลาที่ต้องเลี้ยงลูก ก่อนที่จะเฝ้าโทษตัวเองอยู่นาน ถ้าช่วงนั้นฉันเอะใจสักนิด และไม่ปล่อยให้ความเคยชินยามไม่มีพวกท่านมาทำให้ฉันไม่สนใจอะไร วันนี้เราพ่อแม่ลูกคงไม่ต้องมาพรากจากกันอย่างถาวรและนอกจากเรื่องราวของพ่อแม่ของฉันที่ฉันเพิ่งได้รับรู้ ก็ยังมีเรื่องราวที่น่าเซอร์ไพรส์มากกว่านั้น นั่นก็คือ...เพื่อนสนิทของคุณพ่อของฉันที่คอยช่วยเหลือท่านมาโดยตลอด เขาคนนั้นก
ตอนพิเศษ : ครอบครัวที่แท้จริง...(2)หลายปีต่อมา ~~จนกระทั่งเมื่อข่าวการป่วยหนักของผู้เป็นบิดาดังเป็นข่าวใหญ่ เขาที่แม้จะเสียใจกับสิ่งที่พ่อทำกับตนมากแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นลูกและความรัก ความผูกพันที่ยังมีอยู่ จึงทำให้วันนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตัวเขาเองได้จากไปนานนับปีหลังจากที่เขากลับมายังประเทศบ้านเกิดและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาก็ได้รวบรวมความกล้ากลับมายังคฤหาสน์หลังงามที่คุ้นตา แต่ทว่า...วันนี้เขาไม่ได้มาแค่กับไอรินภรรยาที่เขารัก แต่ว่า...เขายังพาโซ่ทองคล้องใจมาด้วย...เอลิซ...ลูกสาวตัวน้อยหน้าตาน่ารักที่เขาหวังพามากราบชายผู้เป็นปู่ของเธอแต่ทว่า...ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นสำหรับคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเขา ทั้งที่เขาจะสลัดทิฐิทิ้งไปแล้วพาตัวเองมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ที่คุ้นเคยได้แล้ว แต่ทว่า...ขาของเขามันกลับไม่ยอมก้าวเข้าไปเสียทีเขาที่ยืนลังเลอยู่หน้าบ้านสักพักใหญ่ ๆ ทั้งที่ใจอยากจะเข้าไปดูใจผู้เป็นพ่อ แต่ด้วยทิฐิที่กลับเข้ามาอยู่ในใจ บวกกับความลำบากตากตำที่ต้องพบเจอมาอยู่หลายปี สุดท้ายแล้ว...ทิฐิก็เป็นฝ่ายชนะ..
ตอนพิเศษ : ครอบครัวที่แท้จริง...(1)ณ คฤหาสน์ตระกูลฤธาทรัพย์ดำรง“ถ้าแกกล้าก้าวเท้าออกไปจากบ้านแค่ก้าวเดียว แกไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย”เสียงดังประกาศกร้าวจากเจ้าปากของร่างชายสูงวัย พูดกับลูกชายคนเล็กด้วยตัวที่สั่นเทาด้วยความโกรธ“ป๊า...!!” ชายหนุ่มที่ประคองร่างอันสั่นเทาของผู้หญิงที่ตัวเองรักอยู่ในอ้อมแขน หันมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย“เฮียใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ” ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเขา กลับเอื้อมมือขึ้นไปแตะที่มือเขาเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดเมื่อเห็นเขาอารมณ์เริ่มปะทุ ด้วยไม่อยากให้ตนเองเป็นชนวนให้พ่อกับลูกต้องผิดใจกัน“ฉันเลือกผู้หญิงดี ๆ เพียบพร้อมเอาไว้แก แกดันไม่เอา แต่ดันไปเลือกผู้หญิงไม่มีหน้าตาในสังคม ผู้หญิงแบบนี้มันจะไปช่วยให้แกเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ยังไง...ห๊ะ...!!” ชายสูงวัยระเบิดอารมณ์ต่อ พร้อมกับค่อนแคะผู้หญิงของลูกชายเขา โดยที่เธอทำได้เพียงแค่ก้มหน้ายอมรับ“ป๊าครับ กรุณาให้เกียรติเมียของผมด้วย” ลูกชายพูดกดเสียงด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากพ่อของต้นดูดถูกผู้หญิงที่ตนรัก“ป๊าก็ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ แกก็ด้วยไอ้ชิน...” เสียงของผู้ที่เป็นทั้งลูกชายคนโตและยังเป็นพี่ชายเพียงคนเด
ตอนพิเศษ : ความลับของเซบาสเธีย..(3)ผมตัดสินใจเดินลงมาหาเธอ ก่อนที่จะสูดหายใจลึก ๆ แล้วเอ่ยทักทายเธอออกไป..."คุณครับคุณ คุณครับ คุณครับ" ผมเรียกอยู่นานกว่าเธอจะตอบ"ค่ะ ว่าไงคะ" เธอหันมาหาพร้อมตอบรับ ถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เหมือนเธอจะตะลึงในความหล่อของผมอยู่เหมือนกัน"คุณ..ว่าไงครับ ผมรอคำตอบอยู่" โอ๊ยคนอะไรยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งน่ารักเป็นบ้า ขนาดใส่เสื้อผ้ายังน่ารักขนาดนี้ ถ้าหาก...(ไอ้เสือ...!! ใจเย็นดิว่ะ...หึหึ)"อะ...อะไรนะคะ" เหมือนเธอจะเริ่มเมาแล้ว แต่นั่นก็กลับยิ่งทำให้เธอน่ารักมากขึ้นไปอีก"ผมถามว่าผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ ผมมาคนเดียวเลยไม่อยากไปนั่งโต๊ะใหญ่ครับ" ผมถามโดยที่สายตามจับจ้องไปทั่วร่างของเธอ"ดะ..ได้ค่ะ" เธอตอบตะกุกตะกัก และนั่นมันก็ทำให้ผมดีใจมากที่เธอไม่ปฏิเสธผมเหมือนคนอื่น(นี่มันคือพรหมลิขิตใช่ไหม...ฟ้าเป็นใจใช่หรือเปล่า ~~)"คุณชื่ออะไรครับ" ผมแกล้งถามเธอออกไป ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก"คุณครับ ชื่ออะไรครับ" ผมสะกิดเธออีกครั้ง เพราะดูเธอจะเหม่อลอยไม่ทันได้ฟังที่ผมถาม"ห๊ะ...ว่ายังไงนะคะ"สายตาเย้ายวนเหลือเกิน ทนไว้ไอ้เซฟทนไว้" ผมถามว่าคุณชื่ออะไรครับ" ผมแกล้งถาม
ตอนพิเศษ : ความลับของเซบาสเธีย..(2)อีกทั้งวันนี้เธอกำลังฉลองวันครบรอบของเธอกับแฟนของเธออยู่ด้วย...หึ...ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขยามที่เธอเตรียมขอขวัญไปเซอร์ไพรส์ให้มันนั้น ยามที่มันได้รับหน้ามันจะบานเป็นกระด้งขนาดไหน ทั้งที่พวกมันไม่สมควรจะได้รับความปรารถนาดีจากเธอเลยด้วยซ้ำ...!! ผมนึกย้อนไปถึงการกระทำของตัวเองที่ใช้ให้ลูกน้องไปคอยตามดูเธอ รวมทั้งไอ้แฟนสารเลวของเธอ แล้วก็...หึ..นังเพื่อนสุดเลวของเธอด้วย ผมมักจะได้รับรายงานถึงสิ่งที่เธอมักจะทำให้พวกมันอยู่เสมอ สิ่งที่ดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมอบให้พวกมัน ทั้ง ๆ ที่พวกมันต่างทรยศหักหลังเธอ พวกมันไม่สมควรจะได้รับความรักและความใจดีแบบนั้นเลย... “แม่งเอ๊ย...!!” ผมที่สบถลั่นออกมาอย่างคนหัวเสีย ทำไมผู้ชายเลว ๆ แบบนั้นถึงได้ครอบครองหัวใจของเธอได้ว่ะ ทำไมกันวะ...ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้วะ...ทำไมไม่เป็นผมวะที่ได้ครอบครองหัวใจของเธอ และทำไมจังหวะชีวิตของเราถึงต้องไม่ตรงกันด้วยวะ.... ผมที่นั่งคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ก่อนจะปาแก้วเหล้าออกไปจนแตกกระจาย ประจวบกับที่ไอ้กิตที่เพิ่งเข้ามาก็ได้เห็นการก