LOGINคู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายผลัดกันอวยพรตามธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งตัว แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง
รติชาขอตัวไปอาบน้ำก่อนเขา เธอใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร พอออกมาก็พบว่าเจ้าบ่าวกำลังคุยกับไม้ประดับของเขาที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ
รติชานั่งเป่าผมจนแห้งแล้วได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ อย่างสบายใจออกมาจากห้องน้ำ มันยิ่งทำให้เธอนั้นตื่นเต้นว่าเขานั้นกำลังจะทำเรื่องการเข้าหอในคืนนี้ให้สมบูรณ์ แล้วเธอจะบ่ายเบี่ยงด้วยวิธีไหนดีเพื่อไม่ให้เขาทำมันสำเร็จ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับเขา ถึงเขาจะมีสิทธิ์เต็มที่ก็ตาม
เธอตัดสินใจไปนอนที่เตียงแล้วทำเป็นแกล้งหลับไปก่อนเขา ศาสตราวุธเดินมาที่เตียงแล้วนอนลงจนเตียงยวบลงจนรติชารู้สึกได้ เธอใจเต้นตึกตักแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาพูดกับเขา
ศาสตราวุธเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มจะห่มให้เธอ รติชาสัมผัสได้ถึงมือเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เลยลืมตาขึ้นมา
“พี่วุธจะทำอะไรคะ” เธอถามเขาหน้าตาตื่น
“อากาศมันเย็น จะห่มผ้าให้” เขาบอกแล้วโน้มหน้าลงจะทำหน้าที่สามี เพราะแรงกระตุ้นของพี่ชาย และความสวยของเจ้าสาวในวันนี้
“หยุดเลยนะคะ พี่วุธไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับน้ำชา” เธอบอกเขาแล้วแกล้งทำเป็นงอนอะไรสักอย่าง
“ทำไมพี่จะไม่มีสิทธิ์” เขาถามเธอ
“เพราะพี่วุธไม่ได้รักน้ำชา แต่พี่แค่แต่งเพื่อเอาใจคุณป้า ดังนั้นจนกว่าพี่วุธจะรักน้ำชา พี่วุธห้ามแตะต้องตัวน้ำชาเลยนะ” เธอบอกเขา
“แต่น้ำชาเป็นฝ่ายอยากแต่งงานกับพี่ไม่ใช่หรือไง” ศาสตราวุธถามเสียงเบา
“พี่วุธ คือว่า...” รติชาทำท่าเหมือนว่าเธอกำลังลำบากใจ ศาสตราวุธจึงหยุดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่อยากร่วมหอกับเขา ทั้งๆ ที่เธออยากแต่งงานกับเขาจนลงทุนเป็นฝ่ายคุกเข่าขอเขาแต่งงานในตอนนั้นแท้ๆ แล้วเธอกลับบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเพราะเขานั้นไม่ได้รักเธอ เหตุผลของผู้หญิงที่เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย
“งั้นก็ฝันดีนะ” เขาบอกเธอแล้วขยับไปนอนที่ตัวเอง รติชาหลับตานอน พลิกตัวไปมาอย่างหวาดระแวง ยังไม่วางใจเขานัก
“นอนเถอะ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอะไรน้ำชาถ้ามันไม่ได้เกิดจากความรัก” ศาสตราวุธบอกเธอ รติชาจึงหลับตานอนด้วยความสบายใจ
*********************
ศาสตราวุธตื่นขึ้นมาในตอนเช้า มองภรรยาของเขาด้วยแววตาที่สงสัย ตั้งแต่เขาตกลงแต่งงานกับเธอ เขารู้สึกเหมือนรติชาไม่ค่อยตามติดและตื๊อเขาเหมือนอย่างแต่ก่อน แล้วเมื่อคืนยังถูกเธอห้ามไม่ให้มีอะไรกันตามสิทธิ์ของสามีที่เขาควรได้รับอีก และเขาก็ดันบ้าจี้ทำตามที่เธอต้องการอย่างเสียไม่ได้
ศาสตราวุธมองดูใบหน้าที่ไร้พิษสงเวลานอนนั้น นึกถึงตอนที่เธอตื๊อขอเขาแต่งงาน มันเป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก
รติชาลืมตาขึ้นมาแล้วตกใจที่ใบหน้าของเขานั้นอยู่ใกล้เธอ เธอตกใจแล้วขยับออกห่างจากเขาจนเกือบจะตกเตียง แต่ศาสตราวุธคว้าเอวเธอเข้ามาเอาไว้ได้เสียก่อน
“ตกใจอะไรขนาดนั้น” เขาถามเธอ
“เช้าแล้ว งั้นน้ำชาขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอบอกเขา ใจเต้นตึกตักเมื่อมีอะไรตุงๆ สัมผัสอยู่ตรงหน้าท้องเธอในยามเช้าเช่นนี้
“อืม อาบก่อนเลย พี่จะลงไปรดน้ำต้นไม้ก่อน” ศาสตราวุธปล่อยเธอ แล้วขยับออก เขาเองก็รู้สึกว่าแท่งลำของเขาสัมผัสโดนเธออยู่ เพราะรติชานั้นหน้าแดงและหลบตาเขาด้วยความเขินอาย
รติชาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ศาสตราวุธก็เดินขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ รติชายิ้มตอบแล้วลงไปข้างล่าง ไม่รอลงไปพร้อมกับเขา
เมื่อศาสตราวุธลงมาก็พบว่าเธอกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าช่วยแม่บ้าน โดยมีพ่อแม่ของเขานั่งยิ้มมองเธออย่างเอ็นดู
“บ้านเรามีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน ก็ดูอบอุ่นดีนะคะคุณ” ศศิประภาพูดกับสามี
“นั่นสิ เหมือนได้ลูกสาวเพิ่มมาอีกคน” ยุทธนาบอกแล้วยิ้มที่รติชานั้นตักข้าวต้มเอาใจเขากับภรรยา
“เข้าใจหัวอกพ่อเลี้ยงโสภณเลย ที่หวงลูกสาวเลย ยิ่งมีลูกสาวคนเดียวแล้วออกเรือนมาอย่างนี้คงเหงาน่าดู” ยุทธนาบอก
“ถ้างั้นวุธก็ต้องดูแลน้ำชาดีๆ เดี๋ยวพ่อเขาจะมาทวงลูกคืนนะลูก” ศศิประภาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข
ศาสตราวุธนั่งลง รติชาตักข้าวต้มให้เขาตามหน้าที่ แล้วนั่งทานอาหารร่วมกันอย่างอบอุ่น ก่อนจะออกไปทำงานพร้อมกับเขา
“ไม่ตามพี่ไปดูงานหรือไง” เขาถามเธอ ขณะที่เธอกำลังแยกตัวไปขึ้นรถอีกคัน
“วันนี้ต้องไปเคลียร์งานที่ไร่นู่นก่อนค่ะ กลัวคนขนเอกสารมาที่นี่ไม่ครบ” เธอบอกเขา ตอนนี้ไร่ทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว งานเอกสารของไร่เธอจะถูกย้ายมาไว้ที่สำนักงานของเขา
“งั้นวันนี้พี่ไปดูงานที่ไร่นั้นด้วยดีกว่า” ศาสตราวุธบอก แล้วทำท่าจะตามเธอไปด้วย
“ไว้วันอื่นก็ได้ค่ะ วันนี้น้ำชาคงไม่ว่างพาพี่วุธไปดูงานในไร่หรอกนะคะ” เธอบอกเขา
“งั้นพี่..”
“น้ำชาไปก่อนนะคะ” รติชาบอกแล้วขึ้นรถขับออกไป โดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิด
ศาสตราวุธมองตามรถของภรรยา นี่เขาโดนหญิงสาวจอมตื๊อยากแต่งงานกับเขาเป็นฝ่ายเมินเขาเข้าให้แล้ว
“พอได้แต่งงานก็เมินกันเลยนะ ให้ตายสิมาทำให้หวั่นไหวแล้วก็จากไปดื้อๆ ผู้หญิงนี่เข้าใจยากชะมัด” เขาบ่นออกมาแล้วขึ้นรถขับออกไปอีกทางด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
*********************
ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้เป็นอย่างที่ศาสตราวุธคิด เขาคิดว่ารติชานั้นจะตามติดเขาไปไหนต่อไหนเหมือนภรรยาที่ตามหวงสามี แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
“อย่าว่าแต่หวงเลย แค่ห่วงเราสักนิดก็ไม่มี รู้หรือเปล่าเจ้าของเธอน่ะ เข้าใจยากชะมัด เมื่อคืนฉันถามว่าจะดื่มนมไหมจะอุ่นเผื่อ ก็บอกว่าตามใจ พอฉันไม่ได้ทำเผื่อก็ชักสีหน้า บ่นว่าฉันไม่มีน้ำใจ ทำไมอยากได้อะไรไม่พูดออกมาตรงๆ ไม่อยากเดาใจอย่างนี้เลย” ศาสตราวุธบ่นกับกล้วยไม้ที่รติชาเอามาฝากเขาตอนที่เธอยังตามตื๊อเขาอยู่ แล้วฉีดน้ำจากกระบอกใส่มันอย่างเบามือ
“พี่วุธบ่นอะไรคะ” เธอพูดขึ้นมาจากด้านหลัง เพราะได้ยินเขาพูดอะไรแว่วๆ
“ก็แค่บ่นว่าเจ้าของต้นกล้วยไม้ต้นนี้เอาใจยาก” ศาสตราวุธบอกตามตรง
รติชาทำหน้ามุ่ย เมื่อเขายอมรับออกมาตรงๆ ว่ากำลังนินทาเธอให้ต้นไม้ฟังอยู่
“วันนี้น้ำชาจะกลับไปนอนที่ไร่สุวารักษ์นะคะ” เธอบอกเขา
“แค่บ่นกับกล้วยไม้แค่นี้ จะหนีไปนอนบ้านตัวเองเลยหรือไง” เขาถามเธอด้วยความสงสัย
“น้ำชาพูดอย่างนี้ หมายถึงพี่วุธเองก็ต้องตามกลับไปด้วย ไม่งั้นคุณพ่อท่านจะว่าเอาได้ แต่งงานกันสิบวันก็หนีกลับบ้านแล้ว” รติชาบอกเขาเมื่อเขาไม่เข้าใจความนัยที่เธอสื่อ
“ก็ทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ ล่ะ” เขาถามเธอแล้วหันไปยักคิ้วกับกล้วยไม้ เป็นเชิงบอกว่า ‘เห็นไหม มีอะไรก็ไม่พูดตรงๆ’
“เอาใจกันไปเถอะค่ะ น้ำชาไม่พูดด้วยแล้ว” รติชาบอกแล้วแย่งกระบอกฉีดน้ำจากมือเขาไป แล้วเดินไปคุยกับไม้ประดับอีกต้นที่อยู่ใกล้ๆ
“เจ้านายพวกเธอน่ะ เข้าใจอะไรยากชะมัด พูดกับต้นไม้รู้เรื่อง แต่พูดกับฉันไม่รู้เรื่องเลย มิน่าพี่ยุทธถึงบอกว่า ถ้าไม่ได้แต่งงานกับฉัน ก็คงแต่งงานกับพวกเธอไปแล้ว” รติชาบ่นเขาให้ต้นไม้ฟังบ้าง แล้ววางกระบอกน้ำลง ก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างท้าทายแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“นี่คนเดียวกันกับผู้หญิงที่คุกเข่าขอฉันแต่งงานจริงๆ หรือเปล่า ทำไมดูไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด” ศาสตราวุธบ่นแล้วยิ้มออกมา ที่เธอใช้วิธีคุยกับต้นไม้ประชดเขา
“แต่ก็น่ารักดี” เบาพึมพำออกมาแล้วยิ้มเบาๆ หัวใจเต้นแรงและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
*********************
คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายผลัดกันอวยพรตามธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งตัว แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง รติชาขอตัวไปอาบน้ำก่อนเขา เธอใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร พอออกมาก็พบว่าเจ้าบ่าวกำลังคุยกับไม้ประดับของเขาที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ รติชานั่งเป่าผมจนแห้งแล้วได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ อย่างสบายใจออกมาจากห้องน้ำ มันยิ่งทำให้เธอนั้นตื่นเต้นว่าเขานั้นกำลังจะทำเรื่องการเข้าหอในคืนนี้ให้สมบูรณ์ แล้วเธอจะบ่ายเบี่ยงด้วยวิธีไหนดีเพื่อไม่ให้เขาทำมันสำเร็จ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับเขา ถึงเขาจะมีสิทธิ์เต็มที่ก็ตาม เธอตัดสินใจไปนอนที่เตียงแล้วทำเป็นแกล้งหลับไปก่อนเขา ศาสตราวุธเดินมาที่เตียงแล้วนอนลงจนเตียงยวบลงจนรติชารู้สึกได้ เธอใจเต้นตึกตักแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาพูดกับเขา ศาสตราวุธเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มจะห่มให้เธอ รติชาสัมผัสได้ถึงมือเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เลยลืมตาขึ้นมา “พี่วุธจะทำอะไรคะ” เธอถามเขาหน้าตาตื่น “อากาศมันเย็น จะห่มผ้าให้” เขาบอกแล้วโน้มหน้าลงจะทำหน้าท
สุริวิภาไม่ชอบหน้ารติชาอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งคำพูดของเธอที่แทงใจดำเรื่องวิธีที่ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนางงามจังหวัดมา ยิ่งทำให้สุริวิภานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก “แกก็แย่งคุณวุธมาสิ ง่ายจะตาย” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น “แต่ฉันไม่ชอบหรอกนะ บอกแล้วไง แค่เก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท้ายๆ” สุริวิภาบอก “ก็แค่แกล้งให้ยัยนั่นไม่พอใจ ไม่ได้ให้ไปแย่งมาจริงๆ เสียหน่อย” เพื่อนอีกคนบอก “งั้นพวกแกกินข้าวกันไปก่อน ฉันจะกลับไปที่โต๊ะนั้น” สุริวิภาบอกแล้วปรับสีหน้า ยิ้มเดินเฉิดฉายไปยังโต๊ะของศาสตราวุธ “ขอวินั่งด้วยนะคะ” เธอบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ศาสตราวุธทั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต “วิรู้สึกผิดกับเรื่องวันนั้นจังเลยค่ะ อยากขอโทษพี่วุธอีกครั้ง ขอโทษนะคะ” สุริวิภาพูดแล้วกราบที่หน้าอกของศาสตราวุธ เขาตกใจรับมือเธอเอาไว้แทบไม่ทัน “ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกเธอ แล้วยิ้มฝืนๆ ไปให้ “มื้อนี้วิขออนุญาตเลี้ยงนะคะ ถือเป็นการขอโทษ” เธอบอกเขาเสียงอ่อน ปรายตามองรติชาที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายเองได้” ศาสตราวุธบอก แล้วมองรติชาที่มองสุริวิภาอย่างไม่พอใจ เข้าใจว่าเธอคงไม่ชอบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการปัญหา
รติชาเตรียมงานแต่งงานของตัวเองด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องหงุดหงิดเพราะศาสตราวุธไม่ได้คิดอะไรกับเธอเกินกว่าเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการดูตัวกับผู้หญิงคนอื่น แต่พอนึกดูดีๆ แล้ว เธอเองก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเลี่ยงการแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองเหมือนกัน ดังนั้นจะไปโกรธเขาก็คงไม่ถูก “งั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” รติชาพึมพำออกมาเบาๆทางด้านศาสตราวุธเองจริงๆ แล้วก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดตรงกับเธอเกินไป ที่บอกว่าเขาตัดความรำคาญเลยตั้งใจจะลองคบกับเธอดูอะไรทำนองนั้น แต่เขาคิดว่าควรพูดความจริง เพราะไม่อยากโกหกเธอ และพยายามบอกตัวเองว่า เขาทำถูกแล้วที่ไม่ได้โกหกเธอออกไป แต่อีกใจก็คิดว่า ถึงไม่โกหกแต่ก็ไม่ควรพูดออกไปให้เธอรู้สึกแย่อย่างนั้น เขาคิดไปพลางดูฤกษ์ในมือที่แม่ของเขายื่นให้ แล้วถอนหายใจออกมา “ฤกษ์จดทะเบียนสมรสอีกห้าวัน ฤกษ์แต่งงานอีกสามสัปดาห์ ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะครับแม่” ศาสตราวุธถามมารดา เพราะเขาคิดว่ามันเร็วเกินไป “ทางนั้นเขาอยากให้รีบแต่งเพราะกลัวลูกสาวเขาเสียหาย” “แต่ผมไม่ได้ล่วงเกินน้ำชาเลยนะครับ โทรถามพี่ยุทธก็ได้” ศาสตราวุธยืนยัน “แล้วกล้าไปพูดกับพ่
หลังจากที่รติชากลับไร่ของเธอไปแล้ว ศาสตราวุธก็นั่งลงคุยกับมารดาอย่างเป็นงานเป็นงาน“แม่ครับ ผมไม่แต่งงานนะครับ” เขาบอกมารดาศศิประภาไม่คิดว่าศาสตราวุธอยู่ๆ จะพูดออกมาอย่างนี้ ปกติเขาไม่เคยพูดอะไรขัดใจเธอมาก่อน ทำเอาศศิประภานั้นอึ้งไปสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา และทำหน้าเศร้า“แม่แค่หวังอยากให้ลูกแม่สักคนแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน ที่มีพร้อมทั้งฐานะ และหน้าตาทางสังคม ให้แม่ได้อวดใครๆ บ้างว่าลูกสะใภ้ก็มีดีไม่น้อยหน้าใคร เมียของพี่แกเป็นคนดีก็จริง แต่แม่อวดใครเขาไม่ได้ เหลือแต่แกคนเดียว จะทำให้ความฝันแม่เป็นจริงมันไม่ได้เลยหรือไง ไม่รู้ว่าแม่ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ลูกชายทั้งสองคน ไม่มีใครเห็นใจแม่เลยสักคน” ศศิประภาบีบน้ำตาแต่ทำท่าแอบเช็ดไม่ให้ศาสตราวุธเห็น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาก็เห็นตั้งแต่แรกและนั่งนิ่งอยู่ด้วยความรู้สึกผิดอยู่“แม่ครับ” เขาเรียกมารดาเสียงอ่อน“ช่างเถอะพรุ่งนี้แค่ไปทานข้าวเพื่อผูกมิตรแล้วก็กลับก็แล้วกัน เรื่องข่าวลือที่ว่าลูกไม่ชอบผู้หญิงที่เขาลือกันให้แม่อับอายก็ช่างมัน” ศศิประภาพูดเสียงสั่น“ผมก็แค่ชอบต้นไม้มากกว่าผู้หญิง ต้นไม้ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำไมผมต้องไขว่
ศาสตราวุธนั่งเล่าเรื่องที่มารดาพยายามจับคู่เขากับรติชาและสุริวิภาให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ฟัง ศรายุทธหัวเราะลั่นที่เจ้าชายต้นไม้อย่างเขาต้องมาเจอกับการรุกของฝ่ายหญิง“ฉันว่าคนชื่อวินี่ไม่ผ่านนะ” ศรายุทธบอกน้องชายแล้วอมยิ้มขำเรื่องที่เขาเล่า“บัวว่าคุณน้ำชานี่น่าลุ้นนะคะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ คนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย แถมมีไร่ชาด้วย เหมาะสมกับคุณวุธมากกว่า” บัวบงกชออกความเห็น“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงานนี่ครับ รู้จักกันไม่ทันไร อยู่ๆ จะไปเจอผู้ใหญ่แล้วพูดเรื่องแต่งงานเลย สงสารฝ่ายหญิงที่ต้องมีผมเป็นสามี ให้ตายเถอะ ผมยิ่งเอาใจใครไม่เป็นอยู่ด้วย ถ้าแต่งงานไปก็คงต้องหย่ากันอยู่ดี” ศาสตราวุธบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้เสียงเครียดเขาเอนตัวนั่งพิงกับเก้าอี้บุนวมอย่างเหนื่อยใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเจอความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้วรติชาตัดสินใจตามศาสตราวุธมา ไม่ใช่แค่เพราะจะมาตามตื๊อเขากลับไปพร้อมเธอเท่านั้น กลับไปไม่ทันอย่างน้อยก็มีข้ออ้างกับบิดาว่าเพราะเธอเป็นฝ่ายผิดนัดที่ไปสัมมนาแทนมารดา แต่เหตุผลหลักที่เธอตัดสินใจตามเขามาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะโดนสุริวิภาฉกไปก่อนรติชาติดสินบนให
ศศิประภาพอรู้เรื่องของที่ศาสตราวุธปรับเงินสุริวิภากับเพื่อนๆ ของเธอก็ดุลูกชายเป็นการใหญ่ ที่ทำเกินกว่าเหตุ“ผมไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลยนะครับแม่ ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาเสนอขึ้นมาเองว่าจะขอจ่ายค่าปรับ” ศาสตราวุธบอกมารดา เขาก็พอรู้ว่าเธอนั้นแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ก็อยากให้บทเรียนบ้าง“ให้ตายสิลูกชายฉัน ถ้าผู้หญิงบอกอะไร มันไม่ได้หมายความว่าต้องการสิ่งนั้นเสมอไป” ศศิประภาบอกลูกชายเสียงเครียดแล้วกุมขมับเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขาให้เข้าใจ“แล้วทำไมไม่พูดตรงๆ ล่ะครับ ต้องให้ตีความหมาย ใครจะไปรู้ ต้นไม้ยังแสดงอาการบอกเลยว่าต้องการให้ดูแลอย่างไร แต่กับคนนี่เข้าใจยากเหลือเกิน” ศาสตราวุธบ่นออกมา เขารู้ดีว่าคำพูดของผู้หญิงนั้นต้องตีความ และมันเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากมีใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเขา เพราะเขาขี้เกียจตีความหมายเหล่านั้น“ไม่รู้ล่ะ วุธต้องหาสะใภ้ให้แม่ภายในปีนี้ เลือกเอาหนูวิกับหนูน้ำชาคนใดคนหนึ่ง” ศศิประภาบอก“ผมยังไม่พร้อมครับ เพราะยังรู้จักกันได้ไม่นาน จะให้แต่งงานเร็วๆ นี้คงไม่ได้” ศาสตราวุธบอก เขาไม่พร้อมจะให้ใครเข้ามาในชีวิตในตอนนี้แต่ถ้าให้ต้องเลือกจริงๆ ระหว่างรติชากับสุริวิภา อย่างไร







