LOGINสุริวิภาไม่ชอบหน้ารติชาอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งคำพูดของเธอที่แทงใจดำเรื่องวิธีที่ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนางงามจังหวัดมา ยิ่งทำให้สุริวิภานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“แกก็แย่งคุณวุธมาสิ ง่ายจะตาย” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น
“แต่ฉันไม่ชอบหรอกนะ บอกแล้วไง แค่เก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท้ายๆ” สุริวิภาบอก
“ก็แค่แกล้งให้ยัยนั่นไม่พอใจ ไม่ได้ให้ไปแย่งมาจริงๆ เสียหน่อย” เพื่อนอีกคนบอก
“งั้นพวกแกกินข้าวกันไปก่อน ฉันจะกลับไปที่โต๊ะนั้น” สุริวิภาบอกแล้วปรับสีหน้า ยิ้มเดินเฉิดฉายไปยังโต๊ะของศาสตราวุธ
“ขอวินั่งด้วยนะคะ” เธอบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ศาสตราวุธทั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต
“วิรู้สึกผิดกับเรื่องวันนั้นจังเลยค่ะ อยากขอโทษพี่วุธอีกครั้ง ขอโทษนะคะ” สุริวิภาพูดแล้วกราบที่หน้าอกของศาสตราวุธ เขาตกใจรับมือเธอเอาไว้แทบไม่ทัน
“ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกเธอ แล้วยิ้มฝืนๆ ไปให้
“มื้อนี้วิขออนุญาตเลี้ยงนะคะ ถือเป็นการขอโทษ” เธอบอกเขาเสียงอ่อน ปรายตามองรติชาที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายเองได้” ศาสตราวุธบอก แล้วมองรติชาที่มองสุริวิภาอย่างไม่พอใจ เข้าใจว่าเธอคงไม่ชอบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการปัญหาตรงหน้านี้อย่างไร ถึงไม่เข้าใจผู้หญิง แต่การไล่เธอออกไปจากโต๊ะอาหารมันก็เป็นการเสียมารยาท ที่เขาก็พอรู้ว่าไม่ควรทำ
“ให้วิจ่ายเถอะนะคะ” สุริวิภาทำเสียงออดอ้อน
“พี่วุธบอกว่าไม่ ไม่ได้ยินหรือไงคะ” รติชาพูดขึ้นมา แต่สุริวิภาทำเป็นไม่ได้ยิน
“จริงๆ แล้วคุณป้าศศิก็อยากให้เราทำความรู้จักกันนานแล้ว งั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกันไปอีกขั้นไหมคะ เพราะหลังจากวันนั้น วิเองก็อยากเจอพี่วุธมาตลอดเลย” สุริวิภาบอก แล้วยิ้มให้กับเขา
“เอ่อ คือ..” ศาสตราวุธกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง สุริวิภาก็พูดขัดเขาขึ้นมาก่อน
“วิอยากถามด้วยว่า พี่วุธบริหารไร่อย่างไรบ้าง วิอยากเรียนรู้งานพวกนี้เอาไว้ค่ะ” สุริวิภาอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้ศาสตราวุธพูดไม่ออก รติชาเองก็ได้แต่มองอย่างเข่นเขี้ยว
“การบริหารงานก็ไม่ยุ่งยากอะไร กำไรแต่ละเดือนก็ไม่ถึงแสน เพราะเราไม่ได้เน้นผลกำไร แต่เน้นคุณภาพและความสุขในการทำงานเท่านั้น” ศาสตราวุธบอกเธอ
“ไม่ถึงแสนเหรอคะ” สุริวิภาถาม จริงๆ เธอก็พอรู้ว่างานชาวสวนชาวไร่ กำไรแต่ละเดือนก็คงไม่เท่าไร ดีแล้วที่เธอเก็บเขาไว้เป็นแค่ตัวเลือกลำดับท้ายๆ เท่านั้น
“ครับ” ศาสตราวุธตอบสั้นๆ ไม่ได้พูดถึงรายได้จากการเล่นหุ้นเดือนละหนึ่งถึงสองล้านของเขา และเงินปันผลจากบริษัทปีละหลายล้านที่ได้รับทุกปี
“แล้วพี่วุธไม่คิดอยากหาคนเข้าไปบริหารไร่ช่วยหรือคะ วิเต็มใจนะคะ” เธอพูดไปอย่างนั้น ตั้งใจอยากให้รติชาหึง
“จริงๆ ตำแหน่งนั้นไม่ว่างแล้ว เพราะเรากำลังจะแต่งงานกันต้นเดือนหน้านี่เองค่ะ อย่างไรถ้าว่างก็ไม่ต้องไปนะคะ ไม่ได้เต็มใจเชิญค่ะ” รติชาบอกแล้วยิ้มให้
“ตายจริง งั้นขอแสดงความดีใจด้วยนะคะพี่วุธ” สุริวิภาบอก เธอไม่ได้รู้สึกขายหน้าหรืออะไร เพราะศาสตราวุธไม่ได้ทำให้เธอต้องอิจฉารติชาที่ได้เขาไปครอง
“งั้นวิขอตัวนะคะ” สุริวิภาบอกแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอ เพราะทำให้รติชาหน้ามุ่ยได้ในตอนแรกเธอก็พอใจแล้ว
“เป็นไงบ้างวิ” เพื่อนของเธอถามขึ้น
“เกือบขายหน้านะสิ ดีนะที่ไม่ออกตัวแรงเท่าไร สองคนนั้นกำลังจะแต่งงานกัน ดีเหมือนกันจะได้ตัดออกจากตัวเลือก รายได้แค่เดือนละไม่ถึงแสน ถึงมีสมบัติหลายสิบล้าน ฉันก็ไม่เอาหรอกนะ” สุริวิภาบอก เธอไม่ได้สนใจทรัพย์สมบัติที่จับต้องไม่ได้ หากแต่สนใจคนที่มีเงินให้เธอได้ใช้จ่ายอย่างสุขสบายในปัจจุบันมากกว่า
*********************
ในวันที่ศาสตราวุธพารติชาไปจดทะเบียนสมรส เธอแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีขาวและแต่งหน้าอ่อนๆ ตามที่แม่เลี้ยงกานดาบอก
รติชามองช่องเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสตรงหน้า นึกว่าเธอคิดดีแล้วหรือเปล่าที่ยอมเสียสละความสุขทั้งชีวิตเพื่อหนีการแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปอง มันเป็นการลงทุนมากเกินไปหรือเปล่า
หากแต่คิดดูอย่างรอบคอบแล้ว หากเธอไม่แต่งงานกับศาสตราวุธ เธอก็ต้องแต่งงานกับคนอื่นอยู่ดี แล้วลงชื่อลงไปในช่องคำขอจดทะเบียนสมรสแล้วส่งให้ศาสตราวุธลงชื่อต่อ
ทั้งสองถือทะเบียนสมรสไว้คนละแผ่นแล้วเดินทางไปรับชุดแต่งงานและรูปโชว์หน้างานมาเพื่อเตรียมจัดงานตามที่ศศิประภาเขียนในรายการให้ว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
“อีกสองสัปดาห์เราก็จะแต่งงานกันแล้ว บอกพี่ได้หรือยัง ว่าทำไมอยากแต่งงานกับพี่” เขาถามเธอ
“ก็น้ำชาแค่อยากแต่งงานกับพี่วุธ ต้องมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอคะ” เธอถามเขา ไม่ยอมบอกว่าทำไม เพราะกลัวเขาเปลี่ยนใจและยกเลิกงานแต่งงาน
“ท้องเหรอ” เขาถามเธอ
“พี่วุธ นั่นปากเหรอคะ” เธอถามเขาเสียงเข้ม แล้วตีต้นแขนเขาด้วยความโมโหที่เขาพูดจาไม่ให้เกียรติเธอ
“ก็ถามตรงๆ พี่อยากรู้ว่าทำไมน้ำชาต้องอยากแต่งงานกับพี่ ทั้งๆ ที่หน้าตาก็น่ารัก ฐานะก็ดี แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้อยากแต่งงานกับพี่ แบบสายฟ้าแลบแบบนี้ด้วย” ศาสตราวุธถามเธอ
“ขอบคุณนะคะที่ชมว่าน้ำชาน่ารัก” เธอเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วยิ้มให้เขาหน้าทะเล้น
“ช่างเถอะ ถามไปก็เท่านั้น” เขาพูด
“ใครจะไปเหมือนพี่วุธล่ะคะ แต่งงานกับน้ำชาเพราะตัดความรำคาญเรื่องดูตัว แต่วันที่เราไปลองชุดกัน ไม่เห็นรำคาญแม่นางงามนั่นเลยนะคะ แถมยังพูดคุยกันหน้าระรื่น ขนาดรู้ว่าน้ำชาไม่ชอบใจก็ยังไม่ยอมไล่ไปเสียที” เธอบ่นให้เขา
“พี่ไม่อยากโกหกหรอก รู้จักกันไม่ถึงสองสัปดาห์ก็ต้องมาแต่งงานกัน ไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง”
“น้ำชาหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานก่อนกลับไร่ดีกว่านะคะ น้ำชาอยากทานอาหารในเมือง” เธอชวนคุยเรื่องอื่น ไม่ตอบคำถาม
“ครับ คุณภรรยา” ศาสตราวุธพูดแล้วส่ายหน้าเบาๆ ไม่เข้าใจผู้หญิงข้างๆ เลย ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
รติชายิ้มเขิน ที่อยู่ๆ เขาก็เรียกเธออย่างนั้น แล้วนึกได้ว่าตอนนี้เธอคือ นางรติชา เลิศประจักษ์ ไม่ใช่ นางสาวรติชา สุวารักษ์ อีกต่อไปแล้ว
*********************
พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นที่ไร่ของฝ่ายหญิงในช่วงเช้า เป็นพิธีแห่ขันหมากและบายศรีสู่ขวัญแบบไทยๆ และจัดเลี้ยงกันในตอนกลางวันที่ไร่ของเจ้าสาวต่อ ก่อนที่จะย้ายไปงานเลี้ยงตอนเย็นที่บ้านของเจ้าบ่าวที่จะใช้เป็นเรือนหอ ซึ่งแขกในตอนเย็นส่วนใหญ่คือเพื่อนของเจ้าบ่าว เจ้าสาวและญาติสนิทเท่านั้น
รติชาในชุดเดรสเจ้าสาวกระโปรงสั้นบานพลิ้ว เดินสวมรองเท้าคัทชูส้นเตี้ยต้อนรับแขกในงานด้วยหน้าตาที่มีความสุข เพราะดีใจที่เจ้าบ่าวไม่ใช่พ่อหม้ายไร่ข้างๆ อีกคน
พ่อเลี้ยงโสภณเองก็พอใจกับสินสอดที่ทางฝ่ายชายเสนอมาไม่น้อย และยิ้มอย่างภูมิใจตลอดทั้งงานที่ลูกสาวได้แต่งงานกับคนที่วัยไล่เลี่ยกัน และร่ำรวยไม่น้อยกว่าพ่อเลี้ยงคำปองและอาจจะร่ำรวยกว่าด้วยซ้ำ เมื่อรู้ว่ามีธุรกิจอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และมีรายได้จากการเล่นหุ้นเดือนหนึ่งเป็นหลักล้าน
“ต้องมีลูกให้ทันกันนะวุธ ลูกเราจะได้วิ่งเล่นเป็นเพื่อนกัน เอ้า ดื่ม” ศาสตราวุธเองโดนศรายุทธมอมเหล้าแล้วยุให้เขาผลิตทายาทแข่งกัน เพราะสมัยเรียนเขาก็พาศาสตราวุธไปขึ้นครูด้วยกันบ่อยๆ เชื่อว่าน้องชายนั้นคงมีทายาทตามเขาทันอย่างแน่นอน
“ดูคุณยุทธพูดเข้าสิ คุณน้ำชาเขินแย่แล้ว” บัวบงกชบอกสามี ขณะที่รติชานั้นเขินเมื่อศรายุทธพูดเรื่องทายาท
“เห็นเงียบๆ แบบนี้ เรื่องนั้นวุธไม่ใช่ย่อยเลยนะ ตอนพาไปเที่ยวอ่างด้วยกัน เล่นเอาหมอนวดขาอ่อนเลย” ศรายุทธพูดแล้วตบไหล่น้องชาย
ศาสตราวุธไม่ได้แก้ตัวอะไร เขาดื่มเหล้าในมือแล้วมองดูรติชาที่เขินจนหน้าแดงเรื่อไปหมดที่พี่ชายพูดเรื่องอย่างว่าออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ
รติชาที่ตอนแรกนั้นคิดว่าศาสตราวุธที่ดูบ้าต้นไม้ คงไม่เคยทำเรื่องอย่างว่า พอมาได้ยินอย่างนี้ มันกลับทำให้เธอนั้นตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเขาเองก็มีประสบการณ์เรื่องนี้พอสมควร และคงไม่มีผู้ชายที่ไหนปล่อยให้เจ้าสาวหลุดมือในคืนแต่งงานเป็นแน่ ถึงแม้ไม่ได้มีใจให้กันก็ตาม
*********************
คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายผลัดกันอวยพรตามธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งตัว แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง รติชาขอตัวไปอาบน้ำก่อนเขา เธอใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร พอออกมาก็พบว่าเจ้าบ่าวกำลังคุยกับไม้ประดับของเขาที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ รติชานั่งเป่าผมจนแห้งแล้วได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ อย่างสบายใจออกมาจากห้องน้ำ มันยิ่งทำให้เธอนั้นตื่นเต้นว่าเขานั้นกำลังจะทำเรื่องการเข้าหอในคืนนี้ให้สมบูรณ์ แล้วเธอจะบ่ายเบี่ยงด้วยวิธีไหนดีเพื่อไม่ให้เขาทำมันสำเร็จ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับเขา ถึงเขาจะมีสิทธิ์เต็มที่ก็ตาม เธอตัดสินใจไปนอนที่เตียงแล้วทำเป็นแกล้งหลับไปก่อนเขา ศาสตราวุธเดินมาที่เตียงแล้วนอนลงจนเตียงยวบลงจนรติชารู้สึกได้ เธอใจเต้นตึกตักแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาพูดกับเขา ศาสตราวุธเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มจะห่มให้เธอ รติชาสัมผัสได้ถึงมือเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เลยลืมตาขึ้นมา “พี่วุธจะทำอะไรคะ” เธอถามเขาหน้าตาตื่น “อากาศมันเย็น จะห่มผ้าให้” เขาบอกแล้วโน้มหน้าลงจะทำหน้าท
สุริวิภาไม่ชอบหน้ารติชาอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งคำพูดของเธอที่แทงใจดำเรื่องวิธีที่ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนางงามจังหวัดมา ยิ่งทำให้สุริวิภานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก “แกก็แย่งคุณวุธมาสิ ง่ายจะตาย” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น “แต่ฉันไม่ชอบหรอกนะ บอกแล้วไง แค่เก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท้ายๆ” สุริวิภาบอก “ก็แค่แกล้งให้ยัยนั่นไม่พอใจ ไม่ได้ให้ไปแย่งมาจริงๆ เสียหน่อย” เพื่อนอีกคนบอก “งั้นพวกแกกินข้าวกันไปก่อน ฉันจะกลับไปที่โต๊ะนั้น” สุริวิภาบอกแล้วปรับสีหน้า ยิ้มเดินเฉิดฉายไปยังโต๊ะของศาสตราวุธ “ขอวินั่งด้วยนะคะ” เธอบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ศาสตราวุธทั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต “วิรู้สึกผิดกับเรื่องวันนั้นจังเลยค่ะ อยากขอโทษพี่วุธอีกครั้ง ขอโทษนะคะ” สุริวิภาพูดแล้วกราบที่หน้าอกของศาสตราวุธ เขาตกใจรับมือเธอเอาไว้แทบไม่ทัน “ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกเธอ แล้วยิ้มฝืนๆ ไปให้ “มื้อนี้วิขออนุญาตเลี้ยงนะคะ ถือเป็นการขอโทษ” เธอบอกเขาเสียงอ่อน ปรายตามองรติชาที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายเองได้” ศาสตราวุธบอก แล้วมองรติชาที่มองสุริวิภาอย่างไม่พอใจ เข้าใจว่าเธอคงไม่ชอบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการปัญหา
รติชาเตรียมงานแต่งงานของตัวเองด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องหงุดหงิดเพราะศาสตราวุธไม่ได้คิดอะไรกับเธอเกินกว่าเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการดูตัวกับผู้หญิงคนอื่น แต่พอนึกดูดีๆ แล้ว เธอเองก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเลี่ยงการแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองเหมือนกัน ดังนั้นจะไปโกรธเขาก็คงไม่ถูก “งั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” รติชาพึมพำออกมาเบาๆทางด้านศาสตราวุธเองจริงๆ แล้วก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดตรงกับเธอเกินไป ที่บอกว่าเขาตัดความรำคาญเลยตั้งใจจะลองคบกับเธอดูอะไรทำนองนั้น แต่เขาคิดว่าควรพูดความจริง เพราะไม่อยากโกหกเธอ และพยายามบอกตัวเองว่า เขาทำถูกแล้วที่ไม่ได้โกหกเธอออกไป แต่อีกใจก็คิดว่า ถึงไม่โกหกแต่ก็ไม่ควรพูดออกไปให้เธอรู้สึกแย่อย่างนั้น เขาคิดไปพลางดูฤกษ์ในมือที่แม่ของเขายื่นให้ แล้วถอนหายใจออกมา “ฤกษ์จดทะเบียนสมรสอีกห้าวัน ฤกษ์แต่งงานอีกสามสัปดาห์ ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะครับแม่” ศาสตราวุธถามมารดา เพราะเขาคิดว่ามันเร็วเกินไป “ทางนั้นเขาอยากให้รีบแต่งเพราะกลัวลูกสาวเขาเสียหาย” “แต่ผมไม่ได้ล่วงเกินน้ำชาเลยนะครับ โทรถามพี่ยุทธก็ได้” ศาสตราวุธยืนยัน “แล้วกล้าไปพูดกับพ่
หลังจากที่รติชากลับไร่ของเธอไปแล้ว ศาสตราวุธก็นั่งลงคุยกับมารดาอย่างเป็นงานเป็นงาน“แม่ครับ ผมไม่แต่งงานนะครับ” เขาบอกมารดาศศิประภาไม่คิดว่าศาสตราวุธอยู่ๆ จะพูดออกมาอย่างนี้ ปกติเขาไม่เคยพูดอะไรขัดใจเธอมาก่อน ทำเอาศศิประภานั้นอึ้งไปสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา และทำหน้าเศร้า“แม่แค่หวังอยากให้ลูกแม่สักคนแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน ที่มีพร้อมทั้งฐานะ และหน้าตาทางสังคม ให้แม่ได้อวดใครๆ บ้างว่าลูกสะใภ้ก็มีดีไม่น้อยหน้าใคร เมียของพี่แกเป็นคนดีก็จริง แต่แม่อวดใครเขาไม่ได้ เหลือแต่แกคนเดียว จะทำให้ความฝันแม่เป็นจริงมันไม่ได้เลยหรือไง ไม่รู้ว่าแม่ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ลูกชายทั้งสองคน ไม่มีใครเห็นใจแม่เลยสักคน” ศศิประภาบีบน้ำตาแต่ทำท่าแอบเช็ดไม่ให้ศาสตราวุธเห็น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาก็เห็นตั้งแต่แรกและนั่งนิ่งอยู่ด้วยความรู้สึกผิดอยู่“แม่ครับ” เขาเรียกมารดาเสียงอ่อน“ช่างเถอะพรุ่งนี้แค่ไปทานข้าวเพื่อผูกมิตรแล้วก็กลับก็แล้วกัน เรื่องข่าวลือที่ว่าลูกไม่ชอบผู้หญิงที่เขาลือกันให้แม่อับอายก็ช่างมัน” ศศิประภาพูดเสียงสั่น“ผมก็แค่ชอบต้นไม้มากกว่าผู้หญิง ต้นไม้ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำไมผมต้องไขว่
ศาสตราวุธนั่งเล่าเรื่องที่มารดาพยายามจับคู่เขากับรติชาและสุริวิภาให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ฟัง ศรายุทธหัวเราะลั่นที่เจ้าชายต้นไม้อย่างเขาต้องมาเจอกับการรุกของฝ่ายหญิง“ฉันว่าคนชื่อวินี่ไม่ผ่านนะ” ศรายุทธบอกน้องชายแล้วอมยิ้มขำเรื่องที่เขาเล่า“บัวว่าคุณน้ำชานี่น่าลุ้นนะคะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ คนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย แถมมีไร่ชาด้วย เหมาะสมกับคุณวุธมากกว่า” บัวบงกชออกความเห็น“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงานนี่ครับ รู้จักกันไม่ทันไร อยู่ๆ จะไปเจอผู้ใหญ่แล้วพูดเรื่องแต่งงานเลย สงสารฝ่ายหญิงที่ต้องมีผมเป็นสามี ให้ตายเถอะ ผมยิ่งเอาใจใครไม่เป็นอยู่ด้วย ถ้าแต่งงานไปก็คงต้องหย่ากันอยู่ดี” ศาสตราวุธบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้เสียงเครียดเขาเอนตัวนั่งพิงกับเก้าอี้บุนวมอย่างเหนื่อยใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเจอความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้วรติชาตัดสินใจตามศาสตราวุธมา ไม่ใช่แค่เพราะจะมาตามตื๊อเขากลับไปพร้อมเธอเท่านั้น กลับไปไม่ทันอย่างน้อยก็มีข้ออ้างกับบิดาว่าเพราะเธอเป็นฝ่ายผิดนัดที่ไปสัมมนาแทนมารดา แต่เหตุผลหลักที่เธอตัดสินใจตามเขามาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะโดนสุริวิภาฉกไปก่อนรติชาติดสินบนให
ศศิประภาพอรู้เรื่องของที่ศาสตราวุธปรับเงินสุริวิภากับเพื่อนๆ ของเธอก็ดุลูกชายเป็นการใหญ่ ที่ทำเกินกว่าเหตุ“ผมไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลยนะครับแม่ ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาเสนอขึ้นมาเองว่าจะขอจ่ายค่าปรับ” ศาสตราวุธบอกมารดา เขาก็พอรู้ว่าเธอนั้นแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ก็อยากให้บทเรียนบ้าง“ให้ตายสิลูกชายฉัน ถ้าผู้หญิงบอกอะไร มันไม่ได้หมายความว่าต้องการสิ่งนั้นเสมอไป” ศศิประภาบอกลูกชายเสียงเครียดแล้วกุมขมับเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขาให้เข้าใจ“แล้วทำไมไม่พูดตรงๆ ล่ะครับ ต้องให้ตีความหมาย ใครจะไปรู้ ต้นไม้ยังแสดงอาการบอกเลยว่าต้องการให้ดูแลอย่างไร แต่กับคนนี่เข้าใจยากเหลือเกิน” ศาสตราวุธบ่นออกมา เขารู้ดีว่าคำพูดของผู้หญิงนั้นต้องตีความ และมันเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากมีใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเขา เพราะเขาขี้เกียจตีความหมายเหล่านั้น“ไม่รู้ล่ะ วุธต้องหาสะใภ้ให้แม่ภายในปีนี้ เลือกเอาหนูวิกับหนูน้ำชาคนใดคนหนึ่ง” ศศิประภาบอก“ผมยังไม่พร้อมครับ เพราะยังรู้จักกันได้ไม่นาน จะให้แต่งงานเร็วๆ นี้คงไม่ได้” ศาสตราวุธบอก เขาไม่พร้อมจะให้ใครเข้ามาในชีวิตในตอนนี้แต่ถ้าให้ต้องเลือกจริงๆ ระหว่างรติชากับสุริวิภา อย่างไร







