LOGINศาสตราวุธนั่งเล่าเรื่องที่มารดาพยายามจับคู่เขากับรติชาและสุริวิภาให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ฟัง ศรายุทธหัวเราะลั่นที่เจ้าชายต้นไม้อย่างเขาต้องมาเจอกับการรุกของฝ่ายหญิง
“ฉันว่าคนชื่อวินี่ไม่ผ่านนะ” ศรายุทธบอกน้องชายแล้วอมยิ้มขำเรื่องที่เขาเล่า
“บัวว่าคุณน้ำชานี่น่าลุ้นนะคะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ คนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย แถมมีไร่ชาด้วย เหมาะสมกับคุณวุธมากกว่า” บัวบงกชออกความเห็น
“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงานนี่ครับ รู้จักกันไม่ทันไร อยู่ๆ จะไปเจอผู้ใหญ่แล้วพูดเรื่องแต่งงานเลย สงสารฝ่ายหญิงที่ต้องมีผมเป็นสามี ให้ตายเถอะ ผมยิ่งเอาใจใครไม่เป็นอยู่ด้วย ถ้าแต่งงานไปก็คงต้องหย่ากันอยู่ดี” ศาสตราวุธบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้เสียงเครียด
เขาเอนตัวนั่งพิงกับเก้าอี้บุนวมอย่างเหนื่อยใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเจอความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว
รติชาตัดสินใจตามศาสตราวุธมา ไม่ใช่แค่เพราะจะมาตามตื๊อเขากลับไปพร้อมเธอเท่านั้น กลับไปไม่ทันอย่างน้อยก็มีข้ออ้างกับบิดาว่าเพราะเธอเป็นฝ่ายผิดนัดที่ไปสัมมนาแทนมารดา แต่เหตุผลหลักที่เธอตัดสินใจตามเขามาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะโดนสุริวิภาฉกไปก่อน
รติชาติดสินบนให้คนงานในไร่เป็นสายให้กับเธอเพื่อดูความเคลื่อนไหวของศาสตราวุธ จึงรู้เรื่องนี้และอยากจะเร่งให้ศาสตราวุธนั้นยอมแต่งงานกับเธอโดยเร็วก่อนที่บิดาจะเปลี่ยนใจหรือมีคนมาทำให้เขาหวั่นไหวก่อนเธอ
เธอนั่งรถแท็กซี่ออกจากสนามบิน แล้วตรงไปตามที่อยู่ที่ศศิประภาให้ไว้ พอเธอไปถึงศาสตราวุธก็ต้องอึ้งเมื่อรติชาลงทุนตามเขามาถึงที่นี่
ศรายุทธกับบัวบงกชมองหน้ากัน คิดว่างานนี้ศาสตราวุธคงหนีหญิงสาวคนนี้ไม่รอดแล้วเป็นแน่
“มาได้อย่างไร” ศาสตราวุธถามด้วยความตกใจ พลางคิดว่าต้องเป็นฝีมือของมารดาของเขาแน่นอน ไม่อย่างนั้นรติชาจะมาเขาที่นี่ถูกได้อย่างไร
“น้ำชาจะมาขอดูงานเป็นเพื่อนพี่วุธค่ะ” เธอบอกเขาแล้วส่งยิ้มหวานให้
ศาสตราวุธกุมขมับอย่างปวดหัวเพราะเขาแค่อ้างกับมารดาไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่ามารดาจะตลบหลังเขาด้วยการส่งรติชามาอย่างนี้
บัวบงกชให้คนเอากระเป๋าของรติชาขึ้นไปเก็บและยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
“มาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วค่อยลงมาทานอาหารเย็นด้วยกัน” บัวบงกชบอกแล้วพารติชาเดินขึ้นไปข้างบน ทิ้งให้ศาสตราวุธนั้นนั่งเครียดอยู่กับศรายุทธ
*********************
หลังมื้ออาหารรติชาขอคุยกับศาสตราวุธเป็นการส่วนตัวที่ห้องนั่งเล่น ศาสตราวุธตกลงและเดินตามเธอไปนั่งคุยกัน เขาอุตส่าห์หนีมาถึงที่นี่แล้ว เธอก็ยังตามมาวุ่นวายกับเขาจนได้ หนีอย่างไรก็คงหนีไม่พ้น
“น้ำชารู้นะคะ ว่าจริงๆ แล้วพี่วุธไม่ได้มาดูงานอะไรทั้งนั้น” รติชาพูดเปิดประเด็นขึ้นมาตรงๆ
“อืม” ศาสตราวุธยอมรับแล้วนั่งฟังเธอพูดต่อไป
“น้ำชาตามมาที่นี่เพราะอยากให้พี่วุธกลับไป อีกสองวันก็วันอาทิตย์แล้ว น้ำชาอยากให้พี่ไปแนะนำตัวกับพ่อตามที่เรานัดกันไว้” รติชาบอกเขาตามตรงแต่ไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไร
“เราไม่ได้นัดกัน แม่ของเราต่างหาก และพี่ก็ไม่อยากไปด้วย” ศาสตราวุธบอก
“งั้นพี่วุธคงพอใจคุณวิมากกว่าน้ำชาใช่ไหมคะ ถึงได้ลงทุนหนีมาถึงที่นี่ น้ำชาทำอะไรผิดคะ ทำไมพี่วุธต้องใจร้ายกับน้ำชาแบบนี้” รติชาแกล้งบีบน้ำตาออกมา แล้วพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือสมจริงจนศาสตราวุธทำตัวไม่ถูก ไม่เคยมีผู้หญิงร้องไห้ต่อหน้าเขาอย่างนี้
“อย่าร้องสิ พี่ทำตัวไม่ถูก” เขาบอกเธอ หันซ้ายหันขวาอยากขอความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่พี่ชายพี่สะใภ้ก็ไม่เดินผ่านเข้ามาแถวนี้เลย
“อยากให้พี่ทำอะไรก็บอกมาเลย แต่หยุดร้องก่อน” เขาบอกเธอ รติชาทรุดตัวคุกเข่าต่อหน้าเขา แล้วจับมือเขาไว้
“กลับไปกับน้ำชานะคะ ไปแนะนำตัวกับคุณพ่อ น้ำชาอยากแต่งงานกับพี่วุธจริงๆ นะคะ แต่งงานกันเถอะนะคะ” รติชาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แววตาดูเศร้าและมีความหวัง เธอกำลังขอผู้ชายแต่งงาน ศาสตราวุธทำตัวไม่ถูก
ภาพที่เธอคุกเข่าขอเขาแต่งงานนั้น เล่นเอาเขาคาดไม่ถึง และพูดไม่ออก อยากปฏิเสธแต่แววตาคู่นั้นของเธอก็ช่างดูเศร้าเหลือเกิน เขากำลังสงสัยว่าตัวเองแพ้น้ำตาผู้หญิง หรือว่าแพ้ลูกตื๊อของรติชากันแน่
“เอ่อ คะ แค่กลับไปก่อนได้ไหม เรื่องแต่งงาน เอ่อ พะ พี่ยังไม่ขอตอบตอนนี้” ศาสตราวุธพูดตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น ที่ถูกรติชาขอแต่งงาน ทั้งๆ ที่รู้จักกันได้ไม่นาน
ไม่เข้าใจว่าบ้านเธอกำลังเดือดร้อนหรืออย่างไร ทำไมรติชาที่ดูสวยน่ารักและฐานะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีถึงอยากแต่งงานกับเขานักหนา หรือเพราะรวยอยู่แล้วเลยอยากแต่งงานกับคนรวยเพื่อรวยเข้าไปอีก ยิ่งคิดศาสตราวุธก็ยิ่งสับสน เดาไม่ถูกว่ารติชานั้นต้องการอะไรจากการแต่งงานกับเขากันแน่
‘หรือว่าน้ำชากำลังท้อง เลยต้องรีบหาคนไปรับเป็นพ่อของเด็ก’ ศาสตราวุธคิดไปต่างๆ นานา แล้วไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกจากหัวไป
“งั้นเรากลับกันพรุ่งนี้เลยนะคะ มะรืนนี้จะได้ไปคุยกัน นะคะพี่วุธ นะคะ” รติชาอ้อนเขาเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างน่ารัก
ศาสตราวุธพยายามใจแข็งชักมือกลับแล้วพยักหน้าตกลงก่อนที่รติชาจะพูดหรือทำอะไรแผลงๆ อีก
รติชายิ้มกว้าง เธอลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ เขาแล้วยิ้มกว้างให้เขาอย่างพอใจ ศาสตราวุธส่ายหน้า รับอารมณ์ของเธอเกือบไม่ทันเมื่อเธอเดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวยิ้มอย่างมีความสุขอย่างนี้ แต่ก็ทำให้เขาอดยิ้มตามเธอไปด้วย
“ตื๊อเก่งจนน่ากลัวนะเราน่ะ” ศาสตราวุธบอกเธอ แล้วยิ้มให้เป็นครั้งแรก
*********************
ในตอนเช้าทั้งสองขนกระเป๋าขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับพร้อมกัน ศาสตราวุธพาเธอไปลาพี่ชายและพี่สะใภ้ ก่อนจะพาเธอกลับไป เพื่อให้ถึงบ้านก่อนมืด
รติชายิ้มอย่างมีความสุขไปตลอดทางแล้วชวนเขาคุยถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ บอกเขาว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จนศาสตราวุธนั้นแทบจำได้ขึ้นใจแล้ว เพราะเธอย้ำบอกเขาหลายรอบ
“ที่น้ำชาพูดเรื่องของตัวเองให้ฟัง ก็เพราะอยากให้พี่วุธรู้จักน้ำชามากกว่านี้” เธอบอกเขา
“อืม” ศาสตราวุธตอบรับคำพูดของเธอสั้นๆ
“แล้วเรื่องไร่ชาของพี่วุธล่ะคะ ตอนนี้ทำไปถึงไหนแล้ว” รติชาชวนเขาพูดเรื่องที่เขาถนัดเพื่อให้เขานั้นพูดโต้ตอบกับเธอมากขึ้น
“ก็กำลังปรับหน้าดิน ได้ต้นกล้ามาเยอะพอควร จะทยอยลงดินเดือนหน้านี้แล้ว” ศาสตราวุธบอกแล้วยิ้มเมื่อได้พูดถึงเรื่องต้นไม้ใบหญ้า
“พี่วุธไม่อยู่ กล้วยไม้ของเราจะเป็นอย่างไรบ้างคะเนี่ย” รติชาพูด เน้นคำว่ากล้วยไม้ของเรา หมายถึงต้นที่เธอเอาไปฝากเขาตอนนั้น
“พี่ฝากคนให้ดูแลแล้ว เหตุผลหนึ่งที่ยอมกลับมาด้วยก็เพราะเป็นห่วงเจ้าพวกนั้นนั่นแหละ” ศาสตราวุธบอก รติชาหุบยิ้มแล้วปรายตามองเขาอย่างหมั่นไส้ ที่ในหัวเขามีแต่ต้นไม้
“เข้าใจต้นไม้ว่าพวกมันต้องการอะไร อย่าลืมฟังเสียงหัวใจของน้ำชาด้วยนะคะ ว่ามันก็ต้องการพี่วุธเข้ามาดูแลเหมือนกัน” เธอหยอดคำพูดหวานๆ ใส่เขา
“หัวใจคนยากแท้หยั่งถึง ต้นไม้ใบแห้งพี่ก็ตีความหมายได้ว่าต้องการอะไร แต่กับคนโดยเฉพาะผู้หญิง พี่ไม่รู้เลยว่าคิดอะไรอยู่” เขาบอกเธอ
“คงเป็นที่มาของคำขวัญประจำตัวของพี่วุธสินะคะ” เธอบอกเขาแล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“คำขวัญอะไร” ศาสตราวุธทำหน้างง คิ้วขมวดเข้าหากัน
“อ่อนโยนกับต้นไม้ ใจร้ายกับผู้หญิง..น้ำชาได้ยินคนงานเขาพูดกันอย่างนี้ค่ะ” รติชาบอกเขา
“ก็คงอย่างนั้น” ศาสตราวุธไม่ปฏิเสธสิ่งที่โดนพูดถึง เพราะเขาเองก็เป็นอย่างที่พูดกันจริงๆ ถึงจะไม่ตั้งใจใจร้ายกับใครก็ตาม
“จะให้พี่ไปส่งที่บ้านเลยหรือเปล่า” เขาถามเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวบอกให้ที่ไร่มารับที่บ้านพี่วุธเลยดีกว่าค่ะ” รติชาบอกเขา โล่งใจแล้วที่พาเขากลับมาทันวันนัด ถึงจะเขินตอนที่ตัวเองคุกเข่าขอเขาแต่งงานอยู่มากก็ตามที
*********************
คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายผลัดกันอวยพรตามธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งตัว แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง รติชาขอตัวไปอาบน้ำก่อนเขา เธอใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร พอออกมาก็พบว่าเจ้าบ่าวกำลังคุยกับไม้ประดับของเขาที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ รติชานั่งเป่าผมจนแห้งแล้วได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ อย่างสบายใจออกมาจากห้องน้ำ มันยิ่งทำให้เธอนั้นตื่นเต้นว่าเขานั้นกำลังจะทำเรื่องการเข้าหอในคืนนี้ให้สมบูรณ์ แล้วเธอจะบ่ายเบี่ยงด้วยวิธีไหนดีเพื่อไม่ให้เขาทำมันสำเร็จ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับเขา ถึงเขาจะมีสิทธิ์เต็มที่ก็ตาม เธอตัดสินใจไปนอนที่เตียงแล้วทำเป็นแกล้งหลับไปก่อนเขา ศาสตราวุธเดินมาที่เตียงแล้วนอนลงจนเตียงยวบลงจนรติชารู้สึกได้ เธอใจเต้นตึกตักแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาพูดกับเขา ศาสตราวุธเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มจะห่มให้เธอ รติชาสัมผัสได้ถึงมือเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เลยลืมตาขึ้นมา “พี่วุธจะทำอะไรคะ” เธอถามเขาหน้าตาตื่น “อากาศมันเย็น จะห่มผ้าให้” เขาบอกแล้วโน้มหน้าลงจะทำหน้าท
สุริวิภาไม่ชอบหน้ารติชาอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งคำพูดของเธอที่แทงใจดำเรื่องวิธีที่ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนางงามจังหวัดมา ยิ่งทำให้สุริวิภานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก “แกก็แย่งคุณวุธมาสิ ง่ายจะตาย” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น “แต่ฉันไม่ชอบหรอกนะ บอกแล้วไง แค่เก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท้ายๆ” สุริวิภาบอก “ก็แค่แกล้งให้ยัยนั่นไม่พอใจ ไม่ได้ให้ไปแย่งมาจริงๆ เสียหน่อย” เพื่อนอีกคนบอก “งั้นพวกแกกินข้าวกันไปก่อน ฉันจะกลับไปที่โต๊ะนั้น” สุริวิภาบอกแล้วปรับสีหน้า ยิ้มเดินเฉิดฉายไปยังโต๊ะของศาสตราวุธ “ขอวินั่งด้วยนะคะ” เธอบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ศาสตราวุธทั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต “วิรู้สึกผิดกับเรื่องวันนั้นจังเลยค่ะ อยากขอโทษพี่วุธอีกครั้ง ขอโทษนะคะ” สุริวิภาพูดแล้วกราบที่หน้าอกของศาสตราวุธ เขาตกใจรับมือเธอเอาไว้แทบไม่ทัน “ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกเธอ แล้วยิ้มฝืนๆ ไปให้ “มื้อนี้วิขออนุญาตเลี้ยงนะคะ ถือเป็นการขอโทษ” เธอบอกเขาเสียงอ่อน ปรายตามองรติชาที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายเองได้” ศาสตราวุธบอก แล้วมองรติชาที่มองสุริวิภาอย่างไม่พอใจ เข้าใจว่าเธอคงไม่ชอบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการปัญหา
รติชาเตรียมงานแต่งงานของตัวเองด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องหงุดหงิดเพราะศาสตราวุธไม่ได้คิดอะไรกับเธอเกินกว่าเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการดูตัวกับผู้หญิงคนอื่น แต่พอนึกดูดีๆ แล้ว เธอเองก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเลี่ยงการแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองเหมือนกัน ดังนั้นจะไปโกรธเขาก็คงไม่ถูก “งั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” รติชาพึมพำออกมาเบาๆทางด้านศาสตราวุธเองจริงๆ แล้วก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดตรงกับเธอเกินไป ที่บอกว่าเขาตัดความรำคาญเลยตั้งใจจะลองคบกับเธอดูอะไรทำนองนั้น แต่เขาคิดว่าควรพูดความจริง เพราะไม่อยากโกหกเธอ และพยายามบอกตัวเองว่า เขาทำถูกแล้วที่ไม่ได้โกหกเธอออกไป แต่อีกใจก็คิดว่า ถึงไม่โกหกแต่ก็ไม่ควรพูดออกไปให้เธอรู้สึกแย่อย่างนั้น เขาคิดไปพลางดูฤกษ์ในมือที่แม่ของเขายื่นให้ แล้วถอนหายใจออกมา “ฤกษ์จดทะเบียนสมรสอีกห้าวัน ฤกษ์แต่งงานอีกสามสัปดาห์ ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะครับแม่” ศาสตราวุธถามมารดา เพราะเขาคิดว่ามันเร็วเกินไป “ทางนั้นเขาอยากให้รีบแต่งเพราะกลัวลูกสาวเขาเสียหาย” “แต่ผมไม่ได้ล่วงเกินน้ำชาเลยนะครับ โทรถามพี่ยุทธก็ได้” ศาสตราวุธยืนยัน “แล้วกล้าไปพูดกับพ่
หลังจากที่รติชากลับไร่ของเธอไปแล้ว ศาสตราวุธก็นั่งลงคุยกับมารดาอย่างเป็นงานเป็นงาน“แม่ครับ ผมไม่แต่งงานนะครับ” เขาบอกมารดาศศิประภาไม่คิดว่าศาสตราวุธอยู่ๆ จะพูดออกมาอย่างนี้ ปกติเขาไม่เคยพูดอะไรขัดใจเธอมาก่อน ทำเอาศศิประภานั้นอึ้งไปสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา และทำหน้าเศร้า“แม่แค่หวังอยากให้ลูกแม่สักคนแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน ที่มีพร้อมทั้งฐานะ และหน้าตาทางสังคม ให้แม่ได้อวดใครๆ บ้างว่าลูกสะใภ้ก็มีดีไม่น้อยหน้าใคร เมียของพี่แกเป็นคนดีก็จริง แต่แม่อวดใครเขาไม่ได้ เหลือแต่แกคนเดียว จะทำให้ความฝันแม่เป็นจริงมันไม่ได้เลยหรือไง ไม่รู้ว่าแม่ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ลูกชายทั้งสองคน ไม่มีใครเห็นใจแม่เลยสักคน” ศศิประภาบีบน้ำตาแต่ทำท่าแอบเช็ดไม่ให้ศาสตราวุธเห็น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาก็เห็นตั้งแต่แรกและนั่งนิ่งอยู่ด้วยความรู้สึกผิดอยู่“แม่ครับ” เขาเรียกมารดาเสียงอ่อน“ช่างเถอะพรุ่งนี้แค่ไปทานข้าวเพื่อผูกมิตรแล้วก็กลับก็แล้วกัน เรื่องข่าวลือที่ว่าลูกไม่ชอบผู้หญิงที่เขาลือกันให้แม่อับอายก็ช่างมัน” ศศิประภาพูดเสียงสั่น“ผมก็แค่ชอบต้นไม้มากกว่าผู้หญิง ต้นไม้ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำไมผมต้องไขว่
ศาสตราวุธนั่งเล่าเรื่องที่มารดาพยายามจับคู่เขากับรติชาและสุริวิภาให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ฟัง ศรายุทธหัวเราะลั่นที่เจ้าชายต้นไม้อย่างเขาต้องมาเจอกับการรุกของฝ่ายหญิง“ฉันว่าคนชื่อวินี่ไม่ผ่านนะ” ศรายุทธบอกน้องชายแล้วอมยิ้มขำเรื่องที่เขาเล่า“บัวว่าคุณน้ำชานี่น่าลุ้นนะคะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ คนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย แถมมีไร่ชาด้วย เหมาะสมกับคุณวุธมากกว่า” บัวบงกชออกความเห็น“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงานนี่ครับ รู้จักกันไม่ทันไร อยู่ๆ จะไปเจอผู้ใหญ่แล้วพูดเรื่องแต่งงานเลย สงสารฝ่ายหญิงที่ต้องมีผมเป็นสามี ให้ตายเถอะ ผมยิ่งเอาใจใครไม่เป็นอยู่ด้วย ถ้าแต่งงานไปก็คงต้องหย่ากันอยู่ดี” ศาสตราวุธบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้เสียงเครียดเขาเอนตัวนั่งพิงกับเก้าอี้บุนวมอย่างเหนื่อยใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเจอความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้วรติชาตัดสินใจตามศาสตราวุธมา ไม่ใช่แค่เพราะจะมาตามตื๊อเขากลับไปพร้อมเธอเท่านั้น กลับไปไม่ทันอย่างน้อยก็มีข้ออ้างกับบิดาว่าเพราะเธอเป็นฝ่ายผิดนัดที่ไปสัมมนาแทนมารดา แต่เหตุผลหลักที่เธอตัดสินใจตามเขามาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะโดนสุริวิภาฉกไปก่อนรติชาติดสินบนให
ศศิประภาพอรู้เรื่องของที่ศาสตราวุธปรับเงินสุริวิภากับเพื่อนๆ ของเธอก็ดุลูกชายเป็นการใหญ่ ที่ทำเกินกว่าเหตุ“ผมไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลยนะครับแม่ ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาเสนอขึ้นมาเองว่าจะขอจ่ายค่าปรับ” ศาสตราวุธบอกมารดา เขาก็พอรู้ว่าเธอนั้นแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ก็อยากให้บทเรียนบ้าง“ให้ตายสิลูกชายฉัน ถ้าผู้หญิงบอกอะไร มันไม่ได้หมายความว่าต้องการสิ่งนั้นเสมอไป” ศศิประภาบอกลูกชายเสียงเครียดแล้วกุมขมับเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขาให้เข้าใจ“แล้วทำไมไม่พูดตรงๆ ล่ะครับ ต้องให้ตีความหมาย ใครจะไปรู้ ต้นไม้ยังแสดงอาการบอกเลยว่าต้องการให้ดูแลอย่างไร แต่กับคนนี่เข้าใจยากเหลือเกิน” ศาสตราวุธบ่นออกมา เขารู้ดีว่าคำพูดของผู้หญิงนั้นต้องตีความ และมันเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากมีใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเขา เพราะเขาขี้เกียจตีความหมายเหล่านั้น“ไม่รู้ล่ะ วุธต้องหาสะใภ้ให้แม่ภายในปีนี้ เลือกเอาหนูวิกับหนูน้ำชาคนใดคนหนึ่ง” ศศิประภาบอก“ผมยังไม่พร้อมครับ เพราะยังรู้จักกันได้ไม่นาน จะให้แต่งงานเร็วๆ นี้คงไม่ได้” ศาสตราวุธบอก เขาไม่พร้อมจะให้ใครเข้ามาในชีวิตในตอนนี้แต่ถ้าให้ต้องเลือกจริงๆ ระหว่างรติชากับสุริวิภา อย่างไร




![เมียแต่ง [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


