LOGINหลังจากที่รติชากลับไร่ของเธอไปแล้ว ศาสตราวุธก็นั่งลงคุยกับมารดาอย่างเป็นงานเป็นงาน
“แม่ครับ ผมไม่แต่งงานนะครับ” เขาบอกมารดา
ศศิประภาไม่คิดว่าศาสตราวุธอยู่ๆ จะพูดออกมาอย่างนี้ ปกติเขาไม่เคยพูดอะไรขัดใจเธอมาก่อน ทำเอาศศิประภานั้นอึ้งไปสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา และทำหน้าเศร้า
“แม่แค่หวังอยากให้ลูกแม่สักคนแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน ที่มีพร้อมทั้งฐานะ และหน้าตาทางสังคม ให้แม่ได้อวดใครๆ บ้างว่าลูกสะใภ้ก็มีดีไม่น้อยหน้าใคร เมียของพี่แกเป็นคนดีก็จริง แต่แม่อวดใครเขาไม่ได้ เหลือแต่แกคนเดียว จะทำให้ความฝันแม่เป็นจริงมันไม่ได้เลยหรือไง ไม่รู้ว่าแม่ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ลูกชายทั้งสองคน ไม่มีใครเห็นใจแม่เลยสักคน” ศศิประภาบีบน้ำตาแต่ทำท่าแอบเช็ดไม่ให้ศาสตราวุธเห็น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาก็เห็นตั้งแต่แรกและนั่งนิ่งอยู่ด้วยความรู้สึกผิดอยู่
“แม่ครับ” เขาเรียกมารดาเสียงอ่อน
“ช่างเถอะพรุ่งนี้แค่ไปทานข้าวเพื่อผูกมิตรแล้วก็กลับก็แล้วกัน เรื่องข่าวลือที่ว่าลูกไม่ชอบผู้หญิงที่เขาลือกันให้แม่อับอายก็ช่างมัน” ศศิประภาพูดเสียงสั่น
“ผมก็แค่ชอบต้นไม้มากกว่าผู้หญิง ต้นไม้ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำไมผมต้องไขว่คว้าหาเรื่องวุ่นวายมาใส่ตัวด้วยล่ะครับแม่” ศาสตราวุธถามมารดา
“แล้วผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนเขาไม่ชอบผู้หญิงกันล่ะ เขาไม่ได้มองว่าแกชอบต้นไม้นะสิ เขามองว่าแกชอบไม้ป่าเดียวกัน” ศศิประภาบอกแล้วกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม
“มีข่าวลือบ้าๆ อย่างนั้นด้วยหรือครับ” เขาพูดแล้วนั่งลงข้างๆ มารดา เอามือแตะที่ตักของเธอเพื่อปลอบใจ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีข่าวลืออย่างนั้นออกมา
“มันก็ไม่ได้ลือกันไปในวงกว้างหรอก แต่เวลาแม่เข้าสังคมก็โดนคนนั้นคนนี้แซวเรื่องนี้ จนเป็นที่สนุกปากไปแล้ว” ศศิประภาบอกแล้วทำเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“แต่ผมเอาใจผู้หญิงไม่เป็นนะครับ แต่งไปน้ำชาเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข” ศาสตราวุธบอกมารดา
“แต่งงานกันไปแล้วเดี๋ยวก็จะค่อยๆ เรียนรู้กันไปเองแหละ หัวใจของลูกมันจะบอกเองว่าควรทำอย่างไร ฟังเสียงด้วยใจ แล้วลูกก็จะรู้ทุกอย่าง” ศศิประภาบอก มีความหวังขึ้นมาแล้วเมื่อศาสตราวุธเริ่มใจอ่อน
“แล้วถ้าผมไม่แต่งกับน้ำชาล่ะครับ” ศาสตราวุธถามมารดา
“ถ้าไม่แต่งกับน้ำชาก็ยังมีหนูวิให้ลูกเลือกอีก” ศศิประภาบอก
“แต่งๆ ไปเถอะวุธ ถ้าไม่แต่งกับคนไหนสักคน แม่แกก็จะจับคู่ให้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ” ยุทธนาที่เดินเข้ามาเห็นภรรยานั่งเล่นละครทำหน้าเครียดอยู่ก็ช่วยพูดเสริม
ศาสตราวุธถอนหายใจอย่างเป็นกังวล ไม่ได้ให้คำตอบว่าเขาจะแต่งงานกับรติชาหรือไม่
*********************
ที่ไร่สุวารักษ์ พ่อเลี้ยงโสภณให้การต้อนรับครอบครัวของไร่เลิศประจักษ์เป็นอย่างดี เพราะเขาโดนแม่เลี้ยงกานดาภรรยาของเขาขู่ว่าถ้าเขาทำไม่ดีกับครอบครัวของศาสตราวุธ เธอจะโกรธเขาและพารติชากลับไปอยู่บ้านของเธอที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง
อีกทั้งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าถ้ามีแขกมาบ้านต้องให้การต้อนรับ พ่อเลี้ยงโสภณจึงต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ยุทธนาคุยถูกชะตากับพ่อเลี้ยงโสภณอย่างนึกไม่ถึง เพราะทั้งสองคนอยู่ในชมรมหมากรุกของจังหวัดเหมือนกัน ทำให้ภรรยาของพวกเขาโล่งใจและทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้น
ศาสตราวุธมองรติชาที่กำลังตักอาหารบริการทุกคนอยู่ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าควรตัดสินใจแต่งงานกับเธอดีหรือไม่ และหากเขาไม่แต่งกับเธอ ศศิประภาก็จะหาผู้หญิงคนอื่นมาสร้างความวุ่นวายให้เขาอยู่ดี
“พี่วุธจะทานอะไรบ้างคะ เดี๋ยวน้ำชาตักให้” เธอบอกเขาอย่าเอาใจ เพราะที่ไร่สุวารักษ์จัดอาหารเป็นแบบบริการตนเอง เพราะถ้านั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารมันจะดูเครียดไป หากใครอยากทานอะไรก็ตักทานไปคุยไปได้ทั้งวัน ซึ่งศศิประภาก็ประทับใจที่ทางแม่เลี้ยงกานดาจัดงานแบบนี้
“พี่ยังไม่หิวครับ” เขาบอกเธอ
“งั้นไปเดินดูสวนหย่อมของคุณพ่อไหมคะ ท่านมีไม้ประดับสวยๆ เพียบเลย” รติชาชวนเขา ศาสตราวุธพยักหน้าและยิ้มรับคำชวนอย่างพอใจ จนรติชาอดยิ้มตามไม่ได้ ที่เขากำลังเหมือนเด็กที่ถูกหลอกล่อด้วยขนม แต่ต่างกันตรงที่ถูกหลอกล่อด้วยต้นไม้แทน
ทั้งสองเดินไปดูสวนหย่อมด้วยกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมองตามอย่างเอ็นดูและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเพื่อหยั่งเชิงดูท่าทีอีกฝ่ายก่อนว่าคิดอย่างไรกับการมาหาในวันนี้
สักพักศาสตราวุธก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับรติชาแล้วต่างคนต่างมานั่งข้างๆ บุพการีของตนเองที่กำลังพูดคุยกันอยู่
“ตอนนี้ถ้าหนูน้ำชาไม่มีใคร ป้าก็อยากจะทาบทามไว้ให้พี่วุธเขา หนูน้ำชาขัดอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ศศิประภาถามออกมา รติชายิ้มรับแล้วมองหน้าศาสตราวุธที่ลดยิ้มลง แล้วรู้สึกสงสารเขาอยู่บ้างที่เธอใช้เขาเป็นเครื่องมืออย่างนี้
“ไม่ขัดข้องค่ะ” รติชาบอกแล้วยิ้มให้ศาสตราวุธ
“ผมอยากจะลองศึกษาดูใจกับน้องก่อน หวังว่าพ่อเลี้ยงจะอนุญาตนะครับ” ศาสตราวุธรีบบอก ก่อนจะโดนบีบบังคับให้ทำมากกว่านี้ รติชาหน้าแดงเรื่อ เมื่อศาสตราวุธเอ่ยปากออกมาด้วยตัวเอง เธอดีใจและประทับใจกับการมาของเขาในครั้งนี้มาก แต่แค่คบกันมันไม่ใช่สิ่งที่รติชาต้องการในตอนนี้
“ไหนเราตกลงกันตั้งแต่ที่กรุงเทพแล้ว ว่าวันนี้เราจะคุยเรื่องแต่งงานกันไงคะ” รติชาแกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจ
“หมายความว่าอย่างไร รู้จักกันไม่ถึงเดือนแล้วคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว และเจอกันที่กรุงเทพ มันคืออะไร” พ่อเลี้ยงโสภณถามรติชาเสียงเข้ม
“น้ำชาไปพักกับพี่วุธตอนที่ลงไปสัมมนาค่ะ” รติชาบอกบิดาอย่างกำกวมจนพ่อเลี้ยงโสภณแทบเป็นลม เมื่อเข้าใจว่าลูกสาวเสียตัวให้กับเจ้าของไร่ด้านตะวันออกไปแล้ว
“ตายจริง อย่างนี้ทางเราคงต้องรีบจัดงานแต่งงานเพื่อรักษาเกียรติของหนูน้ำชาเอาไว้แล้วนะคะ” ศศิประภาได้ทีพูดเรื่องแต่งงานทันที
“แม่ครับคือ..” ศาสตราวุธกำลังจะปฏิเสธเมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่กำลังเข้าใจผิดเพราะคำพูดกำกวมของรติชา
“นี่ทำผิดแล้วไม่คิดรับผิดชอบหรือไง” พ่อเลี้ยงโสภณตวาดเสียงดัง แม่เลี้ยงกานดาแกล้งทำเป็นรับไม่ได้แล้วเป็นลมล้มพับไป
ศาสตราวุธทำตัวไม่ถูกเขาเลยไม่พูดอะไรแล้วปล่อยให้ศศิประภาจัดการตามใจ พลางมองหน้ารติชาที่ตอนนี้ยิ้มมาทางเขาอย่างผู้ชนะ เหมือนจะบอกว่าเธอตั้งใจจะให้เรื่องมันออกมาเป็นอย่างนี้แต่แรกแล้ว
“ทางเรายินดีรับผิดชอบให้เร็วที่สุดเลยนะคะ พ่อเลี้ยงไม่ต้องเป็นห่วง” ยุทธนารีบบอก
“มันก็ควรต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ” แม่เลี้ยงกานดารีบชิงพูดแล้วขยิบตากับศศิประภาให้เป็นอันรู้กันว่าเธอนั้นแกล้งเป็นลม แล้วยิ้มกับแผนที่ไม่ได้นัดกันล่วงหน้าที่ออกมาดีเกินคาด
“ไปกราบขอขมาพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงสิลูก” ศศิประภาบอกศาสตราวุธ
เขาจึงต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ เพื่อไม่ให้เรื่องราวใหญ่โตและวุ่นวายไปมากกว่านี้
ศาสตราวุธนั่งลงที่พื้น รติชาเองก็นั่งลงข้างๆ เขา ทั้งสองกราบที่ตักของพ่อเลี้ยงโสภณและแม่เลี้ยงกานดาพร้อมกัน เพื่อขอขมาที่ได้ล่วงเกินทางความรู้สึกไป
“ผมยินดีจะรับผิดชอบแต่งงานกับน้องอย่างสมเกียรติครับ” ศาสตราวุธพูดในสิ่งที่ทุกคนอยากได้ยินให้จบๆ ไป ทำให้พ่อเลี้ยงโสภณเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นบ้าง
เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว ศาสตราวุธจึงชวนรติชาออกไปนอกบ้านเพื่อให้ผู้ใหญ่ตกลงเรื่องฤกษ์แต่งงานกัน
“ทำไมพูดให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิดอย่างนั้น” เขาถามเสียงเครียด
“น้ำชาก็แค่อยากเร่งความสัมพันธ์ของเรา อยากแต่งงานกับพี่วุธเร็วๆ ก็เท่านั้นเองค่ะ” รติชาไม่ปฏิเสธ และยอมรับออกไปตรงๆ
“แล้วพี่วุธ จะมาขอคบกับน้ำชา จริงๆ นะหรือคะ” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว
“อืม ไม่งั้นก็ต้องดูตัวกับคนอื่นไปเรื่อยๆ ไหนๆ น้ำชาก็อยากแต่งงานกับพี่ ก็เลยคิดว่าลองดูสักตั้ง แต่ก็ไม่คิดว่าจากจะขอดูกันไปก่อน กลายเป็นว่าจะต้องแต่งงานกันเลย” ศาสตราวุธบอกเธอไปตามตรง ไม่อยากโกหก
“อ๋อ ที่แท้ก็แค่ตัดความรำคาญ” รติชาพูดอย่างน้อยใจ
“แล้วคิดว่าเหตุผลอื่นด้วยงั้นเหรอ” ศาสตราวุธถามเธอเสียงเรียบ รติชาไม่ตอบ นึกโมโหตัวเองที่หลงคิดว่าเขานั้นมีใจให้
‘ไอ้พี่วุธบ้า’
*********************
คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายผลัดกันอวยพรตามธรรมเนียมปฏิบัติของการส่งตัว แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง รติชาขอตัวไปอาบน้ำก่อนเขา เธอใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร พอออกมาก็พบว่าเจ้าบ่าวกำลังคุยกับไม้ประดับของเขาที่วางอยู่ตรงระเบียงห้องอยู่ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ รติชานั่งเป่าผมจนแห้งแล้วได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ อย่างสบายใจออกมาจากห้องน้ำ มันยิ่งทำให้เธอนั้นตื่นเต้นว่าเขานั้นกำลังจะทำเรื่องการเข้าหอในคืนนี้ให้สมบูรณ์ แล้วเธอจะบ่ายเบี่ยงด้วยวิธีไหนดีเพื่อไม่ให้เขาทำมันสำเร็จ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับเขา ถึงเขาจะมีสิทธิ์เต็มที่ก็ตาม เธอตัดสินใจไปนอนที่เตียงแล้วทำเป็นแกล้งหลับไปก่อนเขา ศาสตราวุธเดินมาที่เตียงแล้วนอนลงจนเตียงยวบลงจนรติชารู้สึกได้ เธอใจเต้นตึกตักแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาพูดกับเขา ศาสตราวุธเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มจะห่มให้เธอ รติชาสัมผัสได้ถึงมือเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เลยลืมตาขึ้นมา “พี่วุธจะทำอะไรคะ” เธอถามเขาหน้าตาตื่น “อากาศมันเย็น จะห่มผ้าให้” เขาบอกแล้วโน้มหน้าลงจะทำหน้าท
สุริวิภาไม่ชอบหน้ารติชาอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งคำพูดของเธอที่แทงใจดำเรื่องวิธีที่ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนางงามจังหวัดมา ยิ่งทำให้สุริวิภานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก “แกก็แย่งคุณวุธมาสิ ง่ายจะตาย” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น “แต่ฉันไม่ชอบหรอกนะ บอกแล้วไง แค่เก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท้ายๆ” สุริวิภาบอก “ก็แค่แกล้งให้ยัยนั่นไม่พอใจ ไม่ได้ให้ไปแย่งมาจริงๆ เสียหน่อย” เพื่อนอีกคนบอก “งั้นพวกแกกินข้าวกันไปก่อน ฉันจะกลับไปที่โต๊ะนั้น” สุริวิภาบอกแล้วปรับสีหน้า ยิ้มเดินเฉิดฉายไปยังโต๊ะของศาสตราวุธ “ขอวินั่งด้วยนะคะ” เธอบอกแล้วนั่งลงข้างๆ ศาสตราวุธทั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต “วิรู้สึกผิดกับเรื่องวันนั้นจังเลยค่ะ อยากขอโทษพี่วุธอีกครั้ง ขอโทษนะคะ” สุริวิภาพูดแล้วกราบที่หน้าอกของศาสตราวุธ เขาตกใจรับมือเธอเอาไว้แทบไม่ทัน “ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกเธอ แล้วยิ้มฝืนๆ ไปให้ “มื้อนี้วิขออนุญาตเลี้ยงนะคะ ถือเป็นการขอโทษ” เธอบอกเขาเสียงอ่อน ปรายตามองรติชาที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายเองได้” ศาสตราวุธบอก แล้วมองรติชาที่มองสุริวิภาอย่างไม่พอใจ เข้าใจว่าเธอคงไม่ชอบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการปัญหา
รติชาเตรียมงานแต่งงานของตัวเองด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องหงุดหงิดเพราะศาสตราวุธไม่ได้คิดอะไรกับเธอเกินกว่าเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการดูตัวกับผู้หญิงคนอื่น แต่พอนึกดูดีๆ แล้ว เธอเองก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเลี่ยงการแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองเหมือนกัน ดังนั้นจะไปโกรธเขาก็คงไม่ถูก “งั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” รติชาพึมพำออกมาเบาๆทางด้านศาสตราวุธเองจริงๆ แล้วก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดตรงกับเธอเกินไป ที่บอกว่าเขาตัดความรำคาญเลยตั้งใจจะลองคบกับเธอดูอะไรทำนองนั้น แต่เขาคิดว่าควรพูดความจริง เพราะไม่อยากโกหกเธอ และพยายามบอกตัวเองว่า เขาทำถูกแล้วที่ไม่ได้โกหกเธอออกไป แต่อีกใจก็คิดว่า ถึงไม่โกหกแต่ก็ไม่ควรพูดออกไปให้เธอรู้สึกแย่อย่างนั้น เขาคิดไปพลางดูฤกษ์ในมือที่แม่ของเขายื่นให้ แล้วถอนหายใจออกมา “ฤกษ์จดทะเบียนสมรสอีกห้าวัน ฤกษ์แต่งงานอีกสามสัปดาห์ ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะครับแม่” ศาสตราวุธถามมารดา เพราะเขาคิดว่ามันเร็วเกินไป “ทางนั้นเขาอยากให้รีบแต่งเพราะกลัวลูกสาวเขาเสียหาย” “แต่ผมไม่ได้ล่วงเกินน้ำชาเลยนะครับ โทรถามพี่ยุทธก็ได้” ศาสตราวุธยืนยัน “แล้วกล้าไปพูดกับพ่
หลังจากที่รติชากลับไร่ของเธอไปแล้ว ศาสตราวุธก็นั่งลงคุยกับมารดาอย่างเป็นงานเป็นงาน“แม่ครับ ผมไม่แต่งงานนะครับ” เขาบอกมารดาศศิประภาไม่คิดว่าศาสตราวุธอยู่ๆ จะพูดออกมาอย่างนี้ ปกติเขาไม่เคยพูดอะไรขัดใจเธอมาก่อน ทำเอาศศิประภานั้นอึ้งไปสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา และทำหน้าเศร้า“แม่แค่หวังอยากให้ลูกแม่สักคนแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน ที่มีพร้อมทั้งฐานะ และหน้าตาทางสังคม ให้แม่ได้อวดใครๆ บ้างว่าลูกสะใภ้ก็มีดีไม่น้อยหน้าใคร เมียของพี่แกเป็นคนดีก็จริง แต่แม่อวดใครเขาไม่ได้ เหลือแต่แกคนเดียว จะทำให้ความฝันแม่เป็นจริงมันไม่ได้เลยหรือไง ไม่รู้ว่าแม่ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ลูกชายทั้งสองคน ไม่มีใครเห็นใจแม่เลยสักคน” ศศิประภาบีบน้ำตาแต่ทำท่าแอบเช็ดไม่ให้ศาสตราวุธเห็น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาก็เห็นตั้งแต่แรกและนั่งนิ่งอยู่ด้วยความรู้สึกผิดอยู่“แม่ครับ” เขาเรียกมารดาเสียงอ่อน“ช่างเถอะพรุ่งนี้แค่ไปทานข้าวเพื่อผูกมิตรแล้วก็กลับก็แล้วกัน เรื่องข่าวลือที่ว่าลูกไม่ชอบผู้หญิงที่เขาลือกันให้แม่อับอายก็ช่างมัน” ศศิประภาพูดเสียงสั่น“ผมก็แค่ชอบต้นไม้มากกว่าผู้หญิง ต้นไม้ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำไมผมต้องไขว่
ศาสตราวุธนั่งเล่าเรื่องที่มารดาพยายามจับคู่เขากับรติชาและสุริวิภาให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ฟัง ศรายุทธหัวเราะลั่นที่เจ้าชายต้นไม้อย่างเขาต้องมาเจอกับการรุกของฝ่ายหญิง“ฉันว่าคนชื่อวินี่ไม่ผ่านนะ” ศรายุทธบอกน้องชายแล้วอมยิ้มขำเรื่องที่เขาเล่า“บัวว่าคุณน้ำชานี่น่าลุ้นนะคะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ คนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย แถมมีไร่ชาด้วย เหมาะสมกับคุณวุธมากกว่า” บัวบงกชออกความเห็น“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงานนี่ครับ รู้จักกันไม่ทันไร อยู่ๆ จะไปเจอผู้ใหญ่แล้วพูดเรื่องแต่งงานเลย สงสารฝ่ายหญิงที่ต้องมีผมเป็นสามี ให้ตายเถอะ ผมยิ่งเอาใจใครไม่เป็นอยู่ด้วย ถ้าแต่งงานไปก็คงต้องหย่ากันอยู่ดี” ศาสตราวุธบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้เสียงเครียดเขาเอนตัวนั่งพิงกับเก้าอี้บุนวมอย่างเหนื่อยใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเจอความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้วรติชาตัดสินใจตามศาสตราวุธมา ไม่ใช่แค่เพราะจะมาตามตื๊อเขากลับไปพร้อมเธอเท่านั้น กลับไปไม่ทันอย่างน้อยก็มีข้ออ้างกับบิดาว่าเพราะเธอเป็นฝ่ายผิดนัดที่ไปสัมมนาแทนมารดา แต่เหตุผลหลักที่เธอตัดสินใจตามเขามาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะโดนสุริวิภาฉกไปก่อนรติชาติดสินบนให
ศศิประภาพอรู้เรื่องของที่ศาสตราวุธปรับเงินสุริวิภากับเพื่อนๆ ของเธอก็ดุลูกชายเป็นการใหญ่ ที่ทำเกินกว่าเหตุ“ผมไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลยนะครับแม่ ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาเสนอขึ้นมาเองว่าจะขอจ่ายค่าปรับ” ศาสตราวุธบอกมารดา เขาก็พอรู้ว่าเธอนั้นแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ก็อยากให้บทเรียนบ้าง“ให้ตายสิลูกชายฉัน ถ้าผู้หญิงบอกอะไร มันไม่ได้หมายความว่าต้องการสิ่งนั้นเสมอไป” ศศิประภาบอกลูกชายเสียงเครียดแล้วกุมขมับเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขาให้เข้าใจ“แล้วทำไมไม่พูดตรงๆ ล่ะครับ ต้องให้ตีความหมาย ใครจะไปรู้ ต้นไม้ยังแสดงอาการบอกเลยว่าต้องการให้ดูแลอย่างไร แต่กับคนนี่เข้าใจยากเหลือเกิน” ศาสตราวุธบ่นออกมา เขารู้ดีว่าคำพูดของผู้หญิงนั้นต้องตีความ และมันเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากมีใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเขา เพราะเขาขี้เกียจตีความหมายเหล่านั้น“ไม่รู้ล่ะ วุธต้องหาสะใภ้ให้แม่ภายในปีนี้ เลือกเอาหนูวิกับหนูน้ำชาคนใดคนหนึ่ง” ศศิประภาบอก“ผมยังไม่พร้อมครับ เพราะยังรู้จักกันได้ไม่นาน จะให้แต่งงานเร็วๆ นี้คงไม่ได้” ศาสตราวุธบอก เขาไม่พร้อมจะให้ใครเข้ามาในชีวิตในตอนนี้แต่ถ้าให้ต้องเลือกจริงๆ ระหว่างรติชากับสุริวิภา อย่างไร







