"หวางเย่..." เชียนอิงคุกเข่าเตรียมถวายบังคม แต่มือใหญ่กลับยกขึ้นปรามเอาไว้ ไม่ช้าฝีเท้าเงียบกริบก็เดินเข้ามาประชิดหยวนเพ่ยทางด้านหลังท่าทางของเด็กสาวตรงหน้าดูมีสมาธิจดจ่อกับงานตรงหน้าแต่เพียงอย่างเดียว เขาจึงตัดสินใจกระแอมเบาๆ เป็นการเรียกนางไปในตัวหยวนเพ่ยสะดุ้งน้อยๆ แต่นางกลับสนใจในท่าทีของหวงไท
“จื่อหาน เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”หวงตี้เอ่ยขณะที่ผู้เป็นอนุชารายงานเหตุการณ์ในชายแดน ชายหนุ่มผู้ถูกเอ่ยถึงก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ เขาล้วงม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วเอ่ย“อาจเป็นเพราะคัมภีร์เล่มนี้พ่ะย่ะค่ะ มันคือคัมภีร์ปธังชลี เป็นตำราที่เกี่ยวกับการกำหนดลมหายใจผสานกับการยืดเส้นสาย กร
"...เรื่องนั้น" หยวนเพ่ยว่าพลางหันหลังให้เขา แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อส่งให้ เมื่อเขาคลี่ออกอ่าน ก็เห็นว่าเป็นหนังสือที่มีลายพระหัตถ์ของหวงตี้"หนังสือสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องเจ้าถ้าเกิดข้อผิดพลาดในการถวายตัว?" เขาเงยหน้าขึ้นเหมือนคาดไม่ถึง"...เพคะ""ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ""...อยู่กับ
หยวนเพ่ยไปถึงตำหนักคุนหนิงในช่วงเช้ามืด นางตรงเข้าไปถวายพระพรหวงไท่โฮ่วที่กำลังง่วนกับการทำงานเย็บปักไม่วางตา พระนางเพียงพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่ได้เอ่ยสนทนา อีกทั้งไม่ได้หันมามองนางด้วย ซึ่งตรงนี้หยวนเพ่ยเข้าใจดีว่า ในช่วงหลังหวงไท่โฮ่วทรงเร่งปักกวนอิมพันมือพันตาเพื่อให้ทันช่วงวันประสูติของโพธิสัตว์กว
แต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อน นางเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับสมุนไพรหรือการนวดแผนโบราณแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ดังนั้นตำราที่ได้จากฉู่หวางจึงเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของหยวนเพ่ยหลังจากได้หนังสือแล้ว เด็กสาวจะใช้เวลาช่วงที่หวงไท่โฮ่วบรรทมในช่วงกลางวันประมาณหนึ่งชั่วย
"ข้าไม่เป็นไร" หยวนเพ่ยยิ้มบาง "ข้าเองก็คงไม่กลับตำหนักชุนชิว จะอยู่ที่นี่จนกว่าฟ้าจะสางจึงจะกลับไปยังตำหนักคุนหนิง รบกวนกงกงเตรียมชาดำให้ข้าสักกา ข้าอยากอ่านหนังสือสักเล่มแล้วจึงเข้านอน”"ขอรับ" ลี่กงกงเอ่ยอย่างนบนอบจากนั้นเด็กสาวจึงไปนั่งที่โต๊ะเตี้ยที่เอาไว้ใช้อ่านหนังสือ หยิบหนังสือที่วางอยู่มา
"แต่เจ้าเองก็รู้ถึงฐานะทางบ้านของเพ่ยเอ๋อร์ ถึงแม้จะได้รับสมรสพระราชทาน อย่างดีนางก็เป็นได้เพียง หรูเหริน (孺人) หรือ อิ้งซื่อ (媵侍) มิอาจเป็น หวังเฟย (王妃) [4]ได้ เจ้าเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์คนสำคัญ ซ้ำยังไม่มีชายา แต่สักวันหนึ่งเจ้าก็ต้องได้รับสมรสพระราชทานกับผู้ที่สามารถหนุนเจ้าได้ หรืออาจต้องแต่งเพื่อเ
ครั้งสุดท้ายที่หยวนเพ่ยเป็นลม คือตอนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคโต้รุ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาท่องจำอยู่หลายวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง หลังจากที่สอบเสร็จ คล้ายกับความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดขาดสะบั้นในคราเดียว จากนั้นเธอก็ล้มทั้งยืน ลำบากให้เพื่อนต้องคอยมาพัดวีจนฟื้นนี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนกลับไปในอดีต ที่เ
หลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมด คืนความเป็นส่วนตัวให้แก่ไท่โฮ่วและหยวนเพ่ย ขณะเดียวกันน้ำเมล็ดบ๊วยก็ยกมาพอดีพร้อมกับน้ำผึ้งหนึ่งถ้วยไว้เติมปรับรสชาติตามใจชอบ เด็กสาวกลั้นใจดื่มจนหมดถ้วยก็พบว่ารสชาติไม่ได้แย่เท่าที่คิด รสเปรี้ยวฝาดของเมล็ดบ๊วยคั่ว พอมีรสหวานของน้ำผึ้งเข้าไปก็กินง่ายขึ้น ผ่านไปครึ่งเค่อ อา
“ถวายบังคมหวงไท่โฮ่ว ถวายบังคมเฉากุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ”“ลุกขึ้นเถอะ”หวงไท่โฮ่วแย้มยิ้มเมื่อหยวนเพ่ยและฉู่หวางย่อกายคารวะนาง ก่อนที่ฉู่หวางจะค่อยๆ ประคองหยวนเพ่ยให้ลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นใบหน้าแดงเรื่อน้อยๆ ของชายาน้อยแห่งตำหนักฉู่หวาง ก็อดสบเนตรกับเชียนอิงที่กำลังอุ้มองค์ชายน้อย อมยิ้มเอ็นดูมิได้“
หนึ่งเดือนก่อนออกเดินทาง หยวนเพ่ยรู้สึกตัวเมื่อใกล้ยามเหม่า (05.00 น.- 6.59 น.) นับว่าสายกว่าเวลาที่นางตื่นปกติเกือบชั่วยาม นางลุกขึ้นนั่ง เรือนผมยาวสยายถึงเอว เรือนกายเปลือยเปล่า เนินอกอิ่มมีรอยจูบจางๆ ตีตราความเป็นเจ้าของ อีกทั้งยังรู้สึกมวนมุนในท้องจนต้องเอามือแตะเบาๆนับว่าการเดินทางต
“สัญญานี้เริ่มตั้งแต่เมื่อใดเพคะ”หยวนเพ่ยเปิดคำถามทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่จวนหวาง ชายหนุ่มยังไม่ตอบคำถามนางทันที เพียงจูงมือนางไปยังห้องนอน เขาดึงสลักที่เป็นกลไกออกเล็กน้อย เมื่อช่องที่อยู่ตรงหัวนอนเปิดออก ชายหนุ่มจึงหยิบกล่องใบหนึ่งมา หยวนเพ่ยจำได้ว่าเป็นกล่องที่หวงตี้พระราชทานให้เขาในวันเสกสมรส เม
เสียนเฟยคล้ายว่าถูกท่อนไม้หนาหนักทุบหัว สมองอื้ออึงงุนงง ตบแต่งชายาคนเดียวบ้าบออันใด!? ฉู่หวางผู้นี้กล่าววาจาเหลวไหลอันใดออกมา! ไม่มีทาง การเลือกเฟ้นชายาให้แก่เชื้อพระวงศ์ชั้นหวางทำไปเพื่อความมั่นคงและฐานอำนาจในราชบัลลังก์ บุรุษที่เห็นผลประโยชน์บ้านเมืองเช่นฝ่าบาทไม่มีทางยอมสัญญาเช่นนั้นแน่ใช่...นี
งานคัดเลือกชายาให้ฉู่หวาง จื่อหาน จัดขึ้นในลานหน้าตำหนักชุนชิว ที่นั่นนอกจากเสียนเฟยและเหล่าสาวงามที่นางคัดเลือกมาแล้ว ยังมีเฉากุ้ยเฟย หลิวเต๋อเฟย และเซียวซูเฟยร่วมด้วย ทั้งสามอยู่ในชุดประจำฤดูใบไม้ผลิที่ทั้งสีสันสวยงาม เนื้อผ้าค่อนข้างเย็นสบาย ทั้งสามโบกพัดกลมพลางสนทนาอย่างออกรสเมื่อได้เวลาตามนัด
เมื่อเข้าสู่เดือนที่สามของการแต่งงานระหว่างฉู่หวางกับหยวนเพ่ย ก็มีเรื่องมงคลเกิดขึ้นในจวน ไป๋ฟูเหรินที่พำนักอยู่ด้วยได้ให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิง นับว่าเป็นบุตรหงส์บุตรมังกรอย่างแท้จริง เด็กผู้ชายตั้งชื่อว่าซือเสียน เด็กผู้หญิงตั้งชื่อว่า ซือเซียน เด็กน้อยทั้งสองสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ด้วยการดูแลของหมอหลว
“แต่นางก็ไม่ จึงกลั่นแกล้งให้หยวนเพ่ยพลาดงานเลี้ยงของเฉากุ้ยเฟยสินะ” หวงไท่โฮ่วยิ้มแย้ม จากคำบอกเล่า ละครโรงนั้นก็ช่างยิ่งใหญ่อลังการ ชวนให้นึกถึงตอนที่พระนางยังขับเคี่ยวกับบรรดาสนมต่างๆ ในสมัยสาวๆ จริงๆ นั่นละ“นั่นเป็นการเตือนของลูก ลูกอยากให้เสียนเฟยหยุดเพียงแค่นั้น ทว่านางกลับไม่ แม้ลูกจะให้หยวน
ณ ตำหนักคุนหนิง ครานี้เงียบสงบ มีเพียงหวงไท่โฮ่วที่พินิจพิจารณาภาพวาดสาวงามหลายสิบภาพที่ทางเจ้ากรมพิธีการจัดหามาให้ จังหวะเดียวกับที่หวงตี้เสด็จมายังตำหนัก“ลูกถวายพระพรเสด็จแม่”“ลุกขึ้นเถอะ” หวงไท่โฮ่วยิ้มบาง “วันนี้ลมอันใดหอบฝ่าบาทมาหาแม่ได้เล่า”“ลูกคิดถึงเสด็จแม่จึงมาเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ” เขายิ้ม พล