ฟู่หยวนเพ่ย

ฟู่หยวนเพ่ย

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-05-12
Oleh:  lianlianTamat
Bahasa: Thai
goodnovel16goodnovel
Belum ada penilaian
98Bab
7.6KDibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

เมื่อสาวไทยสายหมอนวดแผนโบราณเกิดเสียชีวิตกะทันหัน ดวงวิญญาณมาเกิดเป็นฟู่หยวนเพ่ย บุตรสาวของตระกูลฟู่สายรองที่ต่ำต้อย อีกทั้งยังถูกตระกูลหลักบังคับให้ถวายตัวเป็นเหลียงเจียของหวงตี้ จื่ออวี้ เพื่อรั้งความโปรดปรานให้กับ ฟู่หยวนฉุน ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง ในเมื่อนางไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับพี่สาว ดังนั้นนางต้องงัดความรู้และวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากเรื่องต่างๆที่ประดังเข้ามาให้ได้

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทที่ 1

ราตรีนี้เป็นวันแรกที่ฟู่หยวนเพ่ยถวายตัว...

นางเป็นน้องสาวของลี่เฟย ฟู่หยวนฉุน พระสนมที่พระองค์โปรดปราน บัดนี้สามปีผ่านพ้น อีกทั้งลี่เฟยที่กำลังตั้งครรภ์ประสงค์ให้คนในครอบครัวอยู่ดูแล ตระกูลฟู่จึงได้ส่งนางเข้าวัง

ฟู่หยวนเพ่ยภายนอกดูเหมือนคุณหนูในห้องหอทั่วไป คราแรกที่ได้พบ ใบหน้าเรียวขาวดังไข่ปอก ร่างกายอ้อนแอ้นอรชร เกล้ามวยปักปิ่นดอกอวี้หลัน ประดับที่ติดผมรูปดอกมะลิบานสะพรั่ง สวมชุดฮั่นฝูสีเขียวหิมะครามทอประกายนุ่มนวล ทำให้นางดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ต่างกับลี่เฟยที่ดูสดใสเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา

ชั่วชีวิตของพระองค์พบพานสาวงามอ่อนหวานมานับไม่ถ้วน เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ชวนให้เบื่อหน่าย อยากกลับไปตำหนักชุนชิวที่ลี่เฟยกำลังรออยู่

ความคิดของพระองค์ไม่ทันขาดห้วง เหล่าขันทีก็แบกม้วนผ้าห่มสีแดงปักลายเข้ามาในห้อง คล้ายเปาะเปี๊ยะใหญ่ยักษ์ชิ้นหนึ่ง มาวางบนแท่นบรรทม มีศีรษะของฟู่หยวนเพ่ยโผล่ออกมา ใบหน้าของนางเรียบเฉย ไร้แววเขินอายอย่างที่พึงมี

หวงตี้ถอนหายใจเฮือก พระองค์พลิกวรกายนอนตะแคงข้างมองนาง มือเรียวดึงผ้าห่มออกจากตัวนางอย่างระมัดระวังโดยที่นางเองให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางลุกขึ้นนั่ง แสงเทียนนวลผ่องต้องผิวขาวละมุนที่อาภรณ์ปิดไม่มิด

นางสวมเอี๊ยมและกางเกงขาสั้นสีขาวพระจันทร์ปักลายปิดอกอวบเกินวัย ปล่อยผมยาวสยายไร้ปิ่นและเครื่องประดับตามกฎมณเฑียรบาล หลังจากปล่อยให้พระองค์มองจนพอใจ นางจึงทำความเคารพ

"ถวายพระพรฝ่าบาท"

หวงตี้พยักหน้าแล้วปิดเปลือกตา ทำท่าไม่สนพระทัยนาง

นางเองก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ย "...พี่หญิงลี่เฟยประสงค์ให้หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาท ซึ่งหม่อมฉันรับปากแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้เพคะ"

"แค่เจ้าอยู่เฉยๆ ก็ถือเป็นการปรนนิบัติเราแล้ว" พระองค์ตรัสเรียบๆ

"นิยามของคำว่าปรนนิบัติไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับกามารมณ์นี่เพคะ" นางเอ่ย "ขอเพียงให้หม่อมฉันทำอันใดกับพระองค์เพื่อไปเล่าให้พี่สาวฟังได้ เช่นนั้นก็พอเพคะ"

โอรสสรรค์ลืมพระเนตรข้างหนึ่งด้วย ไม่นึกว่าเด็กสาวเรียบนิ่งคนนั้นจะเถียงพระองค์

"...เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไร"

"ให้หม่อมฉันถวายการนวดดีไหมเพคะ" นางยิ้มอ่อนหวาน "อยู่ที่บ้าน หม่อมฉันนวดให้ท่านพ่อท่านแม่ล้วนชมมิขาดปาก ทำให้พอมั่นใจในฝีมืออยู่บ้างเพคะ"

"...ก็ได้" นวดหรือ? อย่างดีก็คงแค่กำปั้นทุบเปาะแปะพอให้เจ็บๆ คันๆ กระมัง

ฟู่หยวนเพ่ยยิ้มบาง นางพนมมือทีหนึ่ง ก่อนล้วงเข้าไปในเอี๊ยม หยิบกระดาษที่หนีบอยู่หว่างอกจนพระองค์นึกประหลาดใจว่า ความยิ่งใหญ่ของหน้าอกนางมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด

"อะไร"

"หนังสือสัญญาเพคะ"

"สัญญา?"

"สัญญาว่าถ้าฝ่าบาทมีเหตุอันใดเกิดขึ้นในคืนนี้ จะไม่เอาผิดหม่อมฉัน"

“หนังสือสัญญา?” โอรสสวรรค์ตรัสทวนซ้ำเพื่อยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้หูฝาดไป

“เพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยพยักหน้า

“แค่นวด ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้ด้วย” พระองค์ทรงกวาดสายตาอ่านหนังสือสัญญาในพระหัตถ์ ยิ่งเพ่งเข้าไปดูใกล้ๆ คล้ายคนสายตาสั้นก็ยิ่งไม่เข้าพระทัย

“เนื่องจากตำรับการนวดของบ้านหม่อมฉัน มีบางท่าอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวด จนทำให้ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิด เช่นนั้นหม่อมฉันถึงได้ร่างสัญญาฉบับนี้ขึ้นมาตั้งแต่รู้ว่าจะได้เข้าพิธีถวายตัวเพคะ”

หวงตี้แย้มสรวล “เจ้าไปเรียนรู้วิธีการนวดมาจากที่ใดกัน”

“สำนักอู่ฝอซื่อ[1] เพคะ”

“ชื่อไม่คุ้น” สำหรับโอรสสวรรค์ที่ต้องมีพระเนตรพระกรรณกว้างไกล รับรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งในราชสำนักและยุทธภพ พระองค์ยอมรับว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“เป็นเพียงสำนักเล็กๆ ไร้ชื่อไร้เสียงในแคว้นนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ใส่พระทัยเลยเพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยทำท่าเอียงอาย “ตกลงว่าฝ่าบาทจะยอมรับสัญญานี้หรือไม่เพคะ”

หวงตี้ทอดพระเนตรนางตั้งแต่ศีรษะจดเท้า...สตรีนางนี้รูปร่างบอบบาง แขนขาเรียวดั่งลำเทียน เกรงว่าแรงฆ่าไก่แม้สักตัวคงไม่มี ถึงแม้จะใช้ท่านวดพิสดารอย่างไร บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เช่นพระองค์คงไม่สะดุ้งสะเทือนอันใด ดำริเช่นนั้นก็แย้มสรวล รับสั่งให้นางกำนัลหยิบพู่กันขนหมาป่ามา แล้วทรงลงลายพระหัตถ์บนหนังสือสัญญานั้น

“เราตกลง”

ฟู่หยวนเพ่ยมองลายมือชื่อก็แย้มยิ้มอ่อนหวานคล้ายได้หลักประกันสำคัญ นางพับสัญญาเรียบร้อยแล้วเสียบเข้าไปในร่องอกอวบอัดอีกครั้ง หวงตี้ทรงลอบกลืนน้ำลาย รู้หรือไม่ว่าท่าทีเช่นนั้นยั่วยวนพระองค์ไม่น้อย นางยกมือพนมขึ้นหว่างอกอีกครั้ง จักรพรรดิหนุ่มเห็นตั้งแต่เมื่อครู่แล้วให้นึกสงสัยก็ถามอีก

“เจ้าไหว้พระหรือ”

“ขออโหสิ...ไม่สิ...ทำความเคารพผู้ที่เรานวดตามกฎสำนักเพคะ” นางทูลตอบ แล้วจัดแจงฉุดพระหัตถ์ของหวงตี้ “ลุกขึ้นประทับนะเพคะ”

พระองค์ทำตามอย่างว่าง่าย คล้ายรู้สึกสนุกไปกับนางอยู่บ้าง แต่แล้วก็ต้องย่นพระขนงเมื่อมือเล็กเอื้อมมาปลดเชือกที่ผูกชุดนอนของพระองค์ออก เมื่อเห็นพระองค์ทอดพระเนตรมา นางจึงทูลเรียบๆ

“ต้องถอดฉลองพระองค์เพคะ”

โอรสสวรรค์ถอดฉลองพระองค์ตามที่นางทูล ลาดไหล่และร่างกายผึ่งผายอย่างผู้ที่ฝึกยุทธ์ เช่นนี้พาให้นางสนมน้อยใหญ่ต่างหลงใหลพระองค์เป็นนักหนา แต่เมื่อทอดพระเนตรเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับร่างกายอันเยี่ยมยอดของพระองค์ ก็ชวนให้หงุดหงิดพระทัยขึ้นมา

ฟู่หยวนเพ่ยก้าวลงจากเตียงเดินอ้อมไปยังด้านหลัง จากนั้นมือนุ่มนิ่มก็เริ่มบีบนวดจากหัวไหล่ กรีดไล้ไล่นิ้วแม่มือลงไปยังแนวกระดูกสันหลังจนถึงก้นกบ บังเกิดอาการร้าวซ่านในวรกายโอรสสวรรค์ เป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายและเบาสบายอย่างประหลาด หลังจากต้องสะสางราชกิจมาตลอดทั้งวัน

จากนั้นเด็กสาวก็ให้พระองค์เอนกายลงนอนคว่ำ ส่วนนางก็เริ่มต้นนวดต่อ มือเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรงทำเอาโอรสสวรรค์ครางต่ำๆ ออกมาอย่างรู้สึกสบายพระวรกาย

นางปรนนิบัติพระองค์ดีเช่นนี้ แม้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันเชิงชู้สาว แต่พระองค์ก็เริ่มชอบนางขึ้นมาทีละน้อย...แต่เพื่อไม่ให้ผิดใจกับลี่เฟย มอบตำแหน่งไฉ่เหริน[2] ให้นางไปก่อน ถ้านางทำตัวดี ยอมโอนอ่อนถวายตัวให้ พระองค์ค่อยเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปอีก

ในขณะที่กำลังเคลิบเคลิ้ม จู่ๆ พระกรของพระองค์ทั้งสองข้างก็ถูกดึงไพล่ไปด้านหลัง ดึงรั้งจนร่างแอ่นงอคล้ายกุ้ง พระองค์กะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง ไม่ถึงอึดใจก็ได้ยินเสียงหวานๆ ของฟู่หยวนเพ่ยจากด้านหลัง

“เจ็บนิดหน่อยนะเพคะ”

จากนั้นแรงถีบจากเท้าน้อยๆ พร้อมมือนิ่มๆ ที่ดึงรั้งพระองค์เข้าหานาง ความซ่านสบายเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดยากจะบรรยาย จนฟู่หยวนเพ่ยไม่แน่ใจว่าระหว่างสุรเสียงฝ่าบาทกับควายถูกเชือด เสียงใดไพเราะกว่ากัน

“อ๊ากกกกก!!!”

“อ๊ากกกกก!!!!”

สุรเสียงปานอยู่ในโรงเชือดมิใช่อยู่ในห้องบรรทมของผู้เป็นใหญ่เหนือแผ่นดินจงหยวน ทำเอาขันทีคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านนอกสะดุ้งน้อยๆ แต่มิทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปแต่ประการใด...เสียงเช่นนี้นานๆ ครั้งหวงตี้จะเปล่งออกมายามที่สนมรักปรนนิบัติจนพอพระทัยถึงขีดสุด เต็มไปด้วยความปรารถนาอิ่มเอมสมฤดี

“ลี่กงกงเจ้าคะ คือ...” นางกำนัลเอ่ยด้วยอาการปากคอสั่น นางไม่เคยได้ยินการร่วมหอที่ดุเดือดปานนี้เลย

หลินกงกงกลับส่งสายตาดุมาให้ “อย่าพูดเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ข้าเคยเตือนแล้วมิใช่หรือ”

“...เจ้าค่ะ” นางกำนัลผู้นั้นก้มหน้านิ่ง ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำถึงใบหู...

จะไม่ให้พูดถึงได้อย่างไร เสียงดังมาถึงหน้าตำหนักขนาดนี้ ช่างน่าอิจฉาฟู่เหลียงเจียเหลือเกินที่ถวายการปรนนิบัติจนเป็นที่โปรดปรานถึงเพียงนี้ ซึ่งเหลียงเจีย หรือธิดาจากครอบครัวสามัญชน รวมถึงธิดาข้าราชสำนักและปัญญาชนน้อยใหญ่ที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาในวัง จะต้องมาจากครอบครัวที่สุจริตไร้มลทิน และไม่ได้เป็นข้ารับใช้ โสเภณี หรือทาส คุณสมบัติเยี่ยงนี้จึงมีน้อยนัก

“อ๊ากกกกก!!!!”

ตอนนี้หวงตี้ไม่อาจตรัสอะไรไปได้มากกว่าคำนี้อีกแล้ว ความรู้สึกที่เหมือนถูกหักกระดูกดัดแขนนั้นเป็นความเจ็บปวดยากเกินจะทานทนไหว ครั้นจะหันไปมองหน้าผู้กระทำ ร่างกายก็ถูกดึงรั้งเอาไว้จนไม่อาจทำได้ดั่งใจ

“เจ็บหรือเพคะ” น้ำเสียงนางยังคงไม่ทุกข์ร้อนแต่ประการใด

หรือว่าแท้จริงแล้วนางไม่ใช่น้องสาวของลี่เฟย แต่เป็นคนของหน่วยองค์รักษ์พิทักษ์วังหลวงที่ชื่นชอบการทรมานคนมากกว่าสิ่งใด ซึ่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรนี้ภายหลังทำเรื่องทุจริตมากมายจนมีการตั้งหน่วยซีฉ่างเข้าไปสอดส่องพฤติกรรมอีกที หวงตี้พยักหน้าอีกครา

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฟู่หยวนเพ่ยจึงหยุดมือ ปล่อยแขนขาเขาแล้วไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่มุมเตียง รอคอยโทสะที่อีกฝ่ายเตรียมจะปะทุใส่นาง

“เจ้า...เจ้าคิดจะฆ่าเราหรือ!” หวงตี้ทรงชี้หน้าตำหนิอีกฝ่าย เมื่อครู่นี้เจ็บจนเผลออุปาทานไปว่ายายเมิ่งกำลังจะกรอกน้ำแกงลืมเลือน แล้วถีบตัวเขาไปเกิดใหม่แล้วด้วยซ้ำ!

“ทูลฝ่าบาท ที่หม่อมฉันทำไปเพราะมีความจำเป็นเพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยทูลด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คล้ายนางรับมือกับบุคคลที่เกรี้ยวกราดเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

“เนื่องจากจุดจว่อเจียนและอิ้วเทียน ซึ่งก็คือจุดบริเวณไหล่ซ้ายและขวาของฝ่าบาทมีอาการตึงและเริ่มมีพังผืดก่อตัว เกรงว่าถ้าปล่อยไว้นาน พระพลานามัยของฝ่าบาทจะทรุดลง หม่อมฉันเห็นว่ามิได้การ จึงได้กระทำโดยพลการ ขอฝ่าบาทโปรดพระราชทานอภัยด้วยเพคะ”

“ปกติเราก็มีหมอหลวงมานวดกดจุดให้บ่อยครั้ง ไม่เห็นมีการรายงานเรื่องนี้”

“อาจเป็นเพราะหลังจากที่พระองค์รักษาด้วยวิถีการทุยหนา[3]แล้ว ยังคงทำกิจวัตรเดิมๆ ซ้ำๆ ทำให้การรักษาไม่หายขาดเพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยทูล “เช่นนั้นอย่างน้อยตอนที่หม่อมฉันถวายการปรนนิบัติ ถวายการนวดรักษาควบคู่กับการใช้วิธีนวดกดจุดของหมอหลวงก็ยังดี”

หวงตี้ทรงนิ่งคิดไป ปกติสตรีที่ถวายตัวให้พระองค์ไม่เคยมีใครห่วงใยเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์สักนิด ทำไมพระองค์จะไม่รู้ว่า ทั้งยาและเครื่องหอมเร้ากำหนัด ไปจนถึงการหักโหมราชกิจและเรื่องบนแท่นบรรทมนั้นทำร้ายทำลายสุขภาพเพียงใด จะมีก็แต่ลี่เฟยและสตรีนางนี้ที่ถามไถ่และหาวิธีการดูแลพระองค์ให้สุขภาพแข็งแรง

พระองค์ดันบั้นเอวที่ยอกน้อยๆ ทีหนึ่ง ก่อนเข้าไปประคองฟู่หยวนเพ่ย

“เงยหน้าขึ้นเถอะ เราไม่เอาเรื่องเจ้าหรอก อีกอย่าง...” พระองค์ลอบมองหว่างอกของนางที่มีกระดาษสัญญาโผล่แพลมอยู่ “เจ้ามีสัญญาไม่เอาความที่ข้าลงลายมือไว้ ถ้าข้าลงโทษเจ้าก็ถือว่าเป็นทรราช”

“ขอบพระทัยเพคะ” เด็กสาวยิ้มบาง โชคยังดีที่คนคนนี้ยอมฟังนาง ไม่เหมือนโลกที่นางจากมา ที่บุคลากรทางการแพทย์เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลติดคุกติดตะรางก็มี นับว่ายุคสมัยที่มาอยู่ในตอนนี้ก็ไม่เลวร้ายนัก

“แล้ว...ต้องนวดแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่” พระองค์ตรัสถาม ยังเสียวสยองกับท่าดัดหลังของนางไม่หาย

“อีกสองสามท่าเพคะ เพียงแต่ว่าคงต้องให้ฝ่าบาททนเจ็บอีกนิดหน่อย” นางทูลตอบอ้อมแอ้ม ขณะที่แอบเอามือถูกันไปมาอย่างเตรียมพร้อม

หวงตี้ได้ฟังเช่นนั้นก็ให้ครุ่นคิด คำนวณเรื่องความคุ้มไม่คุ้มในการนวดครานี้ แต่พอเห็นนางยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าวิธีการนวดของสำนักนางนั้นช่วยได้ และไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของเด็กสาวหน้าตางดงาม สุดท้ายจึงตอบตกลง

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฟู่หยวนเพ่ยก็ให้นึกยินดีนัก ครานี้นางจับพระองค์นั่งสมาธิเอามือประสานไว้ที่ต้นคอ จากนั้นก็รั้งแขนที่สอดเข้ามาตรงรักแร้ของเขา แล้วบังคับให้หงายหลังลงมาช้าๆ จนแผ่นหลังของเขาชนกับอกอวบของนาง ท่านี้ก็ไม่ได้เจ็บปวดน้อยลงไปกว่าท่าแรกสักเท่าไร ถึงจะแนบชิดกับร่างกายนาง แต่จะหื่นก็ไม่หื่น จะร้องก็ร้องไม่ออก แม้นางจะทำกับเขาเบาๆ แล้วก็ตาม

ฟู่หยวนเพ่ยได้แต่ถวายการปรนนิบัติหวงตี้อย่างมีความสุข จากเดิมที่เคยสิ้นหวังว่าวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาจะหายไปกับการที่ต้องมาจับเจ่าเป็นสนมเช่นนี้ นับว่าการเดิมพันของนางมิสูญเปล่า

จากท่าแรก ท่าสอง ท่าสาม พลิกซ้ายป่ายขวาจนโอรสสวรรค์ยังสิ้นลาย ร่างกายเริ่มปวดระบม แต่นางก็ยังไม่ยอมหยุด ยังคงสำแดงวิชาจากสำนักอู่ฝอซื่อของนางอย่างแข็งขัน พอได้จังหวะจะคลานหนี ฟู่หยวนเพ่ยก็ลากเขาขึ้นเตียงประหนึ่งนายพรานลากกวางน้อยที่สิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่อับจนหนทางยอมให้กระทำการตามใจจนเสร็จสิ้น

เมื่อแสงแรกแห่งอรุณมาถึง ฟู่หยวนเพ่ยลุกจากเตียงพลางปิดปากหาว ขยับร่างกายซ้ายขวาคลายความเมื่อยล้า ก่อนหันไปมองหวงตี้ที่นอนคว่ำไร้สิ้นเรียวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วหรือเปิดเปลือกตา พลางส่ายหน้าน้อยๆ

“ครั้งแรกก็เช่นนี้ทุกคน”

หลินกงกงพร้อมนางกำนัลมาถึงพร้อมเครื่องทรงและเสื้อผ้าของหยวนเพ่ย เมื่อเห็นท่าทีของฝ่าบาทก็ให้ลอบสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ย

“คารวะนายหญิงน้อย”

“ท่านกงกงมาพอดี” ฟู่หยวนเพ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนบาง “ข้าเกรงว่าช่วงสองสามวันนี้ฝ่าบาทคงมิอาจออกว่าราชการได้ รบกวนท่านให้หมอหลวงจัดยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวดถวายฝ่าบาทด้วย”

หลินกงกงกะพริบตาปริบๆ เขาควรจะนึกยกย่องหรือเกรงกลัวนางที่สูบพลังชีวิตพญามังกรผู้นี้ให้สลบไสลดีหรือไม่

“...ข้าน้อยทราบแล้ว”

ฟู่หยวนเพ่ยลุกจากเตียงอย่างกระฉับกระเฉงให้เหล่านางกำนัลช่วยแต่งตัว นางสวมอาภรณ์สีเฟิ่นหง[4] เกล้ามวยประดับปิ่นตกแต่งเรือนผมด้วยดอกมู่ตานสีชมพู ดูไม่มากหรือน้อยเกินไป หลังจากคล้องผ้าคลุมไหล่แล้ว นางจึงลุกขึ้นยืน ย่อกายคารวะชายหนุ่มที่หลับเสมือนสิ้นลม

“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

[1] ชื่อวัดโพธิ์ในภาษาจีน

[2] ตำแหน่งสนมจักรพรรดิ

[3] การนวดกดจุดแบบจีน

[4] ผลฝรั่งไส้แดง(คำเรียกสีชมพูของจีนโบราณ)
Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

Tidak ada komentar
98 Bab
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status