มู่ชิงซานกับฟ่านรั่วเจี๋ยรับประทานอาหารที่ภัตตาคารอยู่ราวๆ หนึ่งชั่วยามอย่างเป็นส่วนตัว โดยเลือกอาหารขึ้นชื่อของที่นี่และของหวานตบท้ายซึ่งถูกใจคนกำลังตั้งครรภ์ แต่คนซึ่งกินจนอิ่มหนำและเรียกหาอาหารไม่หยุดปากกลับเป็นมู่ชิงซาน“นานๆ จะได้ออกมากินข้าวกับเจี๋ยเจี๋ย ข้าอยากเอาใจเจ้าสักหน่อย”“แต่ดูเหมือนท่านอ๋องจะเพลิดเพลินมาก เช่นนี้ฝีมือของผู้เป็นภรรยาคงไม่ถูกปาก”ยามนั้นชายหนุ่มรู้ว่าตนพลาดเสียแล้ว กระนั้นพ่อครัวที่ภัตตาคารแห่งนี้นับว่าเป็นยอดฝีมือ ทำทุกอย่างได้ดีกว่าในวังหลวงเสียด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกชอบใจจนสั่งหลายสิ่งมาเต็มโต๊ะ“อาเจี๋ย...ข้าแค่เปลี่ยนรสชาติ เจ้าอย่าได้คิดเป็นอื่น แม้เจ้าจะทำอาหารหมู อาหารเป็ดให้ข้ากิน ข้าก็จะกินให้หมด เพราะมันอร่อยทุกอย่าง”“ฟังท่านอ๋องพูดเข้า เช่นนี้ข้าน้อยใจนัก”มู่ชิงซานแกล้งเย้านางเช่นนั้น พอเขาวางมือที่หน้าท้องฟ่านรั่วเจี๋ย ก็เป็นนางที่ถลึงตาดุเขา“ทำอะไร ผู้อื่นมองอยู่ท่านอ๋อง”แทนที่เขาจะฟังนาง กลับแนบหูกับหน้าท้องหญิงสาวและทำประหนึ่งว่าฟังเสียงลูกน้อย“อืม พ่อเข้าใจ แม่เจ้าขี้โมโห ขี้หึงเป็นที่หนึ่ง เช่นนี้พ่อคงต้องกลายเป็นอ๋องกลัวเ
“เหตุใดท่านอ๋องจึงมีความคิดเช่นนั้น”“ก็...เพราะบางทีข้าน้อยใจที่ภรรยามีชายอื่นในดวงใจ”ฟ่านรั่วเจี๋ยตกตะลึงในคำพูด ตอนแรกย่อมเป็นนางที่นึกหึงหวงสามีที่กลับมาด้วยกลิ่นสุราบนร่างกาย และแก้มยังมีสีชาดทาปากของสตรีติดอยู่ทว่าตอนนี้เขากลับหาเรื่องสวมหมวกเขียวให้นางเสียนี่“ขะ...ข้าจะไปมีใจให้ผู้ใดกันอ๋องชิงซาน!”“ยังไม่รู้ตัวอีก” เขาว่าและทำหน้าตึง หากสายตาคมกริบไม่วายแสดงความยั่วล้อ“อย่ามากล่าวหาว่าข้านอกใจท่าน”“หากไม่ได้ทำ เหตุใดต้องร้อนตัว”เขายังยียวนไม่เลิก นางเลยกางมือเตรียมฟ้อนเล็บข่วนหน้าคนหล่อเหลา“เจี๋ยเจี๋ย...ทำแบบนั้นมันเจ็บรู้ไหม ข้ายังต้องไปพบปะคนในราชสำนักอีกตั้งมากมาย รวมถึงพรุ่งนี้ต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วย เจ้าไม่คิดหรือว่าสามีจะอับอายเพียงใดหากถูกภรรยาตบตี”“เป็นท่านกล่าวหาข้าก่อน”“ข้าเพียงน้อยใจที่เจี๋ยเจี๋ย...เอาแต่รักเป็ดน้อยมากกว่าข้าก็เท่านั้น”“อย่าพูดจาเหลวไหล ท่านกับเป็ดน้อยย่อมเป็นคนคนเดียวกัน”“จริงรึ...เยี่ยงนั้นเจ้าจงช่วยอาบน้ำ ถูหลัง และนวดเนื้อนวดตัวให้สามีเป็นเยี่ยงไร”“แขนขาท่านก็ดีๆ อยู่ เหตุใดต้องให้ผู้อื่นยุ่งยาก”ชายหนุ่มไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เข
ชินอ๋อง ท่านล้อภรรยาเล่นแล้วเกือบเที่ยงคืนแล้ว บรรยากาศเย็นชื้นมากหลังฝนตกหนัก แต่ห้องนอนของฟ่านรั่วเจี๋ยยังมีแสงตะเกียงน้ำมันสว่างอยู่ นางข่มตาหลับไม่หลงนางรอมู่ชิงซานมาหลายชั่วยาม ทั้งที่จางหมิ่นมาส่งข่าวว่าอีกฝ่ายเดินทางถึงเมืองหลวงตั้งแต่ก่อนหัวค่ำ แต่ติดงานในราชสำนัก เขามีเรื่องต้องปรึกษากับขุนนางอีกหลายคนกระนั้นในเมืองหลวงแห่งนี้ คนที่นางคุ้นเคยที่สุดย่อมเป็นมู่ชิงซานนางเฝ้ารออยากแจ้งข่าวเรื่องตนตั้งท้องแก่เขาหญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะกลม ขณะผล็อยหลับ กายอุ่นๆ ของมู่ชิงซานก็ก้าวมาชิดร่างนาง เขาพยายามอุ้มนางไปที่เตียง แต่ด้วยอาการซึ่งเมาอยู่มิน้อยจึงเกือบเสียหลักชนข้าวของในห้องฟ่านรั่วเจี๋ยลืมตาตื่น และต้องตกใจที่ร่างนางอยู่ในอ้อมอกแกร่งใบหน้าอีกฝ่ายแต้มรอยยิ้มกว้าง ดวงตามีประกายวิบวับ แต่ที่น่าโมโหที่สุดคือเนื้อตัวเขามีกลิ่นสุรา ซึ่งราวกับไม่ใช่การดื่มแต่อาบมาทั้งตัว“อ๋องซาน ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้” ฟ่านรั่วเจี๋ยเสียงเขียวจัดเจือความโมโหสีหน้าบึ้งตึง การแสดงออกนั้นทำให้มู่ชิงซานแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง จึงยอมวางนางลงพื้นแต่โดยดี“ฮูหยินของข้า...เหตุใดถึงทำท่าเหมือนจะกินสามี”“ถ้าหากท่
ในขณะที่มู่ชิงซานต้องสะสางงานหลายอย่างแทนบิดาที่ทางเมืองหน้าด่านฝั่งทิศตะวันออก เขาส่งคนเข้ามาสอดส่องดูความสงบของจวนชินอ๋องแทน ผู้นั้นคือหยวนซางกุนซือหนุ่มเป็นคนเจ้าระเบียบ หลายครั้งทำให้คนในจวนต้องเหนื่อยอยู่สักหน่อย กระนั้นการมีเขามาเยี่ยมฟ่านรั่วเจี๋ยทำให้นางไม่ต้องพบหน้าผู้คนในวังหลวงอย่างไม่จำเป็น เพราะอีกฝ่ายเป็นเสมือนคนรับหน้าแทนนางในหลายเรื่อง“อาซ้อ ท่านจะให้ข้าออกหน้าทุกเรื่องเช่นนี้ย่อมไม่ถูกต้อง”ในที่สุดหยวนซางก็กล่าวขึ้น ด้วยเทียบเชิญจากตำหนักต่างๆ ในวังถูกส่งมาไม่เว้นวัน แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยทำเป็นเงียบ และยังเอ่ยปากว่าหากไม่ได้มาจากตำหนักฮองเฮา หรือเป็นคำสั่งฮ่องเต้ นางจะขออยู่ที่จวนชินอ๋องเงียบๆต่อไป“ข้าไม่ถนัดเข้าวังหลวง อีกอย่างท่านได้รับมอบหมายงานจากท่านอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดถึงคิดขัดคำสั่งเขา”ฟ่านรั่วเจี๋ยตอกกลับอีกฝ่าย เมื่อครู่นางเห็นเทียบเชิญจากตำหนักต่างๆของฝ่ายใน ที่ส่งมาบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นของพระชายาเอกองค์รัชทายาท ฝ่ายนั้นดูเหมือนอยากรู้จักฟ่านรั่วเจี๋ย แต่นางคิดว่าตอนนี้ตนรู้จักคนทั่วเมืองหลวงมากมายจนจำหน้าไม่ได้แล้ว“อย่างไรอาซ้อควรออกไปนอกจวนบ้าง”ฟ่านรั่วเจ
นับตั้งแต่ฟ่านรั่วเจี๋ยมาอยู่ที่เมืองหลวงต้าหลาง มักมีของฝากมาจากทั้งฮองเฮาเซี่ยเหยียนและเหล่าขุนนางส่งมาให้ไม่ขาดสาย พ่อบ้านเหลียงเป็นธุระจัดการทุกอย่างและช่วยแบ่งเบาภาระของนางได้มากโขกระนั้นหนึ่งในของฝากมากมายก็มีสิ่งที่ฟ่านเยี่ยฉีส่งมาให้ ทั้งที่นางกลับแคว้นหมิงไปแล้ว ทว่ายังไม่วายขยันสร้างความร้าวฉานให้นางกับมู่ชิง-ซาน ก่อนกลับนางยังส่งจดหมายมาถึงฟ่านรั่วเจี๋ย เขียนข้อความทิ้งเอาไว้ว่านางจะได้รับตำแหน่งสูงส่งในแผ่นดินต้าหลาง ส่วนน้องสาวต่างมารดาผู้นี้คงไม่แคล้วกลับไปใช้ชีวิตในตำหนักเย็นเช่นเดิม“ทำลายทิ้งดีหรือไม่ฮูหยิน” พ่อบ้านเหลียงเอ่ยถาม สีหน้าไม่ใคร่พอใจ“ยามที่อาศัยอยู่ในตำหนักเย็นใช่ว่าข้าจะมีของกินมากนัก กว่าเป็ดจะออกไข่ หรือพืชผักออกดอกออกผล ต้องใช้เวลามิน้อย”“แต่ว่าของพวกนี้ล้วนเป็นการหยามหมิ่นท่าน องค์หญิงใหญ่ผู้นั้นช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก”“นางกางปีกเป็นหงส์ได้ไม่นานหรอก นอกจากปีกจะหักบินไม่ได้ ขาก็ยังจะพิการอีกด้วย”เหลียงตี้ได้ยินฟ่านรั่วเจี๋ยกล่าวแล้วก็ประหลาดใจ ฮูหยินของมู่ชิงซานปกติไม่ใช่คนเคียดแค้นใครง่ายๆ แต่ยามนี้ดูเหมือนนางจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายตนแต่ฝ่า
“อ๋องซาน!”มู่ชิงซานหัวเราะขบขัน เขาชอบยั่วให้นางมีอารมณ์กรุ่นๆ ด้วยสตรีนางนี้น่ารัก น่ากอด ชวนให้อยากง้อด้วยการจูบอย่างดูดดื่ม“เรียกสามีเสียงแข็งเช่นนี้ มีสิ่งใดขัดใจ”“ท่านจะทำการใดข้ามิเคยยื่นมือเข้าไปยุ่ง อีกอย่างเรื่องเช่นนี้ตอนที่อยู่แคว้นหมิงข้าก็ทำเป็นประจำ”“ฮ่าๆ ไฉนข้าจะไม่รู้ว่าภรรยามักหาทางหลบออกมาจากตำหนักเย็นหลังน้อย ขนผัก ขนไข่เป็ด ไข่ไก่ไปมอบให้ขอทานอยู่ตลอด แต่ที่ทำเช่นนั้นเพราะเจ้ามีข้อแลกเปลี่ยนกับพวกมัน”ฟ่านรั่วเจี๋ยอยากบิดสีข้างคนตัวโต เขาช่างรู้จักวิธีทำให้นางจนมุมและเผยความลับอยู่ตลอด“ข้าอยู่ในตำหนักเย็น หากปิดหูปิดตาตนเองเอาไว้ จะรู้ความเป็นไปของบ้านเมืองได้อย่างไร”“ดังนั้นเจ้าเลยใช้ขอทานเป็นสายลับคอยส่งข่าว และยังรวมถึงนางสนมตัวเล็กตัวน้อยกับขันทีซึ่งมีชีวิตอาภัพในวังหลวง ก็ได้แป้งผัดหน้าและน้ำหอมชนิดพิเศษที่เจ้าปรุงขึ้นเพื่อทำให้พวกเขาเป็นที่สนใจของฝ่าบาท และเหล่าคนในราชวงศ์”“โอ้ อ๋องซานช่างหูตากว้างไกล ผู้เป็นภรรยาคงไม่กล้ากระทำสิ่งใดนอกลู่นอกทางแล้ว”“เจี๋ยเจี๋ย...เจ้าชมสามีเกินไป ตัวข้าทั้งหล่อเหลาและเป็นคนใจกว้างดังนั้นอยากตกรางวัลให้ภรรยาสักเล็กน้อย