ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในกระท่อมหลังเล็กหลังหนึ่ง หากแต่ภายในมีชายรูปร่างสูงใหญ่นอนหายใจโรยริน ตรงช่วงเอวมีผ้าพันแผลสีขาวขุน มีเลือดไหลซึมออกมาตามแนวผ้า ทั้งห้องมีกลิ่นสมุนไพรอบอวลไปทั่ว
เมื่อเห็นสภาพของลูกน้องสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา หวังอี้หลินถึงกับทนรับไม่ได้ เขากำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์ที่อัดแน่นภายในใจ แต่แล้วชายหนุ่มได้นึกบางอย่างออก ถึงของที่อยู่ภายในกระเป๋าที่ภรรยาเขาเตรียมมาให้ เขาคิดว่ามียาบางตัวที่อาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยได้เป็นแน่
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้างนำของที่อยู่หลังม้ามาให้ข้าที” หวังอี้หลินตะโกนบอกคนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ให้นำกระเป๋าที่วางอยู่บนหลังม้ามาให้เขา
ผ่านไปเพียงครึ่งเค่อคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูได้นำกระเป๋ามาให้ เมื่อได้กระเป๋ามาชายหนุ่มรีบเปิดออกค้นหาสิ่งที่เขาต้องการ มันเป็นกระเป๋าใบเล็กอยู่ด้านในสุด เขาเปิดออกดูว่าพอจะมีสิ่งใดสามารถใช้ได้บ้าง
ในนั้นมีม้วนผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดนางบอกว่าเอาไว้สำหรับพันแผล หวังอี้หลินค้นดูต่อเขาหยิบขวดกระเบื้องมาอ่านทีละขวด ๆ อ่านสรรพคุณและวิธีใช้ดู นางช่างรอบรู้นักมีทั้งน้ำสีใสที่เรียกว่าน้ำเกลือ ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดบาดแผลเพื่อฆ่าเชื้อ มีทั้งยาลูกกลอนแก้ปวดและอักเสบ มีผงยาสำหรับห้ามเลือดที่เขากำลังต้องการ
เมื่อสำรวจดูและได้ของตามที่ต้องการ หวังอี้หลินจึงได้ให้หานลู่เป็นผู้ประคองคนเจ็บ ส่วนตัวเขาได้จัดการทำแผลตามวิธีที่ภรรยาเขาเขียนไว้ เมื่อทำแผลเสร็จเขาจึงได้ให้คนเจ็บทานยาแก้ปวดและอักเสบ
หลังจากที่คนเจ็บได้รับการทำแผลและกินยา แผลที่เคยมีเลือดไหลซึมตลอดเวลาได้หยุดไหลแล้ว คนเจ็บที่นอนหายใจโรยริน และจากที่นอนครางเสียงเบาด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้กับนอนหลับสนิทไม่มีเสียงที่บ่งบอกว่าเจ็บแต่อย่างใด
ทุกคนมองกันอย่างตกตะลึงกับยาที่หัวหน้าพวกเขานำมา ยาวิเศษเช่นไรถึงได้มีผลชะงักเช่นนี้ ยิ่งยาที่เป็นเม็ดลูกกลอนมันคือยาอะไร ทำไมคนเจ็บที่นอนครวญครางเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผล ถึงได้เงียบไปเช่นนั้น หานลู่ทนความอยากรู้ไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามขึ้น
“หัวหน้าท่านได้ยาวิเศษพวกนี้มาจากที่ใดกัน”
“เป็นภรรยาข้า นางทำให้เผื่อว่าข้ามีเหตุจำเป็นได้ใช้มัน” เมื่อนึกถึงหน้าภรรยาหวังอี้หลินยิ้มไม่หุบ
“ท่านกับภรรยาเข้าใจกันแล้วหรือ” ยังคงเป็นหานลู่ที่เป็นคนถามเช่นเดิม ด้วยเพราะรู้ว่าหวังอี้หลินกับภรรยามีความสัมพันธ์เช่นไร
“อืม ตอนนี้เข้าใจกันดีแล้ว พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะให้คนป่วยได้พักผ่อน”
หลังจากที่ทุกคนย้ายออกมาจากห้องพักคนเจ็บกลับมาที่กระท่อมหลังใหญ่ เพื่อปรึกษาหารือและวางแผนว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดี
“ข้ารู้มาว่าคืนนี้พวกมันนัดพบคนผู้หนึ่งเพื่อกระทำการบางอย่างขอรับ” หยงเหม่าเป็นผู้เปิดประเด็นเป็นคนแรก
“ดี เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะเป็นผู้เข้าไปสืบเอง” หวังอี้หลินเสนอตัวที่จะลอบเข้าไปสืบ เขาก็อยากจะรู้ว่าคนผู้นี้ใช่คนที่เขาคิดไว้หรือไม่
“เช่นนั้นข้าไปด้วยขอรับ ข้ารู้จักเส้นทางดีที่สุด” หานลู่ ขอติดตามไปกับหัวหน้าทันที
“ได้ แล้วกองกำลังของเราที่อยู่ที่ค่ายนี้มีกี่นาย”
“ค่ายชั่วคราวนี้มีประจำอยู่สามร้อยนายขอรับ ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นแบ่งออกเป็นหน่วยย่อย กระจายตามพื้นที่ที่ท่านได้สั่งการไว้แล้ว” หยงเจาผู้ที่จัดการตามที่ได้รับมอบหมายรายงาน
“ดี เช่นนั้นเราก็แยกย้ายกันไปเตรียมการเถอะ”
ทางด้านหวังอี้หลินถึงแม้จะรู้สึกคันยุบยิบที่อกข้างซ้าย กับความอ้อนของภรรยาอยากจะดึงตัวเข้ามาฟัดแรง ๆ สักที แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้"ถ้าอย่างนั้นให้พี่อุ้มดีหรือไม่""ท่านพี่" หยุนชิงนั่งกอดอกส่งค้อนให้วงใหญ่ ให้เขาอุ้มนางจะต่างอะไรกับนอนอยู่ในห้องกันล่ะ"เอาล่ะ ๆ พี่ยอมแล้วเจ้าอย่าได้อารมณ์ไม่ดีจะไม่ดีกับลูกของเรา แต่หากจะไปไหนต้องมีพี่ไปด้วยหรือมีคนติดตามเจ้าทุกครั้งสัญญาได้หรือไม่""ข้าสัญญาเจ้าค่ะ ท่านพี่ใจดีที่สุด" เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจนางจึงแถมหอมแก้มให้หนึ่งฟอดแต่ความวุ่นวายไม่จบเพียงเท่านั้น ในขณะที่หยุนชิงกำลังจะนั่งลงบนม้านั่งในสวนดอกไม้ข้างจวน"ท่านแม่อย่าเพิ่งนั่งเจ้าค่ะ พี่สาวเล่อขอผ้า" อาจูน้อยรีบร้องบอกมารดา ก่อนจะยื่นมือไปรับผ้าจากอาเล่อ แล้ววิ่งมาปัดม้านั่งจนสะอาด"เจ้าทำอะไรน่ะอาจู" หยุนชิงเอ่ยถามอย่างงุนงง"ทำความสะอาดเจ้าค่ะ เดี๋ยวน้องจะไม่สบาย""น้ำนี่เย็นเกินไปห้ามกินพี่สาวเล่อเปลี่ยนน้ำอุ่นเจ้าค่ะ""เจ้าค่ะคุณหนู""เจ้าอย่าทำหน้ายุ่งสิเดี๋ยวลูกเราจะเครียด"หยุนชิงพูดไม่ออกทั้งพ่อทั้งลูกจะห่วงอะไรกันขนาดนั้น"ทำดีมากอาจูลูกพ่อพวกเราต้องปกป้องท่านแม่กับน้องเข้าใจหรื
"ทูลท่านอ๋องหาตัวท่านหัวหน้าองครักษ์ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ" หนึ่งในเงาได้รับคำสั่งให้ตามหาหัวหน้าองครักษ์ เนื่องจากไม่กี่วันก่อนได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย"หาตัวให้พบถ้านำกลับมาแบบที่ยังหายใจไม่ได้ก็อย่าให้มีลมหายใจ" อ๋องหนานจิ้งแทบระงับโทสะไม่อยู่ต้องระบายความโกรธลงกับโต๊ะจนขาดเป็นสองท่อนแผนการจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว มันผู้ใดกล้ายื่นมือเข้ามาสอด แผนการที่จะให้พี่น้องฆ่ากันเองคงจะเป็นการยาก เห็นทีต้องเปลี่ยนแผนให้พวกเผ่าซ่งหนูยกทัพมาตีเมืองเร็วกว่ากำหนด"ท่านอ๋องแต่ว่าท่านหัวหน้า อ๊าก"ตุ๊บยังไม่ทันที่เงาผู้นั้นจะพูดจบร่างที่โดนเตะจนลอยไปตกหน้าประตูกระอักเลือดคำโตออกมา ทหารที่ยืนอยู่ต่างไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะต่างก็รู้ว่าอ๋องเฒ่าผู้นี้อารมณ์ร้าย และสามารถฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ การที่เงาผู้นั้นเอ่ยปากขัดเพื่อจะช่วยหัวหน้า นั่นหมายถึงการที่ตนเอาชีวิตมาทิ้งโดยแท้"ไปจัดการตามที่ข้าสั่งอย่าข้าให้ต้องพูดซ้ำ" อ๋องเฒ่าปรายตามองด้วยความเฉยชา สำหรับเขาคนพวกนี้ก็แค่มดปลวก ไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ ทั้งสิ้น กับอีแค่ทหารคนเดียวหายไปจะเป็นอะไรไป"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา" กล่าวจบเงาร่
"จริงสิเจ้าคะ อาจูล่ะข้าหลับไปตั้งสามวัน ใครดูแลไม่รู้เป็นเช่นไรบ้างข้าขอไปดูลูกสักหน่อย"หวังอี้หลินได้ถอนหายใจตั้งแต่อาจูน้อยรู้ว่าท่านแม่จะมีน้อง นางก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ถามคำตอบคำเขาก็จนปัญญา ไหนภรรยาจะหลับไม่ยอมตื่นอีก"พี่ไปด้วย"เมื่อเข้ามาถึงในห้องของบุตรสาวสิ่งที่เห็นตรงหน้า มีเพียงก้อนกลม ๆ ของผ้าห่มอยู่บนเตียง กับเสียงสะอื้นออกมาเบา ๆสองสามีภรรยารีบปราดเข้าไปหาร่างเล็กของเด็กน้อย ตกใจที่เห็นนางนอนร้องไห้หรือระหว่างที่ตนหลับถูกใครรังแก"อาจูไหนบอกแม่สิ ใครรังแกเจ้า""บอกพ่อมาพ่อจะจัดการให้เจ้าเอง"อาจูน้อยขดตัวใต้ผ้าห่มได้ยินเสียงของท่านพ่อกับท่านแม่จึงได้รีบเช็ดน้ำตาค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม"จูไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่ แค่ แง ๆ ๆ" จากที่คิดว่าตนจะไม่ร้องไห้แล้ว แต่พอคิดถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทนฝืนต่อไปไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา โถมตัวเข้ากอดหยุนชิงเต็มแรง"อาจูอย่าโถมตัวใส่ท่านแม่เช่นนี้ ท่านแม่กำลังมีน้อง" หวังอี้หลินร้องห้ามเสียงหลง"จูขอโทษเจ้าค่ะ" เด็กน้อยถูกผู้เป็นบิดาดุเป็นครั้งแรกถึงกับหน้าเสีย ก่อนจะขยับตัวออกห่างจากหยุนชิงเพราะกลัวท่านพ่อจะไม่พอใจ"ท่านพี่เห
"อืมมม" ร่างบางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิดกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับการมองเห็นให้ชัดมากขึ้น"ชิงเอ๋อร์เจ้าตื่นแล้วหรือ เจ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่" ชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าภรรยาอยู่ด้านข้างรีบคว้ามือนางขึ้นมาจับสอบถามอย่างห่วงใย"ข้าสบายดีแค่นอนหลับพักผ่อนมีอะไรหรือเจ้าคะ ดูสีหน้าท่านไม่ค่อยดี""ก็เจ้าหลับไปตั้งสามวัน พี่เชิญท่านหมอมาตรวจบอกเพียง ว่าเจ้าไม่เป็นอะไรแค่หลับไปเท่านั้นจะไม่ให้พี่ห่วงได้อย่างไร" หลังจากที่เค้นความลับจากคนที่จับมาได้เขาก็ตั้งใจจะให้ภรรยานอนพักสักหน่อยค่อยปลุกมากินข้าว เมื่อถึงเวลาเข้าไปปลุกนางกลับไม่ยอมตื่น เขายิ่งร้อนรนตามหมอมาตรวจกลับไม่มีผู้ใดทราบถึงสาเหตุ บอกเพียงแค่ไม่ได้ป่วยเหมือนนางนอนหลับไปเท่านั้นเป็นไปได้อย่างไรนางแค่มานอนกลางวันแล้วฝันแปลก ๆ จะผ่านไปถึงสามวันเลยหรือบ้าไปแล้วจะว่าไปความฝันก็ดูแปลก ๆ ไม่มีสิ่งใดให้นึกถึงพี่สาวเมิ่งแต่ว่าตนกลับฝันถึงอีกฝ่ายไปได้ แถมยังตกปากรับคำจะช่วยดูแลสหายพี่สาวเมิ่งอีก ไม่รู้ว่าทั้งสามจะมากันตอนไหน จะได้จัดเตรียมต้อนรับถูกเพราะมัวแต่ฟังพวกเขาทะเลาะกันเลยทำให้ลืมถามไปเสียได้"ท่านพี่อย่าล้อข้าเล่นสิเจ้าคะ" ร่างบางยังไม่เชื่อ
"นางหนูตื่น ๆ ""อืม แจ๊บ ๆ อย่ากวน ข้าจะนอน คร่อกฟี้""ตื่น ๆ เจ้าจะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไง""อย่ากวน ก็บอกว่าคนจะนอนไงเล่า" หยุนชิงบ่นออกมาอย่างรำคาญ เมื่อมีบางอย่างรบกวนการนอนของตนเอง ทั้งที่ตายังหลับแต่มือก็ยังโบกปัดสิ่งที่มารบกวน"ไม่ยอมตื่นใช่ไหม ได้! ข้าขอใช้วิธีเดิมก็แล้วกัน" ยายเมิ่งที่ความอดทนต่ำปลุกหญิงสาวตรงหน้าอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น จนนางต้องใช้วิธีสุดท้าย ก็คือยกฝ่าเท้าขึ้นก่อนจะสะกิดเล็กน้อยตรงบั้นท้ายอันงามงอนของร่างบางตรงหน้าตุ๊บโครม"โอ๊ย!!!! "ร่างบางที่กลิ้งหลุน ๆ ตามแรงถีบตอนนี้ถึงกับตื่นเต็มตา ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งลูบก้นตัวเองปรอย ๆ พร้อมกับสะบัดหน้ามองแรงยายเมิ่งอย่างไม่พอใจ"เจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ ข้าปลุกดี ๆ แล้วเจ้าไม่ยอมตื่นเอง" ยายเมิ่งที่เห็นอีกฝ่ายมองแรงอย่างคาดโทษจึงรีบพูดอธิบาย นางก็ว่าออกแรงแค่นิดเดียวเองนะ"คราวก่อนท่านก็ถีบข้านะเจ้าคะ แต่เดี๋ยวนะที่นี่ที่ไหนแล้วข้ามาอยู่กับท่านได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าข้าตายแล้วนะ ไม่จริงข้ายังชื่นชมสามีสุดที่รักไม่หนำใจเลย ไหนจะกิจการข้า อาจูอีก" หยุนชิงมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากสีขาวโพลนเท่านั้น"หยุดก่อน
หยงเจากลับมาพร้อมกลับข้อมูลสำคัญ เหตุการณ์มากมายที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นฝีมือของอ๋องหนานฟาหยาง ที่สร้างขึ้นมาเพื่อหวังจะตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดเขาแน่ใจแล้วว่า เป็นอ๋องห้าหนานจิ้งคือผู้สั่งการทั้งหมด และคราวนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับหลักฐานนั้นก็คือ...อาวุธลับที่ทำลอกเลียนแบบที่เหมือนทั้งของกองกำลังพวกเขา และสัญลักษณ์ประจำตัวอ๋องหนานฟาหยางนั่นเอง เป็นเพราะระหว่างที่เขาตามสืบเรื่องการมีส่วนร่วมก่อกบฏครั้งนี้ ในตอนที่พักดื่มชาที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งได้บังเอิญเจอกับเฒ่ากงยี่เข้าพอดีเขาได้แอบซุ่มติดตามอดีตราชครูเฒ่า นัดพบบุคคลหนึ่งในห้องพิเศษของโรงเตี๊ยม และได้เห็นตาเฒ่ายื่นสิ่งของให้ชายผู้นั้น เป็นอาวุธลับที่สลักลวดลายเหมือนกับตราสัญลักษณ์ของกองกำลังพิเศษ และยังมีอีกชิ้นที่เป็นของอ๋องหนานฟาหยางพร้อมกับจดหมายบางอย่างจากนั้นเขาได้ติดตามชายคนนั้นจนออกมาถึงชายป่า เมื่อรู้ตัวว่าถูกติดตามจึงเกิดการต่อสู้กัน ตัวเขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอดยังดีโชคยังเข้าข้างอยู่ ทำให้อีกฝ่ายพลาดท่าโดนเข็มพิษตัวชาไร้กำลังไปสักระยะเข้า
ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันพลางคิดเหมือนกันว่า นี่ขนาดนางแค่ทำขึ้นมาเล่น ๆ เพียงเท่านั้น หากวันหนึ่งนางอยากทำขึ้นมาแบบจริงจังไม่ใช่ว่าจะเป็นแม่ค้ารายใหญ่เชียวหรือ และของที่นางทำแต่ละอย่างมันล้วนเป็นประโยชน์ในการทำศึกทั้งสิ้นเมื่อทั้งสามดูทุกอย่างจนครบแล้วจึงได้ออกมารวมตัวกันที่ห้องรับประทานอาหาร เพราะกว่าจะเดินชมอาวุธแต่ละชิ้นหมดก็ถึงเวลาอาหารพอดีวันนี้หยุนชิงสั่งให้แม่ครัวทำอาหารหลายอย่าง อย่างเช่น ปลาสามรส ผัดเปรี้ยวหวาน ไข่ตุ๋นนมสด ไข่ผัดเห็ดหอมเต้าหู้อ่อน ต้มยำกุ้ง และตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานอย่างเช่นเคยเหมือนทุกวันทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้า ประหนึ่งว่าวันนี้คือวันสิ้นโลกโดยเฉพาะหานลู่ที่ไม่รู้ว่าอดอยากมาจากไหน เขาสามารถกวาดทุกอย่างลงท้องได้อย่างรวดเร็ว“ชิงเอ๋อร์ วันนี้พี่ไม่เห็นอาจูเลยลูกไปไหนหรือ”“นางไปเล่นที่บ้านซือซือเจ้าค่ะ พอรู้ว่าท่านน้าจะมีน้องนางก็ไปขลุกอยู่ด้วยทั้งวันเลย ตอนนี้ข้าให้นางทานข้าวแล้วเข้านอนไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ” อาจูน้อยตั้งแต่รู้ว่าท่านน้าซือซือของนางจะมีน้อง จึงได้ขออนุญาตหยุนชิงไปเล่นกับท่านน้า เพราะเจ้าตัวเห่อน้องมากด้วยอยู่คนเดียวมานานอยากมีเ
“พวกท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ”หยุนชิงเดินนำทั้งสองออกไปข้างนอก หญิงสาวเดินตรงไปยังพื้นที่ตรงตีนเขา นางให้คนมาสร้างโรงเก็บใหม่ที่ตรงนี้เพราะเป็นที่ลับตาคน และสงบไม่มีสิ่งรบกวน เมื่อพาหวังอี้หลินและหานลู่มาถึงยังโรงเก็บ ผู้ดูแลเห็นผู้เป็นนายเดินเข้ามาจึงได้ออกมาต้อนรับ“คารวะนายหญิงนายท่านขอรับ” ผู้ดูแลกล่าวและทำความเคารพอย่างนอบน้อม“ท่านลุงเปิดประตูให้ข้าที” หยุนชิงบอกแก่ผู้ดูแลให้เปิดประตูให้ เพื่อจะได้พาหวังอี้หลินและหานลู่เข้าไปชมอาวุธที่นางได้สรรค์สร้างไว้“ขอรับนายหญิง” หลังจากที่ผู้ดูแลเปิดประตูโรงเก็บให้กับเจ้านายแล้ว เขาจึงได้ถอยออกไปรอด้านนอก ปล่อยให้ผู้เป็นนายเข้าไปด้านในกันเองชายหนุ่มทั้งสองตะลึงกับสิ่งที่เห็น เขาไม่เคยรู้เลยว่าพื้นที่ท้ายสวนที่ไม่ได้ทำอะไร กลับมีที่แห่งนี้ซ่อนอยู่ อาวุธแปลก ๆ มากมายหลากหลายชนิดถูกวางและเก็บบนชั้นอย่างดี และดูเป็นระเบียบมีทั้งสิ่งที่เขารู้จักและไม่รู้จักภรรยาเขาทำได้เช่นไรส่วนหานลู่นั้นได้แต่ยืนตาค้างพูดสิ่งใดไม่ออก ตรงหน้าเขานี่มันอะไรกันนี่ มันโรงผลิตอาวุธขนาดย่อมได้เลย แล้วของพวกนี้นางได้มาจากที่ใดเหตุได้ถึงได้มากมายถึงเพียงนี้จากนั้นเขาได
หวังอี้หลินเองเมื่อได้ยินภรรยารักบอกเล่า เขาก็เข้าใจได้ทันที แต่ว่าตอนที่ตนฝึกทุกครั้งดูจนแน่ใจแล้วนะว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาฝึกวรยุทธ์ ภรรยาเขานี่ช่างแสนรู้ซะจริง นี่เขาชื่นชมภรรยานะอย่าได้เข้าใจผิดกัน"แล้วพวกท่านจะทำเช่นไรต่อหรือเจ้าคะ หากหาคนมาอ่านจดหมายไม่ได้""คงจะต้องหาวิธีตั้งรับให้ดี ไม่เช่นนั้นคราวนี้เรารับไม่ไหวแน่" หานลู่ตอบ"ข้าขอดูจดหมายนั้นได้หรือไม่" หยุนชิงก็อยากรู้เช่นกันว่าจดหมายที่สามีบอกว่าเป็นภาษาประหลาดคืออะไรหวังอี้หลินได้ยื่นจดหมายทั้งหมดที่เขาได้มาให้ภรรยาดู หยุนชิงที่รับมาได้เปิดออกดูทีละฉบับ ภาษาที่ว่าเป็นภาษาอังกฤษสมัยเก่า คำศัพท์บางตัวก็อ่านยากแต่นางอ่านได้สบายนี่ต้องยกความดีให้กับการชอบเที่ยวของนางก่อนที่จะมาที่นี่สินะ ดีที่นางเที่ยวต่างประเทศบ่อย และชอบดูสถานที่โบราณและบางครั้งนางก็จะได้ความรู้ต่าง ๆ จากสถานที่เหล่านั้นอีกด้วย"พวกท่านไม่ต้องหาใครมาอ่านหรอกเจ้าค่ะ ข้าพอจะรู้และอ่านได้บ้าง แต่อย่าได้ถามข้านะเจ้าคะ ว่าข้าอ่านออกได้อย่างไรข้าไม่สามารถตอบได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง" หญิงสาวรีบกล่าวดักไว้ก่อนหากบอกไปว่ามาจากอนาคตจึงอ่านออก ตัวสามีไม่เป็นไรหรอกเพราะเ