로그인ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ
“สวัสดี” “เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ” “ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร” ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ “ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม” “ใช่” “ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย” “ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย” “ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ” “ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย” รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ “ฉันจะคุยกับเมียของฉัน” น้องเขยพยายามใจเย็น แต่คนเป็นพี่เมียฟังอย่างไรมันก็เป็นเสียงขบฟันชัดๆ เจ้าหล่อนได้ทีจึงกระพืออารมณ์โมโหของเขาขึ้นมาอีก “อ้าว! นายมาตามหาเมียหรอกเหรอ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย ว่าแต่เมียของนายเป็นใคร ชื่ออะไรล่ะ เผื่อฉันรู้จักจะได้ช่วยตามหา” “อย่ามากวนประสาทนะภัส เอามือถือไปให้ขวัญ ฉันจะคุยกับขวัญ” ติณณ์สั่งเสียงกร้าว ไม่คิดจะเก็บอารมณ์กันแล้ว พี่เมียก็พี่เมียเถอะ ถ้ายังรวนไม่เลิก เขาพร้อมจะชนแล้ว...แต่คราวนี้เจ้าหล่อนกลับว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของภัสสรา และแว่วเสียงคนพูดคุยกันที่ได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ที่ตรงนั้นคงมีคนอยู่มากกว่าสองคน มีทั้งเสียงผู้หญิงทั้งเสียงผู้ชาย กระทั่งเสียงฝีเท้าของคนปลายสายหยุดลง “ผัวของเธอโทร.มา เธอจะคุยกับเขาหรือเปล่า” เสียงนั้นดังเข้ามาอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อคมสันยิ้มกว้างอย่างรอคอยเสียงที่กำลังจะได้ยิน แต่รอยยิ้มหุบลงพลัน เมื่อได้ยินเสียงเดิมๆ พูดกับเขาชนิดที่ไม่เว้นจังหวะด้วยซ้ำ “เมียของนายไม่อยากคุยด้วย แค่นี้นะ” สายตัดไปแล้ว ติณณ์ทิ้งเป้ใบใหญ่ที่นำกลับมาจากเกาะไว้บนโซฟาใกล้ตัว ก่อนจะก้าวยาวๆ กลับไปยังโรงรถภัสสราตัดสายสนทนา แล้วส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้น้องสาว ก่อนจะตวัดสายตามองคนที่นั่งข้างๆ เจ้าตัวที่กำลังตีสีหน้าเหลอหลา หากพอเห็นประกายตาฉายแววเข้มงวด เขาจึงขยับเก้าอี้ตัวเองห่างออกมา
ภัสสราลากเก้าอี้ตัวที่ยังว่างมานั่งแทรกกลางระหว่างน้องสาวกับพระเอกลูกครึ่งที่ขอติดรถเธอมาจากกองถ่ายแล้วไม่ยอมกลับบ้านสักที แม้ผู้จัดการส่วนตัวมารับ เขาก็ยังไม่กลับ ก่อนจะหันไปคาดคั้นน้องสาว “เล่ามาสิว่าเมื่อวานเธอกลับมาบ้านนี้ทำไม เธอมีปัญหาอะไรกับติณณ์หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ ขวัญแค่ไปงานวันเกิดของเพื่อน แล้วบังเอิญร้านอยู่ใกล้บ้านเรา ขวัญก็เลยแวะมานอนบ้าน เพราะคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่” “ผัวของเธอไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอหายไปไหน เมื่อกี้เขาโทร.มาหา ดูท่าทางร้อนใจมาก” ‘ผัว’ จากปากพี่สาวทำให้ขวัญรดาตีสีหน้าแปลกๆ แม้ติณณ์จะพูดคำนี้กับเธอหลายหนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ชิน ยิ่งได้ฟังจากพี่สาวอีก มันก็ทำให้เธอรู้สึกเก้อเขินอย่างประหลาด “พูดเพราะๆ หน่อยสิ” เป็นพระเอกคนดังที่ติงขึ้นมา หากมีหรือที่คนอย่างภัสสราจะยอมฟังเขา “พูดเพราะๆ ยังไง แล้วเมื่อกี้ฉันพูดหยาบคายตรงไหน” “คุณเรียกว่าสามีก็ได้ หรือเรียกชื่อเขา” “อ้าว! คำว่าผัวเป็นคำหยาบเหรอ” ภัสสรากลอกตาไปมา แล้วจีบปากจีบคออธิบาย เผื่อว่าเขายังไม่แตกฉานภาษาไทย “นี่นะคุณชาย คำว่าผัวหรือเมียมันเป็นคำสุภาพ เป็นคำไทยแต่โบราณ ฉันถนัดเรียกอย่างนี้ ฉันก็จะเรียก และมันไม่ใช่คำหยาบคายด้วย” “คุณคบกับพี่หวานเยอะไปก็เป็นอย่างนี้” เอเดนถอนหายใจ ทำท่าเหนื่อยหน่าย ส่วนอีกคนก็เบิกตาโต แสร้งตกใจได้อย่างเกินจริง “นี่คุณว่าพี่หวานพูดจาหยาบคายเหรอ ตายแล้ว! ทำไมปากคอเราะรายอย่างนี้ พี่ครามกับน้องกุ๊กได้ยินเหมือนกันใช่ไหมคะ คอยดูนะ ฉันจะฟ้องพี่หวาน” โดยไม่ลืมพยักพเยิดกับผู้จัดการส่วนตัวและผู้ช่วยของเขาที่นั่งร่วมโต๊ะเพื่อให้เป็นพยาน ตบท้ายด้วยการขู่จะฟ้องคนที่ถูกพาดพิงถึงซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าประจำกองถ่าย “หาเรื่องผมอีกแล้ว งั้นกลับไปสนใจน้องเขยของคุณต่อเลย ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว” เมื่อเห็นท่าว่าถูกรุมแน่แล้ว คนของเขาทั้งสองคนแทนที่จะเข้าข้างเขา กลับนั่งอมยิ้มมองภัสสราเหมือนเอ็นดูเธอนักหนา เอเดนจึงล่าถอยเสีย ซึ่งเป็นเช่นนี้แทบทุกครั้งที่ต้องลับฝีปากกัน ภัสสราหันขวับมาเผชิญหน้ากับน้องสาวที่นั่งอึนๆ อย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะเค้นถามใหม่เวลาบ่ายสองโมงของวันหยุด เด็กชายวัยเก้าขวบหน้าตาคมคายส่อแววหล่อเหลาเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เขาไปช่วยพนักงานเสิร์ฟอาหารอยู่ในร้านอาหารของแม่ซึ่งตั้งอยู่ในแปลงที่ดินข้างบ้านขวัญรดามองลูกชาย เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวกลับมาพร้อมกัน ทั้งที่ตอนขาไป ลูกทั้งสองคนยังเดินจับมือกันอยู่เลย เธอจึงคิดจะถาม...แต่เจ้าตัวก็ฟ้องขึ้นมาเสียก่อน“คุณแม่ครับ ข้าวหอมไม่ยอมกลับบ้านอีกแล้ว”“น้องทำอะไรอยู่คะ แล้วน้องอยู่กับใคร”“น้องขายผักกับอยู่พี่มุกครับ เมื่อกี้น้องถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกด้วย ทั้งสองคนทำอะไรกันก็ไม่รู้ น่าเบื่อมาก ต้นรอไม่ไหว คุณแม่ไปตามน้องกลับบ้านหน่อยสิครับ”ดูท่าทางคนเป็นพี่ชายจะไม่สบอารมณ์ในตัวน้องสาวจริงๆ ขวัญรดาจึงต้องคุยต่อเพื่อหาสาเหตุ“ป้าจ๋าอยู่กับน้องใช่ไหมจ๊ะ แม่ว่าเราปล่อยให้น้องอยู่ที่ร้านไปก่อนก็ได้นะ”ป้าจ๋าเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กอ่อน หากมีพี่เลี้ยงคนนี้อยู่ด้วย ขวัญรดาก็วางใจว่ามีคนที่ดูแลลูกสาวแทนตนได้“ป้าจ๋าอยู่ด้วยครับ แต่ต้นไม่ชอบให้น
“พ่อคับ...กินคุกกี้”น้องแต็งค์หรือเด็กชายตนุธิป เด็กชายที่เพิ่งเป่าเค้กวันเกิดครบรอบสองขวบไปเมื่อหลายเดือนก่อน ถือกล่องใส่คุกกี้ช็อกโกแลตมาให้คุณพ่อลูกสามช่วยเปิดฝากล่องให้คุณพ่อลูกสาม?ถูกต้องแล้ว...คุณพ่อที่เคยยืนยันเสียงหนักแน่นว่าเขายังไม่คิดจะมีลูกคนต่อไป ตราบใดที่ลูกคนแรกยังไม่โตพอ อีกทั้งเขาจะต้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเสียก่อนหากในความเป็นจริงนั้น แค่เพียงน้องต้นกล้าอายุได้หกเดือน ขวัญรดาก็ตั้งท้องลูกคนที่สองด้วยความยินยอมพร้อมใจกันของทั้งสองคน โดยท้องนี้พวกเขาได้ลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาอุ้มชู พวกเขาตั้งชื่อให้ลูกสาวว่าน้องข้าวหอมหรือเด็กหญิงเขมนิจ ปัจจุบันเด็กหญิงอายุได้แปดขวบแล้ว ซึ่งพ่อกับพี่ชายนั้นหวงแม่หนูมาก“หนูขออนุญาตคุณแม่หรือยังครับ คุกกี้กล่องนี้คุณแม่เก็บไว้ให้พี่ๆ กินด้วยหรือเปล่า”“แต็งค์จะกินคุกกี้แลต”พ่อหนูน้อยยืนยัน เป็นอันรู้กันว่าคุกกี้ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของเจ้าตัว อย่าหวังว่าจะยอมแบ่งให้ใคร แถมยังทำท่าทางขัดใจอย่างสุดฤทธิ์เมื่อถูกพ่อพูดจาตะล่อมหวังจะให้เปลี่ยนใจ&
หนึ่งเดือนถัดจากนั้น ณ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่คุณอิงอรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แตงโมน้อยก็ได้ฤกษ์ออกมาลืมตาดูโลกคุณแม่มือใหม่เข้าไปนอนรอคลอดอยู่ในห้องพักพิเศษสองวัน ลูกชายคนแรกของเธอถึงคลอดออกมา ทารกน้อยเนื้อตัวอวบอ้วน ภัสสราที่มาเยี่ยมหลานในทันทีเมื่อรู้ข่าวก็บอกอย่างตื่นเต้น“เมื่อกี้ฉันไปดูหลานในห้องเด็ก หลานตัวโตมาก แทบจะตัวโตที่สุดในบรรดาเด็กที่นอนเรียงกัน ทั้งที่ขวัญตัวเล็กนิดเดียว แถมตอนท้องก็ไม่ได้อ้วนขึ้นเลย”“น้ำหนักตัวของขวัญก็ขึ้นนะคะ แต่ขึ้นตามเกณฑ์ของคุณหมอ ขวัญกินอาหารตามที่หมอแนะนำ ขวัญไม่ได้กลัวอ้วนนะ แต่ขวัญคิดถึงแต่ลูก อยากให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนมากที่สุด”“มันได้ผลจริงๆ นะ เพราะลูกของเธอตัวโตเชียว”“พ่อเขาก็ตัวโต หน้าตาหล่อคมกระเดียดไปทางพ่ออีกนั่นแหละ”คุณจงกลที่อยู่เฝ้าขวัญรดามาทั้งวันพูดแทรกขึ้น เพราะนางพินิจหลานชายอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงได้ข้อสรุปตามนั้น“จริงด้วยสิ ภัสลืมไปเลย”ภัสสราไม่ได้แกล้งน้องเขย แต่เธอลืมไปจริงๆ ว่าหลานชายที่หน้าตาน่
“โดนจนได้นะแคท จำเป็นบทเรียนไว้เลยว่าทีหลังอย่าร้ายกับคนที่ไม่ได้ร้ายกับเรา แต่ถ้าใครร้ายมา เราก็ร้ายตอบ อันนี้ไม่ผิดกติกา แถมเรายังหาแนวร่วมได้อีกด้วย”รุ่นใหญ่ในวงการบันเทิง เพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก พูดด้วยอารมณ์ไม่ได้ดังใจขณะดูข่าวของญาติตัวเองทางโทรศัพท์มือถือ คนเป็นน้องสาวที่นั่งลูบท้องโตๆ อยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจ“ขวัญรู้สึกไม่ดีเลย มีทางไหนที่เราพอจะช่วยคุณแคทได้บ้างไหมคะ”ยอมรับว่าพอกำลังจะมีลูก เธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปเสียหมด ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเอง ซึ่งภัสสราก็เข้าใจน้องสาวดี“เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ นะขวัญ เราช่วยใครไม่ได้หรอก ส่วนตัวแคทเองก็มีมูลค่าในวงการบันเทิงมากพอ เดี๋ยวเขาก็ไปต่อได้ เราไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แคททำตัวของเขาเอง ติณณ์ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากเกินไป เขาแค่ตอบโต้แคทเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว งานนี้เรียกว่าแคทแพ้ภัยตัวเอง”“แต่ถึงกับถูกปลดออกจากละคร มันก็หนักไปนะ”แม้ไม่เคยอยู่ในจุดนั้น หากขวัญรดาคิดว่าตนพอจะเข้าใจความรู้สึกของคัทรียา มันคงไม่ต่
นายชัชชัยเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสองวันต่อมา ลูกและภรรยาต่างก็เสียใจ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย...จบสิ้นกันสักทีในส่วนความรับผิดชอบที่มีต่อเหยื่อและครอบครัวนั้น หน่วยงานที่นายชัชชัยสังกัดอยู่ได้ออกมากล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อีกทั้งพร้อมแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นภรรยาและลูกทั้งสองคนของนายชัชชัยก็ไม่ทอดทิ้งใคร นอกจากคำขอโทษที่มีต่อทุกคน พวกเขายังคงให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานที่ออกหน้ามาดูแลผู้เคราะห์ร้ายแม้แต่ปกรณ์ซึ่งเป็นสามีของผู้หญิงที่นายชัชชัยเคยชุบเลี้ยง เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ลูกและภรรยาของนายชัชชัยก็ให้ความช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน ในขณะนี้ปกรณ์ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีวีรยาคอยดูแลอย่างไม่ยอมห่าง ซึ่งอาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้...เป็นอย่างที่ลูกชายของนายชัชชัยคาดไว้จริงๆ ไม่มีญาติของนายชัชชัยมาร่วมงานศพของเขาสักคน ในงานคงมีแต่ภรรยาและลูกที่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างเร่งรีบและรวบรัดเท่านั้นขวัญรดาทำบุญไปให้นายช
“ภัสคุยกับติณณ์อยู่ค่ะ ติณณ์ไม่ให้ขวัญดูข่าว บ้านนั้นจะปิดทีวีทั้งวัน ติณณ์จะคอยติดตามข่าวแล้วบอกกับขวัญเอง ส่วนขวัญก็รู้เรื่องแล้ว ขวัญทำใจกับเรื่องนี้ได้ค่ะ”ภัสสราเคยโกรธนายชัชชัยนักหนาที่ตัดรอนขวัญรดา เขาไม่ยอมรับว่าขวัญรดาเป็นลูกสาว นับตั้งแต่ขวัญรดาย้ายมาอยู่กับครอบครัวของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาหาและไม่เคยติดต่อน้องสาวอีกเลยทว่าในเวลานี้ ภัสสรากลับนึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้เหตุการณ์ในอดีตเบนไปในเส้นทางนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้ขวัญรดาไม่รู้สึกผูกพันกับพ่อผู้ให้กำเนิด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป น้องสาวของเธอก็จะทำใจยอมรับทุกเรื่องได้ง่ายขึ้น“แตงโม...แตงโมชื่ออะไรดีครับ เดี๋ยวพ่อเอาชื่อมาให้หนูเลือกนะ”เสียงของว่าที่คุณพ่อดังอยู่เหนือศีรษะ คนท้องที่อิงซบอยู่กับอกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง“คุณติณณ์เอาชื่อมาจากไหนคะ”“เว็บไซต์สำหรับตั้งชื่อลูก มีแต่ชื่อมงคลความหมายดีๆ ทั้งนั้น”“งั้นบอกมาเลยค่ะ ขวัญจะช่วยแตงโมเลือกเอง”“ตนุธิป ตนุนันท์ ตนุพัชร์...สามชื่อน







