LOGIN“ถ้วยฟูลงมานะเด็กดี...”
เจ้าสี่ขาส่งเสียงร้องหวานหูดูขี้อ้อน แต่ก็เหมือนว่าจะติติงเจ้านายอย่ามาออกคำสั่ง
แมวน้อยพันธุ์ไทยที่ภารัชชาเก็บมาเลี้ยง กำลังเดินนวยนาดอยู่บนขอบโต๊ะ พร้อมจะปัดทุกอย่างทิ้งให้พ้นทาง ถ้าหากนางแมวตัวเมียผู้นี้รู้สึกไม่ชอบใจ
“ถ้วยฟูอย่าปัดของแม่นะคะ” เธอทำเสียงดุ ก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มแมวสามสีตัวอวบอ้วน
ถ้าช้ากว่านี้เจ้าแมวสามสีอย่างถ้วยฟูนั้น คงจะปัดแจกันดอกไม้เธอร่วงระเนระนาดแน่นอน วิสัยแมวก็เป็นแบบนี้ แม้จะดูขี้อ้อนแต่ก็เอาแต่ใจและเย่อหยิ่งถือดีเป็นที่หนี่ง
“ม๋าว~”
“เด็กดี”
“มาว...”
ถ้วยฟูส่งเสียงร้องครืดครางให้ฟัง พลางเอาหน้ามาถูข้างแก้มภารัชชาอย่างออดอ้อน
พอกอดหอมเจ้าขนปุยจนมีพลังใจเต็มเปี่ยม เธอก็เตรียมตัวไปเปิดร้านดอกไม้ในช่วงแปดโมงเช้า แต่ยังไม่ทันจะเดินไปพลิกป้ายให้กลายเป็น OPEN ประตูก็ถูกผลักเข้ามาซะก่อน
“ยินดีต้อนรับค่ะ” น้ำเสียงสดใสทักทายลูกค้าคนแรกของวัน
เธอโปรยรอยยิ้มหวานล้ำบนใบหน้า แต่แล้วก็หุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้สบสายตาเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงกำยำ
เจ้าของดวงตาสีดำทมิฬปรายตามองมา เขายกยิ้มมุมปากขณะกวาดสายตามองไปรอบบริเวณ สำรวจร้านดอกไม้ของภารัชชาที่ให้คนตามสืบว่าเธอรักนักหนาพลางๆ
รักถึงขั้นทุ่มเวลาอยู่กับดอกไม้ทั้งวัน หมอไป๋ก็แค่อยากมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าที่ภรรยาของเขาเป็นคนนิสัยใจคอเช่นใด ปากคอเลาะร้ายแต่ชอบของสวยงามงั้นหรือ
“คุณไป๋...”
“ร้านสวยดีหนิ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่ เรามีนัดลองชุดวันอาทิตย์นี่คะ”
ภารัชชาตื่นตระหนกเป็นลูกนกตื่นรัง ซ่งไป๋เหมือนเงาดำของปีศาจซาตาน ไม่ว่าจะเหยียบย่องก้าวย่างไปทางไหน ก็มีแต่จะรู้สึกอึดอัดราวกับมีสิ่งชั่วร้ายอยู่ใกล้ตัว
“ฉันก็แค่มาดูความเป็นอยู่ของเธอ อยากรู้ว่าร้อนเงินหรือมีอะไรกันแน่ ถึงได้เสนอตัวเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลซ่ง”
ในน้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งติดเย็นเยียบดูน่ากลัว แววตาสีคมเข้มสุดลึกล้ำทำภารัชชาประหม่ากลัว แต่เธอจะไม่ยอมโดนเขากดขี่ข่มเหงหรือเป็นของตายให้เขาเล่นแน่นอน
“ฉันไม่ได้เสนอตัวค่ะ บอกแล้วไงคะ ว่าฉันเองก็ค้านงานแต่งในครั้งนี้ไม่ได้เหมือนกับคุณ”
“แต่เธอดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรนะภารัชชา”
“อย่าตัดสินความทุกข์คนอื่นจากภายนอกเลยค่ะคุณไป๋”
ภารัชชาพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่าย เจอหน้ากันก็พาลมีแต่เรื่องให้ต้องปะทะฝีปากคารมอยู่ร่ำไป บางทีถ้าต่างคนต่างวางทิฐิหรือลดอคติลง อาจจะร่วมชายคาเรือนหอได้ดีก็ได้
“เราไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าคนๆ นั้นเจออะไรมาบ้าง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่เด็ดขาด ซ่งไป๋ยกยิ้มแต่ไม่พูดอะไรกลับมา เขาก้าวเชื่องช้าสำรวจดอกไม้นานาพรรณเพลินตา
“งั้นเหรอ ฉันไม่ควรตัดสินเธอสินะ”
“ไม่ว่าใครก็ตาม อย่าตัดสินเขาจากอคติของคุณเลย”
มนุษย์เราไม่มีทางอ่านผู้อื่นออก แม้แต่คนที่เดินสวนกันในวันธรรมดา เขาคนนั้นอาจจะแบกความทุกข์ไว้เต็มบ่าก็ได้
ตัวเธอเองก็เช่นกัน ในทุกค่ำคืนที่วันวิวาห์ใกล้มาถึง มันทำให้เธอข่มตาไม่เคยหลับเลยสักวัน การตัดสินใจก้าวขาเข้าไปในตระกูลซ่ง คงไม่ต่างจากเอาตัวเองไปตายดาบหน้า
คงจะโดนสามีจิกกัดด้วยถ้อยคำบั่นทอนจิตใจ แต่สุดท้ายก็ต้องร่วมหอลงโลงเพื่อให้กำเนิดทายาทเลือดบริสุทธิ์อยู่ดี
หมอไป๋คาดเดาได้ยากเกินไป การเผชิญหน้ากับเขามักสร้างความประหม่ามหาศาลให้ภารัชชา
เธอเองก็ต้องทิ้งทั้งชีวิตเพื่อแต่งงานกับเขา ชายในฝันหรือเจ้าชายขี่ม้าขาวมันก็คงมีเพียงแค่ในนิทานปรัมปราเท่านั้น
“ระวังนะคะ หนามของกุหลาบนั่นมัน...”
จึก
“คุณไป๋”
ภารัชชาเบิกตาโตอย่างตกใจ เธอจะเตือนเขาที่กำลังยื่นนิ้วไปแตะกุหลาบให้ระวัง แต่คงไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเขารีบชักนิ้วกลับแล้วมุ่นคิ้วนิ่วหน้าหัวเสียทันที
“เลือดออกไหมคะ” ร่างบางระหงเดินเข้าไปดูอาการ เธอจับมือเขาที่มีเลือดไหลจากจุดเล็กๆ อย่างลืมตัว
หมอไป๋หลุบตามองภารัชชานิ่งๆ เธอลืมตัวไปหรือเปล่าถึงได้ออกอาการเป็นห่วงเขาขนาดนี้ คิดว่าแค่หนามกุหลาบจะมีพิษร้ายแล่นเข้าสู่หัวใจหรือยังไงกัน
“รอตรงนี้นะคะ ฉันจะไปเอาอุปกรณ์ทำแผลให้”
“ไม่...”
“อย่าดื้อค่ะ รอตรงนี้ อย่าไปไหนนะ”
ไม่ใช่แค่ออกคำสั่ง แต่เธอยังทำตาดุใส่เขาอีกด้วย ก่อนที่จะเข้าไปเอากล่องอุปกรณ์ล้างแผลมาทำความสะอาดให้
ร่างสูงนั่งเกยที่ขอบโต๊ะตัวยาว ยื่นนิ้วให้ภารัชชาทำความสะอาด ถึงจะเป็นหมอแต่ถ้ามีคนทำให้ก็ดีเหมือนกัน
“ที่เขาเปรียบผู้หญิงอันตรายเหมือนกุหลาบคงจะจริง” อยู่ดีๆ ซ่งไป๋ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
สายตาคมคายคล้ายสังหารคนได้จ้องมองเธอ ใบหน้าเรียวรีได้รูปดูสวยเด่นเป็นสง่า แต่วาจาบางครั้งก็ไม่น่าภิรมย์ชวนตีให้มีน้ำโหขึ้นมา
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เปล่า ฉันก็แค่เปรียบเปรยเธอกับเจ้านี่”
“หวังว่าคุณจะเปรียบเทียบฉันในทางที่ดีนะคะ”
หมอไป๋แค่นยิ้มมุมปาก ไม่ได้บอกว่าเปรียบเปรยเธอยังไง
ความงามของกุหลาบทั้งสวยและดึงดูดให้หลงใหล แต่สุดท้ายก็แฝงไปด้วยอันตรายอยู่ดี หนามแหลมพวกนี้คงเป็นสัญญาณเตือนว่าอย่าไว้ใจความสวยงามมากเกินไป
หญิงงามเองก็เช่นเดียวกัน...
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอพูดขึ้น หลังจากปิดพลาสเตอร์ยาให้เขาเสร็จเรียบร้อย ลายการ์ตูนหมีน่ารักนี่แหละเหมาะกับเขาดี
“เธออยากมีชีวิตแบบนี้จริงเหรอ”
“คะ”
“ชีวิตในกรงทองของแม่เธอ...”
ชีวิตของหมอไป๋ วนเวียนอยู่กับสองสาวแทบทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่เขาจะคอยดูแลเหมยหลินมากกว่า แค่เพราะรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้จนพลั้งเผลอไปตกหลุมพราง น้องชายสารเลวอย่างเพชรเพทายเหมยหลินเริ่มเบื่อรายการโทรทัศน์ตรงหน้า ยาคลายกังวลที่กินไปก่อนหน้านี้ เริ่มออกฤทธิ์ให้เธอง่วงงุนอยากนอน“ไป๋คะ”“หือ”“คุณชาเขาจะโกรธหลินไหม... หลินมาอยู่แบบนี้”เหมยหลินวางมือบนตักหมอไป๋ เขาหลุบตามองนิ่งๆ ก่อนจับมือบางไปวางไว้ที่ตักเธอแทน พลางลดหนังสือที่อ่านอยู่ลงเล็กน้อยวันนี้เขาไม่มีเคสผ่าตัด เวลาว่างจึงใช้ไปกับการอยู่บ้าน อ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ยังไม่จบ แล้วก็คอยนั่งเป็นเพื่อนเหมยหลิน ตามประกบดูแลอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งแพทย์ไม่งั้นเธออาจจะคิดไม่ดีขึ้นมาอีกก็ได้...“อย่าห่วงเลย ภารัชชาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร”“ผู้หญิงเราก็คิดเล็กคิดน้อยกันทั้งนั้นค่ะไป๋”เขามุ่นคิ้วคิดไม่ตก จะคิดอะไรให้มากมาย ในเมื่อเขาให้เธอมาอยู่ในฐานะเพื่อน ไม่ได้เอามาเป็นเมียเพิ่มสักหน่อย“แต่ภารัชชา...”“ไป๋รู้จักเธอดีจังนะคะ”ใบหน้าขาวระบายยิ้มอ่อนๆ ต่อให้เหมยหลินรู้สึกดีกับซ่งไป๋ แต่เธอเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกันดี ไม่มีหรอ
โรงพยาบาลซ่งไป๋เฝ้าอยู่ข้างเตียงเหมยหลิน เธอจมดิ่งสู้ห้วงนิทรา หลังเอาแต่นั่งร้องไห้จนตัวสั่นโยน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป เพราะคุณหมอให้ทานยาจะได้คลายกังวลก่อนหน้านี้ เธอโทรมาหาเสียงสั่นเครือท่าไม่ค่อยดี ดูหวาดระแวงว่าเพชรเพทายจะทำร้าย เพราะสามีเป็นคนโมโหร้ายใช่ย่อย“ไป๋... เหมยหลินกลัว ฮึก คุณเพชรอารมณ์ไม่ดีเลย ฮือ”สามีเธอคงจะคลั่งปนคับแค้บใจ หลังลูกในไส้หลุดไปก่อนกำหนดเหมยหลินผู้เป็นภรรยา ถึงได้โทรหาให้เขาพาออกมา สุดท้ายเธอก็มีอาการวิตกกังวลหนัก เขาเลยอยากให้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดหรือไม่ ทางที่ดีควรจะพบหมอทางใจสักหน่อย เผื่ออาการที่เป็นจะพาลให้บรรเทา ทุเลาทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้บ้าง“ภารัชชา...”อยู่ดีไม่ว่าดี เขากลับนึกถึงภรรยาที่ไม่คิดจะรักขึ้นมา พลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาที่นาฬิกา ดึกดื่นจนป่านนี้แล้ว เธอคงเปิดไฟนอนสบายใจเฉิบสิท่า ไม่ต้องมาระแวงว่าเขาจะกลั่นแกล้งปิดไฟใส่“ถ้าฉันไม่ใช่ลูกสาวของภรรยารอง...”“ฮึก ...ฉันจะถูกรักบ้างมั้ยคะ”คืนนั้น ภรรยาฝีปากกล้าร่ำไห้โฮ ตัดพ้อที่ไม่เคยเป็นคนถูกรัก ปกติทีท่าเย่อหยิ่งและถือดีเป็นที่หนึ่ง พอเขาได้เห็นว่าเธอร้องไห้เป็น หัวใ
ภารัชชาไม่พูดไม่จาสักคำตั้งแต่เข้าห้องมา นอกจากนั่งกอดเข่าร้องไห้ คุดคู้อยู่บนโซฟาปล่อยโฮจนตัวสั่นโยนเจ้าของห้องอย่างสิบทิศ หยิบยื่นกระดาษให้เธอซับน้ำตา นั่งจมจ่อมอยู่ข้างอีกฝ่ายตั้งแต่สิบห้านาทีก่อน ไม่กล้าถามไถ่ถ้าเธอไม่เล่า เขาก็เลยทำได้แค่นั่งรอให้พายุความเศร้าสงบลงเท่านั้น“น้ำ... น้ำไหมน้องชา”“เอาค่ะ ฮึก ขอบคุณค่ะ”เธอพยักหน้าหงึกหงัก แต่ยังหยุดเสียงสะอื้นร้องไห้ไม่ได้เสียน้ำตาไปก็เยอะ ร้องจนเสียงแหบแห้ง ขอเติมน้ำเข้าไปหน่อยจะได้ช่วยหล่อเลี้ยง ไม่ให้น้ำหมดตัวเพราะเสียน้ำตาเท่าโอ่งซะก่อนสิบทิศรอให้ภารัชชาร้องไห้อย่างใจเย็น แม้จะร้อนรุ่มอยากรู้ก็ตามที เขาเดินเข้าไปเอาผ้าผืนเล็ก ถึงไม่รู้อะไรนำพาเธอให้มาหาเขา อีกทั้งยังตากฝนตัวเปียกมาอีกต่างหากแต่เขาจะไม่ถาม รอให้เธอใจเย็นลงกว่านี้อีกหน่อย“พี่ขอเช็ดให้นะ” เขาพูดขึ้นเบาๆ พอเธอไม่ปฏิเสธ เขาก็จัดการใช้ผ้าซับเส้นผมที่เปียกน้ำฝนให้อย่างเบามือความรักไม่เคยง่ายเลย...โดยเฉพาะการเป็นคนไม่ถูกรัก ไม่ง่ายสำหรับเธอเลยสักนิดภารัชชาเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ อาการเจ็บชาในหัวใจมันเป็นยังไง เวลานึกถึงภาพของคนที่ไม่รักกัน เหมือนถูกของแหลมคมกรีดซ้ำ
รถยนต์คันหรูจอดเทียบข้างฟุตบาธ ไม่มีประโยครั้งจากสามี เธอจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วมองเขาไกลสายตาออกไปคนเก่าเขาคงสำคัญกว่า...ภารัชชาอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องคิดวกวนให้ซ้ำเติมตัวเองเลยเราทั้งคู่จะกลายเป็นคนรักกันได้ยังไง ในเมื่อคนเป็นสามีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้กุ้ง ที่ผ่านมามันก็แค่ความอ่อนไหวชั่วครู่ชั่วคราว เวลาเธอเศร้าหรือไม่มีใคร เขาเป็นเพียงแค่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ต่างจากคนที่กำลังจะจมน้ำ ไขว่คว้าทุกอย่างที่เกาะได้นั่นแหละกลับบ้าน...ความหมายคือกลับบ้านที่เคยอยู่ ไม่ใช่เพนส์เฮ้าส์ของซ่งไป๋ ภารัชชานั่งรถมาลงที่บ้านสกุลนาวารีรักษ์ คนแรกที่นึกถึงคือแม่ ถึงแม้ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยสัมผัสคำว่าความอบอุ่นก็ตามแต่เธอยังหวังว่าแม่จะแบ่งปันมาให้บ้างในสักวัน...ร่างบางเดินลากเท้าเอื่อยเฉื่อยเข้ามาในบ้าน หันไปยกมือไหว้แม่นมที่เคยเลี้ยง แต่กลับไม่พบคนอื่นอยู่ในบ้านแล้ว อาจเป็นเพราะเวลานี้คือทุ่มกว่า ทุกคนคงแยกย้ายกันกลับไปในพื้นที่ของตัวเอง“แม่คะ...” เธอคลี่รอยยิ้มเศร้า เหม่อมองแม่ที่เดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองพอดีปรางสิตาที่เห็นลูกสาวก็เบิกตาตกใจ พ
คฤหาสน์ตระกูลซ่งข่าวที่เหมยหลินแท้งลูกไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป จุดสำคัญคือเธอเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง และอีกอย่างคือครอบครัวทั้งสองฝ่ายไม่รับรู้ ไม่มีใครได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหมยหลินในคืนนั้นเพชรเพทายก็ไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน ไม่งั้นคงมีผลต่อกองมรดกในอนาคตอย่างแน่นอนเหมยหลินสูญเสียลูกในท้อง ภารัชชาที่รับรู้ก็เห็นใจ อยากจะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่เธอคงไม่จำเป็นต้องทำหรอกในเมื่อซ่งไป๋... ออกอาการห่วงกว่าเธออีก“ทานทอดมันกุ้งสิครับ เจ้านี้อร่อยมาก” เพชรเพทายตัดทอดมันกุ้งใส่จานภารัชชา เธอหลุบมองนิ่งๆ ในมือเขี่ยข้าวไม่กินสักที“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มรับ แต่ใช้ช้อนเขี่ยไปไว้ขอบจาน“ผัดผักน้ำมันหอยด้วย...”เขายังตักอาหารใส่จานเธอต่อ ในขณะที่ผู้เป็นสามีเธอ คอยหยิบยกจานอาหารที่เหมยหลินเรียกหาส่งให้ เพชรเพทายคงประชดประชัน ที่ได้เห็นว่าหมอไป๋ใส่ใจภรรยาเขาเป็นพิเศษเพราะงั้นเขาก็จะใส่ใจภรรยาพี่ชายบ้าง...หมอไป๋ปรายตามองภารัชชาที่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา เธอแทบจะไม่แตะอาหารบนโต๊ะด้วยซ้ำ ข้าวในจานก็พร่องไปแค่นิดเดียวเอง เขาเอื้อมแขนตักกุ้งคั่วพริกเกลือใส่จานเธอสายตาของซ่งหมิงและหลี่จูมองทุกคนบนโต๊ะ
“คุณไป๋อย่าเพิ่งค่ะ...”“เธอไม่อยากจูบฉันเหรอ”เธอผงะใบหน้าถอยหนีเขาที่ยื่นหน้าจะโฉบมาจูบ คำอ้อนวอนขอให้เธอจูบมาจากใจจริง หรือเพียงเพราะเขาเมามายจากไวน์ที่ดื่มไปกันแน่ปกติเขาดื่มเวลามีเรื่องให้เครียด หลายวันมานี้ปัญหาถาโถมเข้ามาพร้อมกันไม่หยุด กอปรกับภรรยานอนหันหลังให้ มิหนำซ้ำยังไม่ได้กินมื้อดึกอย่างที่เคยกินอีกมื้อดึกที่ไม่ได้มีอาหารเป็นส่วนประกอบ แต่เป็นการชิมรสหวานจากตัวของภารัชชาต่างหากเครียดจนต้องรีดน้ำออกสักหน่อยไม่ได้ทำหลายวันคงขุ่นข้นจนคลั่กแน่...“คุณดื่มมาเหรอ” เธอถามเขาเมื่อสังเกตเห็นริ้วสีแดงที่ผิวแก้ม“นิดหน่อย” เขาตอบหน้านิ่ง แต่นัยน์ตาทอประกายวาบหวามภารัชชาหรี่ตาแล้วส่ายหน้าไม่เชื่อที่เขาพูด ดื่มนิดหน่อยแต่ตาหวานเยิ้มมาขนาดนี้ คำว่านิดหน่อยที่พูดคือเหลือไวน์แค่ก้นขวดหรือเปล่า“ภรรยาที่ดีไม่ควรหันหลังให้สามี”“สามีที่ดีก็ไม่ควรผิดนัดภรรยาค่ะ”พอเธอยอกย้อนกลับ เขาก็ชะงักตัวไป เถียงไม่ออกสักคำเมื่อถูกเธอตอกหน้าด้วยความจริงที่เขาผิดสัญญาก่อน“คุณอย่าเอาแต่พูดพร่ำอยากได้ภรรยาที่ดี... แต่หน้าที่การเป็นสามีของคุณบกพร่องเลยค่ะคุณไป๋”ภารัชชาย้ำเตือนความจำให้เขาอีกครั้ง สา







