สิ่งที่เธอย้อนถามเขากลับมา มันทำให้ภาพรักเก่าที่แสนเจ็บปวด แต่ยังเป็นความทรงจำที่เคยสวยงาม พร้อมใจกันหลั่งไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวของซ่งไป๋“เธอรู้ได้ไง...” เขาปรายตามองเธอ แววตาเฉยชาที่มองกัน ทำให้ใจของคนถูกมองรู้สึกเจ็บปวด“สำคัญด้วยเหรอคะว่ารู้ยังไง”ภารัชชาแค่นยิ้ม คงจะจริงจนพูดอะไรไม่ออกเลยสินะ“ประเด็นคือ... ฉันพูดความจริงถูกต้องมั้ยคะ”“จะจริงหรือไม่จริง อดีตก็คืออดีตอยู่ดี”“อดีตที่ยังรู้สึกในปัจจุบันน่ะเหรอคะคุณไป๋... จะเรียกอดีตได้ยังไง”สิ้นประโยคที่แทงใจดำคนฟัง ร่างสูงก็นิ่งงันไม่พูดไม่จาและไม่คิดจะแก้ต่างอะไร จนเธอพอเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่รู้มาคือความจริงภารัชชารู้เรื่องทั้งหมดจากอิงธารา หลังโทรระบายความในใจกับเพื่อนสนิท อิงธาราพอรู้คร่าวๆ ว่าทั้งคู่เคยมีข่าวฉาวถึงแฟนสาวที่เคยคบกับหมอไป๋ นอกใจไปคบหากับน้องชายต่างมารดาแทนแต่สุดท้ายก็ตบแต่งเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการ ก่อนข่าวลือจะซาไปตามกาลเวลา หรือจากอำนาจเงินที่ใช้ปิดข่าวนั่นแหละเธอไม่เคยเอะใจเรื่องนี้สักนิด อาจเป็นเพราะเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในร้านดอกไม้ ใช้ชีวิตปลงปลดในวัยที่ใกล้เลขสาม เลยไม่รู้สึกระแคะระคายกับสายตาที่ทั้งค
ร่างสูงยังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด เหยียบคันเร่งมิดไมล์มาตามภรรยาที่ร้านเหล้า ก้าวขายาวสับปลายเท้าปรี่เข้าไปในบาร์ กวาดสายตามองหาภารัชชาก่อนจะพบว่าเพลิงเหมันต์โบกมือเรียกอยู่ใบหน้าหล่อคมฉายชัดถึงอารมณ์ร้าย ไม่พอใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นภาพภารัชชากับหนุ่มรุ่นพี่ นั่งกอดกันกลมราวกับเป็นชู้รักยังไงยังงั้น“มันอยู่ไหน” หมอไป๋กดเสียงต่ำ ดวงตาวาวโรจน์มองหาคู่กรณี“ใจเย็นนะไอ้ไป๋ แค่กอดกันไม่มีอะไรหรอกมึง” คนที่พยายามพูดปลอบยิ้มแห้ง เห็นซ่งไป๋รีบบุ่มบ่ามดูใจร้อนเลยยั้งเอาไว้ก่อน“แต่มันกอดเมียกูจะใจเย็นยังไง”“ยอมรับว่าเธอเป็นเมียแล้วเหรอวะ”เพลิงเหมันต์กระตุกยิ้มชอบใจ มองเพื่อนรักที่แสร้งเบือนหน้าหนีไปถอนหายใจใส่ แต่ความจริงก็รู้อยู่แก่ใจ หึงจนหน้าดำหน้าแดงมาแต่ไกลแบบนี้ ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่สั่นแล้ว“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”“มุมโต๊ะโน่นไง...”ว่าแล้วก็หันหลังชี้ไปที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน เมื่อมองลอดผ่านผู้คนไปจะเห็นภารัชชานอนซบไหล่สิบทิศอยู่เพลิงเหมันต์กอดอกวิเคราะห์ภาพทั้งคู่อยู่ เขาเองก็ยืนจับตามองอยู่นานสองนาน เห็นแค่สองคนนั้นกอดปลอบกัน แต่ไม่มีอะไรที่ล่วงเกินให้เขาต้องเป็นฝ่ายเข้าไปคลี่คลายส
เพียะฝ่ามือหนาตบเข้าที่ใบหน้าหญิงสาวเต็มแรง จนร่างเธอร่วงลงไปกองกับพื้น ยกมือขึ้นจับหน้าข้างที่ถูกตบแล้วกัดปากล่างแน่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเพชรเพทายทำร้ายร่างกาย แต่เขาทำร้ายเธอทุกทางไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ เหยียบย่ำจิตใจผู้หญิงคนนึงไม่มีชิ้นดี โดยที่เหมยหลินไม่สามารถอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือได้เลยเพชรเพทายย่อตัวลง เขาโกรธจัดจนตาแดงก่ำ ลมหายใจเพลิงร้อนผ่าว ก่อนจะจับปลายคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมอง แล้วออกแรงบีบหนักขึ้นจนเธอเบ้หน้าเจ็บแต่ไม่กล้าต่อปากต่อคำเถียง“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ วันนี้ที่เธอไปโรงพยาบาลคือไปหาใคร”“ฉันพูดอะไรไปคุณก็ไม่เชื่อใจกันอยู่ดีนี่คะ”“เธอไปร่านกับมันมาใช่มั้ยเหมยหลิน”เหมยหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำตาเธอเอ่อคลอ ทั้งใต้ตาก็แดงก่ำแต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาสามีอย่างเพชรเพทายระแวงเธอกับหมอไป๋น่าดู เขาส่งคนให้สะกดรอยตามภรรยาไปทุกที่ ในวันนี้พอทราบเรื่องว่าเธอไปโรงพยาบาล เขาก็ไม่ฟังเธออธิบายให้มากความ แต่เลือกใช้ความรุนแรงเป็นทางออกแทน“หะ คิดถึงของเก่าจนอยากโดนมันขึ้นมาหรือไง” เพชรเพทายออกแรงบีบสองแก้มเธอแรงขึ้นเหมยหลินตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เธอกลัวจะถูกเขาท
ร่างสูงยืนมองแผ่นหลังของภรรยาจนลับสายตาไป ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับอย่างหงุดหงิดใจ นอกจากจะไม่ได้ลิ้มรสไก่ตุ๋นโสมแล้ว ยังมีเรื่องให้ต้องผิดใจกันอีกต่างหาก“แม่งเอ้ย” เขาสบถกับตัวเองแล้วขมวดคิ้วแน่นทว่าวินาทีต่อมา หมอไป๋ก็นิ่งงันไปสักพัก คิ้วเข้มที่ขมวดเป็นปมอยู่ก็พลันคลายออกทีละนิดเขากำลังครุ่นคิดกับตัวเอง เหตุไฉนทำไมต้องอารมณ์เสียที่เห็นอีกฝ่ายเดินหนีกัน ในเมื่อตัวของภารัชชาก็ไม่ได้สำคัญกับเขาถึงขั้นที่ต้องตามอธิบาย“อยากเข้าใจแบบไหนก็ตามใจละกัน...”ถึงปากจะตัดพ้อไปแบบนั้น แต่เขากลับเสยผมอย่างหัวเสีย ที่ภารัชชาเข้ามาได้ผิดจังหวะไปหมด เส้นเลือดที่ขมับตอดตุบราวกับมีชีวิต หัวเขาร้อนผ่าวจนเม็ดเหงื่อซึมตามไรผมหมดแล้ววันนี้เขาก้าวเท้าข้างที่ซวยออกจากบ้านรึไงกัน...หมอไป๋เดินกลับมาที่ห้อง สีหน้าฉายชัดว่าไม่สบอารมณ์ ก่อนปรายตามองที่หญิงสาวพร้อมเอ่ยปากไล่ ไม่สนว่าเธอจะสะอื้นไห้เสียใจต่อหน้าก็ตาม“ออกไปจากห้องทำงานฉันได้ละ”“ไป๋...”เหมยหลินเอื้อมมือจะเอาไปจับมือเขา แต่หมอไป๋เป็นฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ พลางลอบระบายลมหายใจอย่างเอือมระอาวันนี้เธอมาร้องห่มร้องไห้กับเขา เพราะทะเลาะหนักกับเพชรเพทายมาเรื่
หลังจากวันนั้นหมอไป๋ก็ตักตวงความหวานจากเธอทุกคืน ไม่ว่าจะทำงานมาเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน พลังกายบนเตียงเขายังเต็มเปี่ยมไม่มีถดถอยเขารับบทเป็นผู้ฝึกสอนให้ลูกศิษย์คนโปรด อย่างน้อยก็ต้องเก่งกาจเทียบเคียงคนสอนให้ได้เช้าวันหยุดนี้ ภารัชชาตื่นเช้าขึ้นมาชงเพรียวมัจฉะดื่ม แต่ขณะที่เธอยืนดื่มเงียบๆ เพียงลำพัง กลับมีร่างสูงของหมอไป๋มายืนเทียบข้าง ในมือเอื้อมไปหยิบแคปซูลกาแฟพร้อมแก้ววางไว้ที่เครื่องชงอัตโนมัติเขาปรายหางตามองเธอครู่หนึ่ง สีหน้าอารมณ์ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เธอตีความไม่ออกหรอกว่าเขาคิดอะไร เห็นหน้าทมึงตึงเป็นปกติอยู่แล้ว“ทำไมตื่นไม่เรียก”“คะ”“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันด้วย”ภารัชชามุ่นคิ้วเล็กน้อย ฉับพลันข้างแก้มก็ร้อนฉ่า เพราะเมื่อคืนทั้งคู่ก็บรรเลงเพลงรักที่ระเบียงก่อนจบลงบนเตียงนอน“ฉันเห็นคุณเหนื่อยๆ ก็เลยอยากให้นอนต่อค่ะ” เธอชำเลืองตามองเขาที่นิ่งเงียบไป เห็นนอนหลับสบายก็เลยไม่อยากปลุกแค่นั้นเอง“คราวหลังปลุกด้วย ฉันไม่ชอบตื่นทีหลัง” เขาตอบแล้วชักสีหน้าติดหงุดหงิดใจ ตื่นมาแล้วไม่เจอเธอเหมือนโดนหลอกฟันแล้วทิ้งไงล่ะพักหลังมานี้ทั้งคู่มีอะไรกันบ่อยแทบไม่ได้พัก จะต้องจบลงที่นอนกอดกัน
ภารัชชาเผลอทำหน้างอง้ำใส่เขา แต่มันดันน่ารักจับใจที่ได้เห็นแก้มนุ่มนิ่มพองออก หมอไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะขยับมือไปบีบแก้มเธอจนปากยู่“คุณไป๋... อย่าแกล้ง” เธอส่งเสียงเรียกชื่อเขา แต่ยังโดนเขาแกล้งด้วยการบีบแก้มให้ปากยู่ยี่อยู่หมอไป๋กระตุกยิ้ม ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ โฉบริมฝีปากจูบเธออีกครั้งแล้ววางมือกำเข้าที่ลำคอระหง ภารัชชาเชิดดวงหน้ารับจูบที่หอมหวานชวนให้เคลิ้มตาม“อือ...” เธอครางรับเบาๆ เมื่อรู้สึกดีกับจูบที่เขามอบให้มือบางวางทาบไว้ที่แผงอกกำยำ เธอลูบไล้ไปมาก่อนยกแขนคล้องลำคออีกฝ่ายเอาไว้ ขณะที่ริมฝีปากยังแลกเปลี่ยนความหวาน สอดแทรกดุนดันเกี่ยวพันจนเกิดเสียงชุ่มแฉะในโพรงปากซ่งไป๋แทบจะพรากลมหายใจเธอไป ก่อนที่เขาจะผละริมฝีปากออกในวินาทีถัดมา จนเห็นหยาดน้ำลายเป็นเส้นใสเชื่อมระหว่างกัน“ถอดเสื้อออกสิ”“คุณก็ถอดสิคะ”หมอไป๋ชะงักงัน ไม่คิดว่าเธอจะใช้คำพูดนี้กับเขา หนำซ้ำยังกระเถิบตัวขึ้นไปบนเตียง เหยียดเรียวขายาวส่งสายตายั่วยวนกันทางอ้อมเห็นชอบปรามาสว่าเธออ่อนหัดเรื่องจูบ คราวนี้จะลองงัดไม้ที่คิดว่าเด็ดมาเข้าสู้ อย่างน้อยสีหน้าเขาเมื่อครู่ก็ทำเธอใจชื้น ให้เขาช่วยถอดมันน่าจะตื่นเต้นกว่าเ