แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: ซือซิง SiXing
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-12 15:32:46

บทที่สาม เหล่าองค์ชาย (2/2)

โม่หรงอี้เลิกคิ้วสูง “ท่านลุงมาอย่างนั้นหรือ?”

บ่าวผู้นั้นตอบรับ สองพี่น้องจึงไม่รอช้า รีบไปพบคนสำคัญทันที

“หวังหย่ง จำที่ข้าเคยสั่งเอาไว้ได้หรือไม่” โม่ซือเฉินกวักมือเรียกคนสนิทมากระซิบถาม อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรู้งานเขาจึงวางใจ เด็กชายก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามหลังพี่ชาย ตั้งแต่ได้รับโอกาสใช้ชีวิตใหม่นี่นับเป็นการพบกันหนแรกระหว่างเขากับผู้เป็นลุง

เจิ้งเป่าโหวเฮ่อเสียนตงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของมารดา ท่านลุงมีบุตรชายสองคน

สมัยอายุยังน้อยท่านลุงมักถูกบรรดาคุณชายสกุลอื่นดูแคลนว่าเรียนหนังสือเขียนอ่านไม่เอาไหน ทว่าพอได้จับดาบง้างคันธนูกลับราศีจับ สมเป็นทายาทตระกูลทหาร ถึงอย่างนั้นเฮ่อเสียนตงหาใช่พวกใช้หมัดแก้ปัญหา นอกจากจงรักภักดีต่อเหนือหัวอย่างยิ่งยวดแล้ว ยังรู้จักหนักเบา ไม่ชอบข้องแวะกับขั้วอำนาจต่าง ๆ ในราชสำนัก ทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้ไม่ค่อยถูกขุนนางวาจาวิพากษ์วิจารณ์

ภายในโถงเรือนหน้าซึ่งมีไว้รับแขก ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานหาใช่โม่เทียนฉินแต่เป็นโม่เหล่าฟูเหริน โม่ซือเฉินเห็นท่านอาของตนกับสาวใช้รุ่นใหญ่ช่วยประคองหญิงชรานั่งลง ดูเหมือนท่านย่าเองเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขาไม่นาน คิดว่าพอทราบเรื่องเจิ้งเป่าโหวมาเยี่ยมเยือนก็รีบตรงมารับหน้าทันที ไม่อยากปล่อยบุตรชายที่มีทิฐิในใจต้อนรับเพียงลำพัง

ท่านย่ารักใคร่เขาและพี่ใหญ่เท่ากัน ทว่าอาจเป็นเพราะตนแทบไม่ได้สัมผัสความรักจากมารดาเหมือนหลานคนอื่นๆ ท่านย่าถึงเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ ชีวิตก่อนเองเป็นแบบนี้เช่นกัน โม่เหล่าฟูเหรินมักพูดเสมอว่าเขามีนิสัยคล้ายคลึงท่านปู่ เมื่อรักหรือเชื่อใจใครมักทุ่มเทสุดกำลัง ยามเกลียดชังผู้ใดล้วนแสดงออกชัดเจนไม่ปิดบัง

ความห้าวหาญตรงไปตรงมานี้ทั้งน่านับถือ อีกทั้งเป็นภัย คำตักเตือนจึงถูกสอนสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า

สุดท้ายสิ่งที่ท่านย่าเคยสอนโม่ซือเฉินกลับระลึกได้ตอนคมดาบกำลังจะบั่นคอ

หากกล่าวว่าความผิดมักเป็นบทเรียน คนเรามิอาจเอาแต่เรียนรู้โดยไม่ยอมแก้ไขปรับปรุงตัว เริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่นไม่เลือกทางผิดซ้ำรอยเดิม

บุรุษซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยอย่างโม่เทียนฉินนั่งตรงข้ามเฮ่อเสียนตง มีท่านอายืนเยื้องไปด้านหลัง

ฝ่ายคนจากสกุลเฮ่อนั่งเรียงกันฝั่งหนึ่ง เริ่มที่ท่านลุง ถัดมาคือญาติผู้พี่อย่างคุณชายใหญ่เฮ่อ ตามด้วยคุณชายรองเฮ่อ ยังมีเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโม่หรงอี้อีกคน เขาหน้าผากกว้าง ดวงตาเรียว ปลายจมูกโด่งรั้น แววตาฉายความขบถอยู่ในที ด้านหลังมีผู้ติดตามร่างใหญ่หน้าตาน่ากลัว

มองปราดเดียวทราบได้ว่าเป็นองครักษ์ประจำตัว ไม่ใช่บ่าวชายทั่วไป ชีวิตก่อนโม่ซือเฉินไม่ถูกชะตากับเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างรุนแรง ส่วนชีวิตนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเส้นทางของทั้งสองจะดำเนินไปเช่นไร ในเมื่อต้องเลือกทางเดินใหม่จึงมิควรตัดตัวเลือกใดทิ้ง

“ท่านลุง” โม่หรงอี้ทักทายพร้อมประสานมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“พี่เหลียงเซิน อาหยวน…อา คุณชายเหริน”

เฮ่อเหลียงเซินบุตรคนโตของเจิ้งเป่าโหววัยสิบห้าปีส่งยิ้มตอบญาติผู้น้อง ทางด้านเฮ่อหยวนอีอายุเท่ากับโม่หรงอี้ ดังนั้นเลยถูกเรียกขานอย่างสนิทสนม อย่างไรก็ตามกิริยาพินอบพิเทาที่แสดงต่อผู้ถูกเรียกว่าคุณชายเหรินทำให้คนสกุลโม่แปลกใจอยู่บ้าง

ความจริงโม่เทียนฉินสงสัยถึงขั้นคิดเอ่ยปากถาม แต่กลับถูกขัดด้วยการมาถึงของมารดาเสียก่อน ครั้นบุตรชายทั้งสองที่มีสายเลือดสกุลเฮ่อไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่งมาถึง เขาก็แทบไร้ตัวตน บทสนทนาวนอยู่เพียงไม่กี่คน นอกจากเฮ่อเสียนตงช่วยรักษาหน้าผู้อาวุโส หันมาถามนั่นนี่เขาสามสี่ประโยค โม่เทียนฉินแทบไม่เห็นความจำเป็นของการนั่งอยู่ตรงนี้

“คนแก่ร่างกายไม่ค่อยได้ดั่งใจ ข้าคิดว่ารอให้อากาศอุ่นขึ้นอีกสักสองสามวันจะพาเฉินเกอไปฝากฝังกับท่านโหวที่จวน นึกไม่ถึงท่านโหวจะใจตรงกัน”

โม่เหล่าฟูเหรินเอ่ยอย่างให้เกียรติ

ถึงบุตรชายของนางสืบบรรดาศักดิ์โหวเช่นเดียวกับคนตรงหน้า ทว่าในแง่บารมีกับความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีต่อคนเบื้องหน้า ย่อมไม่ควรล่วงเกิน นี่ยังไม่นับความลำเอียงของบุตรชายซึ่งเคยกระทำต่อภรรยาเอก ใคร่ครวญถึงจุดนี้ยิ่งพานละอายต่อสกุลเฮ่อ

“จวนแม่ทัพอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร จะให้ผู้อาวุโสลำบากเดินทางได้อย่างไร” เฮ่อเสียนตงรีบโบกมือ “ข้ารู้สึกละอายใจต่อจิงจิงนัก นางฝากฝังหรงอี้กับซือเฉินเอาไว้ ข้ามัววิ่งวุ่นเรื่องอื่นจนลืมหลานคนเล็กเสียได้ หวังว่าเหล่าฟูเหรินจะให้อภัยที่ข้าเผลอละเลยไป”

“ท่านโหวงานล้นมือ” หญิงชรากล่าว “นี่มิใช่ความผิดของท่าน”

คนฟังผงกศีรษะ บอกว่าบ้านเมืองสงบสุข ปัญหาเล็กน้อยตามชายแดนขุนนางท้องถิ่นสามารถรับมือไหว หลังจากนี้ตนยังไม่ได้รับมอบหมายภารกิจใดนอกเมืองหลวง คงมีเวลาอยู่จวนอีกนานทีเดียว

“มาเถอะ มาให้ลุงดูเจ้าชัด ๆ” ครั้งสุดท้ายที่พบหน้าเป็นหลายปีก่อน ตอนนั้นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินเทียนเหรินยังมีภาระหน้าที่ค่อนข้างมากเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบนอกด่าน

โม่ซือเฉินเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยฝีเท้ามั่นคง ไม่ได้ก้มหน้าหลบเหมือนเด็กทั่วไปยามประสานสายตาดุ ๆ ของผู้เป็นลุง นอกจากรอยแผลเป็นตรงปลายหางคิ้วซึ่งลากยาวเกือบถึงใบหู แม่ทัพเฮ่อยังมีรอยแผลบนหลังฝ่ามือที่ยื่นมาหาอีกด้วย บุรุษผู้นี้ยังคงความน่าเกรงขามเอาไว้ได้เสมอต้นเสมอปลาย

“ผิดต่อเจ้าแล้ว” เฮ่อเสียนตงรำพึง ตบลงบนไหล่เล็กเบา ๆ แม้หลานชายคนรองมีใบหน้าละม้ายคล้ายน้องเขยที่ตนไม่ค่อยชอบนัก เขามิได้เก็บมาคิดเล็กคิดน้อย เลือดเนื้อเชื้อไขของน้องสาวทั้งคน เขาอดรู้สึกสงสารระคนเอ็นดูไม่ได้ “ลุงไม่ได้ตอบจดหมายแต่รีบมาพบเจ้า อย่าน้อยใจไปเล่า”

“จดหมาย?” โม่เทียนฉินทวน “ไม่ทราบว่าพี่ภรรยาหมายถึงจดหมายอะไร”

“ท่านพ่อ” โม่ซือเฉินหันไปอธิบาย “ข้าเป็นห่วง ไม่อยากให้ท่านย่านั่งรถม้านาน ๆ เลยเขียนจดหมายไปขอฝึกที่จวนท่านลุงเองขอรับ”

“เสียมารยาท!” บิดาชี้หน้า ขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ไยทำอะไรไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ หรือว่านี่เป็นความคิดพี่ใหญ่ของเจ้า”

โม่หรงอี้ไม่กลัวสักนิดหากต้องแบ่งโทษจากน้องชาย ทว่าสืบเท้าขึ้นหน้าได้เพียงก้าวเดียว โม่ซือเฉินกลับแย้งด้วยน้ำเสียงฉะฉาน “ท่านพ่อ หมอเคยบอกว่าท่านย่าไม่ควรนั่งรถม้านาน ๆ อาการมึนหัวจะกำเริบ จากนั้นก็จะอาเจียน ทรมานยิ่งนัก ข้าไม่กล้าปล่อยให้ท่านย่าตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเพื่อข้าหรอกขอรับ”

“เด็กโง่” โม่เหล่าฟูเหรินทั้งปวดใจ ทั้งยินดีที่หลายชายคำนึงถึงสุขภาพตน “อย่างไรการทำเช่นนั้นผิดมารยาทจริงเช่นท่านพ่อของเจ้าว่า พวกเราส่งเจ้ากับหรงอี้ไปรบกวน…”

เฮ่อเสียนตงปฏิเสธ “เหล่าฟูเหริน พวกเราสองตระกูลเกี่ยวดองกันมานาน เรื่องพิธีรีตองทั้งหลายอย่าได้ใส่ใจเลย เรื่องนี้ให้คิดเสียว่าเป็นความกตัญญูและปรารถนาดีของซือเฉิน สกุลเฮ่อกว้างขวางมีน้ำมีอาหารพร้อมสรรพ หลานชายสองคนข้าจะเลี้ยงไม่ไหวได้อย่างไร”

ผู้อื่นจงใจไม่ต่อความยาว ทั้งหญิงชราและแขกต่างยิ้มให้กันอย่างเข้าอกเข้าใจ โม่เทียนฉินกลับคิดว่าโม่ซือเฉินสมควรถูกลงโทษเพื่อไม่ให้เหิมเกริม ทำสิ่งใดไม่ปรึกษาจนเขาในฐานะบิดาต้องเสียหน้า

ไม่แน่ว่าเฮ่อเสียนตงอาจเข้าใจผิด คิดว่าเขาส่งบุตรชายไปขอร้องเพราะไม่กล้าสู้หน้า

คังโหวอ้าปาก “แต่ว่า-”

“เช่นนั้นขอท่านโหวโปรดรับของขวัญที่ท่านแม่เตรียมไว้ให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” โม่กุ้ยหลันยิ้มบาง รีบดึงความสนใจมาที่ตนเมื่อเห็นพี่ชายหวิดทำลายบรรยากาศดี ๆ “จำได้ว่าโหวฟูเหรินชื่นชอบสุราหมักที่ข้าเคยฝากพี่สะใภ้ไปให้ ครั้งนี้หมักได้รสชาติเข้มข้น หวังว่าจะถูกใจ” กล่าวจบจึงหันไปสั่งสาวใช้ให้เตรียมนำของไปให้บ่าวสกุลเฮ่อที่รออยู่หน้าประตูใหญ่

นอกจากสุราแล้ว ยังมีข้าวของอีกหลายอย่าง เรียกว่าสกุลโม่เตรียมพร้อมไว้อย่างดิบดี ด้านสกุลเฮ่อเองหาได้มามือเปล่าเช่นกัน พวกเขาให้คนยกของกำนัลเข้ามาในโถง แม้เป็นหีบไม้เล็ก ๆ เพียงสองหีบ ด้านในกลับเป็นของหายาก กระทั่งใบชาไม่กี่ชั่งที่มอบให้ยังเป็นชาเลื่องชื่อจากทางใต้

“เจ้ามองข้าตั้งแต่เมื่อครู่ มีอะไรอยากพูดหรือไม่”

ขณะคนอื่นกำลังติดพันอยู่ในวงสนทนา เด็กหนุ่มซึ่งถูกเรียกว่าคุณชายเหรินกลับจ้องหน้าโม่ซือเฉินพลางเอ่ยเสียงเบา

เด็กชายตีหน้าใสซื่อ เอ่ยถาม “ท่านเป็นสหายของพี่เหลียงเซินกับพี่เจียหยวน?”

“ข้ายังรู้จักกับพี่ชายเจ้าด้วย”

ชีวิตก่อนโม่หรงอี้ค่อนข้างไว้ใจคนผู้นี้ อย่างไรเสียมิอาจเผยพิรุธได้ “ท่านฝึกอยู่ที่สกุลเฮ่อ? เช่นนั้นต่อไปพวกเราคงได้ฝึกร่วมกัน”

คนฟังพยักหน้า “ตอนฝึกอยู่สกุลเฮ่อ นอกจากพวกพี่ชายของเจ้ากับข้าแล้วยังมีอีกหลายคน เลือกคบหาให้ดีเล่า”

“ท่านอาสอนว่าวิญญูชนควรมีน้ำใจไมตรีกับผู้อื่น ถ้าข้าดีกับทุกคนทุกคนย่อมดีต่อข้า ไม่เห็นต้องเลือกเลย”

“ช่างเป็นคำสอนที่เหมาะสมกับเด็กเสียจริง” คุณชายเหรินเลิกคิ้ว หัวเราะพลางหัวเราะในลำคอ

คนเติบโตในสถานที่เต็มไปด้วยอำนาจเช่นเขาถูกบีบให้ความคิดอ่านโตเกินวัย ยามเห็นความใสซื่อบริสุทธิ์จึงพานอยากถ่ายทอดความดำมืดของโลกใบนี้ให้อีกคนฟัง มิใช่เพราะเจตนาร้ายหรือหมายกลั่นแกล้ง แค่ไม่ต้องการให้น้องชายของสหายมองโลกในแง่จนถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบได้

วังหลวงเป็นสถานที่บ่มเพาะคนอันตราย จะเที่ยงธรรมหรือกลายเป็นทรราชในวันหน้าสามารถเป็นไปได้ทั้งสิ้น ในบรรดา‘พวกตน’ไม่มีใครปราศจากพิษหรือหนามแหลม

“น้องรอง เจ้าคุยอะไรกับคุณชายเหรินหรือ”

“คุยเรื่องฝึกที่สกุลเฮ่อขอรับ…” ตอนนั้นเองหวังหย่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ประตูห้องโถงสบตานายของตนก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

สีหน้าโม่ซือเฉินไม่แปรเปลี่ยน ภายในใจกลับยิ้มกริ่ม สามารถคาดเดาความคิดกับการกระทำของสตรีผู้นั้นได้แม่นยำ ถึงเหตุการณ์ที่ตนเขียนจดหมายรวมถึงท่านลุงมารับที่จวนไม่เคยเกิดในชีวิตก่อน ประเมินจากอุปนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็นของนายบ่าวเรือนหลังคู่นี้ ย่อมอยากสอดแนมความเป็นไปแน่นอน

เด็กชายเปล่งเสียงค่อนข้างดังตอนพูด ทำเอาคนอื่นต่างหันมามองเป็นตาเดียว

“ซินเถา เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

สาวใช้ประจำตัวฟางอี๋เหนียงสะดุ้ง นางสู้อุตส่าห์ดีใจตอนพบว่าทางสะดวก ทั้งยังติดสินบนบ่าวด้านนอกเพื่อแอบฟังเงียบ ๆ อยู่แถวประตูห้องโถงซึ่งเปิดกว้าง

“พี่ซินเถา คุณชายรองบอกให้ท่านเข้าไปข้างใน” ตอนกำลังลนลานหวังหย่งกลับยื่นหน้ามาเรียกพร้อมกระตุกแขนเสื้อ

“ปล่อย ปล่อยข้า!” คนถูกจับได้กระซิบลอดไรฟัน ใคร่ทุบเจ้าเด็กนี่ให้น่วม

“มีอะไรหรือ?” โม่กุ้ยหลันขยับมาหาหลานชายทั้งสอง เป็นจังหวะเดียวกับหวังหย่งยื้อยุดจนซินเถาโผล่มาหน้าประตู

“ท่านอา ข้าเห็นซินเถามาด้อม ๆ มอง ๆ ข้างนอก บางทีฟางอี๋เหนียงอาจมีเรื่องสำคัญอยากแจ้งท่านพ่อ”

โม่ซือเฉินใช้ใบหน้ายิ้มแย้มของตนขุดหลุมให้ทั้งนายและบ่าวเป็นที่เรียบร้อย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 34

    เสิ่นจื่อเหลยนิ่งไปคล้ายกำลังตรึกตรองบางสิ่ง“มีสิ่งใดอยากพูดหรือ”คนโดนถามส่ายหน้าในท้ายที่สุด เห็นเช่นนั้นหลี่หงหมิงเลยไม่เซ้าซี้ เพียงเอ่ยสั้น ๆ “วันนี้เจ้าผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ หากเห็นว่าอะไรไม่ชอบมาพากลพรุ่งนี้บอกข้าก็ยังไม่สาย”“พ่ะย่ะค่ะ”ดวงตาของเสิ่นจื่อเหลยชำเลืองมองไปยังทิศที่คนสกุลโม่นั่ง

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 33

    บทที่เก้า คุณหนูสามสกุลโจว (2/2)ดวงหน้าระบายรอยยิ้มอ่อนหวาน แม้อยู่ท่ามกลางสหายหลายคนยังโดดเด่น ไม่ว่ามองจากมุมใดโจวเจินอวี่นับว่าดูเป็นมิตรไร้พิษภัย ไป๋อวี้เสวียนแปลกใจว่าไฉนเด็กหนุ่มซึ่งชะลอการเดินลงจนตีคู่กับตนคล้ายนิ่งอึ้งอยู่หลายอึดใจ ถ้าบอกว่าเป็นอาการตกตะลึงในรูปลักษณ์ของคุณหนูโจวก็ดูไม่เป็น

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 32

    ลูกศรดอกต่อมาถูกโยนลงอย่างแม่นยำราวจับวางในแถวห้า หนนี้ผู้ที่คิดดูถูกเริ่มพากันยิ้มไม่ออก ต่างจากโม่หลิงจูซึ่งตบมือเสียงดังพลางยิ้มกว้างจนตาหยีเคร้ง!ศรดอกสุดท้ายลงเป้าง่ายดายในแถวที่ห้าอีกครั้งพร้อมกับเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี“ยอดเยี่ยม!” ผู้ครองอันดับหนึ่งปรบมือเสียงดังพลางเดินเข้ามาหาเขา น้ำเสี

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 31

    ไป๋อวี้เสวียนเคยเป็นคนไม่มั่นใจและค่อนข้างขี้อายเก็บตัว ทว่าการได้กลับมาเมืองหลวงและพำนักข้างกายท่านย่าช่วยปลอบประโลม ขจัดความคิดแง่ลบทีละนิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลุดพ้นจากอนุชั่วร้ายกับแม่นมที่ทรยศนางอย่างเลือดเย็น การเติบโตของนางเลยราบรื่น ได้ร่ำเรียนสิ่งที่สตรีพึงรู้ ศิลปะ ดนตรี กิริยามารยาท การเข้

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 30

    บทที่เก้า คุณหนูสามสกุลโจว (1/2)“คุณหนูไป๋” โม่หลิงจูกล่าวทักด้วยความยินดีที่ได้พบคนคุ้นเคย เสิ่นจื่อเหลยได้ยินเช่นนั้นพลันหันไปสบตาไป๋อวี้เสวียนคล้ายขอคำอธิบาย“ข้ารู้จักกับนาง พวกเราเคยพบกัน” คุณหนูสกุลไป๋เอ่ยคล้ายมีแววตาพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าผู้ฟังชั่วอึดใจ เพียงแต่นอกจากโม่ซือเฉินก็ไม่มีผู้ใดสัง

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 29

    พี่ชายยกมือป้องแดดให้น้องสาว ไม่ทันเรียกพี่เลี้ยงของโม่หลิงจูให้ส่งร่มมาพลันได้ยินเสียงพรึบพร้อมเงาทาบลงมาเหนือศีรษะร่างเล็กข้างตัว เป็นเสิ่นจื่อเหลยมือไว ฉวยร่มจากบ่าวกางให้เด็กหญิง โม่ซือเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อยยามพบว่าร่มเงาหาได้เผื่อแผ่มาถึงตนหรือโม่เหวิน“ขออภัย ข้ามัวสนทนาจนลืมว่าเจ้าอาจจะร้อน”“ไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status