ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรถไปตลาดด้วยกัน เขมิกาพยายามมองไปตามทางและจดจำว่าออกมาและเลี้ยวตรงไหนบ้าง แต่รอบข้างก็ยังเต็มไปด้วยป่าที่เป็นสวนเต็มไปหมด และมันก็เหมือนๆ กันจนเธอรู้สึกสับสนไปหมด
“บอกแล้วว่ามันเป็นป่า เธอออกมาคนเดียวก็หลง” “ถ้าฉันได้ออกมาบ่อยๆ ฉันก็ไม่หลงหรอกน่า คุณก็ให้ฉันออกมาบ่อยๆ สิจะได้คุ้นชินกับเส้นทาง” “ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป” “รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังมาสร้างบ้านอยู่กลางป่าแบบนี้" "....." "แล้วอีกนานไหมเนี่ยกว่าจะออกไปถึงข้างนอก" "ก็สักพักล่ะ" "ไปถึงแล้วช่วยจอดแถวๆ ตู้เอทีเอ็มให้ฉันด้วยนะ" "จะกดเงินเหรอ?" "ซื้อไก่ย่างมั้ง" "ถามดีๆ ก็ตอบให้มันดีๆ บ้าง" "แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องถามไหมล่ะ ฉันให้คุณไปจอดที่นั่นก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหมว่าให้ไปทำไม" "ถ้าอยากได้เงินมาเอาที่ฉัน ไม่ต้องไปกดเอง" "ทำไม?" "ค่าใช้จ่ายของเธอทุกอย่างฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง อยากได้อะไรซื้ออะไรให้มาบอก" "ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวถ้าฉันซื้ออะไรมากไปแพงไปคุณก็จะมาว่าฉันอีก ฉันใช้เงินของตัวเองดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ" "ตามใจ" ไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังตลาดในเมือง แต่ถึงอย่างนั้นอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนกับในเมืองกรุงจริงๆ "อยากได้อะไรก็ซื้อเอา" "อืม...ว่าแต่คุณจะมาซื้ออะไรล่ะไม่เห็นออกไปซื้อ" "ฉันไม่ได้มาซื้ออะไรแค่เห็นเธอบอกว่าอยากจะออกมาฉันก็เลยพาออกมาแค่นั้นเอง" "งั้นคุณจะไปซื้ออะไรก็ไปสิไม่เห็นต้องมาเดินตามหลังแบบนี้เลย" "ฉันกลัวหมามันหลุดน่ะยิ่งออกจากกรงมาแล้วด้วย" "เอ๊ะ! นี่คุณว่าฉันเป็นหมาหรอ?" "ฉันยังไม่ทันได้พูดสักคำเลยนะ อ้อ...ฉันขอพูดอย่างนึงนะฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปี ช่วยพูดกับคนที่อายุมากกว่าให้มันดีๆหน่อย" "แก่แต่อายุหรือเปล่า" "....." "เอ๊ะแต่ไม่นะ หน้าก็แก่ด้วย สรุปแล้วแก่ทั้งหน้าแก่ทั้งอายุ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้แก่ไปหมด เพราะส่วนนั้นชอบสั่งการมาทะเลาะกับเด็กที่อายุน้อยกว่า" "เธอนี่มันปากจัดได้ใครนะ!" "แซ่บจัดจ้านใช่ไหมล่า" "....." เขมิกาเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าของผู้หญิง ส่วนนายหัวไกรก็ยืนรออยู่ด้านนอก "แม่ค้าคะ เสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่?" "ตัวละร้อยเก้าเก้าจ้ะ" "สวยแฮะ งั้นเอาตัวนี้ตัวนึง ตัวนี้ด้วยแล้วก็กางเกง เอาทั้งหมดที่เลือกมานี้เลยค่ะ" "ได้เลยจ้ะ สักครู่นะจ๊ะ" หลังจากที่เลือกเสื้อผ้าได้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าแล้วแวะไปที่ร้านอื่นต่อ จนกระทั่งนายหัวไกรถือถุงเสื้อผ้าที่เธอซื้อมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด "ฉันจำได้ว่าตอนที่มาเธอก็ขนเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบเบ้อเริ่มมาตั้งหลายใบนะ" "แล้วไง?" "แล้วเธอจะซื้อเสื้อผ้าไปทำไมอีก" "คุณไม่รู้หรอว่าการซื้อเสื้อผ้าซื้อของมันคือความสุขของผู้หญิง มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะจำเป็นหรือไม่จำเป็น รู้แค่ว่ามันเป็นความสุขของฉันก็พอ และถ้าคุณไม่มีความสุขก็กลับไปรอที่รถเสร็จแล้วฉันจะกลับไปเองไม่ต้องมาตาม" "เฮ้อ..." "ไม่ต้องมาถอนหายใจด้วย ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณตามมาคุณเป็นคนตามฉันมาเอง" "อ้าวนายหัวไกร มาทำอะไรถึงที่นี่เลย มาซื้อของเข้าบ้านหรอ" "ครับป้า" "ว่าแต่นังหนูนี่ใครล่ะ" "อ๋อ นี่เขมเมียผมเองครับ เพิ่งแต่งงานกันแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน" "อ๋อๆ" "ใครล่ะคุณ ไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างหรอ" หญิงสาวพูดกระซิบ เพราะตั้งแต่มาที่นี่เธอยังไม่รู้จักญาติพี่น้องหรือว่าคนรู้จักของเขาคนไหนเลยนอกจากแม่บ้านที่อยู่ในบ้าน "คนนี้ป้าไพร เป็นคนรู้จักของพ่อกับแม่น่ะ" "ตาเรานี่ถึงนะได้แฟนสวยเชียว" "แหะๆ ครับป้า" "ว่าแต่อยู่ที่บ้านสวนกันหรอ" "ครับ ผมย้ายไปอยู่ที่นั่นถาวรแล้วเพราะแต่งงานแล้วด้วย อีกอย่างถ้าไปอยู่ใกล้ๆ สวนก็จะได้ดูแลสวนด้วย จะได้ไม่ต้องคอยเดินทางไปกลับมันเสียเวลา" "ก็จริง" "ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับป้าพอดีว่าต้องไปซื้อของต่อ" "จ้ะๆ" "อะไรเนี่ยคุณฉันจะซื้อเสื้อผ้าฉันไม่ได้จะไปกับคุณสักหน่อย ปล่อยฉันนะฉันจะเลือกซื้อเสื้อผ้าฉันต่อ" "มาเถอะน่า" "นี่นายหัวไกร" "ครับ" "ระวังนะ เถียงกันเก่งทะเลาะกันบ่อยแบบนี้ โบราณเขาถือว่าจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง" "ไม่มีทางหรอกค่ะป้า เราสองคนไม่มีวันมีอื้อ...อ่อยนะ!!" "ผมไปก่อนนะครับป้าพอดีว่าต้องรีบไปซื้อของเดี๋ยวร้านมันจะปิดซะก่อนสวัสดีครับ" "อ่าๆ ขับรถกลับกันดีๆ ล่ะ" ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินกลับไปที่รถ และเพราะถูกปิดปากไม่ให้พูดอะไรจึงทำให้เธอเอาแต่ดิ้นพร้อมกับส่งเสียงโวยวายอู้อี้ในลำคอ "อื้อ! อะไรของคุณเนี่ย ทำแบบนี้กับฉันทำไม" "แล้วใครใช้ให้เธอไปพูดแบบนั้นล่ะ" "ฉันพูดผิดตรงไหน" "อยากให้คนอื่นรู้หรอว่าเราแต่งงานกันเพราะถูกจับคลุมถุงชนไม่ได้แต่งงานกันเพราะรักกัน" "แล้วทำไมต้องไปโกหกคนอื่นด้วยล่ะฉันไม่ใช่พวกเสแสร้งแกล้งปั้นหน้าใส่ใครสักหน่อย มีอะไรก็พูดไปตามตรงสิพูดความจริงน่ะไม่รู้จักหรอ" "อยู่ที่นี่เธอยังมีอะไรที่เธอยังไม่ได้เรียนรู้อีกมาก เพราะงั้นอย่าพูดอะไรซี้ซั้ว ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี" "ทำไม! คุณกลัวว่ากิ๊กคุณจะรู้หรอ ฉันจำได้นะก่อนหน้านั้นคุณบอกว่าคุณไม่ยอมให้ฉันไปไหนไม่ยอมหย่ากับฉันเพราะจะให้ฉันเป็นไม้กันหมาให้กับคุณ" "เลิกพูดแล้วขึ้นรถได้แล้วจะได้กลับกัน" "ห๊ะ? อะไร ทำไมรีบกลับขนาดนั้น นี่มันเพิ่งจะบ่ายสองเองนะ" "ฉันพาเธอออกมาซื้อของก็จริง แต่เธอเอาแต่เลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างเดียวเลยไม่ไปที่ไหนเลย แล้วเธอก็เลือกซื้อนานด้วย" "ฉันถามว่าทำไมถึงรีบกลับ" "กว่าจะกลับไปถึงอีก ขับรถตอนกลางคืนมันอันตราย" "ฉันไม่อยากกลับฉันจะซื้อของต่อ" "นี่ วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอกนะ เดี๋ยววันหยุดหน้าฉันจะพาเธอออกมาอีก" "....." "เอาน่าฉันสัญญา ต่อไปฉันจะไม่ขัดใจเธออีกแล้ว" "คุณนี่มาแปลกอีกแล้วนะ ต้องการอะไรจากฉันหรือเปล่าเนี่ย!" "เปล่าๆ ไปขึ้นรถได้แล้ว" "อือๆ! ไปก็ไป ชิ! น่าหงุดหงิดชะมัดเลย"สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ