เวลาผ่านไป
ฉันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรโลกภายนอกเลยมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขังฉันเหมือนหมูหมากาไก่ไม่ให้ออกไปข้างนอก จะมีบ้างที่ฉันได้ออกไปข้างนอกโดยที่มีเขาเป็นคนพาไป "คุณนาย" "วันนี้มีอะไรกินบ้าง" "มีคั่วกลิ้ง มีแกงส้มไข่ปลา แต่ภาพยายามทำไม่ให้เผ็ดแล้วนะจ๊ะคุณนายน่าจะกินได้" "อื้ม..." "นั่งลงสิเธอไม่กินข้าวหรือไง" "ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?" "ทำไมถึงถามแบบนี้" "แล้วฉันจะไม่มีโอกาสมีชีวิตเป็นของตัวเองเลยหรอ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้วฟังคำสั่งจากคุณ คุณห้ามทำอะไรฉันก็ต้องไม่ทำ คุณสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ต้องทำ เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่โดนคุณล่ามโซ่เอาไว้อยู่" "แล้วเธอจะออกไปทำงานอะไร อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วคอยจัดการเรื่องบัญชีให้ฉัน แม่ของเธอบอกว่าเธอเก่งเรื่องคณิตศาสตร์" "....." ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากับแม่ของฉันคุยกันบ่อยขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสืบเรื่องราวของฉันจากแม่ของฉันมาโดยเฉพาะเลย "ฉันต้องออกไปทำงาน พักกลางวันอาจจะกลับมา เตรียมกับข้าวกลางวันไว้ด้วยล่ะ" "จะกลับมาทำไมปกติคุณก็ไม่ได้กลับนี่" "วันนี้ออกไปทำที่สวนใกล้ๆไม่อยากจะห่อข้าวไป กลับมากินที่บ้านสะดวกกว่า" "....." ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขา เพราะปกติฉันก็ไม่ใช่คนทำอาหารอยู่แล้ว *************** "คุณนายอยู่แต่บ้านไม่เบื่อบ้างเหรอจ๊ะ" "เบื่อสิ ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่ใจจะขาดละ" "ออกไป?" "ฉันอยากกลับบ้านของฉัน" "ทำไมล่ะจ๊ะ ภาทำอะไรให้คุณนายไม่พอใจหรือเปล่าจ๊ะ" "มันไม่ใช่เธอหรอกเธอไม่ต้องเป็นกังวลไปมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย" "อ้าว...ก็คุณนาย..บอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" "ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ฉันก็มีเหตุผลของฉันมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอหรอกไม่ต้องไปคิดมาก" เหตุผลที่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ก็เพราะอีตาบ้านั่นต่างหากล่ะ ชอบมาหาเรื่องฉันวุ่นวายกับฉันอยู่เรื่อย คุณแม่บอกกับฉันว่าอยู่นานๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง สภาพแบบนี้จะไปรักกันลงอีท่าไหนฉันยังนึกไม่ออกเลยเจอหน้ากันทีไรก็มีแต่เรื่องแต่ราวแทบจะไม่ได้พูดดีๆ กันสักครั้ง "ภา ภา" "จ้า" เสียงตะโกนดังอยู่ทางหน้าบ้าน ฉันชะเง้อหน้าออกไปมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เดินออกไปมอง คงจะเป็นญาติของผู้หญิงคนนั้นละมั้ง "นายหัวออกไปไหนหรอภา" "ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วจ้ะ แต่เดี๋ยวเที่ยงๆ ก็คงกลับมา" แม่บ้านพาผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา เราสองคนได้มองหน้ากันพอดีแต่ฉันก็ไม่ได้ทักทายอะไร เพราะฉันไม่ได้รู้จัก "นี่ใครหรอภาแม่บ้านคนใหม่หรอ?" "ไม่ใช่จ้ะไม่ใช่!" "อ้าว แล้วเป็นใครกันล่ะ?" "เมียนายหัวจ้ะ" "เมีย?" "จ้ะ" "....." ผู้หญิงคนนั้นมองฉันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอเพราะไม่รู้จักกันและฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย "นายหัวแต่งงานแล้วหรอ ทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย" "จ้ะ นายหัวแต่งงานแล้ว" "อ๋อ..." "เดี๋ยวภาไปเอาน้ำมาให้นะคะ คุณเพ็ญไปนั่งรออยู่กับคุณนายก่อนนะคะ" "จ้ะ" ผู้หญิงคนนั้นเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน ก่อนที่เธอจะฉีกยิ้มให้กับฉันแต่ไม่ได้พูดอะไร "เธอยิ้มอะไร?" "นายหัวนี่ก็ตาถึงดีเหมือนกันนะ เลือกเมียได้ซะสวยเลย ว่าแต่เธอลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ" "ไม่ใช่เรื่องของเธอจะอยากรู้ไปทำไม" "อ้อ...หน้าตาดูดีแต่ทำไมคำพูดถึงได้สวนทางกับหน้าตาเลยล่ะ" "....." ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรไปเพราะดูรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามหาเรื่องฉัน คิดว่าฉันจะหลงกลง่ายๆ เหรอ รู้จักคนอย่างเขมิกาน้อยไปซะแล้ว มีปากก็พูดไปเถอะเจอของจริงขึ้นมาจะพูดไม่ออก "อยากจะรู้จริงๆ ว่านายหัว ไปรักไปชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เท่าที่ฉันรู้นายหัวชอบคนเรียบร้อยพูดน้อยนี่นา" "จะเลิกพล่ามได้ยังรำคาญ ถ้าจะมาเพื่อหาเรื่องคนอื่นก็กลับไป" "โอ๊ะโอ...เก่งซะด้วย" "....." "ฉันก็แค่ถามว่านายหัวชอบคนอย่างเธอได้ยังไง" "คิดว่าเขาจะเลือกเธองั้นหรอ ก่อนที่จะมองว่าคนอื่นไม่ดีมองตัวเองก่อน เธอกับฉันไม่เคยรู้จักกัน อย่ามาหาเรื่องฉัน" "น้ำได้แล้วจ้ะคุณเพ็ญ" "ขอบใจจ้ะภา" พรึบ! "คุณนายจะไปเดินเล่นหรอจ๊ะ" "จะไปข้างบน ถ้าเขามาก็หาข้าวให้เขาเลยไม่ต้องไปตามนะ ขอพักสักหน่อย รู้สึกอยากจะอ้วก" "จ้ะๆ คุณนาย" ฉันเดินกลับขึ้นมาข้างบนจนกระทั่งเย็น ฉันลงกลับไปที่ด้านล่างเพราะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะกลับไปแล้วล่ะ แต่ไม่ใช่ ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่แถมยังนั่งกระหนุงกระหนิงอยู่กับอีตาบ้านั่นอีกด้วย "ดีขึ้นแล้วหรอ เห็นภาบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย" "แค่อยากจะอ้วกใส่ใครบางคนเฉยๆ" "อะไร ใครไปทำอะไรให้" "อ้อ ก่อนหน้าที่นายหัวจะมา ฉันคุยกับเมียของนายหัวแล้วนะ เธอน่ารักดีและเป็นกันเองมาก" "แหวะ! ฉันจะไปช่วยภาในครัวนะ เชิญตามสบาย" คิดเหรอว่าฉันจะเป็นไม้กันหมาให้ได้ง่ายๆ ฝันไปเหอะ คนอย่างฉันไม่คิดจะเป็นไม้กันหมาให้ใครหรอก โดยเฉพาะหมาตัวนี้ ผ่านไปสักพัก "เพ็ญเขาจะกินข้าวกับเราด้วยนะ ภาช่วยจัดให้อีกที่ด้วยล่ะ" "ได้จ้ะนายหัว" "ฉันไม่กิน ภาจัดแค่สองที่พอ ฉันไม่หิว" "ดะ ได้จ้ะ" "เป็นอะไรไปอีก อยู่ดีๆ ก็อารมณ์เสียใส่" "ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่ไม่ชอบกินข้าวกับใครหลายคน ชอบความเป็นส่วนตัว ฉันไม่ชอบปั้นหน้าเข้าสังคม" "....." "แต่ฉันว่าลองเข้าสังคมกว้างๆ บ้างก็ดีนะ เพราะการที่เราได้เข้าสังคมมันทำให้เรารู้จักอะไรๆ ดีขึ้น" "มันเรื่องของฉัน" "คุยดีๆ สิเขมิกา" "จิ๊!" "ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะนายหัว เธอยังเด็ก ยังไม่รู้จักอะไรมากมายหรอก" "นี่คุณ ที่ฉันไม่กินข้าวเนี่ยเพราะฉันจะกินอย่างอื่นมากกว่า คุณรีบกินข้าวกับคนอื่นให้เสร็จเร็วๆ นะคะ ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำทาครีมหอมๆ รอคุณอยู่ข้างบน จุ๊บ" "อุ้ย คุณนายจุ๊บนายหัว น่ารักจัง" "รีบๆ นะคะ อยากกินข้าวกับคนอื่นนานเมียไม่อยากรอ" ฉันเขย่งเท้าขึ้นแล้วจูบปากเขาต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะหันไปยิ้มเย้ยใส่ รู้จักคนอย่างเขมิกาน้อยไปนะป้า เด็กอย่างฉันไม่ได้ไม่รู้อะไร แต่มีวิธีจัดการต่างหากล่ะสองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ