Masuk“ก็ควรอิ่มอยู่หรอก เธอกินหมดแล้วนี่ ขาหมูขาเบ้อเร่อ ” ธามไทอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอาหารบนโต๊ะเกลี้ยงด้วยฝีมือของหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้า
“เอ่อ ขอโทษค่ะ แหม...ก็มันอร่อยนี่คะ” พลางเกาศีรษะแก้เขิน
“ไม่ได้ว่าอะไร กินเยอะขนาดนี้ไม่กลัวอ้วนหรือไง”
ธามไทเอ่ยถามไปอย่างนั้น เพราะเห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะทานน้อยเพราะกลัวหุ่นพัง แต่เขมมิกาเองก็ห่างไกลกับคำว่าอ้วนลิบลับ
“ให้เค้กได้อ้วนเถอะค่ะ มีแต่คนบอกว่าเค้กผอมเกินไป เค้กชอบผู้หญิงอวบๆ มีน้ำมีนวลมากกว่า แต่กินเท่าไหร่ก็หุ่นเท่านี้ตลอด” เขมมิกาพูดอย่างใจคิด เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นผู้หญิงผอมสูง แต่ก็อยากที่จะมีน้ำมีนวล หรือเป็นผู้หญิงอวบมากกว่า เพราะมองยังไงก็มีเสน่ห์และสวยในสายตาเธอ
“หึ แปลกดี”
ธามไทมองว่าเขมมิกาเป็นผู้หญิงแปลกคนหนึ่ง เพราะคนส่วนใหญ่อยากจะผอมและมีหุ่นบอบาง แต่เธอกลับอยากมีน้ำมีนวลเสียอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไร เรื่องหุ่นของผู้หญิงสำหรับชายหนุ่มก็ไม่ได้สำคัญนักขอ แค่ถูกใจ จะหุ่นไซซ์ไหน เขาก็โอเคทั้งนั้น
“ว่าแต่หมอธามก็ทานเยอะเหมือนกันนะคะ ไม่กลัวหุ่นพังเหรอ” อดถามไม่ได้ เพราะจากที่ดูธามไทเป็นคนที่หุ่นดีคนหนึ่ง แม้เธอจะไม่เคยเห็นหุ่นภายในของเขา แต่แค่คิด ใบหน้าของหญิงสาวก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
“ฉันมีวิธีเบิร์นออก” หมอหนุ่มเหยียดยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงวิธี ‘เบิร์น’ ของตนเอง
“ออกกำลังกายเหรอคะ” เขมมิกาถามต่อด้วยความสงสัย แต่กลับเห็นเขามองกลับมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ใช่ ออกกำลังกายแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน เด็กอย่างเธอคงไม่เข้าใจ”
หมอหนุ่มพูดจบก็เหยียดยิ้มมีเลศนัยออกมา และคำพูดนั้นก็ทำให้เขมมิกาหน้าแดงขึ้นมา ธามไทยอมรับว่าเด็กสาวดูน่ารักขึ้นอีกมากเมื่อเธอกำลังเขินอายแบบนี้
“เอ่อ เค้กว่าเค้กอยากกลับแล้วค่ะ”
เขมมิการีบพูดออกไป แม้เธอจะหลงรักธามไทมาตลอดแต่เธอไม่เคยรู้จักเขาในอีกด้าน และจากคำพูดเมื่อครู่ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าหมอหนุ่มไม่ธรรมดาเช่นกัน
“ดี ฉันก็อยากกลับแล้ว” ธามไทปรับสีหน้ากลับมาสู่โหมดปกติของเขา ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตนเองเริ่มให้ความสนิทสนมกับนักศึกษาสาวเกินควร
“มื้อนี้เท่าไหร่คะ เดี๋ยวเราหารกันก็ได้ค่ะ” หญิงสาวล้วงกระเป๋าเงินของตัวเอง แม้เธอจะเหลือเงินไม่มากแต่หากหารครึ่งกับชายหนุ่มก็น่าจะพอจ่ายอยู่
“จะบ้าหรือไง คิดว่าฉันขี้งกถึงขั้นต้องให้เด็กฝึกงานหารครึ่งค่าอาหารเลยเหรอ” พูดพร้อมกับเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน
“ก็เค้กเป็นคนขอร้องให้หมอพามานี่คะ เค้กก็ต้องช่วยจ่าย” คนตัวเล็กพูดอย่างใจคิด แม้จะรู้ว่าคงเป็นเงินน้อยนิดสำหรับเขา แต่เธอไม่อยากให้ชายหนุ่มเข้าใจว่าตนเองหลอกให้เขาพามาทานอาหารหรู
“ไม่ต้อง” คนร่างสูงไม่สนใจ ก่อนจะยื่นบัตรให้กับพนักงานทันที
“แต่ว่า…”
“ฉันไปรอที่รถ” ธามไทตัดบท ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปรับบัตรกับพนักงานทันที
“อะไรของเขา” เขมมิกาบ่นอุบอิบ ก่อนจะเดินตามเจ้าของร่างสูงโปร่งไปแต่โดยดี
“ขอบคุณหมอมากนะคะที่เลี้ยงเค้ก” เขมมิกาเอ่ยทันทีที่ขึ้นรถยนต์คันหรูของชายหนุ่ม นึกเกรงใจที่เขาต้องมาเสียเงินเพราะเลี้ยงข้าวเธอ
“ตอนนี้จะบอกได้หรือยังว่าบ้านเธออยู่ไหน หรือว่าไม่อยากให้ฉันไปส่ง ฉันจะได้แยกกับเธอตรงนี้เลย” ธามไทเอ่ยถามขึ้น
“อ๋อ จริงสิ จริงๆ หมอธามให้เค้กลงแถวนี้ก็ได้นะคะ เพราะบ้านเค้กอยู่ไกลจากตรงนี้มากเลย เดี๋ยวเค้กนั่งรถเมล์กลับเองดีกว่าค่ะ”
หญิงสาวมองดูเส้นทางก็พบว่าคนละทางกับที่อยู่ของตนเอง อีกอย่างวันนี้ ชายหนุ่มก็เลี้ยงข้าวเธอไปแล้วจึงไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้
“นั่งรถเมล์ด้วยสภาพนี้?” เขาหันไปมองหญิงสาวข้างกาย พร้อมกับมองต้นขาเรียวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาสั้นเหนือเข่า ก่อนจะสบตาหญิงสาวด้วยสายตาตำหนิ
“ค่ะ” เขมมิกาตอบออกไปอย่างงุนงง ปกติ เธอก็โหนรถเมล์ไปเรียนอยู่แล้ว บางวันรีบๆ ก็ต้องนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง เพราะฉะนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับตนเอง
“แต่งตัวขึ้นรถเมล์แบบนี้ ฉันว่ามีหวังไปไม่ถึงบ้านแน่” ธามไทพูดอย่างใจคิด ขนาดเขาไม่ได้คิดอะไรกับเขมมิกาก็ยังอดมองเรียวขาของหญิงสาวไม่ได้ และหากเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงคิดไม่ต่างกัน เผลอๆ คิดมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
“อะไรกันคะ แค่กระโปรงสั้นแค่นี้เอง เพื่อนเค้กใส่สั้นยิ่งกว่านี้อีก หมอธามก็หัวโบราณเหมือนกันนะคะนี่” เขมมิกาอดขำไม่ได้ที่เห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่ต่อว่าเรื่องการแต่งกายของเธอ ทั้งที่ความจริงถือเป็นเรื่องปกติของนักศึกษาเสียด้วยซ้ำ
“นี่เธอว่าฉันเหรอ! ที่พูดเพราะอยากเตือน เธอไม่รู้หรอกว่าชีวิตจริง มันน่ากลัวขนาดไหน”
ธามไทเอ็ดดุเพื่อเตือนภัย จริงอยู่ว่า หากผู้ชายเลว ต่อให้ผู้หญิงแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนก็อันตราย แต่เขาก็อยากจะเตือนเด็กสาว เพราะเท่าที่ดู เธอแทบไม่ระวังตนเองเลย หรือแม้แต่การยอมอยู่กับเขาสองต่อสองด้วยก็เช่นกัน
“ค่า เค้กทราบแล้วค่ะ” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนคนโตกว่า
“บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่งเอง”
หมอหนุ่มพูดพร้อมกับขับรถออกไป เขาไม่ได้เป็นห่วงเขมมิกาแต่แค่ไม่อยากรู้สึกผิดที่พาเธอออกนอกเส้นทาง และยังต้องทำให้เด็กสาวกลับบ้านลำบากอีก
“ก็ได้ค่ะ อยู่แถวจรัญฯ ค่ะ”
หญิงสาวบอกทางให้พลขับกิตติมศักดิ์แต่โดยดี ถึงแม้จะเกรงใจเขา แต่เธอก็ดีใจที่ธามไทไปส่งอยู่ดี
“นี่เธออยู่ห้องเช่าเหรอ”
ธามไทมองไปยังตึกแถวที่เป็นห้องเช่าของหญิงสาว พร้อมกับมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะอยู่ในสถานที่แบบนี้
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่พ่อเสีย เค้กก็ตัวคนเดียว บ้านก็โดนยึด เงินมีติดตัวนิดหน่อยเลยต้องอยู่ห้องเช่าเอา” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ เธอไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไร สิ่งเดียวที่รู้สึกคือความอ้างว้างหลังสูญเสียพ่ออันเป็นที่รัก และที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







