LOGINเซียงหรงไม่รู้แล้วว่ายามนี้เกิดสิ่งใดขึ้น รู้เพียงยามนี้ร้อนนัก ทั้งร้อนทั้งอึดอัดจนแทบทนไม่ไหว
นางพยายามจะปลดถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่ทั้งใหญ่และเกะกะออก ทว่ากลับโดนรวบข้อมือไว้
“จะทำยังไงกับเจ้าดีนะ” น้ำเสียงที่คุ้นหูนี้ทำให้เซียงหรงจดจำได้ทันที
“หลี่...จือหลิน...” นางพยายามเพ่งสายตา เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริงๆ ก็โล่งใจ
โล่งใจ ทั้งๆ ที่ไม่ควรโล่งใจ
“ข้ารู้สึก...ไม่ดีเลย...” เซียงหรงพยายามตั้งสติ “พาข้า...กลับเรือนที...”
“กินยานี่ก่อน” หลี่จือหลินพยายามกรอกยาจากขวดใบเล็กให้นาง
“ไม่...ยาอะไร...”
“เหตุใดคนอื่นให้กินให้ใช้อะไร รับง่ายนัก แต่พอเป็นคู่หมั้นอย่างข้าเจ้ากลับระแวงระวัง”
เซียงหรงเม้มริมฝีปากแน่น จะอย่างไรก็ไม่ยอมกลืนของที่ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่
หลี่จือหลินถอนหายใจอย่างระอา
“อย่าโทษข้าทีหลังก็แล้วกัน” เขากรอกยาเข้าปากตนเองก่อนจะบังคับ ‘ป้อน’ ให้นางอย่างจนใจ
“อึ...อื้อ...” เซียงหรงพยายามปิดปากแน่น ทว่าหลี่จือหลินไม่ยอมอ่อนข้อให้สักนิด
เขาบดริมฝีปากพัวพัน
รอจนนางเผลอ ก็ส่งยาเม็ดหนึ่งเข้าปากนาง
เซียงหรงกลืนยาเม็ดโตลงไปอย่างจำใจ คาดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่ยอมกลืนยาลงไปแล้ว หลี่จือหลินจะยังไม่ยอมปล่อยนางให้เป็นอิสระ
“อื้มมม...อื้มมม...” จากเสียงต่อต้าน เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงครวญ
จูบของจวิ้นหวังจ๋างจื่อทำให้ร่างกายที่ร้อนอยู่แล้วค่อยๆ ร้อนขึ้น กว่าจะรู้ตัว ร่างน้อยๆ ก็บดเบียดเข้าหาร่างสูงใหญ่ผึ่งผายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ชวนให้รู้สึกดี
“อืมมม...” ทั้งผิวกาย ทั้งวิธีที่เขาสัมผัส ทั้งกลิ่นบนกายเขา...
เซียงหรงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลัง ‘ลอกเลียน’ วิธีการที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อนาง ยามนี้นางถึงกับสอดลิ้นเข้าดุนดัน โรมรันพัวพัน มือน้อยที่ยามนี้เป็นอิสระกลับกอดเกาะเขาไว้แน่น
“อา...หรงเอ๋อร์...อึก!” ตอนนี้นางถึงกับกัดปากเขาแล้ว!
ไม่...ไม่ได้!
ในที่สุดหลี่จือหลินก็ตั้งสติได้ “...หรงเอ๋อร์...หรงเอ๋อร์...เดี๋ยวก่อน...”
เมื่อครู่ขณะป้อนยานาง สติของเขากระเจิดกระเจิงไปชั่วขณะ
ใครจะนึกว่าน้องสาวตัวน้อยช่างเติบโตเร็วนัก
ร่างเล็กๆ ดูบอบบางของนางแท้จริงแล้วกลับซ่อนรูปกว่าที่คิด อีกทั้งร่างกายก็ยังนุ่มนิ่มและหอมยิ่ง
หรงเอ๋อร์ของเขา นางทั้งหอมหวานละมุนละไม ทั้งยังมีด้านที่เร่าร้อนชวนหลงใหล พาให้อยากกอดก่ายพัวพันไม่รู้จบ
ทว่าเขาทำไม่ได้
ไม่ใช่ในตอนนี้ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานเข้าพิธีอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นในยามที่นางต้องกลคนใจทราม โดนวางยาปลุกกำหนัดเช่นนี้
เขาไม่ต้องการฉวยโอกาสกับนางเช่นนี้
“หรงเอ๋อร์...” ตอนนี้นางถึงขั้นจะปลดถอดเสื้อผ้าของเขาแล้ว
หลี่จือหลินกัดฟันแน่น ฝืนข่มความต้องการ สกัดจุดเจ้าร่างน้อยทันที
“...ข้าจะพาเจ้าไปส่ง...” เขาเอ่ยอย่างยากเย็น ก่อนจุมพิตหน้าผากมนแผ่วเบา ลูบศีรษะปลอบโยน แล้วช้อนอุ้มร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ใช้วิชาตัวเบาพานางแตะปลายเท้าพุ่งทะยานหลบสายตาผู้คน มุ่งตรงไปยังเรือนอี้หรงทันที
ณ โถงจัดงานเลี้ยง เฉินเหม่ยลี่เห็นว่าจวิ้นหวังจ๋างจื่อที่พลาดทำสุราหกรดตนเอง มุ่งหน้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนเหมยฮวานานแล้ว ไม่เพียงไม่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม ทุกอย่างกลับดูสงบเรียบร้อยดี ก็อดแปลกใจไม่ได้ นางลอบเหลียวมองไปทางเฉินชิวเยว่ เพียงเห็นอีกฝ่ายถลึงตาใส่อย่างคาดโทษก็หวาดกลัว รีบขอตัวออกไป ‘ดูแลน้องสาม’ ทันที
ผ่านไปได้ราวหนึ่งเค่อยาม เฉินชิวเยว่เห็นคนที่ควร ‘เกิดเรื่องไม่ดี’ ออกจากโถงจัดงานไปนานแล้ว คนที่ควรไป ‘พบเห็นเรื่องไม่ดี’ ก็ตามไปนานแล้ว ส่วนคนที่ ‘ก่อเรื่องไม่ดี’ ก็ตามไปดูผลงานของตนเองได้พักใหญ่แล้ว ทุกอย่างกลับยังคงเงียบเชียบ จึงเกิดเอะใจขึ้นมา
หรือว่าจะมีอะไรผิดพลาด? คงไม่ใช่กลายเป็นว่า นางสู้อุตส่าห์หาพยานหลักฐานมากดดันเฉินเหม่ยลี่และเฉินเหม่ยเซียง ทั้งยังช่วยหายา ช่วยออกเงินว่าจ้างคนและช่วยลักลอบพา ‘บ่าวรับใช้หน้าใหม่’ เข้าจวนมาแทบตาย กลับกลายเป็นช่วยส่งเสริมน้องสามสารเลวให้ได้ร่วมหอลงเอยกับจวิ้นหวังจ๋างจื่อเร็วขึ้นหรอกนะ?
ไวเท่าความคิด เฉินชิวเยว่รีบส่งสายตาสั่งให้ ชิงเอ๋อร์ สาวใช้ข้างกายไปสังเกตุการณ์
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







