แชร์

บทที่ 80

ผู้เขียน: Karawek House
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-18 06:47:33

ครั้นชิงเอ๋อร์ตามไปที่เรือนเหมยฮวา เห็นเงาบุรุษและสตรีกำลังกอดจูบพัวพัน ซ้ำยังส่งเสียงครางผะแผ่วออกมาเป็นระยะ ก็รีบกลับมากระซิบกระซาบรายงาน

เนื่องจากชิงเอ๋อร์สะเพร่า ไม่ได้แง้มประตูดูให้แน่ชัดว่าผู้ที่อยู่ในห้องเป็นใคร แต่แรกเฉินชิวเยว่จึงยังคงหวั่นใจอยู่บ้าง ว่าเรื่องราวอาจผิดพลาดดังที่กังวล ทว่าเมื่อเห็นว่าจวิ้นหวังจ๋างจื่อเดินกลับมาจากอีกทาง ไม่ใช่ทางทิศที่เป็นที่ตั้งของเรือนเหมยฮวา ก็ส่งสายตาสั่งให้สาวใช้รินน้ำชาให้ตน จิบชาห้าเกสรรอเวลาที่เหมาะสมอย่างอารมณ์ดี

...หนุ่มสาวเลือดลมกำลังพลุ่งพล่าน ไปขัดจังหวะตอนนี้เห็นทีจะไม่เหมาะ...รออีกสักสองเค่อยามก็แล้วกัน

เดาว่าเฉินเหม่ยลี่คงหวาดกลัวไม่กล้าออกหน้า เพียงเห็นว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีตามที่สั่ง ก็มุ่งหน้ากลับเรือน คิดแกล้งป่วยเพื่อป้องกันโคลนสาดไปถึงตัวกระมัง...

รอจนเวลาล่วงเลยไปอีกสองเค่อยาม เฉินชิวเยว่เปรยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย “ท่านพ่อเจ้าคะ น้องสามเมาสุรา...น้องรองกล่าวว่าจะไปดูน้องสามสักหน่อย ทว่านี่ก็ผ่านไปนานแล้ว น้องรองกลับยังไม่มาส่งข่าว หรือว่า...จะเกิดเรื่องไม่ดีใด?”

เฉินกั๋วกงสีหน้าเครียดขึงขึ้นทันตา พลันสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

“เหลวไหล! จวนเฉินกั๋วกงมีเวรยามองครักษ์แน่นหนา วันดีๆ เช่นนี้ จะยังมีเรื่องไม่ดีใด”

“ท่านพ่อ...” เฉินชิวเยว่ตกใจจนหน้าเผือดสี ใบหน้าหวานล้ำน้ำตาคลอ ริมฝีปากน้อยๆ สั่นระริก ราวกับ ‘คนไม่อาจมีปากเสียง’ ที่ถูกบีบคั้นมาเนิ่นนานจนพานหวาดกลัวไปหมดทุกสิ่ง “ขออภัยเจ้าค่ะ ลูกเพียงแต่...เป็นห่วงน้องหญิง...ก็เลย...”

อนุหานไหนเลยจะไม่รู้ว่าบุตรสาวกระทำสิ่งใดลงไปบ้าง นางแย้มยิ้มฝืดเฝื่อน กล่าวอย่างสุภาพเจียมตน “ท่านพี่...ลูกชิวเยว่ก็เพียงห่วงพะวงเกินไปเท่านั้นเจ้าค่ะ”

จวิ้นหวังเฟยกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ ทว่าเมื่อครู่บุตรชายนางก็ตามออกไปดูแล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ จึงคิดว่าคงไม่มีเรื่องใด

จวิ้นหวังเฟยเหลียวมองบุตรชายอย่างชั่งใจ

หรือจะมี?

แต่หากมี คงเป็นผู้อื่นเกิดเรื่องมากกว่า คงไม่ใช่หรงเอ๋อร์กระมัง...

ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงสาวใช้คนหนึ่งกรีดร้อง

“กรี้ดดด บัดสี บัดสีนัก!”

“ดังมาจากเรือนเหมยฮวา!” เฉินชิวเยว่หน้าเผือดสีลงไปอีก “ท่านพ่อ...ทุกท่าน...ครั้งนี้ข้า เฉินชิวเยว่ คงต้องขอเสียมารยาทแล้ว” นางผุดลุกจากที่นั่ง มุ่งตรงไปทางเรือนเหมยฮวาทันที

หานชิงเยว่เห็นดังนั้นก็รีบทำหน้าตาตื่นตกใจ ย่ำเท้าเดินตามบุตรสาวไป อนุจาง อนุซู เฉินเหม่ยเซียง เฉินหมิงเยว่ และคนอื่นๆ ที่มีสายสัมพันธ์กับอนุทั้งสามและตระกูลของพวกนางเห็นดังนั้นก็รีบสาวเท้าเดินตาม

เฉินกั๋วกงกำหมัดแน่นโกรธจัดจนตั่วสั่นทว่าไม่อาจรั้งรออยู่แล้วเช่นกัน เขารีบส่งสัญญาณให้บุตรชายคนโตควบคุมสถานการณ์ ก่อนเร่งฝีเท้าตามไปอย่างร้อนใจ

หลี่จือหลินเห็นว่าที่พี่ภรรยาสีหน้าดำคล้ำ ก็ยกจอกสุราขึ้นคารวะ ส่งรอยยิ้มเจือจาง

เฉินจิ้งอี้เห็นดังนั้นก็ยกจอกสุราขึ้นรับคารวะ ก่อนรินสุราจอกใหม่ให้ตนเองแล้วลุกขึ้นกล่าวขอขมาต่อแขกเหรื่อ

“นับตั้งแต่พ่ายแพ้ในเทศกาลชมบุปผาที่เพิ่งผ่านพ้นมา น้องสาวคนโตของข้าก็เป็นเช่นนี้...พื้นจิตใจไม่สงบ อ่อนไหวง่าย เห็นว่ากลางดึกยังฝันร้าย นอนไม่ใคร่จะหลับ จึงมักวิตกกังวลจนเกินไป...” เฉินจิ้งอี้ก้มหน้าลงต่ำ ส่ายหน้าอย่างจนใจ “ขายหน้าทุกท่านแล้ว”

ทุกคน ณ ที่นี่ ไม่มีใครไม่รู้ว่า ผู้ใด คือผู้ชนะการประชันขันแข่งในเทศกาลชมบุปผาปีนี้ ฟังจากที่คุณชายใหญ่กล่าวมา คนทั้งหมดพลันคิดเชื่อมโยงได้ทันที ว่าเรื่องครั้งนี้คงไม่พ้นพี่สาวต่างมารดาที่พ่ายแพ้ให้น้องสาวเกิดความริษยาแค้นใจ จึงได้เจตนาก่อความไม่สงบในวันดีๆ ของน้องสาวต่างมารดาเช่นนี้ เช่นนี้แล้ว หากวันนี้เกิดเรื่องไม่ดีใดขึ้นกับคุณหนูสาม ก็คงไม่พ้นเป็นฝีมือ ‘พี่หญิง’ ของนางเป็นแน่...

ว่าที่พี่ภรรยาช่างเยี่ยมยุทธ์! หลี่จือหลินยกจอกสุราขึ้นรับคารวะว่าที่พี่ภรรยาด้วยใบหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 104

    ไม่ทันที่นางจะได้ขยับตัว ตงหยางที่รัดท่อนแขนตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนาก็ก้มลงดูดที่แผลของตนเอง ดูดแล้วก็พ่นเลือดสีคล้ำเข้มออกมา ดูด แล้วก็พ่นเลือดสีคล้ำเข้มออกมา ทำวนซ้ำอยู่อย่างนี้จนเลือดที่ดูดออกมาจากปากแผลเป็นสีแดงสด ถึงยอมหยุดมือเขาปล่อยให้สายรัดเอวที่รัดท่อนแขนอยู่ค่อยๆ คลายออกเอง กระถดเข้าไปนั่งชิดผนัง ก่อนถอนหายใจออกมาตงหยางเหลียวมองซากงูตัวนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตวัดสายตามองเฉินเซียงหรง เอ่ยอย่างหัวเสีย“ดีเหลือเกิน ข้าบอกให้อยู่นิ่งๆ เจ้าก็รีบขยับตัวทันที!”“ก็ข้านึกว่า...” นางละอายเกินกว่าจะกล้าพูดต่อเขาช่วยชีวิตนาง...อีกเป็นครั้งที่สอง นางกลับคิดว่าเขาจะฉวยโอกาสใช้กำลังข่มเหงรังแก ทำเรื่องที่นาง...ไม่ยินยอม...“คุณหนูเฉิน ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าไม่มีความจำเป็นต้องบังคับข่มเหงสตรีที่ไม่เต็มใจ” เขาแค่นหัวเราะ ก่อนกล่าวต่อไป “ทว่าเป็นเช่นนี้จะดีหรือ หากร่วมทางกันไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งข้าเกิดดื่มสุราเมามายจนขาดสติเล่า เจ้าจะทำอย่างไร เจ้าจะยังกล้าติดตาม ‘รับใช้’ ข้าอีกหรือ ข้าว่าเจ้ายอมกลั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 103

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเซียงหรงเองยังอดตกใจไม่ได้คืนหนึ่ง ขณะหลบฝนอยู่ในถ้ำเล็กๆ ตงหยางจุดไฟให้แสงสว่าง อากาศในถ้ำเย็นชื้น และเสื้อผ้าของพวกเขาเปียกชื้นจนต้องพาดไว้ใกล้กองไฟ เซียงหรงนั่งกอดเข่าห่างออกไปเล็กน้อย ดวงตาของนางมองเปลวไฟนิ่งราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์กระทั่งตงหยางมองนางด้วยสายตาขบขัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าเคยคิดบ้างไหม ว่าแม้จะหนีการแต่งงาน แต่ในที่สุดเจ้าก็ต้องหาสามีอยู่ดี” เขาเอ่ยเสียงเบาเช่นเดิม “คุณหนูเฉิน เจ้ากล่าวว่าต้องการแน่ใจว่าจะสามารถส่งจดหมายถึงมือบิดาและพี่ชายที่อยู่ต่างเมือง จะทำเพียงส่งจดหมายบอกล่าวเล่าความ ไม่พบพวกเขา เจ้ามีพ่อและพี่ชายกลับคิดหนีหน้า เจ้าบอกว่ามีคู่หมั้น แต่ก็ไม่ปรารถนาที่จะแต่งงานกับคู่หมั้นผู้นั้น กลับมุ่งหมายออกบวชละกิเลสเสียมากกว่า ช่างไม่รู้เสียเลยว่าต่อให้เจ้าจะโกนผมโกนคิ้ว บุรุษที่ได้พบเห็นเจ้า พูดคุยกับเจ้า พวกเขาไหนเลยจะลืมเลือนเจ้าได้ลง เจ้าคิดว่าหากได้ออกบวช จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้จริงหรือ” เซียงหรงเงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าของนางเย็นชา “ก็ยังดีกว่ามีสามี&rdquo

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 102

    ยามบ่ายคล้อย แดดร่ม ลมตก เป็นช่วงเวลาที่เซียงหรงรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวที่สุดในช่วงวัน พื้นอารมณ์จึงค่อนข้างดีทว่าอารมณ์ดีๆ ของนาง กลับถูกทำลายลงด้วยเสียงเฉยชาที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ“เป็นเช่นไรล่ะ คุณหนูเฉิน ใช้ชีวิตแบบนี้สนุกดีหรือไม่ ไม่ต้องมีคนคอยรับใช้ ไม่ต้องมีที่นอนอุ่นๆ ไม่ต้องกินอาหารดีๆ ใช้สองขาเดินทาง ร่อนเร่พเนจร ค่ำไหนนอนนั่น” นั่นประไร! นางรู้ว่าเขาคงอดทนไม่ว่านางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหรอก ยิ่งในตอนที่นางกำลังมี ‘ช่วงเวลาดีๆ’ รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวเช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่!เดินทางร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ นางแทบจะนับเวลาที่เขาจะเอ่ยปากเหน็บแนมนางได้แม่นยำแล้ว!นางชำเลืองมองเขาด้วยสายตาขุ่นมัว “ไม่เห็นจะลำบากอะไร” นางตอบเสียงเรียบพลางรวบชายเสื้อที่ปลิวเพราะลมเย็นตงหยางหันมามองนาง หัวคิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย “อ้อ เช่นนี้ไม่ลำบาก” เขาหัวเราะในลำคอ “เจ้านี่ช่างเป็นสตรีที่ดื้อดึงยิ่งนัก เจ้าอยากมีชีวิตแบบนี้ไปจนตายเช่นนั้นหรือ”นางหยุดเดิน หันไปสบตาเข

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 101

    “ข้าขอร้อง...” เซียงหรงเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ “ข้าไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ที่บ้านของข้าในยามนี้ไม่มีใครที่ข้าจะไว้ใจได้อีก อีกทั้ง... อีกทั้งในเมืองหลวงยังมีสิ่งที่น่ากลัวมากๆ รอข้าอยู่ที่นั่น...” นางพยายามยื่นข้อเสนอ “ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ขอเพียงท่านช่วยสะสางเรื่องที่ยังค้างคาใจและพาข้าหลบหนีจากฝันร้ายเหล่านั้น ข้ายินดีติดตามรับใช้ท่านในฐานะบ่าวคนหนึ่ง จะไม่สร้างความลำบากใดใดให้ท่านจอมยุทธสักนิด”“บ่าวคนหนึ่ง...” ชายสวมหน้ากากนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนถอนหายใจยาว “เอาเถิด หากเจ้าไม่สร้างปัญหาจริงดังปากว่า ข้าจะให้เจ้าเดินทางไปด้วย ระหว่างนั้นสบโอกาสค่อยหาทางส่งจดหมายไปถึงบิดาและพี่น้อง เรื่องคนของเจ้า สหายของข้าช่วยนางเอาไว้แล้ว”“จริงหรือ!”ได้ยินเช่นนี้ เซียงหรงโล่งใจเป็นอย่างยิ่งเขายังคงกล่าวต่อไป “ตงหลินผู้นี้เป็นสุภาพชน เชื่อถือได้ คนของเจ้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน หากเจ้าไม่มีความคิดอยากกลับบ้านก็ไม่ควรติดต่อ ‘คนของเจ้า’ ผู้นั้นอีก”แม้แว

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 100

    เซียงหรงมองชายแปลกหน้าเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกหวาดระแวงอยู่ลึกๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายร่างใหญ่ชุดดำสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าผู้นี้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ช่วยนาง...ทั้งในตอนที่นางเสี่ยงชีวิตกระโดดลงมาจากหน้าผาสูงชัน และตอนนี้สายตาของเฉินเซียงหรงกวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งกระท่อมหลังนี้ดูเหมือนจะถูกปล่อยทิ้งร้างมานานแล้ว โต๊ะไม้ที่วางตะเกียงอยู่มีรอยถลอกลึก มุมหนึ่งของผนังมีช่องโหว่ที่ลมพัดผ่านเข้ามาได้ ดังนั้น นอกจากกลิ่นสาบภายในกระท่อมแล้ว ยามนี้นางได้กลิ่นสนเขาอ่อนๆ ลอยมากับสายลมนางเริ่มรู้สึกถึงความเย็นของกระแสลมที่กัดกินเนื้อหนัง“ข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้จนวันตาย...ข้าจำได้ว่าคล้ายจะเห็นท่านพลิ้วตัวมารับร่างข้าไว้ก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำ ท่านเป็นจอมยุทธ์ใช่หรือไม่ จึงสามารถช่วยข้าไว้ได้เช่นนี้” นางถาม น้ำเสียงเจือความขอบคุณเขาไม่ตอบไม่เพียงไม่ตอบ ยังเบนสายตาไปทางอื่นด้วยซ้ำดวงตาที่มองลอดหน้ากากนั้นยังคงนิ่งลึกท่าทางเช่นนี้...ดูๆ ไปแล้ว ก็คล้ายองครักษ์ที่รับหน้าที่ติดตามคุ้มกันนางเช่นกันหรือว่า...นางอดถามไม่ได้ “ท่านคือองครักษ์จากตำหนักจวิ้นหวังที่คอยติดตามคุ้มกันข้าหรือ?”“ไม่ใช

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 99

    ยามเมื่อเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา นางรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แทรกซึมผ่านผิวกาย แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันเล็กๆ บนโต๊ะไม้ส่องประกายริบหรี่สะท้อนเงามืดบนผนังไม้ที่แตกร้าวราวกับภาพเขียนที่น่าขนลุกภาพหนึ่ง รอบตัวนางในยามนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านช่องว่างของกระท่อมเก่าคร่ำคร่า“ท่านแม่...” นางยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดมารดาด้วยซ้ำทว่า... เพียงฝันไปหรอกหรือ?“ที่นี่ที่ไหน...” นางพึมพำแผ่วเบา รู้สึกร้าวระบมไปทั่วทั้งตัว เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเสื่อเก่าขาด มีหมอนสีดำสนิทที่คล้ายจะทำขึ้นมาด้วยการเอาเสื้อคลุมเปียกๆ ตัวหนึ่งมาหุ้มฟางรองศีรษะ กลิ่นอับของไม้ผุและฝุ่นทำให้นางแสบจมูกจนแทบทนไม่ไหวดวงตาของนางเลื่อนไปหยุดที่ร่างของชายคนหนึ่ง เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าครึ่งบนกว่าแปดส่วน[1]ถูกปกปิดด้วยหน้ากากโลหะรูปพยัคฆ์ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคมดุสะท้อนแสงไฟสลัวเหมือนตาของสัตว์ร้ายเซียงหรงสะดุ้งเล็กน้อย ความหวาดกลัวไหลย้อนกลับมาบีบรัดหัวใจของนางไว้แน่นเสื้อคลุมที่ใช้ทำเป็นหมอนยังคงเปียกชุ่ม เสื้อผ้าผมเพ้าของคนผู้นี้เองก็ไม่ต่างกัน...สังเกตได้เท่านี้เฉินเซียงหรงก็ห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status