ตอนที่ 8 ภาพวาดยืนยัน
หลงจู่หลิวได้ให้เด็กที่ร้านนำสมบัติสี่อย่างออกมาให้แก่เด็กสาวที่แต่งกายเป็นชายอยู่ด้านหน้า หนิงเหอเองหยิบพู่กันหนึ่งอันขึ้นมาดู ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ เพราะพู่กันชิ้นนี้ทำมาจากหางม้าอย่างดี รวมถึงกระดาษที่อีกฝ่ายนำมาให้ด้วยเช่นกัน หนิงเหอใช้มือลูบไปยังกระดาษเพื่อสัมผัสความละเอียดของกระดาษ
เป็นกระดาษที่เนื้อละเอียดเป็นอย่างมาก มันสามารถทำให้การกระจายของหมึกเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
“ท่านต้องการให้ข้าวาดสิ่งใด” หนิงเหอเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่าย
“แล้วแต่เจ้า” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่กล่าวบอกกับนาง
เหมือนจะเป็นโจทย์ที่ง่าย แต่โจทย์เปิดกว้างเช่นนี้ทำให้หนิงเหอไม่รู้ว่าจะวาดภาพใดที่จะทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ภาพนกอินทรีที่แขวนอยู่ในร้านเมื่อครู่ก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของนาง
นางรู้แล้วว่าจะวาดภาพใด
คนของทางร้านได้ติดกระดาษไว้ที่ขาตั้งสำหรับวาดภาพให้เรียบร้อยแล้ว หนิงเหอจึงเข้าไปนั่งประจำที่ ก่อนจะมองกระดาษอย่างใช้ความคิด นางกำลังจัดฉากและองค์ประกอบภาพต่างๆ ไว้ในจินตนาการขณะที่มองกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ด้วย สายตากลมโตสีดำ ราวกับลูกกวางน้อยของนางกวาดมองแผ่นกระดาษและจดจำมันเอาไว้ก่อนจะเริ่มฝนหมึกเพื่อใช้ในการวาดทันที
พู่กันสี่ห้าด้ามที่แขวนไว้ให้นางได้เลือกใช้ตามขนาด
เพียงร่างของนางจับพู่กัน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านก็เริ่มเงียบลงในทันที หนิงเหอค่อยๆ ใช้ปลายพู่กันจุ่มหมึกและเริ่มวาดภาพตามที่นางต้องการทันที
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเค่อ ชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ถือพัดในมือเล่นก่อนจะคอยมองมาที่หนิงเหอเป็นระยะ แต่ไม่ได้เร่งรัดอีกฝ่าย เขาปล่อยให้นางแสดงฝีมือได้เต็มที่ และยังไม่ลืมที่จะให้คนนำขนมเข้ามาให้กับคนที่มากับนางด้วย
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง หนิงเหอก็ได้วางพู่กันลง ก่อนจะมองผลงานที่ตนวาดออกมาด้วยความพอใจ
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หนิงเหอกล่าวตอบอีกฝ่าย ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ลุกขึ้นก้าวเท้าเข้ามายังที่ที่นางนั่งอยู่เพื่อดูผลงาน
หนิงเหอที่เห็นเช่นนั้นก็ทำท่าจะลุกขึ้นหลบอีกฝ่ายทันที แต่อาจเป็นเพราะนั่งนานจนเกินไปหรือเพราะร่างกายนี้ยังไม่แข็งแรงอยู่ก็ไม่ทราบ ทำให้เมื่อรีบลุกขึ้นยืน ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเล็กน้อย
“อ๊ะ” หนิงเหอเตรียมใจไว้แล้วว่าหน้าต้องกระแทกพื้นแน่ๆ
แต่กลับมีมือเรียวขาวราวหิมะคู่หนึ่งยื่นออกมาประคองนางเอาไว้ เมื่อรู้สึกยืนได้มั่นคงขึ้น หนิงเหอก็กล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะเลี่ยงหลบไปอีกด้านเพื่อให้อีกฝ่ายได้ชมผลงานของนาง
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาแทนที่ที่หนิงเหออยู่เมื่อครู่ ก่อนจะเงยหน้าชมผลงานที่นางได้วาดขึ้น
ตุ๊บ
พัดในมือที่อีกฝ่ายถือไว้ตกลงกระแทกพื้นทันที เขามองรูปภาพนั้นด้วยสายตาเหม่อลอย
ภาพนกอินทรีกำลังสยายปีกบินอยู่บนนภาดูน่าเกรงขาม สายตาอันแหลมคมของมันกำลังจ้องมองบ้านเรือนที่อยู่เบื้องล่าง ราวกับไม่มีสิ่งใดปิดบังหรือซุกซ่อนมันได้ มุมภาพด้านล่างมีคำกล่าวอยู่หนึ่งคำ
มองเบื้องล่างด้วยตนเอง
นามพู่กัน. โซ่วเจี๋ย
ลายเส้นที่วาดออกมาคล้ายกับลายเส้นรูปแม่ทัพทรงม้า แต่ก็ยังมีบางจุดที่ทำให้ได้เห็นว่า ภาพนี้นั้นละเอียดและดีกว่ารูปนั้นมาก
“แม้ว่าจะเป็นลายที่คล้ายกัน แต่ข้ากลับรู้สึกว่า ลายเส้นที่เจ้าวาดในครั้งนี้นั้นมีความพลิ้วไหวกว่าภาพก่อนหน้านี้ นั่นเป็นเพราะเหตุใด?” ชายหนุ่มหันมาถามหนิงเหอด้วยความสงสัย
“นั่นเป็นเพราะพู่กันเจ้าค่ะ”
“พู่กัน?”
“เจ้าค่ะ ภาพก่อนนั้น ข้าใช้พู่กันขนกระต่ายหนึ่งด้ามในการวาดเท่านั้น ทำให้ลายเส้นที่วาดออกมาได้ไม่ค่อยจะดีนัก” หนิงเหอกล่าว ไม่ใช่เพียงเพราะใช้พู่กันด้ามเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเนื้อกระดาษอีกด้วย
เมื่อได้ยินข้อไขแจ้งของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็เข้าใจในทันที ก่อนจะถามอีกคำถามที่ค้างคาใจของเขาออกไป
“ถ้าเช่นนั้น เหตุใดกระดาษแผ่นนั้นถึงยับย่นเช่นนั้น”
“นั้นเป็นเพราะข้าใช้กระดาษที่คุณชายเซียวไม่ใช้แล้วมาวาด จึงทำให้กระดาษเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” พูดแล้วหนิงเหอก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกล่าวหาว่านางนำรูปที่ใช้กระดาษยับยู่ยี่ราวกับขยะเช่นนั้น มาลงทะเบียนได้
ชายหนุ่มมองพิจารณาอีกฝ่ายอีกครั้ง นางคงเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านที่ยากจน จนไม่สามารถหาซื้อสี่สมบัติล้ำค่ามาได้ จึงทำได้เพียงใช้ของผู้อื่นเช่นนี้
“เอาเถอะ ถือว่าพวกเราได้รับการยืนยันแล้วว่าเจ้าเป็นผู้วาดภาพนั้นจริง” ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปนั่งอีกครั้งพร้อมกล่าวกับอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าการตรวจสอบได้สิ้นสุด หลงจู่หลิวจึงได้พาทั้งสามคนกลับลงไปชั้นล่างอีกครั้ง จึงทำให้ในตอนนี้เหลือเพียงชายหนุ่มและผู้ดูแลสาขานั่งอยู่ภายในห้องสองคน
“ส่งคนไปสืบประวัตินางดู” ชายหนุ่มสั่งการกับอีกฝ่าย
“ขอรับนายท่าน” ผู้ดูแลสาขารับคำสั่งทันที
ชายหนุ่มมองไปที่ผลงานวาดภาพที่เด็กสาวนางนั้นวาดอยู่เมื่อครู่ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ให้คนจัดหาสี่สมบัติให้แก่นางกลับไปด้วย”
เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงยังไม่มีเงินที่จะนำมาซื้อของเหล่านี้เป็นแน่ เขาจึงอยากมอบให้อีกฝ่าย ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนสำหรับภาพวาดนกอินทรีตัวนี้
เขาไม่คิดว่า การมาเยี่ยมชมร้านในสาขาที่ห่างไกลจากเมืองหลวงเช่นนี้ จะทำให้เขาได้พบกับอัญมณีที่ถูกความยากจนกลบฝังเอาไว้ หากผู้ที่ได้ชื่อว่าพู่กันเทพคนนั้นเห็นภาพวาดนกอินทรีตัวนี้ละก็ อีกฝ่ายจะต้องหาเรื่องมาที่นี่อย่างแน่นอน
ชายหนุ่มยืนอยู่ที่หน้าต่างที่ชั้นสองอย่างใช้ความคิด เพียงผ่านไปสักพักเขาก็ได้เห็นกลุ่มของเด็กทั้งสามคนเดินออกจากร้านด้วยความดีใจ โดยเฉพาะเด็กสาวที่กำลังหอบหิ้วของที่ทางร้านมอบให้กลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เด็กสาวที่เดินออกไปได้ชั่วครู่หันกลับมาทางร้านอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองมาที่ชั้นสองที่เขายืนอยู่ นางส่งยิ้มอย่างใสซื่อมาให้แก่เขาพร้อมกับโค้งตัวลงเพื่อเป็นการขอบคุณเขาสำหรับของขวัญในครั้งนี้
“คุณชายขอรับ”
ผู้ติดตามของเขา มาจากทางด้านหลังกล่าวเรียก
“อืม” ชายหนุ่มกล่าวตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมอง เพราะตอนนี้เขากำลังมองเด็กกลุ่มนั้นเดินตามถนนออกไปอยู่ไกลๆ
“รถม้าสำหรับเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมแล้วขอรับ”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบในทันที เขากำลังชั่งใจความคิดของตนเองเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
“ยกเลิกการเดินทาง เจ้าให้คนของเราไปเช่าจวนดีๆ สักจวนเอาไว้ ข้าจะอยู่ที่นี่สักระยะ”
คำสั่งของผู้เป็นนายทำเอาผู้ติดตามที่ติดตามเขามาหลายปีถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย ไม่มีเลยสักครั้งที่จะมีคนสามารถเปลี่ยนใจคุณชายของเขาได้ แต่เพราะเหตุใดคุณชายที่เตรียมการจะเดินทางแล้วกลับเปลี่ยนใจพักอยู่ที่นี่สักระยะ
“ขอรับ” แม้จะประหลาดใจมากเพียงใด แต่เขาก็รับคำสั่งอีกฝ่ายทันที และรีบเร่งหาจวนสักจวนเพื่อให้เจ้านายได้ใช้พักผ่อน
…………………………………..
ตอนพิเศษ 5ยามจื่อ (23.00น.-00.59น.)เจิ้งหย่งซีและกู้หนิงเหอที่พึ่งจะสะสางงานของตนเองเสร็จ จึงเดินมาที่เรือนของเด็กๆ ทั้งสามคนเพื่อดูว่าพวกเขาเข้านอนกันรึยัง ก่อนจะเห็นสาวใช้ของพวกเด็กๆ กำลังช่วยกันเก็บกระดาษที่ใช้การไม่ได้แล้วออกมาด้วยฝีเท้าเบาเมื่อสาวใช้เห็นทั้งสองคนก็รีบย่อกายเคารพทั้งสอง“พวกเด็กๆ ยังไม่นอนหรือ?” เจิ้งหย่งซีถามสาวใช้ทั้งสองด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้เองก็ดึกมากแล้ว พวกเด็กๆ ควรจะนอนได้แล้ว“ท่านอ๋องน้อยทั้งสองกับท่านหญิงกำลังคัดอักษรกันอยู่เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยเห็นว่าทั้งสามก็เริ่มง่วงกันบ้างแล้ว จึงแอบหยิบกระดาษเหล่านี้ออกมาจัดการก่อนเจ้าค่ะ”สาวใช้คนหนึ่งรีบรายงานเจิ้งหย่งซีที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ทั้งสอง ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายไปจัดการงานของตนเองส่วนตัวเขาและกู้หนิงเหอก็เดินเข้าไปที่ตัวเรือนด้านในเพื่อดูลูกๆ ของตนเองแต่เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องเบาฝีเท้าของตนเองลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสามคนตอนนี้ ต่างหลับคาโต๊ะหนังสือไปเรียบร้อยแล้วโดยที่เจิ้งเลี่ยงหรูและเจิ้งเลี่ยงหลิงหน้าฟุบลงที่โต๊ะหนังสืออยู่ ส่วนเจิ้งหลงเป่าตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่ที่พื้
ตอนพิเศษ 4“ไทเฮา พะยะค่าาาา”ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เสียงเล็กๆ ของเจ้าแฝดคนหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่เสียงมาก่อนตัวคนเสียอีกไม่ต้องเดาทุกคนที่อยู่ภายในห้องก็รู้ว่าเป็นแฝดคนไหนเจิ้งหลงเป่าวิ่งตุ๊ต๊ะเข้ามาทันทีที่สิ้นเสียง เพียงผ่านธรณีประตูเพียงก้าวเดียว เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ภายในห้องโถงบ้าง เจ้าตัวก็ยิ้มแฉ่งจนสามารถเห็นฟันครบทุกซี่“หลงเป่า อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ? มานี่สิ ให้ข้าดมดูหน่อยว่ายังเหม็นอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นหลานชายตัวเล็กวิ่งเข้ามา ไทเฮาก็กล่าวกับเขา พร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อรอรับอีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาหาทันทีเจิ้งหลงเป่าเองก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง เขารีบวิ่งไปหาหญิงชราที่ตนเองเรียกว่าไทเฮาทันที เพื่อให้อีกฝ่ายได้พิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เหม็นแล้วอีกต่อไปฟืดดด“อ่าา หลงเป่าไม่เหม็นแล้วจริงๆ ด้วย” ไทเฮากล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน นางมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเจ้าแฝดทั้งสามคน อาการเจ็บป่วยที่มักจะเป็นอยู่บ่อยๆ ยามอยู่ในวังหลวง แต่เมื่อมาเห็นหน้าของทั้งสามแล้วคล้ายกับว่านางลืมความเจ็บป่วยของตนเองไป“หลงเป่าไม่เหม็นแล้ว เช่นนั้นคืนนี้ให้หลงเป่านอนกับท่านดีหรือไม่พะยะค่ะ” เ
ตอนพิเศษ 3ส่วนลูกชายคนโตของนาง หรือแฝดคนที่สอง เจิ้งเลี่ยงหลิง (แปลว่า ระฆังที่ส่องสว่าง)ลูกชายคนนี้ของนางเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาก หากเปรียบเทียบกับน้องชาย คนภายนอกอาจจะคิดว่าเจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ว่าง่ายและอยู่ในโอวาท พวกเขาคิดผิด!!!เจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ค่อนข้างดื้อเงียบ เจ้าคิดเจ้าแค้นและเป็นเด็กขี้รำคาญ ครั้งหนึ่งที่เจิ้งหลงเป่าแอบเอาพู่กันของเขาไปเล่นและเขาจับได้ เขาไม่ได้เปิดโปงและต่อว่าเจิ้งหลงเป่าทันที แต่วันต่อมาเจิ้งหลงเป่าก็ต้องร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะ ตุ๊กตาหุ่นไม้ของรักของหวงของเขา อยู่ๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ก็หลุดกระจายออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจิ้งหลงเป่าเศร้าเสียใจอยู่หลายวันทีเดียวตอนแรกนางก็เพียงคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อพ่อบ้านเฉินที่คอยดูแลพวกเขามารายงานนาง ก็ทำเอานางและสามีถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว“ตุ๊กตาหุ่นไม้ของท่านชายรองมีร่องรอยของการแกะแยกชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อออกไปขอรับ ทำให้เมื่อคุณชายจับหุ่นไม้ขึ้นมา มันจึงมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายออกไป…ข้าสอบถามองครักษ์เงาที่ดูแลแล้ว พบว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องน้อยขอรับ”“จะเป็นไปได้อย่างไร เจิ้งเลี่ย
ตอนพิเศษ 2ตอนแรกเขาคิดว่าขอเพียงท่านแม่ตำหนินิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นอะไรแล้ว แต่ดูจากสีหน้าท่านแม่ตอนนี้ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ เจิ้งหลงเป่าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อยู่ๆ เขาก็รู้สึกแสบจมูกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาหยดใสๆ ก็เริ่มไหลรินออกมา“อึก ฟืดด” เจิ้งหลงเป่าก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ เขารีบใช้แขนเสื้อของตนเองเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาทำเอาพ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่รู้สึกปวดใจมากเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าออกหน้ามาช่วยท่านชายรองของตนเอง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองมีความผิดอะไร?” กู้หนิงเหอยังฝืนใจทำน้ำเสียงนิ่งเรียบกล่าวถามอีกฝ่ายเจิ้งหลงเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัว พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกผิดเอง ลูกไม่ตั้งใจคัดอักษรอยู่ในห้องกับพวกท่านพี่ และยังแอบมาเล่นในสวนโดยที่ไม่ได้บอกสาวใช้ตนเอง”กู้หนิงเหอมองลูกชายคนเล็กของตนเองสำนึกผิดด้วยความปวดใจ นางเองก็ทำโทษเขารุนแรงไม่ลงเช่นกัน แต่หากครั้งนี้ยังไม่ทำโทษเขาอีก เขาก็จะได้ใจไปเรื่อยๆบรรยากาศภายในสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียดในตอนนั้นเองที่ด้านหน้าประตูทางเข้าสวนมีความเคลื่อนไหว พร้อมกับกลุ่มผู้สู
ตอนพิเศษ1ณ ดินแดนเหนือแห่งแคว้นเป่ยเอี้ยนแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในช่วงเช้ามืดของที่นี่ก็มีสายลมเย็นเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ร้านรวงต่างๆ เริ่มเปิดหน้าร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าในยามเช้าแล้วเสียงของเจ้าของร้านต่างทักทายเหล่าผู้พิทักษ์ความสะอาดตัวน้อยทั้งหลาย ที่ออกมากวาดถนนหนทางในเมืองให้แก่พวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและโอบอ้อมอารี“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่จ้าว” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกล่าวทักทายเจ้าของร้านแพรพรรณที่ออกมาเปิดร้านของตนเอง“อรุณสวัสดิ์ วันนี้ก็ฝากด้วยนะ” เฒ่าแก่จ้าวขานรับเด็กๆ“เจ้าค่ะ/ขอรับ” เด็กๆ_ที่มีไม้กวาดอยู่ในมือทั้งหลายตอบรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผู้คนที่เคยมาเยือนเมืองเหนือแห่งนี้หลายครั้งจะเห็นภาพเหล่านี้ด้วยความชินตา แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกต่างประหลาดใจกับการทักทายเช่นนี้เป็นอย่างมากตอนนี้แดนเหนือที่เคยเป็นสถานที่ของเหล่าขอทานและเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับกลายเป็นสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเที่ยวที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะการได้แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของที่นี่ เป็นสิ่งที่แต่ละคนที่ได้แช่มันก่อนกลับไป_แล้วจะไปเล่าต
ตอนที่ 136 ยินดี (จบ)“พระชายา คือว่า…”“ข้าจะคลอดเขาให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… ท่านเตรียมตัวเถอะ” กู้หนิงเหอกล่าวตัดบทกับอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเรียกแรงของตนเองกลับมาอีกครั้ง บ่งบอกว่านางจะทำตามที่นางพูดจริงหมอหลวงเกาที่ได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากเรือนเพื่อไปเตรียมสมุนไพรด้วยตนเองแอ๊ดดเพียงเปิดประตูออกก็พบชินอ๋องที่ยืนอยู่ เจิ้งหย่งซีรีบเข้ามาถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนใจ“หนิงเหอเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเกามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรายงานอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“เรียนท่านอ๋อง ในครรภ์ของพระชายายังมีเด็กอยู่อีกหนึ่งคนขอรับ และพระชายาเลือกที่จะคลอดเด็กออกมาให้ได้”เจิ้งหย่งซีและคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างตื่นตะลึงและลุกขึ้นเดินมาหาเขาอีกที“ข้าจำเป็นต้องต้มยาขับเลือดเพื่อให้คลอดเด็กคนที่สามออกมาได้โดยไว ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายกับทั้งสองได้”“นางจะเป็นอันตรายหรือไม่?”เจิ้งหย่งซีถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย ทำให้หมอหลวงเกาไม่อาจตอบคำถามอีกฝ่ายได้ในตอนนั้นเอง หมอหลวงลู่ก็ได้เดินออกมา“หมอหลวงเกา ท่านไปต้มสมุนไพรเถิด… ท่านอ๋อง พระชายามีคำพูดหนึ่