“คือว่า…”
“คุณหนูกู้ขอรับ เดิมทีหากเจ้าบ้านต้องรับแขกคนอื่น แขกที่ดีควรจะ…กลับก่อนมิใช่หรือขอรับ”
“ต้าจื่อ!!”
ต้าจื่อหลุดปากพูดออกไปเพราะทนไม่ไหวกับความไร้มารยาทของคุณหนูกู้ผู้นี้มานาน นางทั้งมาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญในทุก ๆ วัน ตามติดคุณชายของเขาจนแทบจะไม่เป็นอันกินอันนอน แม้แต่ตอนค่ำก็ปีนกำแพงขึ้นมาถามหาแมว และในตอนนี้ก็จะไปพบแขกอีกคนกับคุณชายอีก
“แต่ข้ามิใช่แขก ข้าเป็นคนข้างบ้าน ทำไมล่ะแค่ไป๋รั่วเวยคนเดียวสำคัญมากนักหรือข้าถึงไปพบนางด้วยไม่ได้”
“คุณหนูกู้ มิใช่ว่าพบไม่ได้เพียงแต่ว่าข้าคิดว่า มันค่อนข้างที่จะไม่เหมาะสม”
“เช่นนั้นการที่ท่านพบนางเพียงลำพังในห้องสองต่อสอง เป็นเรื่องที่เหมาะสมสินะ ข้าเข้าใจแล้วเสี่ยวจูเช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะเห็นดอกบัวขาวอย่างไป๋รั่วเวยสักเท่าใดนักหรอก”
“เอ่อ…คุณหนูกู้ เจ้า…ออกไปทางประตูดีหรือไม่”
“ท่านอยากให้ไป๋รั่วเวยเห็นว่าท่านอยู่กับข้าหรืออย่างไรคุณชายเจียง อย่าดีกว่าข้าไม่อยากทำลายบรรยากาศที่แสนหวานนั่นเท่าไหร่นักหรอก เสี่ยวจูเรากลับกันเถอะ”
นางปีนขึ้นบันไดที่นำมาเองจากจวนเพราะว่าเจียงอี้หานสั่งปิดประตูจวนเนื่องจากไม่อยากต้อนรับนาง แต่คนอย่างกู้ม่านซีนั้นไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ นางถึงกับเอาบันไดมาพาดให้สองจวนเชื่อมต่อกัน และห้ามมิให้เขาเอาออกอีกด้วย
“เฮ้อ…”
“คุณชายขอรับ คุณหนูไป๋รออยู่ที่ห้องรับรอง”
“ข้ารู้แล้ว อย่าลืมที่สั่งไว้”
“ขอรับ”
ห้องรับรอง
“คุณหนูไป๋ ให้รอนานต้องขออภัย”
“คารวะคุณชายเจียง มิได้เจ้าค่ะข้ามาโดยมิได้นัดหมาย ข้าต่างหากที่เสียมารยาทหวังว่าคุณชาย…จะไม่ถือสา”
“วันนี้คุณหนูมาเยี่ยมถึงจวน มีสิ่งใดชี้แนะ”
“ข้านำภาพวาดและของขวัญของท่านพ่อมามอบให้ท่าน วันก่อนท่านพ่อรับปากท่านเอาไว้ วันนี้รั่วเวยจึงเป็นตัวแทนท่านพ่อนำมามอบให้ท่านด้วยตัวเอง”
“ของล้ำค่าเช่นนี้ ข้ามิกล้ารับไว้”
“หาได้ไม่เจ้าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อสั่งให้ข้านำมามอบให้ หวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจ”
“เช่นนั้นก็ขอขอบคุณคุณหนูไป๋แล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าจวนคุณชายเจียง จะอยู่ติดกับ…จวนสกุลกู้”
“คุณหนูรู้จักคุณหนูกู้หรือ”
ไป๋รั่วเวยหันไปยิ้มเยาะเล็กน้อย ซึ่งเป็นกิริยาที่ปกติเมื่อมีคนพูดถึงกู้ม่านซีที่เจียงอี้หานเริ่มคุ้นชินเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งเสนาบดีไป๋กับฮูหยินแม่ทัพหลิวเองก็ทำท่าทางเช่นนี้เช่นกัน
“มีผู้ใดจะไม่รู้จักสตรีเช่นกู้ม่านซีบ้างในจิ่งโจวนี้เจ้าคะ นางทั้งใจกล้าไม่เหมือนสตรีอีกทั้งกิริยามารยาทล้วน….”
“คุณหนูไป๋ เชิญดื่มชาก่อน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ไป๋รั่วเวยยกน้ำชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับขนมที่เขายกมาให้ แม้ว่าจะกล่าวถึงกู้ม่านซีอย่างระมัดระวัง แต่ในน้ำเสียงนั้นต่างกับที่ใช้คุยกับเขาโดยสิ้นเชิง และแม้ว่ากิริยาของไป๋รั่วเวยจะดูเรียบร้อยสมฐานะคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ทุกคำพูดของนางมักจะเอาตัวเองไปเทียบกับคนไม่เอาไหนอย่างกู้ม่านซีทุกคำ
“ข้าเองก็ไม่เห็นด้วยที่ชอบมีคนเอาข้าไปเปรียบเทียบกับนาง แม้ว่าข้าจะไม่กล้าเช่นนางก็ตาม แต่บางคนก็บอกว่าอย่างกู้ม่านซีเขาเรียกว่าไร้มารยาทมากกว่ากล้าหาญ”
“คุณชาย คุณหนูไป๋กล่าวมาก็ถูกนะขอรับ”
“ปึก!!”
ไปรั่วเวยหันมามองหน้าคุณชายเจียงที่วางจอกชาดังกว่าปกติ แต่ใบหน้านั้นยังคงยิ้มให้นางอย่างน่าหลงใหล นางคิดว่าแม้กู้ม่านซีจะได้เปรียบที่อยู่จวนติดกับเขา แต่คนอย่างนางมีหรือจะยอมให้บุรุษหนุ่มขุนนางชั้นเอกของฝ่าบาทหลุดมือไปได้เช่นนี้ ต่อให้มีอีกสิบกู้ม่านซีก็ไม่มีทางสู้นางได้
“คุณหนูไป๋ ชารสชาติเป็นเช่นไรบ้าง”
“ชานี้รสชาติดีราวกับพิถีพิถันในการผลิต ตั้งแต่คั่วใบชาจนถึงเวลาหมักที่พอดีถึงได้มีรสชาติยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้าช่างมีวาสนานักที่ได้ลิ้มลองชารสชาติยอดเยี่ยมเช่นนี้เจ้าค่ะ คุณชายเจียงช่างเป็นคนใส่ใจเสียจริง ๆ”
“งั้นหรือ เช่นนั้นคงต้องขอบคุณคุณหนูกู้เสียแล้วที่มอบชาชั้นดีเช่นนี้ให้กับข้า
ไป๋รั่วเวยเกือบสำลักชาที่พึ่งดื่มไป แต่ต้องยอมรับว่าชาของกู้ม่านซียอดเยี่ยมจริง ๆ และเป็นใบชาหายากเหมือนกับที่นางพูดมานั่นแหละ ไม่ผิดเลยเพราะนอกจากว่าจะราคาสูงลิ่วแล้ว ชานี้ยังจำกัดการขายอีกด้วย น้อยคนนักต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อหาได้
“ชาของ…ชานี้กู้ม่านซีเป็นผู้มอบให้ท่านงั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ข้าไม่ค่อยได้ชงมาเท่าไหร่นัก นึกไม่ถึงว่าคุณหนูไป๋มาได้จังหวะพอดี จึงได้มีวาสนาได้ลิ้มลอง”
“แต่ว่าชานี้ต้องใช้เวลาจองถึงสามเดือน และต้องจ่ายเงินล่วงหน้าทั้งหมดก่อนที่จะรอรับของและอีกสองเดือนมิใช่หรือถึงจะได้มา แม้แต่จวนเสนาบดียังจองไม่ได้ แต่ว่ากู้ม่านซีไปหามาได้ก่อนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เอ่อ..ข้าหมายถึง นางคงไปข่มขู่ใครมาอีกกระมังเจ้าคะถึงได้….”
"ต้องขออภัยที่ข้าไม่ทันได้เตรียมต้อนรับ ก่อนหน้านี้ข้ามัวแต่จัดของ ดังนั้นจึงมีเพียงชาและขนมที่คุณหนูกู้นำมามอบให้ในทุก ๆ วันมารับแขกแทน”
“อะไรนะเจ้าคะ ขนมนี่ก็….”
“คุณหนูไป๋ เป็นอะไรไปงั้นหรือ ขนมนี่จะไม่ถูกปากเจ้างั้นหรือ”
“ข้าคิดว่าขนมนี่…มันหวานเลี่ยนไปนะเจ้าคะ คงซื้อมาจากร้านราคาถูกก็เลย…”
“งั้นหรือ แต่ว่าตราบนขนมเป็นของร้านฮั่วเจิน ร้านขนมชื่อดังในจิ่งโจวที่จะขายขนมชุดนี้ออกมาเพียงวันละห้าสิบชุดเท่านั้น มีน้อยคนที่ได้มา ต้าจื่อ หรือว่าตรานี่ไม่ใช่ของร้านฮั่วเจิน”
“เอ่อ…คุณชาย”
“แต่ข้าจำรสชาติมันได้นะ เพราะคุณหนูกู้ซื้อมาให้พวกเรากินกันทุกวัน นางเป็นลูกค้าประจำของที่ร้านนี้และได้ขนมสดใหม่ทุกวัน คุณหนูไป๋ เจ้าไม่ชอบงั้นหรือ”
“ข้า…. คือว่าข้า ไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเองสินะ ถึงว่าล่ะเจ้ากินไปแค่…. สี่ชิ้นเอง เหลือให้ข้าเพียงสองชิ้น สงสัยจะไม่ชอบจริง ๆ ด้วย”
“คุณชายเจียงข้ามานานแล้ว ธุระที่ท่านพ่อมอบหมายให้ก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วดังนั้น…ข้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าจะเดินไปส่ง เชิญ”
ไป๋รั่วเวยแทบจะกัดลิ้นตายต่อหน้าเขา คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูสุขุมนิ่มนวลยิ้มง่ายและสุภาพเช่นเขา จะใช้วาจาได้เชือดเฉือนไม่แพ้สตรีไร้มารยาทอย่างกู้ม่านซี นางต้องรู้ให้ได้ว่าสองคนนี้สนิทกันมากถึงขนาดไหนถึงกับให้ขุนนางหนุ่มผู้นี้ออกรับแทนนางเช่นนี้
บนต้นไม้ในจวนสกุลกู้
“อย่าดันสิ โอ๊ย!! เจ้าเสี่ยวจู อย่าขึ้นมาบนหน้าข้าเกะกะ เจ้านั่งเฉย ๆ เดี๋ยวจะพาลงไป”
“คุณหนูลงมาเถอะเจ้าค่ะ ท่านจะขึ้นไปอีกทำไม วันก่อนตกลงมาก็ได้แผลแล้วนะเจ้าคะ”
“เงียบ ๆ พวกเขาเดินออกมาแล้ว”
กู้ม่านซีปีนต้นไม้และพาเสี่ยวจูขึ้นมาด้วยเพื่อลอบแอบฟังและแอบดูจวนข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าไป๋รั่วเวยและเจียงอี้หานเดินออกมาแล้ว นางก็ซุ่มดูพร้อมกับเสี่ยวจู ที่หมอบอยู่ข้าง ๆ นาง
“เงียบ ๆ เสี่ยวจูถ้าเจ้าให้ความร่วมมือดี ลงไปแล้วจะจัดอาหารชุดใหญ่ให้เจ้า”
เสี่ยวจูราวกับรู้ทัน มันนั่งนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ นางและมองไปทางเดียวกับนางเช่นกัน
“ออกมาแล้ว ดูท่าราวนางพญาน้อยนั่นสิ น่าหมั่นไส้ชะมัดแม้จะสวยก็เถอะ หรือว่าเจียงอี้หานจะหลงเสน่ห์นางเข้าแล้ว ไม่นะ ข้าไม่ยอม!! ว้าย!! เสี่ยวจู อยู่เฉย ๆ สิ”
แต่เสียงนั้นเจียงอี้หานได้ยินแล้ว เขาแค่เหลือบมามองและกลั้นขำเมื่อรู้ว่ากู้ม่านซีกำลังทำบางอย่างอยู่บนต้นไม้ แม้ว่าจะไม่เห็นชัด ๆ แต่ก็รู้ว่านางคงอยากรู้ว่าเขากับไป๋รั่วเวยทำอะไรกันในจวน
“คุณหนูไป๋ระวัง ตรงนั้นลื่น”
“จะ…จะ…จับมือถือแขน แล้วยังประคองกันด้วยงั้นเหรอ”
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”