สุดท้ายใต้เท้ากู้เหว่ยจึงต้องเชิญเจียงอี้หานกินอาหารเย็นด้วย กู้ม่านซีคอยตักอาหารทุกอย่างใส่ชามให้เขา นางไม่ทันได้สนใจบิดาและแมวอ้วนตาโตที่มองด้วยความอิจฉาด้วยซ้ำไป
“กินเยอะ ๆ ท่านน่ะวันนี้คงเดินทางไปหลายที่ล่ะสิกว่าจะมาพบท่านพ่อข้าได้”
“เอ่อ…. ข้าน้อยมิได้จะคิดเช่นนั้นขอรับเพียงแต่ว่า….”
“อย่าไปคิดมากเลยคุณชายเจียง ข้ารู้ว่าท่านคิดว่าข้าคิดเล็กคิดน้อย เราอยู่บ้านติดกันไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าเสียอีกที่ต้องเกรงใจที่ซีเอ๋อร์ไปรบกวนที่จวนท่านบ่อย ๆ ข้าต้องขออภัยแทนนางต่างหาก”
“แหมท่านพ่อก็ท่านเป็นคนบอกเองว่า ให้ข้าหมั่นไปแวะเวียนดูแลคุณชายเจียงบ่อย ๆ มาในตอนนี้เหตุใดมาตำหนิข้าล่ะเจ้าคะ”
“ซีเอ๋อร์”
ใต้เท้ากู้พูดไม่ออก เพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ใครจะคิดว่าบุตรสาวของเขาจะเกิดถูกใจคุณชายข้างจวนนี้ขึ้นมาจริง ๆ กันเล่า
“เฮ้อ…”
“ใต้เท้ากู้อย่าได้กังวลเรื่องนั้น คุณหนูกู้มิได้…ทำเรื่องลำบากใจให้ข้าสักเท่าไหร่หรอกขอรับ”
“หึ”
เสียงพ่นในลำคอขององครักษ์ข้างกายของเจียงอี้หานดังขึ้น แม้ว่าใต้เท้ากู้จะไม่ได้ยินเพราะยกน้ำชาขึ้นมาดื่มเสียก่อน แต่อี้หานที่ได้ยินชัดถึงกับต้องใช้ขาเตะเพื่อให้ต้าจื่อเงียบ
“ว่าแต่ว่าคุณชายเจียง หลังจากนี้หากว่ามีเรื่องใดให้ข้าช่วยก็เชิญบอกมาได้เลยอย่าได้เกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในวังหรือราชสำนักท่านก็อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด ต่างล้วนทำงานเพื่อแผ่นดิน เฮ้อ…ข้าคิดว่าจะไม่มีผู้คุมสอบมาจากเมืองหลวงส่งมาเสียแล้ว”
อี้หานวางจอกชาลง ตอนนี้ม่านซีหันไปอุ้มแมวอ้วนเสี่ยวจูไปนอนที่เบาะของมันแล้ว เหลือเพียงเขาและใต้เท้ากู้ที่โต๊ะอาหารเขาจึงค่อย ๆ เปรยออกไป
“หรือว่าใต้เท้ากู้เองก็ทราบเรื่องก่อนหน้านี้ที่ฝ่าบาทส่งคนมาที่นี่แต่กลับถูกลอบฆ่าก่อนจะเข้าเมือง”
“คดีนั้นเป็นคดีสะเทือนขวัญ แม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นนอกเมืองแต่ก็คนในจิ่งโจวมีผู้ใดจะไม่ทราบเรื่องนี้บ้าง ข่าวนี้ทำให้กรมตุลาการของข้าถูกเพ่งเล็งว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าหละหลวมเองไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”
“ล้วนมิมีผู้ใดทราบการณ์ล่วงหน้า เรื่องนี้ใต้เท้ากู้ก็อย่าได้โทษตัวเองเลยขอรับ”
“ดังนั้นเมื่อฝ่าบาทส่งท่านมาในครั้งนี้ข้าก็วางใจได้บ้างเพราะท่านยังเป็นคนหนุ่ม ข้าทูลขอฝ่าบาทให้ท่านมาพักอยู่ใกล้ ๆ เพื่อจะดูแลความปลอดภัยให้ท่านได้ นึกไม่ถึงว่าท่านจะฉลาดกว่าข้า เดินทางมาโดยมิได้แจ้งให้ทราบกำหนดการล่วงหน้าเช่นนี้ ข้ารู้สึกโล่งใจยิ่งนัก”
“ใต้เท้ากู้ ข้ารู้สึกชื่นชมท่านยิ่งนัก อีกทั้งแม่ทัพกู้หลานที่เคยช่วยฝ่าบาทก่อตั้งเมืองจิ่งโจวนี้ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก”
“เฮ้อ…ท่านพ่อข้ารักแผ่นดินเกิดยิ่งนัก ข้าน่ะไม่ได้ครึ่งหนึ่งของท่านหรอก แม้ว่าจะได้รับพระเมตตาแต่ก็มิอาจ…. ช่างเถอะขุนนางอายุน้อย เช่นเจ้ามีจิตใจคิดเพื่อบ้านเมือง น้อยคนนักที่ข้าจะพบเจอ มาดื่มให้เจ้าอีกจอก”
จวนเจียงอี้หาน
“มีเพียงคลังอาวุธสำหรับกองทัพสกุลกู้และสนามฝึกซ้อมในจวน อ้อ ยังมีคุกใต้ดินที่ไม่ค่อยได้ใช้งานขอรับ นอกนั้นสกุลกู้ก็แทบไม่แตกต่างกับจวนขุนนางใหญ่ทั่ว ๆ ไป คุณชาย ท่านคงจะไม่คิดสงสัยเขาหรอกนะขอรับ”
“แต่ก็ยังตัดออกไปไม่ได้ เวลาที่คนละโมบไม่ได้มองหรอกว่าตัวเองอยู่ตรงไหน เจ้าจำราชครูจิ้งที่เมืองต้าเซินไม่ได้หรือ นั่นเขาเป็นใหญ่กว่ากรมตุลาการยังทำเรื่องผิดได้ เช่นนั้นข้าก็ยังไม่ตัดผู้ใดออก”
“คุณชายแต่วันนี้ที่เราไป เราได้รู้อะไรหรือขอรับ”
“รู้อยู่เรื่องหนึ่ง”
“เรื่องใดหรือขอรับ”
“ใต้เท้ากู้ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับคดีของขุนนางที่ตายตอนมาที่จิ่งโจวมาก่อน ดังนั้นเรื่องการฆาตกรรมก่อนหน้านี้น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขา เพราะหนึ่งในสองคนนั้น….”
“กังเหล่าอี้เขาเป็นญาติผู้น้องของข้า เดิมทีคิดว่าจะได้มาเกษียณที่จิ่งโจวและกลับมาพักที่บ้านเกิด นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะก้าวเท้ากลับเข้าเมืองจิ่งโจวก็ถูกลอบสังหารเสียก่อน ข้าสั่งทหารของสกุลกู้สืบหาเบาะแสร่วมสิบวันแล้วก็ยังไร้วี่แวว ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องเลวทรามนี้เกิดขึ้นอีกเป็นแน่”
“อะไรนะขอรับ เช่นนั้นหมายความว่า…”
“หากว่าเขารู้เรื่องจริง ๆ ผู้ที่ถูกส่งมาครั้งนี้คงมิใช่ญาติผู้น้องของเขา เห็นว่าคุณหนูกู้นั่นเสียใจไปหลายวันเพราะนางสนิทกับท่านอาผู้นี้มากในตอนวัยเยาว์ นางสูญเสียคนที่รักไปมากจริง ๆ”
“คุณชาย…ท่านกำลังรู้สึก เห็นใจคุณหนูกู้อยู่หรือขอรับ”
“ข้า!!…ข้าเพียงแค่คิดว่า จะมีสักกี่คนที่อดทนกับความสูญเสียแล้วยิ้มให้กับวันข้างหน้าได้เช่นนาง”
“แต่นางดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลยนะขอรับ นางเอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ แล้วยังเลี้ยงเจ้าแมวน่าเกลียดนั่น ดูสิขอรับมันข่วนข้าเสียได้แผลใหญ่เลย หากว่าจะบอกว่าเก่งก็คงเรื่องที่นางสามารถเลี้ยงแมวให้เป็นหมูได้นี่แหละขอรับ”
“หึ เจ้าก็แค่โกรธแมวแล้วเอาความผิดทุกอย่างไปลงกับนางสินะ”
“คุณชาย นี่ท่านเข้าข้างนางหรือขอรับ”
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้วข้าอยากพักผ่อนสักหน่อย”
“ก็ได้ขอรับ”
ไฟในห้องดับแล้ว แต่เจียงอี้หานกลับนอนไม่หลับเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ แต่สิ่งที่เขายังสลัดออกจากใจไม่ได้เลยก็คือสตรีน่ารำคาญคนนั้นที่มักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาทุกวันอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้ง ๆ ที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเริ่มรำคาญและไล่นางไปหลายครั้งแต่นางก็ไม่ถอย
“ทำไมเป็นคนน่ารำคาญเช่นนั้นกันนะ”
สามวันถัดมา
“ข้าก็คิดว่าท่านจะชอบเสียอีก นี่มันต้นไม้หายากเลยนะ ไหน ๆ ท่านก็จะขุดสระบัวนี้ใหม่แล้วเอาเก็บไว้เถอะ”
“คุณหนูกู้เจ้าทำเช่นนี้มาหลายวันแล้ว เอาแต่ของขวัญมาให้ข้าทุกวัน หรือว่าเจ้า….”
“ข้าเปล่านะข้าไม่ได้คิดอะไรก็แค่เห็นว่าท่านพึ่งย้ายมาใหม่ ยังไม่มีของตกแต่งบ้านก็เลย…”
“คุณชายขอรับ”
“ว่าอย่างไร”
ต้าจื่อหันมามองหน้ากู้ม่านซีก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณชายของเขา
“มีอะไรก็ว่ามาเถอะ”
“คือว่า คุณหนูไป๋มาขอพบขอรับ”
“คุณหนูไป๋งั้นหรือ”
เจียงอี้หานหันไปมองหน้ากู้ม่านซีที่ยืนมองหน้าเขาอยู่ และเขาน่าจะมองไม่ผิดที่เห็นว่าม่านซีทำสีหน้าไม่พอใจเท่าใดนัก
“นี่ท่าน รู้จักกับไป๋รั่วเวยด้วยงั้นหรือ”
คำถามนี้ของม่านซีทำเขาอึดอัด มิใช่ว่าเขาอยากรู้จักแต่เพราะครั้งก่อนเขาไปที่จวนเสนาบดีไป๋จึงได้รู้จักนาง แต่เพราะสายตาของกู้ม่านซีทำให้เขารู้สึกว่า หากจะตอบอะไรไปก็กลัวว่านางจะไม่พอใจจนพังจวนของเขาเหมือนกับที่ทำสวนของเขาพังไปหลายวันก่อน เพราะกิ่งไม้จวนนางหักลงมาทับ
“ถ้าอย่างไร ข้าคงต้องขอตัวไปต้อนรับแขกก่อน คุณหนูกู้คงจะไม่ว่า…”
“ไม่ว่าหรอก ข้าจะไปด้วย”
""อะไรนะ!! ""
กู้ม่านซีหันไปมองอี้หานและต้าจื่อที่หันมามองนาง แม้ว่าทั้งคู่จะรู้ดีว่าม่านซีจะไม่สนใจธรรมเนียมและมารยาท แต่เรื่องนี้นางจะไม่รู้เชียวหรือว่าสมควรกลับจวนได้แล้วโดยที่เขาไม่ต้องไล่นาง
“ทำไมล่ะ ท่านมีอะไรจะคุยกับไป๋รั่วเวยเป็นการส่วนตัวโดยที่ให้ข้ารู้ไม่ได้งั้นหรือคุณชายเจียง ข้าก็แค่อยากจะอยู่ทักทายนางสักหน่อยก่อนกลับเท่านั้น ไม่ได้หรือ”
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”