แม้ความหวังริบหรี่จนแทบจะเหลือศูนย์ แต่ด้วยความใจกล้าหน้าด้านก็ทำให้ภีรดาขึ้นมายืนรอผลเชือดบนเวทีอีกครั้งพร้อมสาวงามอีกเก้าคน เพื่อรอลุ้นผลการตัดสินให้เหลือห้าคนสุดท้าย ท่ามกลางสายตาแปลกๆ ของเพื่อนร่วมเวทีที่ยืนกันเสียห่างเป็นวาราวกับเธอเป็นตัวอะมีบาที่น่ารักก็ไม่ปาน
เออวะ ตกรอบก็ได้ แต่ช่วยรีบๆ ตัดสินทีเหอะ ฉันจะได้รีบกลับไปหากาวมาสมานรอยแหกบนหน้าเสียที
ระหว่างที่กำลังคิดเพลินพิธีกรก็ทยอยประกาศรายชื่อผู้ที่เข้ารอบห้าคนสุดท้ายไปทีละคนๆ แม้แต่ยายจีน่าก็ยังอุตส่าห์ติดโผเข้ารอบไปด้วย โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย ฮือ...
จนกระทั่ง...
“สาวสวยคนสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบห้าคนสุดท้ายได้แก่...หมายเลขสิบสาม นางสาวภีรดา ผกาสุวรรณ หรือน้องแพนด้าค่ะ”
เห็นมะ ว่าละ เธอตกรอบจนได้สิน่า เฮ้อ...หญิงสาวแอบคอตก เตรียมจะเดินหงอยๆ ลงเวทีตามเพื่อนพริตตีที่ตกรอบไป
“ขอเชิญสาวงามหมายเลขสิบสามก้าวมายืนข้างหน้าด้วยค่ะ”
“เขาเรียกเธอแน่ะ ไปสิ” เสียงกระซิบจากคนข้างๆ ทำให้ภีรดาเงยหน้ามึนๆ
“เรียกใครนะ”
“เรียกเธอไง”
เจ้าของหมายเลขลักกี้นัมเบอร์เบิกตาค้าง ชี้ที่ตัวเอง “หา! ว่าไงนะ ฉันเนี่ยนะเข้ารอบ!”
กรี๊ดดด! ฟลุกเว่อร์!
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำได้ ร่างระหงรีบก้าวพรวดออกมายืนเรียงแถวข้างๆ แม่สาวแอ๊บแบ๊วที่เข้ารอบก่อนหน้า จีน่าแอบจิกตาใส่ ราวกับไม่พอใจผลการตัดสิน
“จากนี้ไปจะเข้าสู่รอบการตอบคำถาม สาวงามทุกคนจะได้เลือกซองคำถามของคณะกรรมการแต่ละท่านเพื่อตอบนะคะ แต่ละคนมีเวลาคนละหนึ่งนาที คิดให้ดีตอบให้ไวนะคะ”
ภีรดายิ้มกริ่ม ในหัวคำนวนสะระตะถึงค่าตอบแทนที่จะได้ ตอนนี้เข้ารอบห้าคนสุดท้ายอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าแล้ว เคสเลวร้ายสุดก็ยังได้ที่ห้า ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนี่หว่า หญิงสาวแอบฮัมเพลงหมอลำซิ่งในใจอย่างลั้ลลา...
ผู้เข้าประกวดพริตตีทยอยเลือกและตอบคำถามไปเรื่อยๆ ซึ่งคำถามนั้นก็เป็นแนวปกิณกะทั่วๆ ไป อย่างเช่น สิ่งแรกที่จะทำถ้าได้ตำแหน่งคืออะไร ใครคือแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต หากได้ตำแหน่งจะมีวิธียกระดับอาชีพพริตตีอย่างไรบ้าง ฯลฯ จนมาถึงแม่สาวแบ๊วเบอร์สิบสองที่จับซองได้คำถามจากกรรมการหนุ่มสุดหล่อนามตติยะที่ถามว่า คุณคิดว่าส่วนไหนในร่างกายตัวเองสวยที่สุด และอยากอวดให้แฟนคุณเห็นมากที่สุดเพราะอะไร
อุต๊ะ...คนคิดคำถามนี้ส่อแววแอบหื่นนะนี่
ภีรดาแอบเหล่มองเจ้าของคำถามที่นั่งใกล้นายหน้าตายนั่น หน้าตาก็หล่อดีหรอก แต่พอเห็นสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวคู่นั้น เธอก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงหน้าหม้อไม่เบาทีเดียว คู่นี้อยู่ด้วยกันได้ไง คนหนึ่งลื่นอย่างกับปลาไหลใส่สเกต ส่วนอีกคนอย่างกับภูเขาน้ำแข็งเดินได้
จีน่ายิ้มร่า คำถามนี้ไม่เห็นยากตรงไหน สำหรับสาวสวยด้วยมีดอย่างเธอ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยทั้งนั้นแหละน่า
“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ สำหรับจีน่าเป็นคำถามที่ตอบยากมากๆ เลยค่ะ”
แน่ละ ก็เธอมันสวยทั้งตัวนี่นา จะให้เลือกตอบส่วนเดียวมันก็ยากน่ะสิ
“แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ จีน่าขอเลือกใบหน้าค่ะ เพราะใบหน้าเป็นประตูด่านแรกที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักเรา ถ้าเราสวยเป๊ะซะอย่าง ใครๆ ก็อยากเข้ามาทำความรู้จักจริงไหมคะ และถ้ามีแฟน...” คนพูดทิ้งสายตาอ่อยไปทางเจ้าของคำถามราวกับบอกกลายๆ ว่าเธอ...ยังโสดโปรดจีบ “จีน่าก็อยากให้แฟนของจีน่าได้เห็นใบหน้าสวยๆ นี้ทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ”
สิ้นเสียงแม่พริตตีสาวเบอร์ 12 เสียงเป่าปากของหนุ่มๆ หน้าเวทีก็ดังขึ้น แต่ภีรดากลับแอบเบ้ปาก กลอกตาบนใส่เบาๆ กับคำตอบนั้น เปิดท้ายขายของกันเห็นๆ ถ้ายายนี่ได้ตำแหน่งจริงๆ สงสัยจะได้งาบพ่อคนตั้งคำถาม แล้วไปนั่งจ้องหน้าเป็นปลากัดทั้งวันแน่ๆ
“ลำดับสุดท้ายหมายเลขสิบสาม น้องแพนด้าขาแดนซ์ของเรานั่นเองค่ะ”
มือที่ยื่นไปหยิบซองเกือบหดกลับแล้วเชียว เจ้าของฉายาแอบเหลือบตามองแรงใส่พิธีกรสาวพลางนึกในใจ
เอ้า แซวเข้าไปๆ แค่นี้ก็หน้าแหกจนไม่มีที่จะให้ยืนอยู่แล้ว
“แต่คงไม่ต้องเลือกแล้วนะคะ เพราะเหลือแค่ซองเดียว คำถามสุดท้ายจากกรรมการสุดหล่ออีกท่านของเรา เจ้าของฉายาเทพบุตรสายฟ้าแห่งวงการไบเกอร์เมืองไทย ซีอีโอใหญ่แห่งบริษัทราฟาเอล เรซซิ่ง จำกัด...คุณราล์ฟ-รวินรุตม์ อริยะกุลค่ะ”
เสียงกรี๊ดจากบรรดาแม่ยกสาวน้อยสาวใหญ่ดังขึ้น พร้อมเจ้าของชื่อที่ยืนโค้งทักทายอย่างมีเสน่ห์ ทำให้ภีรดาถึงบางอ้อ ที่แท้ตาลุงนั่นไม่ยักกะใช่ดาราแฮะ แต่เป็นเทพบุตรตกสวรรค์นี่เอง เดี๋ยวนะ เจ้าของบริษัทราฟาเอล เรซซิ่งเหรอ ดวงตากลมโตเลื่อนมาที่สายสะพายบนหน้าอกตน
ไอ้หยา...สปอนเซอร์รายใหญ่ของเธอเลยนี่หว่า ซวยละ แพนด้าเอ๋ย
“คำถามจากคุณรวินรุตม์ถามว่า...หากจะเปรียบรถบิ๊กไบก์เป็นอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง คุณคิดว่าอยากจะเปรียบกับอะไรและเพราะอะไรคะ”
หญิงสาวถึงกับอึ้ง คำถามฉีกแนวสมหน้าตามากพ่อคุณเอ๊ย เธอหันไปสบสายตาคมกริบที่จ้องตรงมาอย่างรอคอย วันนี้เธอต้องก้าวขาผิดออกจากบ้านแน่ๆ ทำไมเจอแต่ละด่าน หินๆ ทั้งนั้นเลยฟระ
หลังจากพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่มาร่วมอวยพรและทำพิธีต่างๆ จนเสร็จและทยอยออกจากห้องหอไปจนหมด เหลือเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามลำพัง ภีรดาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางหันไปมองใบหน้าหล่อเข้มของผู้ชายที่เธอเพิ่งตีตราจอง ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของเขาอย่างเป็นทางการแบบไม่อยากจะเชื่อในวาสนา ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงโก๊ะกังธรรมดาๆ อย่างเธอจะมีโอกาสได้เจอคู่ครองที่แสนจะเพียบพร้อมอย่างบุรุษตรงหน้าภีรดาคิดเพลินๆ จู่ๆ ดวงตาคมที่เจือประกายวับหวานก็เลื่อนมาสบตาพอดี“มองแบบนี้ไม่กลัวว่าผมจะอดใจไม่ได้บ้างเหรอ”“ถ้ากลัวคงไม่มองหรอกค่ะ” หญิงสาวทำปากดี ก่อนประคองใบหน้าคมสันที่แสนจะมีเสน่ห์ของเขาขึ้นมา “อา...เจ้าบ่าวของฉันหล่อจัง”รวินรุตม์มองคนตรงหน้าอย่างแสนรัก แต่บางสิ่งบางอย่างที่คอยรบกวนจิตใจทำให้เขาเผลอตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ“เป็นอะไรไปคะ ทำไมคุณทำหน้าเครียดจัง เหนื่อยกับงานเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “คุณมีอะไรในใจอยากบอกฉันหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...มาคิดเสียใจตอนนี้”“ผมไม่เคยเสียใจที่รักคุณ แต่...” คนพูดมีอาการอึกอัก ท่าทีเหมือนกำลังอยากจะบอกอะไรแต่แล้วก็เงียบไปดื้อๆ จนภีรดาชักเอะใจสงสัย และเธอก็ไ
“ที่พูดเมื่อกี้คุณพูดจริงใช่ไหม” เมื่อได้อยู่กันสองต่อสองในห้องพัก รวินรุตม์ก็หันมาถามหญิงสาวที่ทำหน้าตึง พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจฟังแต่แอบทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่างอยู่ก็นึกแปลกใจ“นั่นกำลังสวดภาณยักษ์ให้ใครอยู่เหรอ”นั่นแหละ ภีรดาจึงยอมเงยหน้ามา“เปล่าค่ะ...กำลังแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวร!”จากที่กำลังเครียด ชายหนุ่มก็เผลอหัวเราะพรวดออกมาทันใด“ขำอะไรคะ” ดวงตาเขียวปั๊ดตวัดมาอย่างเอาเรื่อง“อย่าบอกนะว่าคุณสวดให้รียาเขา”“ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ” สะบัดเสียงใส่นิดๆ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าทำเกินไป จึงหันมาพูดเสียงอ่อยลง “ฉันขอโทษค่ะ พอดีอินไปหน่อย แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อคะ จะไม่ลงไปช่วยคุณชารียาเขาจริงๆ เหรอคะ”รวินรุตม์ยื่นมือไปดึงร่างอรชรลงมานั่งเคียงข้างเขาบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วโอบกอดเธอเข้ามาชิดใกล้“ไม่ละ ผมบอกแล้วว่าจะช่วยเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะช่วยได้”“แล้วคุณไม่สงสารเธอเหรอ โดนสามีทำร้ายขนาดนั้น เธอคงหวังพึ่งคุณนะคะ แต่คุณดันหนีขึ้นห้องมากับฉันแบบนี้”“อย่าห่วงเลยแพน คนอย่างรียาเขาไม่ได้สิ้นไร้หนทางขนาดนั้น อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวเขา ถ้าผมขืนเข้าไปยุ่งมันก็จะไม่
“เอ่อ...คือรียาอยาก...ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหมคะ ตอนนี้เขาให้คนไปเฝ้าที่คอนโดที่รียาเช่าอยู่ เข้าไปเมื่อไหร่ดลก็จะรู้ทันที รียากลัวเขาจะลงไม้ลงมืออีกค่ะ” เสียงสะท้านด้วยแรงสะอื้น“ผมคงให้คุณค้างที่นี่ด้วยไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมต้องให้เกียรติคู่หมั้นของผมด้วย แต่เดี๋ยวผมจะลองถามนายเต้ให้ว่าที่โรงแรมเขาพอจะมีห้องว่างคืนนี้ไหม ผมจะได้ให้คุณไปพักที่นั่นก่อน”“ราล์ฟ!” ชารียาเบิกตาค้าง หน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นว่าผิดแผนที่วางไว้ หางตาแลไปทางผู้หญิงที่สังเกตการณ์เงียบๆ ข้างกายเขาอย่างไม่พอใจ“ทำไมคุณถึงใจร้ายกับรียานัก คุณเคยขอรียาแต่งงานตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม...” ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอามารยาเข้าสู้ ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างเธอจะแพ้นังเด็กกะโปโลนี่“ผมจำได้...แต่คุณต่างหากที่ลืมว่าคุณได้ปฏิเสธโอกาสนั้นอย่างไม่ไยดีเอง เพียงเพราะรู้ว่าผมอาจจะต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต”“เอ่อ...คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะราล์ฟ ที่จริงตอนนั้นรียากำลังเครียดๆ เพราะเป็นห่วงคุณมาก ก็เลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้รียาสำนึกได้แล้วว่าทำผิดต่อคุณ และต่อให้คุณเป็นอัมพาตตลอดชีวิตจริงๆ รียาก็จะไม่ทิ้งคุณอีก
พวงแก้มใสซับโลหิตระเรื่อ หายใจไม่ทั่วท้อง แอบรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ เมื่อต้องเป็นฝ่ายคุมเกม“อ๊ะ...” มือใหม่หัดขับสะดุ้งนิดๆ ยามที่ร่างกายสอดประสานรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ความใหญ่โตที่แทรกผ่านเข้ามาสร้างความอึดอัดให้หญิงสาวไม่น้อย“อย่าเกร็ง ปล่อยตัวตามสบายที่รัก อย่างนั้น อืม...เก่งมาก!” นักแข่งรถมือทองบอกอย่างใจเย็น ทั้งที่ร่างกายเขาร้อนจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อยู่ร่อมร่อแล้ว มือหนาประคองบั้นท้ายกลมกลึงช่วยคุมจังหวะ แต่มันไม่ง่ายเลยเมื่อโดนความคับแน่นที่แสนนุ่มละมุนโอบรัดรึงตัวตนของเขาไว้เช่นนี้“ราล์ฟคะ...พะ...แพน...” เสียงหวานกรีดร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษาด้วยความรัญจวน สมองปั่นป่วนขาวโพลนด้วยแรงปรารถนาลึกล้ำทุกคราวที่ขยับกายเข้าหาความใหญ่โตนั้น แต่เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินและปรับตัวได้ ภีรดาก็เริ่มควบทะยานบิ๊กไบก์คู่ใจคันงามด้วยความเร็วแรงถึงใจ จนกระทั่งควงแขนเขาไปสู่จุดหมายปลายทางความสุขและเข้าเส้นชัยพร้อมกันได้อย่างสวยสดงดงาม“แพนรักคุณ...รักที่สุดเลย!” เสียงหวานกระซิบที่ข้างหูราวกับละเมอ ก่อนที่ร่างบางจะซวนซบลงที่อกแกร่ง หอบหายใจถี่กระชั้นอย่างหมดแรงคำที่เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมห
ดวงหน้าใสแดงซ่าน เมื่อยามที่มือได้สัมผัสของรักของหวงชิ้นสำคัญของคนรักแบบเอกซ์คลูซีฟสุดๆ เมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยากัดฟันเหมือนกำลังอดกลั้นอารมณ์อย่างหนักยามที่เธอเริ่มขยับมือขึ้นลงทักทายเจ้านกเขาขี้เซาตัวนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมันเริ่มมีทีท่าว่าจะแข็งขึงขึ้นมาทีละนิดๆ ดวงตากลมโตซุกซนก็ทอประกายวาวเพราะรู้ว่าตนมาถูกทาง ยิ่งเห็นคนตัวโตมีอาการหายใจสะดุด และสูดปากหนักขึ้นก็เริ่มย่ามใจ ขุดบทเรียนสยิวกิ้วที่เขาเคยสอนให้ออกมาใช้เต็มเหนี่ยวร่างแกร่งถึงกับผวาสะท้าน เกร็งเยือกไปทั้งร่าง เมื่อจุดอ่อนไหวถูกสัมผัสด้วยความชุ่มชื้นจากปลายชิวหาอันอ่อนนุ่มเบาๆ เลือดในกายหนุ่มก็เดือดพล่าน“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่”“ชอบไหมคะ” ไม่ทันได้คำตอบ มือใหญ่ก็เผลอขยุ้มเส้นผมสวยและกดศีรษะอีกฝ่ายเข้าหากายแกร่งอย่างลืมตัว ภีรดาช้อนสายตาหวานฉ่ำมองคนรักหนุ่มรูปงามด้วยอารมณ์หวามไหวรัญจวน เธออยากทำให้เขามีความสุขที่สุดให้สมกับความรักที่เขามอบให้“พะ...พอก่อนที่รัก ผมจะมะ...ไม่ไหวแล้ว” เสียงกระเส่าเซ็กซี่ขาดเป็นห้วงๆ บอกถึงความทรมานของคนพูด“ไม่ไหวแล้วจะทำไมคะ...” จอมซนทำใจกล้าถามยั่วอย่างก๋ากั๋น ดวงตาใสแจ๋วฉายรอยเจ้าเล่ห์ยา
ตอนนี้อะไรๆ ก็พ่อราล์ฟลูกแม่ๆ ส่วนลูกสาวตัวจริงอย่างเธอน่ะเหรอ ก็ตกกระป๋องเป็นแพนด้าหัวเน่าไปตามระเบียบน่ะสิ แตะว่าที่ลูกเขยคนโปรดนิดแม่ก็คำรามใส่ฮึ่มๆ แล้ว ไม่ต้องพูดถึงยมุนาพี่สาวเธอ ขานั้นนิยมคนหล่อเป็นชีวิตจิตใจ เอะอะก็ว่าที่น้องเขยๆ ยิ่งตอนไปอัลตราซาวนด์แล้วรู้ว่าลูกในท้องเป็นผู้ชายด้วยแล้ว พี่สาวเธอก็แทบจะนั่งจ้องหน้าว่าที่น้องเขยอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อซึมซับความหล่อวัวตายหล่อควายล้มทางสายตาให้ลูกชายในท้องกันเลยทีเดียว“อ้อนเข้าไปๆ ตอนนี้ลูกแท้ๆ จะไม่มีที่ยืนอยู่แล้วนะคะ”“ก็ไม่ต้องยืนสิ คุณก็นอนแทน ถ้าไม่มีที่นอนไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเจียดเตียงผมให้ครึ่งนึง ไม่ได้กอดคุณตั้งนานจนผมใกล้จะลงแดงตายแล้วเนี่ย” ดวงตาคมๆ แพรวพราวอ้อนอย่างเจ้าเล่ห์ “เราเลื่อนกำหนดงานแต่งเป็นพรุ่งนี้เลยดีไหม”วาบ! แก้มใสๆ แดงเห่อจนถึงกกหู เขินจนอยากจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะ ทำไมเขาถึงพูดจาน่าตบด้วยปากแบบนี้ล่ะ แค่นี้เธอก็ตกบ่วงจนตะกายขึ้นมาจากหลุมไม่ได้แล้ว แล้วดูนั่น ยังมีหน้ามาส่งยิ้มหวานกระชากใจให้อีก อย่ารอพรุ่งนี้เลย หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามกันไปอยู่ด้วยซะวันนี้เลยเหอะ!“อย่ามาตลกค่ะ การ์ดแจกไปหมดแล้วเปลี่ยนทันที่