รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขก
แม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา
“เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”
“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”
“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก”
แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ”
แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้
“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”
“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไหนได้เจ้าคะ นอกจากลูกจะมีปีกงอกออกมาแล้วบินไป”
นางยังมีอารมณ์แหย่บิดา
“เจ้านี่ ขนาดขาเดินไม่ได้ แต่ปากยังใช้ได้นะ เจ้า พาคุณหนูของเจ้าไปพักในห้อง ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านอ๋อง”
“ขอบพระทัยสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยเพคะท่านอ๋อง ฟางซินทูลลา”
นางค่อยๆ ใช้ไม้ค้ำ เดินออกไป โดยมีชุนเอ๋อประคองอยู่
หนิงเซียนรอจังหวะจะออกไปอยู่แล้วเลยแกล้งเดินชน จนทำให้ไม้ค้ำตกพื้น และฟางซินกับชุนเอ๋อ ก็ล้มลงไป
“ทำไมเจ้าเดินไม่ระวังเลย นั่นขาเจ้าไปโดนอะไรมาอีกล่ะ ไปทะเลาะกับนักเลงที่ไหนรึ ถึงได้เป๋มาขนาดนี้”
“ข้าเดินของข้าอยู่ดีๆ ท่านพี่เดินอย่างไรเจ้าคะ จะรีบไปไหน ถึงได้ไม่ระวังมาชนข้า ท่านต่างหากที่ควรขอโทษน่ะ ช่างเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ไปกันเถอะชุนเอ๋อ”
เฉิงอ๋องได้ยินเสียงล้ม จึงรีบวิ่งเข้าไปตามเสียง พบฟางซินกำลังจะลุกขึ้นมา ชุนเอ๋อกำลังพยุงนางอยู่
“ท่านอ๋อง”
หนิงเซียนตกใจ เมื่อเห็นว่าผู้ที่วิ่งมาคือใคร นางไม่ทราบเลยว่าท่านพ่อรับแขกอยู่
ท่านอ๋องไม่ได้ยินที่นางเรียก แต่รีบวิ่งเข้าไปเพื่อพยุงฟางซินลุกขึ้น
“ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าให้เดินระวังๆ”
“ห้องเจ้าอยู่ไหน”
ท่านอ๋องเอ่ยถาม
ชุนเอ๋อ
“ทางนี้เพคะท่านอ๋อง”
“นำทางข้าไป”
ไม่พูดเปล่า ท่านอ๋องช้อนตัวฟางซินขึ้นมาอุ้ม และเดินตามชุนเอ๋อไป
ทำไมท่านอ๋องต้องอุ้มนางไป นางไปสนิทสนมกับท่านอ๋องตอนไหน ถึงขั้นอุ้มกันไปขนาดนั้น ข้าต้องรู้ให้ได้ เจ้ามันบังอาจนักฟางซิน นางคิดแค้นอยู่ในใจ มองตามร่างของท่านอ๋อง ที่รีบร้อนอุ้มน้องสาวไปยังห้องของนาง
“ท่านอ๋องเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะเพคะ มันจะไม่งามเอานะเพคะ ต่อหน้าผู้คนมากมาย”
ฟางซินรีบบอก นางอับอายมากพอแล้วสำหรับวันนี้ และนางไม่อยากจะมีเรื่องกับพี่สาวของนางเพิ่มอีก แต่คงไม่ทันแล้ว หนิงเซียนเห็นทุกอย่าง จากนี้ นางอย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบอีกเลย เฮ้อออ คิดแล้วช่างน่าปวดหัวเสียจริง
“เจ้าบาดเจ็บอยู่ ข้าแค่ช่วยคน เจ้าอย่าคิดมาก ไม่มีใครคิดมากหรอก ถึงแล้ว”
เฉิงอ๋องค่อยๆ วางนางลงหน้าห้องของนางให้เท้ายืนกับพื้นได้ถนัดแล้วจึงคลายมือออก
“เจ้ารีบเข้าห้องไปพักผ่อน ทานยาตามที่หมอตู้สั่ง ข้าจะไปพบท่านลุงก่อน”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทูลลา”
เฉิงอ๋องเดินกลับมาเส้นทางเดิมเพื่อไปยังห้องโถงกลาง เจอกับหนิงเซียนเข้า ไม่สิ นางคงรอเขาอยู่
“คารวะท่านอ๋องเพคะ”
“คุณหนูรอง ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายเถอะ”
“น้องข้าทำท่านอ๋องลำบาก ต้องขออภัยแทนนางจริงๆ เพคะ น้องข้าแต่ไหนแต่ไร ชอบหาแต่เรื่องเข้าบ้าน สร้างความวุ่นวายตลอด นางยังเด็ก เลยไม่ค่อยรู้กาลเทศะ หวังว่าท่านอ๋องคงไม่ถือสานางนะเพคะ”
“อ่อ อย่างนั้นเองหรอกเหรอ”
ยังเด็ก สร้างความวุ่นวาย ไม่รู้กาลเทศะ งั้นรึ หึ เฉิงอ๋องอดแสยะยิ้มไม่ได้ กับคำกล่าวพวกนี้ ช่างเถอะ เขาไม่มีเวลามาใส่ใจ
“ว่าแต่ท่านอ๋อง กับน้องสาม มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ”
“ข้าบังเอิญเจอนางระหว่างทางน่ะ เห็นนางได้รับบาดเจ็บ เลยช่วยพามาส่ง”
เขาตอบแบบรวบรัด
“คุณหนูรอง ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านลุง ข้าต้องขอตัวก่อน”
“เดือดร้อนท่านอ๋องแล้ว ข้าต้องขอโทษแทนน้องสาวข้าด้วยเพคะ หนิงเซียนทูลลาเพคะ”
ที่แท้เป็นเพราะนางซุ่มซ่ามนี่เอง ทำเรื่องน่าอายได้ไม่เว้นแต่ละวัน หึ นางไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะอีกไม่นาน ท่านจะหนีข้าไม่ได้อีกแล้ว แค่นี้ก็สร้างความไม่พอใจให้เขาไม่พึงใจฟางซินพอแล้ว นางคิดในใจ
“เตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
หนิงเซียนเอ่ยถามสาวใช้
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ คุณหนู รอแค่คุณหนูสั่งการเท่านั้นเจ้าค่ะ”
รุ่ยเอ๋อ สาวใช้ตอบ
“ดี อีกไม่กี่วัน ข้าคงต้องเปลี่ยนสถานะ เป็นพระชายาท่านอ๋องสักที”
“คุณหนูเจ้าคะ ท่าน… คิดดูอีกทีดีหรือไม่เจ้าคะ วิธีนี้ มันออกจะเสี่ยงมากเกินไปนะเจ้าคะ”
“เจ้าไม่ต้องพูดมาก เรื่องนี้ ข้าตัดสินใจเอง ของบางอย่าง มัวแต่รอ คงมิได้ครอบครอง”
นางตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหญิงงามอันดับ 1 ในใต้หล้า หรือสตรีที่น่าอิจฉาที่สุดในเมืองหลวง ล้วนต้องเป็นของนางทั้งสิ้น
ในที่สุดก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำอีกต่อไป ฟางซินบอกลาไม้ค้ำ หลังจากวันที่ 6 นางเริ่มเดินได้ตามปกติ แผลหายเกือบสนิทแล้ว ใกล้จะถึงวันงานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉิงแล้ว ที่จวนของสกุลลู่ก็ได้รับการเชื้อเชิญสำหรับงานเลี้ยงนี้เช่นกัน แม่ทัพลู่กำชับทุกคนในบ้าน ให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ทุกคน เพื่อเป็นเกียรติกับท่านอ๋องเฉิง เอาล่ะ ข้าก็คงต้องเตรียมของขวัญสักหน่อย อย่างน้อยก็แทนคำขอบคุณที่เขาเคยช่วยไว้ครั้งก่อน ที่หอการค้า ช่วงนี้ของทุกปีจะมีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างแคว้นต่างๆ คาดว่าคงมีสินค้าที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ลองไปสำรวจดูดีกว่า
วันนี้ฟางซินอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ เพราะนานแล้วที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าตลาดจะน่าเดินขนาดนี้นะเนี่ย สินค้าใหม่ๆ มากมายเริ่มออกมาวางขาย ข้างทางมีร้านขายร่มมากเป็นพิเศษ คงเพราะช่วงนี้ใกล้เข้าฤดูฝนแล้ว ร่มสีต่างๆ ทำจากวัสดุหลากหลายชนิด วางเรียงรายอย่างสวยงาม แต่วันนี้ฟางซินตั้งใจ ที่จะไปที่หอการค้า ที่นั่นคือจุดหมายที่มาของวันนี้ นางจึงไม่ได้แวะดูร้านค้าข้างทางมากนัก
หอการค้า ไท่สง
ข้างในหอการค้าแห่งนี้ เป็นทั้งแหล่งรวมสินค้าแปลกๆ มากมาย มาจากหลายๆ ที่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมูลสินค้า สำหรับพ่อค้า นายทุนที่มีความชอบ สะสมสินค้าแปลกๆ หายาก และยังเป็นสมาคมพ่อค้า และดูแลในส่วนของการค้าย่านเมืองหลวงทั้งหมด เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบในการค้าขายในเมืองหลวง
“ว่าแล้วว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังจริงๆ”
สินค้าแปลกตามากมาย วางเรียงรายกันอยู่ ราคาย่อมเยาหน่อยก็จะวางกับโต๊ะ และมีผู้ขายดูแล สินค้าที่แพงหน่อยจะจัดวางอยู่ชั้น 2 และ 3 ของหอการค้า ชั้น 4 คือชั้นประมูลสินค้าแปลกใหม่ ซึ่งจะมีการจัดประมูลขึ้นทุกๆ วันที่ 1 ,10 และ 20 ของทุกๆ เดือน ซึ่ง ไม่ใช่วันนี้
ฟางซินจึงทำได้เพียงมองหาสินค้าแปลกๆ แค่นี้ก็คงใช้เวลาเกือบทั้งวันแล้วกระมัง ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง เครื่องเรือนไม้ ผ้าไหมทอมือ มังกรไม้สลัก สิงโตหินอ่อน ไม่ไหวเลย นี่มันสินค้าทั่วไป
ว๊าววว สิงโตหยกคาบแก้วตัวนี้ น่าสนใจ
“ข้าชอบสิงโตหยกตัวนี้”
“สวัสดีขอรับคุณหนู สิงโตหยกขาวคาบแก้วตัวนี้ทำจากหยกน้ำงามขอรับ แก้วที่คาบอยู่ก็เจียระไนด้วยมือ ยามที่แก้วได้รับแสงจันทร์ แก้วก็จะเปลี่ยนสีขอรับ สีก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและอากาศ หยกนี้เป็นหินลาวาจากภูเขาไฟ ทับถมกันมาเกิน 200 ปีขอรับ ถึงจะได้เจอหยกขาวน้ำดีแบบนี้ซักก้อนหนึ่ง อ้อ แล้วก็สิงโตหยกขาวคาบแก้วตัวนี้มาคู่กับหยกคู่นี้ขอรับ ซึ่งทำมาจากหยกก้อนเดียวกัน ผู้ทำ ทำขึ้นมาเพื่อให้อยู่คู่กันกับสิงโตตัวนี้ขอรับ ยามร้อนทำให้เย็น ยามหนาวทำให้อุ่น ถือเป็นของมงคลอย่างยิ่งขอรับ”
น่าสนใจ สิงโตตัวนี้ ขนาดกำลังดี เหมาะกับวางบนโต๊ะหนังสือ
“ข้าเอาสิงโตตัวนี้แหละ ข้าไปจ่ายเงินก่อน ท่านช่วยห่อ และส่งไปยังจวนสกุลลู่ทีนะ ชุนเอ๋อ เจ้าช่วยดูความเรียบร้อยด้วย”
ฟางซินสั่งสาวใช้เสร็จก็เดินไปที่โต๊ะจ่ายเงิน
เสียเวลาไปมากกับการเดินอยู่ในหอการค้านี้ เกือบจะเย็นแล้ว คงต้องรีบกลับจวนก่อน อีก 3 วันจะถึงงานเลี้ยงแล้ว ข้าคงต้องเตรียมตัว ออ แวะร้านสมุนไพรก่อน ข้าสั่งสมุนไพรหายากไว้เพื่อไปมอบให้ท่านหมอตู้ เพื่อขอบคุณที่ครั้งก่อนช่วยข้าไว้
3 วันถัดมา : งานเลี้ยงจวนอ๋องเฉิง
"แม่ทัพลู่มาถึงแล้ว"
เสียงทหารหน้าประตู ประกาศแจ้ง ทั้งหมดเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ไม่นาน ท่านอ๋องเฉิงก็เดินมาต้อนรับด้วยตนเอง
“คารวะท่านแม่ทัพลู่และฮูหยินทั้ง 2 ขอรับ”
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง