เป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายกับงานประเพณีมากมายยังกับบ้านเมืองยังอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ทั้งที่เข้าสู่รัชสมัยรัตนโกสินทรศก ๑๓๑ แล้ว ความศิวิไลซ์แผ่อิทธิพลจนเข้าสู่สังคมเมือง วัฒนธรรมโบราณหลายอย่างค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา
คุณหลวงจันเกิดระอาใจถึงขั้นว่าอยากจำแลงกายเป็นกุมภิลคาบเจ้าสาวคนงามลงถ้ำบาดาลไปเสียให้สิ้นเรื่อง หากไม่เป็นเพราะลืมตาตื่นมาสบตาใสแป๋วในอ้อมแขนเปียกปอนที่หยาดน้ำตาแห้งเหือดไปเพราะการเอาใจจากผัวทำให้อารมณ์ดีขึ้น หล่อนตกใจลุกจากอ้อมกอดของเขาไปแต่งตัวด้วยชุดกี่เพ้าสีแดงสดอย่างเคอะเขิน พอเผลอตัวเผลอใจไปกับการกอดจูบประสาหนุ่มสาว ซึ่งกินเวลาเนิ่นนานนับชั่วโมงจนปากระบมเสียหมดกว่าจะได้นอนเอาแรง
เรือนผมยาวสลวยถูกเกล้าไว้กลางศีรษะ ปักด้วยปิ่นปักผมจีน ขับใบหน้าหวานเกลี้ยงเกลาในเครื่องสำอางอ่อน ผิวขาวละเอียดบริเวณต้นคอเพรียวระหง ดวงตาเรียวรีทว่าสว่างใสราวลูกแก้วไม่ใช่สาวตาเล็กตี่อย่างอาหมวยทั่วไปดูอย่างไรก็งามอล่องฉ่อง[1] ไม่ว่าหล่อนจะทำกระไร คุณหลวงจันยังเอาแต่ลอบมอง ลุกไปอาบน้ำทีหลังค่อยหยิบเสื้อคอจีนสีเดียวกันมาสวมแล้วลงไปต้อนรับแขก ทั้งเพื่อนบ่าวสาวและญาติพี่น้องผู้มาร่วมงานบุญอีกรอบในช่วงพระฉันเพลสาย รวมถึงคุณนายศรีสมรที่ค่อนข้างจู้จี้จุกจิกจัดการคุมงานเรื่องอาหารในครัว ยังออกมาช่วยกำกับงานด้านหน้าบ้านพอถวายภัตตาหารเสร็จ
“อย่าได้ลืมเทียวนะแม่อ่วม อาหารใส่บาตรช่วงนี้ห้ามไม่ให้มีต้มยำ ผัดเผ็ด แกงร้อน ให้มีกับข้าวเช่นถั่วงอก ชีวิตคู่จะได้เจริญงอกงาม ขนมจีนเป็นเส้นยาว อายุยืนนานยืดยาว ให้คู่บ่าวสาวรักกันนาน ๆ”
“มีกระบองเพชรด้วยดีหรือไม่คะ? บ่าวสาวจะได้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองเพชรยังไงคะคุณผู้หญิง”
“กระบองเพชร! อุ๊ยตาย เอากระไรคิด มันจะไม่ขมปากพระท่านรึ!?”
บ่าวหลายคนบนเสื่อได้หัวเราะเยาะความคิดพิสดารของแม่อ่วม ก่อนที่เจ้าสาวจะขอปลีกตัวไปด้านนอก มารดาก็ยังเดินตามมากำชับบุตรสาว มาถึงบริเวณหน้าห้องรับแขกเป็นทางโถงเดินยาว แก้วตารู้สึกว่ามือหล่อนแทบช้ำพอ ๆ กับปากเพราะเจ้าบ่าวจับเอา ๆ แทบไม่วางทัพพีมาตั้งแต่เช้าแล้วยังทำขยิบตาเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้วางใจ
“เวลาตักบาตรทำบุญให้นำข้าวระคนลงในขัน ข้าวของเจ้าสาวใส่ลงในฝาบาตร แลตักใส่บาตรคุณพระท่าน อย่าได้จับด้านบน เป็นหญิงจะถือเคล็ดให้ผัวกลัวเกรงตน จะไม่งาม ให้จับทัพพีไว้ด้วยกันจะได้รักกันนาน ๆ”
“นี่แน่ะ อาม้า... ไม่ใช่ว่าเป่ามนตร์พ่นคาถาโอม... ผัวรักผัวหลงเชื่อฟังยำเกรงไปทุกสิ่งเลยหรือจ๊ะ? ลูกว่าดีน่ะ อาม้าทำออกจะบ่อยไป”
“ปากสว่างจริงนะแก!” ในเสียงกระซิบว่า คุณนายเกือบจะหยิกต้นแขนบุตรสาวให้เขียวสักที แต่เพราะโดนหลังมือหนาเข้าแทน เมื่อคุณหลวงจันเลื่อนมือโอบคนตัวเล็กกระชับไว้ข้างกาย
“เรื่องเท่านี้ทำกระไรฉันไม่ได้ดอก จะตักจะเทก็ตามสะดวก นานทีปีหนฉันจะทำบุญสักครั้ง ฉันไม่ถนัดงานบุญเท่าใด” พลันชายตามองดุ เมื่อช่วงเช้านี้เผอิญได้ยินเสียงเอ็ดตะโรจากทางข้างหลังบ้าน จึงถือเอาโอกาสพูดขึ้นเสียเลย “ยกลูกสาวให้ฉันแล้ว จะพ่อแม่หรือใคร ฉันไม่ใคร่พอใจหากมาหยิกตีเมียฉัน ฉันอนุญาตให้เพียงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น แต่นั่นควรเป็นหน้าที่ผัวอยู่ดี”
“แต่ฉันเป็นแม่มัน...”
“ฉันก็ซื้อเมียมาด้วยสินสอดตามธรรมเนียมประเพณี มากโข... หม้ายขันหมากรึไม่มีทางได้ราคาเท่านี้ กี่หลายหมื่นบาท เวลานี้หล่อนเป็นของฉัน”
“พ่อเจ้าประคุณ! เพิ่งตบแต่งได้ไม่กี่วันเท่านี้เอง เออดีนะ ผัวรักผัวหลงเจริญ ๆ คล้งเคล็ดกระไรก็ไม่ต้องถือกันละ ตามสะดวกใจเถอะ”
แม่เฒ่ามากเรื่องทำเสียงแหลมเล็กแสนแสบแก้วหูประชดประชัน ก่อนสะบัดหน้าพรืดเดินกร่อม ๆ ไป จากนั้นคุณหลวงจันที่ว่าดีนักหนาก็เข้าหน้าใครไม่ติดสักคน ตะขิดตะขวงไปเสียรอบข้างด้วยความรำคาญใจอยากอยู่ตามลำพังกับเมียเต็มทน ทว่าอย่างน้อย ๆ ตอนถึงเวลาเลิกงานมงคล แขกเหรื่อทยอยกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เขายังใจดีให้พ่อแม่ลูกได้บอกลากันหน้าบ้านสักประเดี๋ยวหนึ่ง
ขณะเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากหนาฉีกยิ้มกว้างหวานจนเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ ไม่มีใครทันสังเกต เว้นเสียแต่คุณพระในชุดสูทฝรั่งเป็นทางการ ถือถาดอาหารกลางวันเข้าห้องมาวางบนโต๊ะไม้สักสลักมุกกลางห้องรับแขก
“เอ้อ... เก็บเขี้ยวด้วยขอรับท่าน... เขี้ยวอ้ายเข้โผล่แพลมแหนะ”
“อ้าว... อย่างนั้นรึ? ขอบใจคุณพระ” พูดพลางยกขาขึ้นไขว่ห้างถือไม้ตะพด เขี้ยวคมตรงมุมปากกลับมาสั้นเสมอฟันซี่อื่นบนใบหน้าหล่อเหลา เช่นบุรุษรูปงามมีเขี้ยวปรกติไม่ใช่อมนุษย์
“ยกขันหมากทองหมั้นไปก็แล้ว เฒ่าแก่ทาบทาม จัดเรือนหอ ตักบาตรเลี้ยงพระ ไหว้ผีไหว้เจ๊กไหว้บรรพบุรุษเจ๊ก ปูที่นอน ส่งตัวเจ้าสาวแล้วอะไรอีก? น่าเวียนหัว... ยังจะมีธุรกงการกระไรกันอีกไหม?”
คุณพระถอนหายใจฮึดฮัด “อีกนิดหนึ่งนะขอรับ คู่บ่าวสาวจะได้รักกันยืนนาน เป็นเคล็ดเป็นสิริมงคลตามธรรมเนียมประเพณี กระผมว่าบ้านเราก็ดี มีระเบียบแบบแผน แค่สามสี่วันเท่านั้นแหละขอรับที่จะยุ่งวุ่นวาย”
“แต่ฉันหน่ายกับงานเยอะแยะมากมายเต็มทน...”
“นับว่าดีถมถืดนะขอรับ บางบ้านเจ้าบ่าวต้องนอนเฝ้าเรือหอเสียก่อนจะได้เมีย เป็นอาทิตย์ ๆ”
“เป็นอาทิตย์เลยรึ!?” แค่คิดว่าจะต้องนอนลำพังเป็นอาทิตย์ทั้งที่ยกขันหมากไปแล้วนั่น ใบหน้าหล่อเหลาตะลึงงันอยู่พักใหญ่ ผลัดกันบ่นกับคุณพระ
“ตบแต่งแล้วให้ผัวเมียได้อยู่กันเสียทีไม่ได้รึยังไง? เมื่อไรบ้านฉันจะเงียบสงบ พอเสียทีเถอะ ขอลาที”
“หื่นกาม... ภาพพจน์ของคุณหลวงคงเป็นเช่นนั้นขอรับ”
“ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะดัง พลันเคาะไม้ตะพดลงบนพื้นทีหนึ่ง เมื่อคุณหลวงหนุ่มรวบรวบสติกลับมาได้ นัยน์ตาสีดำสนิทกลายเป็นสีแดง ด้วยพลังอำนาจของกุมภิลที่อำพรางตน คุณหลวงหนุ่มเพียงทอดสายตามองไปข้างหน้าลมฟ้าอากาศ แต่สื่อสารกับบ่าวทางจิต
‘ที่ให้ไปสืบความมา ได้เรื่องว่ายังไง?’
‘เจ้าบ่าวเสียชีวิตวันยกขันหมากพอดี ไม่ทันจะได้ตบแต่ง กระผมไม่แน่ใจว่าถูกยาสั่งหรือไม่ กระผมได้ยินมาว่าท่านขุนชมเป็นคนใหญ่คนโต มีปัญหาทางการเมืองกับนายพลชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งขอรับ’
‘หล่อนรู้เห็นด้วยหรือไม่ล่ะ?’
‘ไม่ทราบขอรับ’
‘ไป... จัดการให้ทีหน้ะคุณพระ’
“ขอรับกระผม” ในน้ำเสียงเข้มเครียดตอบ คุณพระลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป สวนกับหญิงสาวที่เข้าบ้านมาด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอหลังบอกลาบิดา แต่จู่ ๆ นั้นหล่อนกลับมีสีหน้าสงสัยคลางแคลงใจ มองสองหนุ่มสลับกันไปจนสบเข้ากับรอยยิ้มใจดีของเจ้าของบ้าน
“มาสิหล่อน ฉันจะพาไปดูบ้านเสียหน่อย...”
-------------
[1] อล่องฉ่อง [อะ-หล่อง-] ว. งามเด่นน่าชม
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ