บทที่ 2
“แต่พวกพี่เป็นหนักกว่านี้เพราะเมียหนี เมียเชิดใส่ น่ะสิ เลยไม่เข้าใจว่าการที่เมียเต็มใจจะแต่งงานงานด้วยเป็นแบบไหน อย่างว่าล่ะนะ เสน่ห์ของคนเรามันต่างกัน ผมน่ะแต่งงานกันด้วยความรักที่เปิดเผยจริงใจไม่ขี้เก๊ก ไม่เหมือนพี่ๆ หรอก ท่ามากเรื่องเยอะจนเมียพากันหอบลูกหนีเดือนร้อนงอนง้อกันอุตลุด”
“ไอ้โดม พูดแบบนี้หาเรื่องนี่หว่า ไอ้นี่มันปีนเกลียวพี่ แบบนี้ต้องโดนนน...” ว่าแล้วสามพี่น้องแห่งดีแลนด์ที่ความหล่อเหลาแข็งแกร่งไม่เป็นรองกันก็พากันวิ่งไล่จับเหมือนเด็กชายวัยเก้าขวบสิบขวบมากกว่าชายหนุ่มที่อายุอานามก็ต่างเลยเลขสามกันมาแล้วหลายปีทั้งนั้น...
“ดูเอาเถอะ เล่นกันเป็นเด็กๆ” ยอดรัก ภรรยาของอัคราซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกได้แปดเดือนแล้วกล่าวยิ้มๆ กับบารนีภรรยาของอัคนีซึ่งจูงลูกน้อยคนที่สอง น้องนาเดีย หรือ หนูเดีย วัยสามขวบออกมาเยี่ยมหน้ามองบรรดาสามีที่รัก
“ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ พวกไม่รู้จักโต” สองสาวหัวเราะให้กัน หนูน้อยนาเดียนึกสนุกที่เห็นคุณพ่อ คุณลุงและคุณอาเล่นสนุกกันอยู่บนสนามหญ้าก็สะบัดมือเล็กๆ ออกจากอุ้งมือคุณแม่คนสวยแล้ววิ่งตื๋อไปร่วมวงด้วย นี่ถ้าหาก พี่บูม พี่ชายของเธออยู่ก็คงจะสนุกไม่น้อย หนูน้อยคิดพลางหัวเราะวิ่งตึงๆ เข้าไปหาคุณพ่อเดียวของตน...
“คุงพ่อเดียวขา หนูเดียเล่นด้วย...” แล้วในสนามหญ้าก็มีเด็กสี่คนวิ่งเล่นกันวุ่นวายทั้งบ้านหลังใหญ่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ...
ทางด้านชลิตาเมื่อรับชุดเจ้าสาวและแยกกับบารนีซึ่งกลับไปถึงบ้านนานแล้วเธอก็แวะทำธุระส่วนตัวของตนที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านด้วยความสุข หญิงสาวรับสายคนรักเมื่อเห็นว่าอัครวัฒน์โทร. มา
“ค่า.. ว่าที่สามีสุดหล่อ มีอะไรคะ”
“หนูเล็กอยู่ไหนแล้วทำไมยังไม่ถึงบ้านครับ นี่น้องบีก็มาถึงบ้านตั้งนานแล้วนะ ทำไมที่รักยังไม่เข้าบ้านครับ”
“หนูเล็กทำสปาอยู่ค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงค่ะ แหม ใกล้ๆ บ้านแค่นี้เอง ขอหนูเล็กทำสวยก่อนสิคะ”
“แต่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะครับหนูเล็กห้างจะปิดแล้ว รู้ไหมพี่เป็นห่วง เอาเป็นว่าพี่จะไปหาที่ร้าน โอเคไหม...” ชายหนุ่มถามอย่างรู้สึกกังวลชนิดที่ว่าไม่เคยเป็นมาก่อน...
“ไม่ต้องๆ ค่ะ หนูเล็กเสร็จแล้ว อีกนิดเดียว พี่โดมน่ะทำอย่างกับหนูเล็กเป็นเด็กๆ หนูเล็กรู้ค่ะว่าเป็นห่วง เดี๋ยวจะรีบกลับนะคะ ถึงบ้านแล้วหนูเล็กจะโทร. หานะคะที่รัก...” หญิงสาวรีบบอกเขายิ้มๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็กำลังจะเดินไปที่รถยนต์ของตนแต่อยากจะแกล้งให้เขาเป็นห่วงเล่นๆ เท่านั้น
“นี่แกล้งพี่ใช่ไหมครับ”
“เปล่าเสียหน่อยค่ะ หนูเล็กน่ะมาถึงรถแล้ว แค่นี้นะคะ หนูเล็กกำลังจะขับรถค่ะ...” หญิงสาวบอกคนรักพลางวางสายแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถยนต์ แต่วินาทีที่เธอกำลังจะปิดประตูรถยนต์นั้นเองก็มีมือปริศนานำผ้าสีขาวที่มีกลิ่นฉุนโป๊ะมาที่จมูกของเธออย่างรวดเร็ว ไม่ช้าทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายของเธอก็เริ่มดำมืดลงทีละน้อยๆ
... นี่เธอกำลังโดนลักพาตัวใช่ไหม... หญิงสาวถามตัวเองในขณะที่สติที่มีอยู่น้อยนิดกำลังจะดับหายไป พี่โดมขา ช่วยหนูเล็กด้วย...
อัครวัฒน์ผุดลุกผุดนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้างเมื่อมองดูเวลาแล้วชลิตาก็ไม่โทร. กลับมาเสียที ซึ่งปกติแล้วพวกเขาจะต้องโทรศัพท์คุยกันก่อนนอนและชลิตาก็บอกเขาว่ากำลังจะกลับบ้าน ซึ่งหากว่าเธอทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ บ้านของเธอนั้นจะใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้นชลิตาก็จะถึงบ้านแล้ว แต่นี่ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วเธอก็ยังไม่โทร. กลับมา อีกทั้งเมื่อเขาโทร. ไปโทรศัพท์ของชลิตาก็เป็นบริการฝากหมายเลขโทร. กลับเมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามคุณลุงคุณป้าของเธอก็พบว่าชลิตาก็ยังมาไม่ถึงบ้านยิ่งทำให้เขากังวล...
“แดนนี่ ดาเนียล เข้ามาหาฉันที่ห้องด่วน...” ชายหนุ่มโทรศัพท์เรียกบอดีการ์ดคนสนิททั้งสองของตนมาพบทันทีเมื่อเรื่องราวส่อเค้าว่าไม่ดี
“ครับคุณโดม...” ไม่ถึงสามนาที ทั้งแดนนี่และดาเนียล สองบอดีการ์ดหนุ่มหน้าตายก็มาอยู่ตรงหน้าเขา
“แดนนี่นายไปตามดูสิว่าคุณหนูเล็กอยู่ที่ห้างรึเปล่า ส่วนดาเนียลไปสืบหาว่าตอนนี้คุณหนูเล็กไปที่ไหนกับใครต่อ ทำไมถึงยังไม่ถึงบ้านและฉันต้องรู้ทุกอย่างภายในสามสิบนาทีนี้... และคำตอบต้องเป็นคำตอบน่าฟังด้วย...” สิ้นคำสั่งทั้งสองหนุ่มก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
อัครวัฒน์ขบกรามแน่นเมื่อความรู้สึกของเขามันแปร่งปร่าไปจนอึดอัด เขาไม่ได้ระแวงว่าชลิตาจะแอบไปพบใครนอกจากเขา แต่เขาเป็นห่วงเธอเสียมากกว่า... มีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่ามันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับชลิตา ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มพรายอย่างเริงรื่นอยู่เสมอนั้นเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีพลางหยิบโทรศัพท์เพื่อโทร. สอบถามบารนีผู้เป็นพี่สะใภ้ของตนอีกครั้งและเพื่อนคนอื่นๆ ของชลิตาเพื่อสอบถามว่าเธออยู่กับเพื่อนคนไหนหรือไม่อย่างไร...
บทที่ 61. อวสาน “ไม่อยากนอนค่ะอยากทำอย่างอื่น..” มนตราบอกสามีเสียงพร่าเล็กน้อยแล้วเผยอกายขึ้นผลักเขานอนลงแทนที่ตนก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกของเขาอย่างที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่อัครวัฒน์ถึงกับครางเสียงดังเลยทีเดียว..“โอ้ว มนจ๋ามนที่รัก... ดีเหลือเกินเมียจ๋า...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าเร่าร้อน กายแกร่งปวดหนึบไปด้วยความต้องการอยากจะโจนจ้วงเข้าสู่โพรงร่างสาว อัครวัฒน์ร้อนจนไม่อาจจะรีรอให้หล่อนเล่นเกมเหนือเขาได้ ชายหนุ่มผลักร่างเล็กลงนอนแทนที่ตนเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก มนตราหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจเมื่อเห็นแววตาและความพรั่งพร้อมของสามี อัครวัฒน์ก้มลงไปยังกึ่งกายสาวแล้วแตะแต้มริมฝีปากเลียไล้ไปทั้งกลีบกายสาวสดฉ่ำชุ่มชื้น...“อ๊า โอ้ววว... พี่โดมขา...” มนตราครางกระเส่าแล้วแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาปากร้ายของเขาเร่าๆ ด้วยความเสียว ก่อนที่สะโพกมนจะเกร็งค้างกับปากและลิ้นของเขาเมื่อพุ่งทะยานไปสู่ความสุขสมอัครวัฒน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจับร่างเล็กให้ก้มก้งโค้งในท่าคลา
บทที่ 60. มนตรามองสามีที่กำลังจูงมือลูกๆ มาหาตนในสวนผักปลอดสารพิษที่เธอกับลูกสาวฝาแฝดทั้งสองช่วยกันปลูก น้องมิ่งแก้ว กับ น้องมิ่งขวัญ ชอบกินผักซึ่งเธอพอใจมากที่เด็กๆ ชอบกินผัก ตอนนี้เด็กหญิงทั้งสองสี่ขวบแล้ว“คุณแม่ขา.. พวกเรามาแย้วววว..” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาผู้เป็นแม่จนผมเปียปลิวไสว มนตรากางแขนรอรับลูกสาวทั้งสองแล้วหอมแก้มแดงๆ ของสองสาวจอมซนหนักๆ อย่างรักใคร่และมันเขี้ยว“เหงื่อท่วมมาเชียวไปเล่นอะไรกันมาคะเนี่ย”“วิ่งจับผีเสื้อค่า แต่จับไม่ได้สักตัว” เด็กหญิงมิ่งขวัญตอบเจื้อยแจ้ว“ผีเสื้อบินเร็วๆๆ แบบนี้ค่า” เด็กหญิงมิ่งแก้วทำท่าบินๆ ให้ผู้เป็นแม่ดู“ผีเสื้อบินน่ารักจัง”“ช่ายค่า น่ารักเหมือนแก้วเหมือนขวัญ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วกอดคอกันยิ้มแฉ่งให้บิดามารดาของตน“เซี้ยวจริงๆ เลยลูกพ่อ” อัครวัฒน์เดิน
บทที่ 59.“เมื่อคืนมนฝันถึงคุณชลิตาด้วยค่ะ” มนตราบอกสามีซึ่งซบหน้าหอบกระเส่าอยู่กับอกอวบใหญ่ของตนหลังจากที่เพลงรักเร่าร้อนที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่จบลง...แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักที่พวกเขามีให้กันก็ยังคงฉ่ำหวานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้ลูกๆ ไม่อยู่ขัดความสำราญพวกเขาก็ยิ่งรักกันเหนียวแน่นมากขึ้น เพราะน้องมิ่งแก้วกับน้องมิ่งขวัญในวัยสองขวบนั้นไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของคุณลุงเด่นคุณป้ายอดรักกับคุณปู่คุณย่าที่ยังคงแข็งแรงสดใส ซึ่งยินดีจะเลี้ยงดูหลานๆ เพื่อให้โอกาสลูกชายลูกสะใภ้คนดีได้อยู่ด้วยกันลำพังบ้างมนตรากับอัครวัฒน์นั้นต่างช่วยกันเลี้ยงดูลูกๆ ฝาแฝดทั้งสองด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนพวกเขาก็จะยกกันไปทั้งครอบครัว มาดคุณโดมแฟมิลี่แมนจึงเป็นที่กล่าวขวัญและมนตราก็เป็นหญิงสาวที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาในความโชคดีของเธอที่ได้สามีที่ดีแสนน่ารักอย่างคุณโดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ คนนี้...“จริงเหรอ เหมือนพี่เลย พี่ก็ฝันว่าหนูเล็กมาเยี่ยม เธอดูมีความสุขมากทั้งที่พี่ไม่ได้ฝันถึงเธอมานานมากตั้งแต่เราแต่งงานกัน...”
บทที่58.“แล้วแก้แค้นเธอสำเร็จไหมคะ...” มนตราถามล้อๆ พลางยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์...“ก็ไม่รู้สินะ รู้แต่ว่ามันทำให้พี่ได้ทั้งเมียและลูกมาพร้อมๆ กัน...”อัครวัฒน์ยิ้มกว้างพอๆ กับเธอที่ยิ้มไม่หุบ รอยยิ้มสดใสของมนตราดังมีมนต์ขลังที่ทำให้เขาถอนสายตาจากใบหน้านวลไม่ได้เลย ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหลจนมนตรารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับแววตาที่เริ่มจะพราวพรายของเขา“เราทานข้าวกันดีกว่าค่ะ มนอยากจะไปเดินเล่นในไร่...” หญิงสาวตัดบทและหาทางเอาตัวรอดจากเปลวเสน่หาของเขาไปก่อนในเช้านี้อัครวัฒน์รู้ทันความคิดเธอจึงคีบจมูกเล็กๆ นั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วนั่งลงเคียงข้างกัน... หนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันและคุยกันด้วยความรักและเข้าใจ ความบาดหมางความแค้นเคืองขึ้งโกรธมลายหายไปจากใจของพวกเขาจนหมดสิ้นมีเพียงความรักอ่อนหวาน ที่โอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยรักแท้ที่ต่างอภัยให้กันและกัน...หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้วอัครวัฒน์ก็จดทะเบียนกับมนตราไว้ก่อนแล้วจัดงานแต่งงานใ
บทที่57.พระมิ่งเมืองกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนุ่มเต็มไปด้วยเมตตาธรรมซึ่งมนตราสัมผัสได้ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอ่อล้นออกจากดวงตางามช้าๆ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือคนคนเดียวกันที่เคยทำร้ายเธออย่างเลือดเย็นมาก่อน...“ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่หรอกนะโยมน้องมน... อะไรที่ดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ควรจะคว้าไว้ โดยเฉพาะความสุขเพราะมันอาจจะอยู่กับเราไม่นาน หรือ เราอาจจะไม่ได้อยู่จนพบเจอมัน หากให้มิจฉาทิฐิบดบังจิตใจ... หลวงพี่จะบอกกล่าวเพียงเท่านี้...” มนตรารู้สึกเหมือนมีใครเขี่ยผงเล็กๆ ออกจากตาทั้งที่รู้แต่เธอกลับเขี่ยมันออกเองไม่ได้“ไหนแบมือมาสิโยมน้องมน...” หญิงสาวยื่นมือออกไปตามที่หลวงพี่บอก แล้วพระมิ่งเมืองก็วางของสิ่งหนึ่งลงบนมือของเธอด้วยการปล่อยให้มันตกลงมาเบาๆ มนตรามองของตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ฝากไปให้โยมโดมด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากหลวงพี่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน... เจริญพร...”“สาธุค่ะหลวงพี่...” มนตราสาธุการด้วยความซาบซึ้งมองตามหลังพระมิ่งเมืองไปด้วยดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยควา
บทที่ 56.“หากไม่ยุ่งกับเมียจะไปยุ่งกับใครล่ะครับ ไม่เอาไม่ทะเลาะกันนะ เดี๋ยวลูกเราจะหน้ายุ่ง...”“เมื่อไหร่คุณจะกลับไปคะ”“ทำไมน้องมนพูดแบบนี้ล่ะครับ เมียอยู่ที่ไหนผัวก็ต้องอยู่ที่นั่นสิครับ”“ฉันจำได้ว่าไม่เคยแต่งงานกับคุณนะคะ และเราก็ไม่ได้มีสถานะอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว แม้แต่แฟน หรือคนรัก เราก็ไม่เคยใช้มันร่วมกันมาก่อน...” คำพูดของเธอทำให้อัครวัฒน์สะอึกถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว...“พี่...”“พอเถอะค่ะ หากคุณจะทำทุกอย่างให้ฉันเพื่อไถ่โทษ หรือเพราะรู้สึกผิดที่หลอกใช้ฉันเพื่อนแก้แค้น เราจบสิ้นกันไปแล้ว ฉันยกโทษให้คุณ เราเป็นอิสระต่อกัน... ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ถือว่าเราให้โอกาสกันและกัน ให้อิสระกันและกัน ฉันอาจจะได้เจอผู้ชายสักคนที่รักฉันจริงและพร้อมจะดูแลฉันกับลูก คุณเองก็อาจจะเจอผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณทุกๆ ด้าน ผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกสาวพ่อบ้านกระจอกๆ อย่างฉัน...”มนตราตัดสินใจพูดออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองมีหวังอะไรลมๆ แล้ง