เธอคือน้องสาวของคนที่ลักพาตัวคนรักของเขาไปให้ศัตรูทำลายจนคนรักของเขาต้องฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องศักดิ์ศักดิ์ศรีของตนเอง และเธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อันเร่าร้อนจากเขา... แต่เธอก็คือแม่มดที่มีมนตราร้ายกาจ ที่ร่ายมนต์เสน่หาให้เขาหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาจะต้องเกลียดเธอ เขาจะต้องไม่รักเธอ...แต่เขาจะต้านทานมนต์เสน่ห์ของเธอได้อย่างไร ในเมื่อเขารักเธอไปแล้วทั้งหัวใจ
View More
ร่างเล็กทว่าอวบอิ่มได้สัดส่วนส่ายพลิ้วอยู่ใต้ร่างแกร่งซึ่งเปลือยเปล่าไม่แพ้กันด้วยความเสียวซ่านรัญจวนจากฤทธิ์ลิ้นร้ายของชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หนูเล็ก หรือ ชลิตา หลับตาพริ้มบิดกายเปลือยเปล่าหลบสายตาคมอย่างเอียงอายเมื่อเขาละลิ้นร้อนจากยอดอกสีหวานมามองใบหน้าแดงก่ำของเธอด้วยประกายตาพราวพรายของเขา ก่อนจะวกลงไปไล้เลียลิ้นร้อนตามผิวกายขาวละเอียดอ่อนของเธอจนถึงกึ่งกลางกายสาวก่อนจะละเลิงลิ้นร้อนลงบนกลีบดอกไม้สดฉ่ำที่มีเขาเพียงคนเดียวที่ดื่มกินหยาดน้ำหวานหอมละมุนลิ้นนี้แต่เพียงผู้เดียว ...
พี่โดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ หรือ คุณโดมแห่งดีแลนด์แอร์ไลน์ หนุ่มหล่อไฮโซวัยสามสิบเอ็ดเจ้าของสายการบินกระดับโลกผู้โด่งดังด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือทั้งยังร่ำรวยมหาศาล เขาเพียบพร้อมและเป็นที่หมายปองของสาวๆ ครึ่งค่อนโลก แต่หญิงสาวผู้โชคดีกลับเป็นเธอและตอนนี้เขาก็ทำให้เธอต้องทรมานเพราะเพลิงเสน่หาจากปลายลิ้นร้อนของเขาจนร่างสาวแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่สุดท้ายเธอก็เหาะเหินไปบนอากาศร้อนระอุแต่ก็หนาวสะท้านละลิ่วลอยไปยังดินแดนงดงามของเกมสวาทที่เขาเป็นผู้ปรนเปรอจนเธอสุขสมทุกครั้งคราไป...
“พี่โดมพอแล้วค่ะ หนูเล็กไม่ให้พี่โดมจูบอีกแล้วนะคะจนกว่าเราจะแต่งงานกัน...”
ชลิตายกมือป้องปิดอกอวบจากสายตาร้อนแรงแล้วพลิกกายหนีมือร้อนผ่าวของเขาที่ทำท่าว่าจะรุกไล่โลมเล้าเธอให้หลงเตลิดไปกับจุมพิตของเขาอีกครั้ง หญิงสาวเง้างอดรีบคว้าหมอนใบใหญ่มาปกปิดร่างเปลือยเปล่าจากสายตาคม เมื่อชายหนุ่มดึงผ้าห่มโยนทิ้งไปข้างเตียงเหมือนกลั่นแกล้งเสียอย่างนั้น....
“โธ่... ก็พี่โดมคิดถึงหนูเล็กนี่นา... ไปทำงานตั้งหลายวันคิดถึงจะแย่แล้วจนแทบจะลงแดงแล้วครับที่รัก...”
“คนหื่น... พูดจาน่าเกลียด...” หญิงสาวกล่าวหน้าแดงแต่ก็อดเห็นใจเขาไม่ได้ช่วงนี้พี่โดมของเธอเดินทางไปมาระหว่างประเทศบ่อยๆ ทั้งที่ใกล้วันแต่งงานของเขากับเธอแล้ว แต่เธอก็เข้าใจว่ามันคืองาน อัครวัฒน์รีบเคลียร์งานทุกอย่างจนลงตัวเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ประตูวิวาห์อันหรูเริดอลังการกับเธอ แค่คิดชลิตาก็ภูมิใจแล้ว...
เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่โชคดีได้รับการอุปการะจากคุณลุงคุณป้าที่ร่ำรวยมีหน้ามีตาในสังคมและท่านทั้งสองก็ไม่มีลูกจึงขอเธอมาเลี้ยงเป็นลูกของท่านตั้งแต่แบเบาะ ดังนั้นเด็กบ้านนอกจนๆ ซึ่งมีพ่อแม่ที่หาเช้ากินค่ำที่ไม่อาจจะเลี้ยงดูเธอได้ดีจึงยกให้เธอเป็นลูกบุญธรรมของ คุณวิลสัน กับคุณพิสมัย ซึ่งนับได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกคนหนึ่ง
ชลิตาจึงมีชีวิตและอนาคตที่สดใสกว่าพี่น้องคนอื่นๆ อีกทั้งเธอเองก็รักดีมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยทำตัวเหลวไหลและไม่เคยทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังทั้งเรื่องผลการเรียน เรื่องความสามารถด้านกีฬาหรือการทำงาน ชลิตาจึงเป็นที่รักดังแก้วตาดวงใจของคุณวิลสันกับคุณพิสมัยรวมไปถึงทุกคนในครอบครัวของเธอ เพราะคุณพิสมัยซึ่งเป็นป้าของเธอนั้นไม่เคยลืมว่าตนเองนั้นก็เคยเป็นเพียงสาวชาวบ้านแสนธรรมดามาก่อน จึงไม่คิดทอดทิ้งญาติๆ ที่ยังคงมีอยู่ที่เป็นคนรักดีเอาการเอางานและไม่เคยปิดบังความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของท่าน ความรักดีของชลิตายังพลอยทำให้บรรดาพ่อแม่ที่แท้จริงกับพี่ๆ น้องๆ ของเธอสุขสบายไปด้วยซึ่งทุกคนก็มีอนาคตที่ดีและสดใสไม่ต่างกัน...
อัครวัฒน์กับชลิตาเจอกันบ่อยๆ เพราะต้องร่วมงานกันทั้งในส่วนของธุรกิจของคุณลุงคุณป้าของชลิตาและทั้งเรื่องส่วนตัวเพราะชลิตาเป็นเพื่อนสนิทของ บารนี ซึ่งเป็นภรรยาของ อัคนี พี่ชายคนรองของเขา แต่เขากับเธอก็ไม่ค่อยกินเส้นกันนักเพราะเขาต่างก็ชอบพูดจากวนโทสะกันและคอยแหย่เย้าชิงไหวชิงพริบกันอยู่เสมอ แต่นั่นก็เป็นเหมือนการผูกเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจนแยกไม่ออกและกว่าจะรู้ตัวว่ารักกันก็เกือบแย่...
แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงหมั้นหมายกันท่ามกลางความยินดีของทั้งสองตระกูลเมื่อกลางปีที่แล้วและจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แต่ว่าที่เจ้าบ่าวก็มักขโมยตัวว่าที่เจ้าสาวมาสอนงานซ้อมคิวเข้าหออยู่เรื่อยๆ จนเธอแทบขาดทุนป่นปี้แม้เธอจะยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ก็ตามที...
“ก็คนมันรัก คนมันคิดถึงนี่ครับใครจะอดใจไหว ว่าที่เจ้าสาวก็ทั้งขาว ทั้งอวบอิ่มน่ากอดน่า... ขนาดนี้...”
“กรี๊ด พี่โดมน่ะ คนบ้า...”
เขาเว้นวรรคอย่างมีเลศนัยก่อนจะลุกขึ้นทั้งกายเปลือยเปล่าไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมต่อหน้าเธอ หญิงสาวหน้าแดงก่ำจนอยากหาอะไรมาทุ่มหัวคนตัวโตนัก ท่าทางของเธอทำให้เขาหัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินมาใกล้ๆ แล้วก้มลงจุ๊บแก้มนวลแดงก่ำของว่าที่เจ้าสาวคนสวยแรงๆ อย่างมันเขี้ยว...
“เอาล่ะคนสวยหากไม่อยากโดนพี่โดมพาเข้าหอก่อนแต่งจริงๆ ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วครับ”
“พี่โดมสุดหล่อก็หยิบเสื้อคลุมให้หนูเล็กหน่อยสิคะ นะคะ...” หญิงสาวออดอ้อนเมื่อเสื้อคลุมมันอยู่เกินเอื้อม...
“พี่ว่าหนูเล็กจะขี้เกียจไปแล้วนะ เป็นผู้หญิงขี้เกียจไม่ดีนะ เดี๋ยวว่าที่สามีพาทำอย่างอื่นแทนน้า...”
ชายหนุ่มกล่าวล้อเธอทั้งที่รู้ว่าคนอย่างชลิตานั้นเป็นหญิงสาวยุคใหม่ที่ทำงานได้หลากหลายและเก่งเทียบเท่าผู้ชายคนหนึ่งเลยทีเดียวและเธอก็เป็นคนที่เคี่ยวกับทุกๆ งานอย่างน่าทึ่งแต่เธอก็ยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขารักและชื่นชมเธอ
“พี่โดมแกล้งหนูเล็กนี่คะ จะให้หนูเล็กเดินแก้ผ้าหน้าไม่อายเหมือนพี่โดมได้ยังไงกันล่ะ นะคะ นะพี่โดมคนดีพี่โดมสุดหล่อของหนูเล็ก...”
“โอเคๆ เห็นว่าชมกันหรอกนะพี่โดมจะหยิบเสื้อคลุมให้...”
ว่าแล้วอัครวัฒน์ก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมสีหวานของเธอมาให้แต่เขากลับยืนห่างจากเตียงกว้างตั้งเป็นวาและกางเสื้อคลุมไว้รอเธอให้เดินไปสวมใส่ต่อหน้าเขาเสียอย่างนั้น ชลิตาหน้างอเมื่อรู้ดีว่าเขาแกล้งเธออีกแล้ว...
“พี่โดม คนบ้า แกล้งหนูเล็กอีกแล้วนะ”
“เอาล่ะ พี่จะนับหนึ่งถึงสิบ หากหนูเล็กไม่มาสวมเสื้อคลุม นั่นแสดงว่าเต็มใจให้พี่พาเข้าหอก่อนแต่งจริงๆ”
“พี่โดม...”
“เอาล่ะ พี่โดมจะนับแล้วนะ... หนึ่ง สอง...”
“กรี๊ดดด คนบ้า พี่โดมคนทุเรศ...”
ปากก็ว่าเขาปาวๆ แต่สุดท้ายชลิตาก็วิ่งมาสอดแขนใส่เสื้อคลุมที่กางรอรับร่างเปลือยของตนอย่างรวดเร็วเพียงแค่เขานับถึงสามเท่านั้นแต่กระนั้นก็ไม่วายที่แก้มนุ่มจะถูกเขาฉกชิงความหอมไปอีกหนึ่งฟอด ส่วนเจ้าของแก้มก็ได้แต่หน้าแดงก่ำทั้งเขินทั้งโมโหคนชอบเอาเปรียบที่หัวเราะชอบใจกับท่าทางงอนๆ ของเธอ...
อัครวัฒน์หัวเราะชอบใจเมื่อคนตัวเล็กเดินกระแทกส้นเท้าเข้าห้องน้ำไปหลังจากหยิกเขาไปหนึ่งที ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์อ่อนโยนน่าหลงใหลซึ่งหากหญิงสาวคนใดมาเห็นใบหน้าและแววตาหวานเชื่อมราวจะกลืนกินสิ่งที่มองก็คงระทดระทวยอยู่แทบเท้าเขา แต่หัวใจของคุณโดมมีเพียงหนูเล็กคนนี้
หญิงสาวผู้โชคดีที่ได้ครอบครองหัวใจรักของเขาเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้รับฉายาว่าเป็นเพลย์บอย เป็นคาสโนว่า เป็นซาตานหน้าหยกที่ทำให้หญิงสาวแทบคลั่งตายเพราะเสน่ห์อันเหลือล้นของเขาอย่างไร ตอนนี้เขาละทิ้งมันไปสิ้นกับสิ่งที่เคยทำหรือเป็นมาเพื่อ ชลิตาเพียงคนเดียว...
อัครวัฒน์ยิ้มกับตนเอง ตอนนี้เขากำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนเช่นพี่ๆ ทั้งสอง ที่ต่างก็มีคนรักและแต่งงานมีครอบครัวและมีทายาทตัวน้อยๆ น่ารักน่าชังกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงตามหลังพี่ๆ อยู่ แต่เขาสัญญากับตนเองว่าเขาจะต้องตาม พี่เด่น กับ พี่เดียว ของเขาให้ทัน เขาจะมีลูกแฝดสามแค่นี้ก็สามารถจะแซงพี่ๆ ของเขาได้แล้ว และปีหน้าเขาจะมีลูกอีกหนึ่งหรือสองคน... ชายหนุ่มวางแผนครอบครัวของตนอย่างมีความสุข...
บทที่ 61. อวสาน “ไม่อยากนอนค่ะอยากทำอย่างอื่น..” มนตราบอกสามีเสียงพร่าเล็กน้อยแล้วเผยอกายขึ้นผลักเขานอนลงแทนที่ตนก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกของเขาอย่างที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่อัครวัฒน์ถึงกับครางเสียงดังเลยทีเดียว..“โอ้ว มนจ๋ามนที่รัก... ดีเหลือเกินเมียจ๋า...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าเร่าร้อน กายแกร่งปวดหนึบไปด้วยความต้องการอยากจะโจนจ้วงเข้าสู่โพรงร่างสาว อัครวัฒน์ร้อนจนไม่อาจจะรีรอให้หล่อนเล่นเกมเหนือเขาได้ ชายหนุ่มผลักร่างเล็กลงนอนแทนที่ตนเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก มนตราหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจเมื่อเห็นแววตาและความพรั่งพร้อมของสามี อัครวัฒน์ก้มลงไปยังกึ่งกายสาวแล้วแตะแต้มริมฝีปากเลียไล้ไปทั้งกลีบกายสาวสดฉ่ำชุ่มชื้น...“อ๊า โอ้ววว... พี่โดมขา...” มนตราครางกระเส่าแล้วแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาปากร้ายของเขาเร่าๆ ด้วยความเสียว ก่อนที่สะโพกมนจะเกร็งค้างกับปากและลิ้นของเขาเมื่อพุ่งทะยานไปสู่ความสุขสมอัครวัฒน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจับร่างเล็กให้ก้มก้งโค้งในท่าคลา
บทที่ 60. มนตรามองสามีที่กำลังจูงมือลูกๆ มาหาตนในสวนผักปลอดสารพิษที่เธอกับลูกสาวฝาแฝดทั้งสองช่วยกันปลูก น้องมิ่งแก้ว กับ น้องมิ่งขวัญ ชอบกินผักซึ่งเธอพอใจมากที่เด็กๆ ชอบกินผัก ตอนนี้เด็กหญิงทั้งสองสี่ขวบแล้ว“คุณแม่ขา.. พวกเรามาแย้วววว..” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาผู้เป็นแม่จนผมเปียปลิวไสว มนตรากางแขนรอรับลูกสาวทั้งสองแล้วหอมแก้มแดงๆ ของสองสาวจอมซนหนักๆ อย่างรักใคร่และมันเขี้ยว“เหงื่อท่วมมาเชียวไปเล่นอะไรกันมาคะเนี่ย”“วิ่งจับผีเสื้อค่า แต่จับไม่ได้สักตัว” เด็กหญิงมิ่งขวัญตอบเจื้อยแจ้ว“ผีเสื้อบินเร็วๆๆ แบบนี้ค่า” เด็กหญิงมิ่งแก้วทำท่าบินๆ ให้ผู้เป็นแม่ดู“ผีเสื้อบินน่ารักจัง”“ช่ายค่า น่ารักเหมือนแก้วเหมือนขวัญ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วกอดคอกันยิ้มแฉ่งให้บิดามารดาของตน“เซี้ยวจริงๆ เลยลูกพ่อ” อัครวัฒน์เดิน
บทที่ 59.“เมื่อคืนมนฝันถึงคุณชลิตาด้วยค่ะ” มนตราบอกสามีซึ่งซบหน้าหอบกระเส่าอยู่กับอกอวบใหญ่ของตนหลังจากที่เพลงรักเร่าร้อนที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่จบลง...แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักที่พวกเขามีให้กันก็ยังคงฉ่ำหวานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้ลูกๆ ไม่อยู่ขัดความสำราญพวกเขาก็ยิ่งรักกันเหนียวแน่นมากขึ้น เพราะน้องมิ่งแก้วกับน้องมิ่งขวัญในวัยสองขวบนั้นไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของคุณลุงเด่นคุณป้ายอดรักกับคุณปู่คุณย่าที่ยังคงแข็งแรงสดใส ซึ่งยินดีจะเลี้ยงดูหลานๆ เพื่อให้โอกาสลูกชายลูกสะใภ้คนดีได้อยู่ด้วยกันลำพังบ้างมนตรากับอัครวัฒน์นั้นต่างช่วยกันเลี้ยงดูลูกๆ ฝาแฝดทั้งสองด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนพวกเขาก็จะยกกันไปทั้งครอบครัว มาดคุณโดมแฟมิลี่แมนจึงเป็นที่กล่าวขวัญและมนตราก็เป็นหญิงสาวที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาในความโชคดีของเธอที่ได้สามีที่ดีแสนน่ารักอย่างคุณโดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ คนนี้...“จริงเหรอ เหมือนพี่เลย พี่ก็ฝันว่าหนูเล็กมาเยี่ยม เธอดูมีความสุขมากทั้งที่พี่ไม่ได้ฝันถึงเธอมานานมากตั้งแต่เราแต่งงานกัน...”
บทที่58.“แล้วแก้แค้นเธอสำเร็จไหมคะ...” มนตราถามล้อๆ พลางยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์...“ก็ไม่รู้สินะ รู้แต่ว่ามันทำให้พี่ได้ทั้งเมียและลูกมาพร้อมๆ กัน...”อัครวัฒน์ยิ้มกว้างพอๆ กับเธอที่ยิ้มไม่หุบ รอยยิ้มสดใสของมนตราดังมีมนต์ขลังที่ทำให้เขาถอนสายตาจากใบหน้านวลไม่ได้เลย ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหลจนมนตรารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับแววตาที่เริ่มจะพราวพรายของเขา“เราทานข้าวกันดีกว่าค่ะ มนอยากจะไปเดินเล่นในไร่...” หญิงสาวตัดบทและหาทางเอาตัวรอดจากเปลวเสน่หาของเขาไปก่อนในเช้านี้อัครวัฒน์รู้ทันความคิดเธอจึงคีบจมูกเล็กๆ นั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วนั่งลงเคียงข้างกัน... หนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันและคุยกันด้วยความรักและเข้าใจ ความบาดหมางความแค้นเคืองขึ้งโกรธมลายหายไปจากใจของพวกเขาจนหมดสิ้นมีเพียงความรักอ่อนหวาน ที่โอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยรักแท้ที่ต่างอภัยให้กันและกัน...หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้วอัครวัฒน์ก็จดทะเบียนกับมนตราไว้ก่อนแล้วจัดงานแต่งงานใ
บทที่57.พระมิ่งเมืองกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนุ่มเต็มไปด้วยเมตตาธรรมซึ่งมนตราสัมผัสได้ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอ่อล้นออกจากดวงตางามช้าๆ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือคนคนเดียวกันที่เคยทำร้ายเธออย่างเลือดเย็นมาก่อน...“ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่หรอกนะโยมน้องมน... อะไรที่ดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ควรจะคว้าไว้ โดยเฉพาะความสุขเพราะมันอาจจะอยู่กับเราไม่นาน หรือ เราอาจจะไม่ได้อยู่จนพบเจอมัน หากให้มิจฉาทิฐิบดบังจิตใจ... หลวงพี่จะบอกกล่าวเพียงเท่านี้...” มนตรารู้สึกเหมือนมีใครเขี่ยผงเล็กๆ ออกจากตาทั้งที่รู้แต่เธอกลับเขี่ยมันออกเองไม่ได้“ไหนแบมือมาสิโยมน้องมน...” หญิงสาวยื่นมือออกไปตามที่หลวงพี่บอก แล้วพระมิ่งเมืองก็วางของสิ่งหนึ่งลงบนมือของเธอด้วยการปล่อยให้มันตกลงมาเบาๆ มนตรามองของตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ฝากไปให้โยมโดมด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากหลวงพี่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน... เจริญพร...”“สาธุค่ะหลวงพี่...” มนตราสาธุการด้วยความซาบซึ้งมองตามหลังพระมิ่งเมืองไปด้วยดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยควา
บทที่ 56.“หากไม่ยุ่งกับเมียจะไปยุ่งกับใครล่ะครับ ไม่เอาไม่ทะเลาะกันนะ เดี๋ยวลูกเราจะหน้ายุ่ง...”“เมื่อไหร่คุณจะกลับไปคะ”“ทำไมน้องมนพูดแบบนี้ล่ะครับ เมียอยู่ที่ไหนผัวก็ต้องอยู่ที่นั่นสิครับ”“ฉันจำได้ว่าไม่เคยแต่งงานกับคุณนะคะ และเราก็ไม่ได้มีสถานะอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว แม้แต่แฟน หรือคนรัก เราก็ไม่เคยใช้มันร่วมกันมาก่อน...” คำพูดของเธอทำให้อัครวัฒน์สะอึกถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว...“พี่...”“พอเถอะค่ะ หากคุณจะทำทุกอย่างให้ฉันเพื่อไถ่โทษ หรือเพราะรู้สึกผิดที่หลอกใช้ฉันเพื่อนแก้แค้น เราจบสิ้นกันไปแล้ว ฉันยกโทษให้คุณ เราเป็นอิสระต่อกัน... ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ถือว่าเราให้โอกาสกันและกัน ให้อิสระกันและกัน ฉันอาจจะได้เจอผู้ชายสักคนที่รักฉันจริงและพร้อมจะดูแลฉันกับลูก คุณเองก็อาจจะเจอผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณทุกๆ ด้าน ผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกสาวพ่อบ้านกระจอกๆ อย่างฉัน...”มนตราตัดสินใจพูดออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองมีหวังอะไรลมๆ แล้ง
บทที่ 55.อัครวัฒน์สะดุ้งตื่นด้วยอาการของคนที่หัวใจจดจ่ออยู่กับการ ตามหาลูกเมีย ชายหนุ่มรีบก้าวลงจากเตียงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวออกไปตามหามนตราเหมือนเช่นทุกวัน แต่เสียงเตือนข้อความที่ดังเข้ามาทำให้เขารีบเปิดดูอย่างรวดเร็วด้วยความหวังเพราะทุกๆ วินาทีที่มีข้อความหรือเสียงแจ้งเตือนใดๆ เข้ามาในโทรศัพท์นั้นเสมือนความหวังอันสูงสุดของเขา... ข้อความนี้ก็เช่นกันและทันทีที่อัครวัฒน์ปิดดูข้อความในครั้งนี้ มือใหญ่ของเขาก็สั่นระริกด้วยความยินดี น้ำตาลูกผู้ชายรื้นเต็มสองดวงตาคม เขาไม่คิดเลยว่าเพียงภาพภาพเดียวบนหน้าจอสมาร์ตโฟนเครื่องหรูนี้จะมีอานุภาพยิ่งใหญ่เพียงนี้...“มนตรา... โอ... คุณพระ... ไม่น่าเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลย...” อัครวัฒน์รีบแต่งตัวแล้วลงไปยังรถยนต์คันหรูพร้อมทั้งโทรศัพท์สั่งการลูกน้องคนสนิททันที เมื่อเจอหน้าบิดามารดาเขาก็รีบเข้าไปรายงานพวกท่านด้วยความตื่นเต้น...“ผมเจอมนแล้วครับคุณพ่อ คุณแม่ พี่เด่นเพิ่งส่งข้อความมาให้ผมเมื่อกี้นี้เอง เธออยู่ที่ไร่เวียงดารา ไร่ของคุณแม่นี่เอง... แต่ เอ๊ะ... นี่ทุกคนรู้มาตลอดเลยใช่ไหมครับว่ามนอ
บทที่ 54.“อ้อ... เห็นเขาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกด้วยเหรอ...”“คุณแม่ครับ ผมสำนึกผิดแล้วนะครับ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้น้องมนรู้ว่าผมรู้สึกผิดจริงๆ”“แล้วยังไงอีกล่ะ”“ก็ผมรักเขา ผมรักน้องมน รักมาตั้งนานแล้วด้วย...”แล้วเขาก็บอกให้มารดาได้รับรู้ว่าเขารักมนตรามากแค่ไหน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในตอนนี้เมื่อเธอไม่อยู่แล้ว...“โดมจะมาบอกแม่ทำไม ในเมื่อแม่ไม่ใช่หนูมน แล้วตอนนี้แม่ก็คิดว่าหนูมนคงกลับบ้านนอกไปแล้วก็ได้”“แม่คิดว่าน้องมนเขาจะไปไหนครับ”“ก็อาจจะกลับไปบ้านเกิดของพ่อเขาก็ได้มั้งลูก...” คุณดาราทำท่าเศร้าแล้วพูดต่อ“เฮ้อ... ถึงว่าหนูมนมีท่าทางแปลกๆ เมื่อวาน แล้วก็ยังบอกแม่ว่าจะกลับไปบ้านเกิดของนายมิ่ง โดมคิดดูนะ ลูกสะใภ้ของแม่ไม่มีใครไปตกระกำลำบากหอบลูกหอบเต้าไปบ้านนอกที่กันดารขนาดนั้น นี่หากหนูมนไปที่บ้านเกิดนายมิ่งจริงๆ แม่ล่ะหวั่นใจว่าหนูมนอาจจะแท้งกลางทางได้... โธ่ หนูมนของแม่...” คุณดาราทำที
บทที่ 53.“นั่นสิคะ น้องล่ะทึ่งหนูมนจริงๆ เธอใจเด็ดมากที่กล้าทำขนาดนั้น ลูกชายคุณพี่นี่โดนน้อยไปไหมคะ”“โธ่... นี่ไม่มีใครสงสารโดมบ้างหรือคะ ถึงรักจะเข้าข้างน้องมนแต่รักก็สงสารโดมนะคะคุณแม่”“ไอ้สงสารก็สงสารจ้ะ แต่รักดูสิ จนป่านนี้แล้วโดมบอกหนูมนสักคำหรือยังว่ารู้สึกยังไงกับเขาน่ะ หืม... คนท่ามากปากหนักนี่มันต้องเอาให้เจ็บ ดูสิ... จนหนูมนป่องขนาดนี้แล้วจะพูดอะไรมากกว่านี้สักคำก็ไม่มีไม่รู้ท่าเยอะเหมือนใคร...”คุณดาราหันมาค้อนสามีอย่างหมั่นไส้จนคุณอีริคเองก็พลอยเสียวสันหลังไปด้วย จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ภรรยาที่รัก“แหม น้องล่ะก็ มาลงที่พี่ทุกทีเลย”“ก็มันจริงนี่คะ สงสัยเราต้องงัดไม้ตายมาใช้แล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหลานเราแย่กันพอดี”“จริงค่ะคุณแม่ น้องมนเองก็ร้องไห้หนักมาก น่าสงสารออกค่ะ”“ที่แม่ทำไปก็เพื่อเราทุกคนนะจ๊ะหนูรัก แม่น่ะรักลูกๆ ทุกคนและอยากให้พวกเรามีความสุขกันเสียที” คุณดารากล่าวพลางลูบเรือนผมสลวยของส
Comments