บทที่ 3
เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับยุกยิกเมื่อฤทธิ์ยาที่เธอได้รับเริ่มหมดไปก่อนที่มันจะเบิกกว้างอย่างตกใจ หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความตื่นตระหนก แล้วก้มลงสำรวจตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเธอยังไม่ได้รับอันตรายหรือถูกล่วงเกินใดๆ แต่ เธอก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยสักนิด เมื่อรู้สึกถึงสายตาของใครสักคนมองมาที่ตน ขนอ่อนในกายของเธอลุกชันเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เธอรู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองเธอด้วยแววตาหื่นกระหาย...
“คุ คุณ เนวิน...” ชื่อที่หลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผากนั้นเบาราวกระซิบ...
“ขอบคุณครับ แหม.. ดีใจจังที่คุณหนูเล็กอุตส่าห์จำกันได้...”
เนวิน...ชายหนุ่มผู้มีรูปกายสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาดใบหน้าหล่อเหลาแบบที่สาวๆ กำลังชื่นชมนิยมกันว่า หล่อแบบหนุ่มเกาหลีนั้นเขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นเดียวกับอัครวัฒน์และมีชื่อเสียงพอสมควรทั้งในด้านดีและลบแต่จะออกไปด้านลบเสียมากกว่า และเธอก็รู้มาบ้างว่าเขากับอัครวัฒน์นั้นไม่ค่อยกินเส้นกันแต่เธอไม่นึกว่าเนวินจะต้องทำลายหรือเอาชนะกันด้วยวิธีการแบบนี้...
ชลิตาหน้าซีดกวาดตามองหาทางหนีทีไล่เมื่อรับรู้ถึงกระแสความไม่ปลอดภัย แต่ก็จนปัญญาเมื่อเธอไม่รู้เลยว่าตนเองอยู่ที่ไหน เนวินเดินมาหาเธอด้วยท่าทางของเสือร้ายที่หมายจะตะปบเหยื่อ หญิงสาวลนลานลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความที่รีบร้อนและเพิ่งตื่นจากฤทธิ์ยาสลบชนิดอ่อนทำให้ร่างบางหมุนคว้างซวนเซล้มลงกับพื้นพรมข้างเตียงนั้นราวนกปีกหัก...
“อย่าเข้ามานะ... คุณต้องการอะไร...” แม้จะล้มไม่เป็นท่าแต่ชลิตาก็พยายามปกป้องตัวเองให้นานที่สุด...
“ถามได้ตรงมากครับคนสวย ผมพาคุณมาที่นี่ก็คงไม่ได้พามาดินเนอร์แน่นอน.. ผมแค่อยากจะทำความรู้จักคุ้นเคยกับคุณอย่างที่ไอ้โดมมันทำบ้าง...” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวหน้าซีดลงทันตา...
“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย...”
“ก็เพราะ ผมกับไอ้โดมมันจะต้องมีอะไรที่สะสางกันนิดหน่อยน่ะสิ...”
“แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะคะ... คุณมีอะไรที่ไม่ลงรอยกับพี่โดมก็ควรใช้วิธีแบบลูกผู้ชายสิคะ”
“หึหึ พูดได้ดีนะครับคนสวย แต่สำหรับผม การทำลายดวงใจของศัตรูมันสะใจกว่าเยอะเลย...”
“ไร้ยางอายที่สุด...” ชลิตาเค้นเสียงออกมาพร้อมทั้งกระถดกายหนีเขาอย่างหวาดกลัว ใบหน้าหล่อเหลาที่สาวๆ หลงใหลของเขานั้นดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยความน่าชิงชังจนเธอไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เธอไม่เข้าใจเลยว่าเนวินมีปัญหาหรือมีเรื่องแค้นเคืองอะไรกับอัครวัฒน์มาก่อน เธอรู้เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดถึงอัครวัฒน์ เธอต้องการเขามากที่สุดและเธอก็กลัวเหลือเกิน...
“คุณไม่ควรทำแบบนี้ พี่โดมไม่ปล่อยคุณแน่”
“มันจะไม่มีทางรู้ว่าคุณย่อยยับเพราะฝีมือใครหรอกคนสวย แต่มันจะได้เจ้าสาวคืนในวันแต่งงานในสภาพที่จะทำให้มันเจ็บปวดที่สุดและจดจำไปจนตาย...”
น้ำเสียงนุ่มนั้นแหบแห้งดวงตายาวรีของเนวินวาววับด้วยประกายความคั่งแค้นที่เธอไม่อาจจะเข้าใจก่อนที่มือยาวเรียวแบบหนุ่มสำอางของเขาจะคว้าหมับมาที่ไหล่มนแล้วกระชากเต็มแรง ชลิตากรีดร้องเสียงแหลมทั้งดิ้นรนให้ตนเองพ้นจากการเกาะกุมของเขาแต่ยิ่งเธอดิ้นรนเนวินก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ
“ดิ้นไปเลยคนสวย เพราะยิ่งดิ้น ผมยิ่งชอบ การที่เหยื่อดิ้นอยู่ใต้ร่างอย่างบ้าคลั่งมันเร้าอารมณ์กว่านอนเฉยๆ เป็นท่อนไม้เป็นไหนๆ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะน่าเกลียดยังคงดังก้องไปทั้งห้องคละเคล้ากับเสียงกรีดร้องของชลิตาที่ร้องขอความช่วยเหลือจนคอแทบแตกแต่ก็ไร้ผล เธอรู้โดยทันทีว่าที่นี่คือเซฟเฮ้าส์ของเขาที่อัครวัฒน์คงไม่มีวันหาเจอและคงไม่รู้ว่าเธอถูกเนวินจับตัวมาที่นี่... โอ... เธอกลัวเหลือเกิน...
“ว่าไง เจอมั้ย...”
“ไม่เจอเลยครับคุณโดม เหมือนว่าคุณหนูเล็กเธอหายตัวไป”
“เธอคงถูกลักพาตัวไปแน่นอน ผมมั่นใจ...”
สองหนุ่มรายงานเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสั่นเมื่อเห็นแววตาของเจ้านายหนุ่มวาวโรจน์... นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย...
“ไอ้เนวิน เป็นมันแน่ๆ ส่งคนของเราไปตรวจดูทุกๆ ที่ที่มันเคยอยู่เคยไป ทุกๆ ที่ เดี๋ยวนี้...”
สิ้นคำสั่งของเขาทุกอย่างก็เกิดขึ้นโดยฉับไว เหล่าลูกน้องชายฉกรรจ์ฝีมือดีทุกคนแยกย้ายกันไปในทันทีพร้อมกับพี่ชายทั้งสองของอัครวัฒน์ปรากฏตัวขึ้นที่คอนโดหรูของน้องชายเมื่อได้ข่าวไม่ดี...
“พวกพี่จะให้คนของพี่ไปช่วยอีกแรงนะโดม”
“พี่สั่งคนของพี่ให้ช่วยตามหาแล้ว ใจเย็นๆ ไอ้น้องชาย นายจะต้องตั้งสติ คิดให้ดี...” อัครา พี่ใหญ่แห่งดีแลนด์เดินมาตบบ่าของน้องชายเบาๆ
“ครับ ผมจะไม่วู่วามแน่ๆ ตอนนี้ผมต้องการรู้ให้แน่ว่าไอ้เนวิน มันอยู่ที่ไหนแต่ผมจะไม่อยู่เฉยๆ ที่นี่ ผมจะออกไปตามหาหนูเล็ก พี่จะไปกับผมไหม...”
“เราจะไปหาที่ไหนกันล่ะโดม...”
“ผมไม่รู้ แต่ผมต้องไป ผมอยู่ไม่ได้ พี่เข้าใจใช่ไหม...” เสียงนุ่มทุ้มมีเสน่ห์เสมอของอัครวัฒน์สั่นเครือเล็กน้อย ซึ่งผู้เป็นพี่ชายนั้นเข้าใจดี
บทที่ 61. อวสาน “ไม่อยากนอนค่ะอยากทำอย่างอื่น..” มนตราบอกสามีเสียงพร่าเล็กน้อยแล้วเผยอกายขึ้นผลักเขานอนลงแทนที่ตนก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกของเขาอย่างที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่อัครวัฒน์ถึงกับครางเสียงดังเลยทีเดียว..“โอ้ว มนจ๋ามนที่รัก... ดีเหลือเกินเมียจ๋า...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าเร่าร้อน กายแกร่งปวดหนึบไปด้วยความต้องการอยากจะโจนจ้วงเข้าสู่โพรงร่างสาว อัครวัฒน์ร้อนจนไม่อาจจะรีรอให้หล่อนเล่นเกมเหนือเขาได้ ชายหนุ่มผลักร่างเล็กลงนอนแทนที่ตนเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก มนตราหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจเมื่อเห็นแววตาและความพรั่งพร้อมของสามี อัครวัฒน์ก้มลงไปยังกึ่งกายสาวแล้วแตะแต้มริมฝีปากเลียไล้ไปทั้งกลีบกายสาวสดฉ่ำชุ่มชื้น...“อ๊า โอ้ววว... พี่โดมขา...” มนตราครางกระเส่าแล้วแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาปากร้ายของเขาเร่าๆ ด้วยความเสียว ก่อนที่สะโพกมนจะเกร็งค้างกับปากและลิ้นของเขาเมื่อพุ่งทะยานไปสู่ความสุขสมอัครวัฒน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจับร่างเล็กให้ก้มก้งโค้งในท่าคลา
บทที่ 60. มนตรามองสามีที่กำลังจูงมือลูกๆ มาหาตนในสวนผักปลอดสารพิษที่เธอกับลูกสาวฝาแฝดทั้งสองช่วยกันปลูก น้องมิ่งแก้ว กับ น้องมิ่งขวัญ ชอบกินผักซึ่งเธอพอใจมากที่เด็กๆ ชอบกินผัก ตอนนี้เด็กหญิงทั้งสองสี่ขวบแล้ว“คุณแม่ขา.. พวกเรามาแย้วววว..” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาผู้เป็นแม่จนผมเปียปลิวไสว มนตรากางแขนรอรับลูกสาวทั้งสองแล้วหอมแก้มแดงๆ ของสองสาวจอมซนหนักๆ อย่างรักใคร่และมันเขี้ยว“เหงื่อท่วมมาเชียวไปเล่นอะไรกันมาคะเนี่ย”“วิ่งจับผีเสื้อค่า แต่จับไม่ได้สักตัว” เด็กหญิงมิ่งขวัญตอบเจื้อยแจ้ว“ผีเสื้อบินเร็วๆๆ แบบนี้ค่า” เด็กหญิงมิ่งแก้วทำท่าบินๆ ให้ผู้เป็นแม่ดู“ผีเสื้อบินน่ารักจัง”“ช่ายค่า น่ารักเหมือนแก้วเหมือนขวัญ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วกอดคอกันยิ้มแฉ่งให้บิดามารดาของตน“เซี้ยวจริงๆ เลยลูกพ่อ” อัครวัฒน์เดิน
บทที่ 59.“เมื่อคืนมนฝันถึงคุณชลิตาด้วยค่ะ” มนตราบอกสามีซึ่งซบหน้าหอบกระเส่าอยู่กับอกอวบใหญ่ของตนหลังจากที่เพลงรักเร่าร้อนที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่จบลง...แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักที่พวกเขามีให้กันก็ยังคงฉ่ำหวานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้ลูกๆ ไม่อยู่ขัดความสำราญพวกเขาก็ยิ่งรักกันเหนียวแน่นมากขึ้น เพราะน้องมิ่งแก้วกับน้องมิ่งขวัญในวัยสองขวบนั้นไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของคุณลุงเด่นคุณป้ายอดรักกับคุณปู่คุณย่าที่ยังคงแข็งแรงสดใส ซึ่งยินดีจะเลี้ยงดูหลานๆ เพื่อให้โอกาสลูกชายลูกสะใภ้คนดีได้อยู่ด้วยกันลำพังบ้างมนตรากับอัครวัฒน์นั้นต่างช่วยกันเลี้ยงดูลูกๆ ฝาแฝดทั้งสองด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนพวกเขาก็จะยกกันไปทั้งครอบครัว มาดคุณโดมแฟมิลี่แมนจึงเป็นที่กล่าวขวัญและมนตราก็เป็นหญิงสาวที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาในความโชคดีของเธอที่ได้สามีที่ดีแสนน่ารักอย่างคุณโดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ คนนี้...“จริงเหรอ เหมือนพี่เลย พี่ก็ฝันว่าหนูเล็กมาเยี่ยม เธอดูมีความสุขมากทั้งที่พี่ไม่ได้ฝันถึงเธอมานานมากตั้งแต่เราแต่งงานกัน...”
บทที่58.“แล้วแก้แค้นเธอสำเร็จไหมคะ...” มนตราถามล้อๆ พลางยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์...“ก็ไม่รู้สินะ รู้แต่ว่ามันทำให้พี่ได้ทั้งเมียและลูกมาพร้อมๆ กัน...”อัครวัฒน์ยิ้มกว้างพอๆ กับเธอที่ยิ้มไม่หุบ รอยยิ้มสดใสของมนตราดังมีมนต์ขลังที่ทำให้เขาถอนสายตาจากใบหน้านวลไม่ได้เลย ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหลจนมนตรารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับแววตาที่เริ่มจะพราวพรายของเขา“เราทานข้าวกันดีกว่าค่ะ มนอยากจะไปเดินเล่นในไร่...” หญิงสาวตัดบทและหาทางเอาตัวรอดจากเปลวเสน่หาของเขาไปก่อนในเช้านี้อัครวัฒน์รู้ทันความคิดเธอจึงคีบจมูกเล็กๆ นั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วนั่งลงเคียงข้างกัน... หนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันและคุยกันด้วยความรักและเข้าใจ ความบาดหมางความแค้นเคืองขึ้งโกรธมลายหายไปจากใจของพวกเขาจนหมดสิ้นมีเพียงความรักอ่อนหวาน ที่โอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยรักแท้ที่ต่างอภัยให้กันและกัน...หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้วอัครวัฒน์ก็จดทะเบียนกับมนตราไว้ก่อนแล้วจัดงานแต่งงานใ
บทที่57.พระมิ่งเมืองกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนุ่มเต็มไปด้วยเมตตาธรรมซึ่งมนตราสัมผัสได้ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอ่อล้นออกจากดวงตางามช้าๆ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือคนคนเดียวกันที่เคยทำร้ายเธออย่างเลือดเย็นมาก่อน...“ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่หรอกนะโยมน้องมน... อะไรที่ดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ควรจะคว้าไว้ โดยเฉพาะความสุขเพราะมันอาจจะอยู่กับเราไม่นาน หรือ เราอาจจะไม่ได้อยู่จนพบเจอมัน หากให้มิจฉาทิฐิบดบังจิตใจ... หลวงพี่จะบอกกล่าวเพียงเท่านี้...” มนตรารู้สึกเหมือนมีใครเขี่ยผงเล็กๆ ออกจากตาทั้งที่รู้แต่เธอกลับเขี่ยมันออกเองไม่ได้“ไหนแบมือมาสิโยมน้องมน...” หญิงสาวยื่นมือออกไปตามที่หลวงพี่บอก แล้วพระมิ่งเมืองก็วางของสิ่งหนึ่งลงบนมือของเธอด้วยการปล่อยให้มันตกลงมาเบาๆ มนตรามองของตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ฝากไปให้โยมโดมด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากหลวงพี่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน... เจริญพร...”“สาธุค่ะหลวงพี่...” มนตราสาธุการด้วยความซาบซึ้งมองตามหลังพระมิ่งเมืองไปด้วยดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยควา
บทที่ 56.“หากไม่ยุ่งกับเมียจะไปยุ่งกับใครล่ะครับ ไม่เอาไม่ทะเลาะกันนะ เดี๋ยวลูกเราจะหน้ายุ่ง...”“เมื่อไหร่คุณจะกลับไปคะ”“ทำไมน้องมนพูดแบบนี้ล่ะครับ เมียอยู่ที่ไหนผัวก็ต้องอยู่ที่นั่นสิครับ”“ฉันจำได้ว่าไม่เคยแต่งงานกับคุณนะคะ และเราก็ไม่ได้มีสถานะอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว แม้แต่แฟน หรือคนรัก เราก็ไม่เคยใช้มันร่วมกันมาก่อน...” คำพูดของเธอทำให้อัครวัฒน์สะอึกถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว...“พี่...”“พอเถอะค่ะ หากคุณจะทำทุกอย่างให้ฉันเพื่อไถ่โทษ หรือเพราะรู้สึกผิดที่หลอกใช้ฉันเพื่อนแก้แค้น เราจบสิ้นกันไปแล้ว ฉันยกโทษให้คุณ เราเป็นอิสระต่อกัน... ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ถือว่าเราให้โอกาสกันและกัน ให้อิสระกันและกัน ฉันอาจจะได้เจอผู้ชายสักคนที่รักฉันจริงและพร้อมจะดูแลฉันกับลูก คุณเองก็อาจจะเจอผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณทุกๆ ด้าน ผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกสาวพ่อบ้านกระจอกๆ อย่างฉัน...”มนตราตัดสินใจพูดออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองมีหวังอะไรลมๆ แล้ง