Share

บทที่ 5

Author: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงขยุ้มผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด ในตอนนั้นเองที่เหยียนเหวินอินคว้าไหล่ของเธอไว้ พลางทำสีหน้าจริงจัง ราวกับจะบังคับคาดคั้น

"แกไม่รู้หรือไงว่าคนตระกูลซิงไม่มีใครมองเห็นหัวพวกเราเลยแม้แต่คนเดียว พวกคนรับใช้ก็เหมือนกัน มีแต่สายตาดูถูกกันทั้งนั้น แม่ฝากความหวังไว้ที่แกแล้วนะ อยากให้แกเชิดหน้าชูตาได้!"

ชาติก่อน เซิ่นหรูซวงฟังเรื่องพวกนี้จนเบื่อ ต่อให้ฟังอีกก็ไม่มีทางสะเทือนใจอีกแล้ว

"แม่คะ หนูบอกแล้วไงว่า หนูไม่มีทาง..."

"เซิ่นหรูซวง เหยียนเหวินอิน พวกเธอสองคนฝันกลางวันอะไรกันอยู่เหรอ?"

จู่ ๆ เสียงของหญิงสาวที่ทั้งออดอ้อนและเอาแต่ใจก็ดังแทรกเข้ามาในหูของทั้งสองคน เมื่อมองไปที่ประตู สีหน้าของเหยียนเหวินอินก็เปลี่ยนไปทันที แล้วรีบพูดด้วยท่าทางประจบประแจง

"คุณหนูคะ กลับมาแล้วหรือคะ"

เซิ่นหรูซวงเงียบไปสักพัก ก่อนจะแย่งกระเป๋าเดินทางจากมือของเหยียนเหวินอินมา และกำลังจะยัดมันกลับไปใต้เตียง แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ

ซิงฟานโหรว ลูกพี่ลูกน้องของซิงจือเหยียน และเป็นหลานสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวของคุณปู่ซิง

เธอเติบโตมาด้วยความเอาใจใส่ของทุกคน มีท่าทางสง่างามสูงศักดิ์

ซิงฟานโหรวมองเธอจากมุมที่สูงกว่าด้วยสายตาที่เซิ่นหรูซวงคุ้นเคยดี

"ถ้าฉันไม่กลับมา พวกเธอคงคิดจะทำให้ตระกูลซิงวุ่นวายไปหมดเลยใช่ไหม?"

"เซิ่นหรูซวง พี่ชายของฉันไม่ได้บอกเธอให้รู้หรือไง?" บนใบหน้าอันงดงามของซิงฟานโหรวมีรอยยิ้มเยาะหยัน "พี่ชายของฉันให้เธออยู่ให้ห่างจากเขา แต่เธอนี่ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ชอบตามติดพี่ชายของฉันอยู่เรื่อย แม้แต่ตอนที่เขาไปทำงานก็ยังจะตามไปด้วย"

เซิ่นหรูซวงยืนขึ้นด้วยท่าทางปกติ มองตรงไปยังซิงฟานโหรว น้ำเสียงของเธอดูสงบนิ่ง

"คุณหนูซิงคะ ที่นี่คือห้องของฉัน กรุณาออกไปด้วยค่ะ"

สีหน้าของซิงฟานโหรวเผยการเย้ยหยันยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับว่าเธอได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง

"เซิ่นหรูซวง เธออย่าคิดว่าอยู่ที่นี่นาน ๆ แล้วที่นี่จะกลายเป็นบ้านของเธอ" ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ "เธอดูให้ดี ๆ ที่นี่คือบ้านตระกูลซิง ไม่ใช่บ้านของเธอ ตราบใดที่ฉันต้องการ ฉันจะไปที่ไหนในบ้านนี้ก็ได้"

แววตาของเซิ่นหรูซวงเย็นลงเล็กน้อย "แต่สำหรับคุณปู่ซิงแล้ว ที่นี่คือห้องของฉันค่ะ"

ซิงฟานโหรวมีสีหน้าขุ่นเคือง "เธอกล้าเถียงฉันและยังกล้าเอาคุณปู่มาขู่ฉันอีกเหรอ? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่"

ในชาติที่แล้ว เซิ่นหรูซวงจะทำทุกอย่างเพื่อเอาใจทุกคนในตระกูลซิงเพื่อให้ซิงจือเหยียนชอบเธอ ซึ่งรวมถึงซิงฟานโหรวที่เอาแต่ใจด้วย

ไม่ว่าซิงฟานโหรวจะพูดอะไร เธอก็จะเห็นด้วยทั้งหมด

แม้ว่าซิงฟานโหรวจะหาเรื่องเธอเพื่อช่วยเว่ยอวิ่นลู่ เธอก็ทนรับไว้

ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่เธอโต้ตอบซิงฟานโหรว

เป็นความรู้สึกที่สะใจ ที่ได้เห็นซิงฟานโหรวไม่พอใจ

เซิ่นหรูซวงกำลังจะหันตัวเดินจากไป แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในบริเวณสวนหน้าบ้าน ทันใดนั้น ซิงฟานโหรวก็หัวเราะเยาะออกมาเบา ๆ

"เอาเถอะ เซิ่นหรูซวง เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าทำไมเธอถึงอยากตามพี่ชายฉันไป ฉันบอกได้เลยว่า แผนของเธอไม่สำเร็จหรอก"

จู่ ๆ ซิงฟานโหรวก็ผลักเธอออก แล้วเดินไปที่ขอบหน้าต่างแล้วมองลงไปข้างล่าง

"พี่คะ! พี่ลู่ลู่ มาแล้วเหรอคะ!"

ห้องของเซิ่นหรูซวงอยู่ที่ชั้นสองของบ้านหลังนี้ ทำให้เสียงจากสวนหน้าบ้านเล็ดลอดเข้ามาได้เบา ๆ

เธอได้ยินเสียงที่ห่างหายไปนานของเว่ยอวิ่นลู่ ยังคงสง่างามและสุภาพเช่นชาติก่อน มีความเยือกเย็นปนน่าหลงใหล เป็นแบบที่ซิงจือเหยียนชอบพอดี

"ฟานโหรว พี่เอาของขวัญมาให้ ลงมาดูสิ"

เสียงของซิงจือเหยียนไม่ดังไม่เบา แต่พอที่เธอจะได้ยินถึงความตามใจที่อยู่ในน้ำเสียงนั้น

"ใส่ส้นสูงก็เดินช้า ๆ หน่อย อย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม"

หัวใจของเซิ่นหรูซวงเต้นช้าลงเล็กน้อย

เว่ยอวิ่นลู่มาถึงบ้านตระกูลซิงเร็วกว่าที่คิด

ในชาติก่อน ซิงจือเหยียนต้องไปรับเว่ยอวิ่นลู่ที่เมืองฮัวชุยเองถึงจะพาเธอกลับมาที่บ้านตระกูลซิง

แต่ครั้งนี้ เธอกลับมาถึงบ้านตระกูลซิงเร็วกว่านั้นมาก

เธอกำมือแน่น จ้องมองเว่ยอวิ่นลู่อย่างไม่กะพริบตา

เว่ยอวิ่นลู่คือตัวการที่ทำให้ลูกสาวแท้ ๆ ของเธอต้องตาย

เมื่อเห็นเว่ยอวิ่นลู่ยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน เซิ่นหรูซวงก็รู้สึกเกลียดชังจนน่าตกใจ เกลียดจนลืมหายใจ ในสมองมีแต่ภาพของกั่วกั่วที่สิ้นใจในอ้อมกอดของเธอ

เว่ยอวิ่นลู่ยอมรับเองว่าอุบัติเหตุรถยนต์ที่พรากชีวิตกั่วกั่วไปนั้นเป็นฝีมือของเธอเอง

กั่วกั่วตัวเล็กและแข็งแรงขนาดนั้น กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของเว่ยอวิ่นลู่ในวัยเพียงห้าขวบ แม้แต่หลุมฝังศพก็ยังไม่มี

แต่เว่ยอวิ่นลู่และลูกชายของเธอกลับได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง

หลังจากซิงฟานโหรวตอบเว่ยอวิ่นลู่ เธอก็หันมามองเธอด้วยสายตาเยาะเย้ย

“เซิ่นหรูซวง พี่ลู่ลู่มาแล้ว ลงไปเจอกับฉันไหม?”

เซิ่นหรูซวงหัวเราะเยาะ

แน่นอนว่าต้องไปเจอ

เธอจะต้องเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนี้ชดใช้ในสิ่งที่สมควรได้รับด้วยมือของเธอเอง!

เธอยืนอยู่ในห้องรับแขก มองซิงจือเหยียนลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูของเว่ยอวิ่นลู่เข้ามาในบ้าน ดวงตาสีดำเรียวยาวจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเว่ยอวิ่นลู่ที่กำลังพุ่งเข้าหาซิงฟานโหรวอย่างเงียบ ๆ และอ่อนโยน

เว่ยอวิ่นลู่รับถุงของขวัญมาจากมือของซิงจือเหยียน แล้วยื่นให้ซิงฟานโหรวและคุณปู่ซิง

"ฟานโหรว นี่คือของขวัญที่พี่ซื้อให้เธอและคุณปู่ซิง ดูสิว่าชอบไหม?"

ซิงฟานโหรวกรีดร้องเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความประหลาดใจ “พี่ลู่ลู่ รู้ได้ไงว่าหนูอยากได้สร้อยเส้นนี้มาตลอดเลย”

เว่ยอวิ่นลู่ยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบศีรษะของเธอ

คุณปู่ซิงมองดูผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพในถุง "ไหน ๆ ก็มาแล้วก็อยู่ให้สบายนะ ฉันมีธุระต้องไปก่อน"

เว่ยอวิ่นลู่ยิ้มอย่างเขินอาย "ขอบคุณค่ะคุณปู่ซิง"

จากนั้น เว่ยอวิ่นลู่ก็ยืนข้างกายซิงจือเหยียน กุมแขนเขาไว้ราวกับเพิ่งจะเห็นเซิ่นหรูซวง เธอมองไปที่เซิ่นหรูซวงพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพและเหินห่าง:

"ขอโทษนะคะคุณเซิ่น ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญของคุณไว้ หวังว่าคงไม่โกรธนะคะ"

สีหน้าของเซิ่นหรูซวงเป็นปกติ เธอไม่ได้ตอบคำถามของเว่ยอวิ่นลู่ "ไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ"

ก่อนที่เว่ยอวิ่นลู่จะทันได้แสดงความคิดเห็นอะไร เธอก็เห็นสีหน้าของซิงจือเหยียนเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวทันที

ซิงฟานโหรวเดินเข้ามาพร้อมกับหัวเราะเยาะ “เซิ่นหรูซวง นี่เธอหมายความว่าไง? พี่ลู่ลู่มาบ้านฉัน เธอทำตัวไร้มารยาทแบบนี้ได้ยังไง?”

เฉินหรูซวงมองเธออย่างใจเย็น "ไม่ได้ทำค่ะ ฉันยินดีต้อนรับมากเลย"

ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ "เธอจะเสแสร้งไปทำไม?"

"ฟานโหรว" เว่ยอวิ่นลู่ทำสีหน้าลำบากใจและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ไม่เป็นไรหรอก คุณเซิ่นเป็นคนในครอบครัวซิง เธออยากไปไหนก็ไปเถอะ"

"จะว่าไปแล้วฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ" เว่ยอวิ่นลู่กอดแขนของซิงจือเหยียนและมองเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความละอายใจและขอโทษ "เพราะฉันคิดถึงจือเหยียนมาก เลยมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า คุณเซิ่นคงไม่ถือสานะคะ?"

ซิงฟานโหรวพูดอย่างหยิ่งผยอง "เธอเป็นคนในครอบครัวซิงที่ไหนกัน ที่นี่ไม่มีที่ให้เธอหรอก คุณปู่ฉันยอมรับเธอไว้ได้ก็บุญแล้ว ที่นี่นอกจากคุณปู่แล้ว ไม่มีใครเห็นเธออยู่ในสายตาหรอก"

"พี่ลู่ลู่ อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องสนใจผู้หญิงขี้อิจฉาแบบนี้หรอก"

เว่ยอวิ่นลู่ลดสายตาลง มุมปากเผยรอยยิ้มประหลาดขึ้นมา เธอยิ่งขยับเข้าใกล้ซิงจือเหยียนมากขึ้น แล้วพูดเบา ๆ ว่า "พูดแบบนี้ มันจะไม่แรงไปหน่อยเหรอ?"

ซิงฟานโหรวพูดอย่างมั่นใจว่า "จะเป็นอะไรได้ล่ะ ถ้าเธอรู้จักอยู่เฉย ๆ ไม่งั้นฉันจะไล่เธอออกไปแน่ ไม่ช้าก็เร็ว"

ซิงฟานโหรวเพ่งมองใบหน้าอันสงบนิ่งของเซิ่นหรูซวง หวังจะเห็นความเศร้าที่แสดงออกถึงความน้อยใจ ความเจ็บปวด ที่ถูกรังเกียจและดูแคลนบนใบหน้าของเธอ

แต่น่าเสียดาย ที่เซิ่นหรูซวงยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย ราวกับไม่เห็นเธอและคำพูดของเธออยู่ในสายตาเลย และไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

ในใจซิงฟานโหรวเต็มไปด้วยความอัดอั้น อยากจะเห็นสีหน้าเศร้าของเซิ่นหรูซวงให้ได้

"พี่คะ ขอแค่พี่กับพี่ลู่ลู่รักกันดี คนที่คิดจะทำลายความรู้สึกของพวกพี่ หนูจะไม่ปล่อยไว้แน่ พี่ว่าหนูทำดีไหมคะ?"

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซิ่นหรูซวงจึงหันไปมองซิงจือเหยียน

สายตาของซิงจือเหยียนไม่ได้จับจ้องที่เธอ เขาเพียงก้มเปลือกตาลง วางมือบนไหล่ของเว่ยอวิ่นลู่ พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มลึก

"ฉันจะพาเธอไปที่ห้อง"

ซิงจือเหยียนไม่ได้ตอบคำถามของซิงฟานโหรว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับเหมือนเป็นการยอมรับเสียมากกว่า

เป็นการยอมรับว่าเขาจะไม่อนุญาตให้เซิ่นหรูซวงล่วงเกินเว่ยอวิ่นลู่

ทันใดนั้น ใบหน้าของซิงฟานโหรวก็เผยรอยยิ้มผู้ชนะออกมา

เว่ยอวิ่นลู่ยิ้มออกมาอย่างพอใจในที่สุด "อืม ได้สิ"

เซิ่นหรูซวงชาชินกับปฏิกิริยาของซิงจือเหยียนมานานแล้ว

เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ละสายตา แล้วก้าวขึ้นบันไดไป

สายตาของซิงจือเหยียนชะงักไปชั่วขณะ ตอนที่มองเว่ยหยุนลู่

เว่ยอวิ่นลู่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "มีอะไรเหรอคะ?"

เพียงชั่วอึดใจ แววตาของซิงจือเหยียนพลันเย็นเยียบขึ้น แม้น้ำเสียงของเขาจะยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม

"ไม่มีอะไร ไปเถอะ"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 263

    จอภาพขนาดใหญ่ด้านหลังยังคงฉายคลิปวิดีโอต่อไป บทเพลงเปียโนที่เคอซานเหมยบรรเลงในวิดีโอนั้นเหมือนกับบทเพลงที่เซิ่นหรูซวงบรรเลงทุกประการ ประสานเสียงกันได้อย่างลงตัวผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเพราะเว่ยอวิ่นลู่พูดยอมรับกับปากของตัวเองว่าลอกเลียนแบบเพราะเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย และเคอซานเหมยเป็นคนคนหนึ่งที่มีอยู่จริงข้อมูลที่ถาโถมเข้ามานั้นท่วมท้นมากเสียจนกรรมการและผู้ชมด้านล่างเวทีต่างตกตะลึง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา“เธอเตรียมตัวมาดีมากเลยนี่” เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงเย็นเยียบของตัวเอง พยายามระงับซ่อนความโกรธที่แทบไม่มีคนรู้เอาไว้ “เธอเคยสืบค้นข้อมูลของเคอซานเหมยมาก่อน ถึงได้รู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้”หยาดน้ำตาสีใสหยดลงมาจากปลายหางตาของเว่ยอวิ่นลู่ เธอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกคิดถึงปนโล่งใจ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกพร้อมยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ “หรูซวง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเข้าใจฉันผิด ฉันเองก็เข้าใจ”“แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจฉันบ้าง ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเองก็วางแผนให้อาเหมยและห่วงใยเธอมากขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ บางทีฉันคงไม่เลือกเดินเส้นทางนี้หรอก”ในขณะที่พูด เธอก็ยิ้มรา

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 262

    หลังจากคลิปวิดีโอเริ่มฉายไปได้ประมาณครึ่งนาที ผู้ชมต่างเงียบกริบทุกคนต่างฟังออกได้ในทันทีว่าในคลิปวิดีโอ เคอซานเหมยกำลังเล่นเพลง ‘ความปรารถนา’ท่าทีของแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่เปลี่ยนจากความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเป็นความประหลาดใจ และในท้ายที่สุดใบหน้าของพวกเขาก็แข็งค้างพวกเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบร้อนพิมพ์ค้นหาเวลาที่เร็วที่สุดที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาถ้าเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย ถ้าอย่างนั้นระหว่างเพลง‘ความปรารถนา’ และเพลง ‘ความรัก’ ก็ต้องมีเรื่องการลอกเลียนแบบเข้ามาเกี่ยวพันอย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาว่าเพลงเปียโนสองเพลงนี้เพลงไหนถูกปล่อยออกมาก่อนกัน และเพลงไหนที่ลอกเลียนแบบวันที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอแสดงไว้อย่างชัดเจนที่มุมขวาบนของจอภาพสิ่งที่ต้องหาตอนนี้คือวันที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมา“เดี๋ยวก่อน ดูบนเวทีสิ”แฟนคลับคนนั้นยังไม่ทันได้กดค้นหาก็โดนคนด้านข้างขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนเขาเงยหน้าขึ้นมองบนเวที สายตาจ้องเขม็งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เว่ยอวิ่นลู่เดินจากที่นั่งผู้ชมขึ้นไปยังบนเวที เวลานี้ เธอยืนอยู่

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 261

    ไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพก็ปรากฏชัดเจนมากขึ้นเป็นภาพของห้องเปียโนที่แสนเรียบง่าย พร้อมเปียโนที่แค่มองก็เห็นได้ว่าเป็นเปียโนราคาถูกหนึ่งหลัง และหญิงสาวงดงามสะอาดตาที่สวมชุดเดรสลายดอกไม้เรียบ ๆ รวบผมครึ่งศีรษะ เธอก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย ปอยผมคลอเคลียอยู่บริเวณด้านข้างใบหน้า“ครูคะ โอเคแล้วค่ะ”น้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนเยาว์ดังก้องขึ้นในวิดีโอ หญิงสาวที่ปรากฏในวิดีโอไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา น่าจะเป็นเสียงของคนที่กำลังถ่ายวิดีโอเมื่อได้ยินเสียงนี้ คนส่วนใหญ่ในห้องแสดงล้วนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เร็วสิคะคุณครู ไม่ต้องเขินหรอก บทบรรเลงเสียงเปียโนที่เพราะขนาดนี้เราก็ต้องอัดไว้ให้ดีสิคะ”ทุกคนค่อย ๆ หันไปมองเซิ่นหรูซวงช้า ๆ และกระจ่างแจ้งในทันทีเสียงในคลิปวิดีโอคล้ายกับเสียงของเซิ่นหรูซวงในตอนนี้มาก ดังนั้นคนที่ถ่ายคลิปวิดีโออยู่คือเซิ่นหรูซวง!หญิงสาวในคลิปวิดีโอเอียงศีรษะพลางยิ้มบาง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความระอาใจ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “โอเค ถ้าเธอบอกว่าได้ก็คือได้ล่ะนะ”“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ!”

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 260

    เว่ยอวิ่นลู่กำมือแน่น แต่สีหน้าก็ยังดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากยิ่งเป็นช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องใจเย็นและคุมสถานการณ์ให้ได้นิ่งเท่านั้นถึงจะชนะ ไม่ให้เซิ่นหรูซวงได้ทำสำเร็จแน่เว่ยอวิ่นลู่เอาแต่จ้องมองไปที่เวทีตลอด แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเวทีนั้นทันทีสายตาเธอชะงักไปนิดนึง มีแววตาบางอย่างฉายวาบขึ้นมา แล้วเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง“เป็นอะไรไป?”ซิงจือเหยียนเหมือนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน แล้วกระซิบข้างหูเธอ เสียงที่พูดออกมาก็นุ่มทุ้มใจของเว่ยอวิ่นลู่เต้นตึกตักนิดนึง เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลนะ”ดวงตาที่สวยคมเข้มของซิงจือเหยียนดูลึกลับและมืดมิดไปอีกท่ามกลางบริเวณที่นั่งผู้ชมที่ค่อนข้างมืดสลัว เขาหล่อจนเกินจริงมาก ๆ เว่ยอวิ่นลู่มองแล้วก็หน้าแดงใจเต้น “มองฉันแบบนี้ทำไมเหรอ?”ซิงจือเหยียนพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเพลงของเซิ่นหรูซวงมีจุดขัดแย้งกับเพลงของเธออยู่หน่อยนะ”เว่ยอวิ่นลู่ตะลึงไปเล็กน้อยถ้าเธอจำไม่ผิด เรื่องบทเพลงนี้ ซิงจือเหยียนเคยได้ยินเซิ่นหรูซวงเล่นแค่ครั

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 259

    “เพลงที่เล่นไม่ใช่เพลง “ความรัก” ของเว่ยอวิ่นลู่เหรอ? เป็นเพลง “ความปรารถนา” ของเคอซานเหมย แต่นั่นก็เป็นผลงานของเว่ยอวิ่นลู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"“เซิ่นหรูซวงบ้าไปแล้วหรือ? เอาอีกแล้ว? บทเรียนครั้งเดียวยังไม่ทำให้เธอยอมแพ้อีกเหรอ ก็บอกไปหมดแล้วว่าเคอซานเหมยก็คือนามแฝงของเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริง ๆ!”“นั่นสิ ฉันว่าเธอคงอิจฉา เห็นเว่ยอวิ่นลู่กำลังจะคว้าแชมป์ ก็เกิดอิจฉาตาร้อน ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ดี คนอื่นก็อย่าหวังมีความสุขด้วยทำนองนั้น!”จวงเหมยจับใจความชื่อของเคอซานเหมยได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว แววตามีความประหลาดใจแวบหนึ่งเมื่อมีทีมรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงนั้น กลุ่มผู้ชมก็ไม่ได้พูดคุยกันนาน พวกเขาถูกบังคับให้หยุดพูด ทำให้จวงเหมยอยากฟังต่อก็ทำไม่ได้ชื่อของเคอซานเหมย ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็เผลอหันไปมองเว่ยอวิ่นลู่ที่อยู่ด้านหลังซ้ายมือโดยไม่ตั้งใจเพียงแวบเดียวเท่านั้น ความสงสัยในใจของจวงเหมยก็ยิ่งลึกมากขึ้นถึงแม้เว่ยอวิ่นลู่จะยังคงรักษาความสงบและอ่อนโยนเหมือนปกติ แต่จวงเหมยก็สังเกตเห็นความรู้สึกกังวลและความกลัว

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 258

    ซิงจือเหยียนพูดเสียงเบาว่า “ได้สิ เดี๋ยวฉันให้ผู้ช่วยจัดการ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”เว่ยอวิ่นลู่เม้มปากยิ้ม “ขอบคุณนะคะ อาเหยียน”จวงเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกเสียดายการแข่งขันเปียโนเย่ว์ไห่รอบชิงชนะเลิศให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าแข่งขันมาโดยตลอด ดังนั้นเกณฑ์การให้คะแนนในรอบชิงชนะเลิศจึงแตกต่างจากรอบแรกและรอบคัดเลือกเล็กน้อย โดยมีคะแนนสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานอิสระอยู่ที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้สัดส่วนจะไม่สูงมากนัก แต่ก็สามารถส่งผลต่อคะแนนและอันดับโดยรวมได้ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จึงเลือกเล่นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเองมีแค่เซิ่นหรูซวงเท่านั้นที่ไม่ได้เลือกเพลงที่ตัวเองแต่งซ้ำยังเป็นเพลงที่เว่ยอวิ่นลู่แต่งขึ้นมาอีกด้วยนั่นหมายความว่า คะแนนห้าเปอร์เซ็นต์ของเซิ่นหรูซวงหายไป ถ้าเธอไม่ได้บรรเลงได้ยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งจริง ๆ ก็คงยากที่จะสู้กับผู้เข้าแข่งขันเก่ง ๆ คนอื่นได้เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างเซิ่นหรูซวงกับเว่ยอวิ่นลู่แล้ว จวงเหมยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีคนที่มาในงานส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่ จวงเหมยภาวนาให้แฟนคล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status