แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงขยุ้มผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด ในตอนนั้นเองที่เหยียนเหวินอินคว้าไหล่ของเธอไว้ พลางทำสีหน้าจริงจัง ราวกับจะบังคับคาดคั้น

"แกไม่รู้หรือไงว่าคนตระกูลซิงไม่มีใครมองเห็นหัวพวกเราเลยแม้แต่คนเดียว พวกคนรับใช้ก็เหมือนกัน มีแต่สายตาดูถูกกันทั้งนั้น แม่ฝากความหวังไว้ที่แกแล้วนะ อยากให้แกเชิดหน้าชูตาได้!"

ชาติก่อน เซิ่นหรูซวงฟังเรื่องพวกนี้จนเบื่อ ต่อให้ฟังอีกก็ไม่มีทางสะเทือนใจอีกแล้ว

"แม่คะ หนูบอกแล้วไงว่า หนูไม่มีทาง..."

"เซิ่นหรูซวง เหยียนเหวินอิน พวกเธอสองคนฝันกลางวันอะไรกันอยู่เหรอ?"

จู่ ๆ เสียงของหญิงสาวที่ทั้งออดอ้อนและเอาแต่ใจก็ดังแทรกเข้ามาในหูของทั้งสองคน เมื่อมองไปที่ประตู สีหน้าของเหยียนเหวินอินก็เปลี่ยนไปทันที แล้วรีบพูดด้วยท่าทางประจบประแจง

"คุณหนูคะ กลับมาแล้วหรือคะ"

เซิ่นหรูซวงเงียบไปสักพัก ก่อนจะแย่งกระเป๋าเดินทางจากมือของเหยียนเหวินอินมา และกำลังจะยัดมันกลับไปใต้เตียง แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ

ซิงฟานโหรว ลูกพี่ลูกน้องของซิงจือเหยียน และเป็นหลานสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวของคุณปู่ซิง

เธอเติบโตมาด้วยความเอาใจใส่ของทุกคน มีท่าทางสง่างามสูงศักดิ์

ซิงฟานโหรวมองเธอจากมุมที่สูงกว่าด้วยสายตาที่เซิ่นหรูซวงคุ้นเคยดี

"ถ้าฉันไม่กลับมา พวกเธอคงคิดจะทำให้ตระกูลซิงวุ่นวายไปหมดเลยใช่ไหม?"

"เซิ่นหรูซวง พี่ชายของฉันไม่ได้บอกเธอให้รู้หรือไง?" บนใบหน้าอันงดงามของซิงฟานโหรวมีรอยยิ้มเยาะหยัน "พี่ชายของฉันให้เธออยู่ให้ห่างจากเขา แต่เธอนี่ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ชอบตามติดพี่ชายของฉันอยู่เรื่อย แม้แต่ตอนที่เขาไปทำงานก็ยังจะตามไปด้วย"

เซิ่นหรูซวงยืนขึ้นด้วยท่าทางปกติ มองตรงไปยังซิงฟานโหรว น้ำเสียงของเธอดูสงบนิ่ง

"คุณหนูซิงคะ ที่นี่คือห้องของฉัน กรุณาออกไปด้วยค่ะ"

สีหน้าของซิงฟานโหรวเผยการเย้ยหยันยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับว่าเธอได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง

"เซิ่นหรูซวง เธออย่าคิดว่าอยู่ที่นี่นาน ๆ แล้วที่นี่จะกลายเป็นบ้านของเธอ" ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ "เธอดูให้ดี ๆ ที่นี่คือบ้านตระกูลซิง ไม่ใช่บ้านของเธอ ตราบใดที่ฉันต้องการ ฉันจะไปที่ไหนในบ้านนี้ก็ได้"

แววตาของเซิ่นหรูซวงเย็นลงเล็กน้อย "แต่สำหรับคุณปู่ซิงแล้ว ที่นี่คือห้องของฉันค่ะ"

ซิงฟานโหรวมีสีหน้าขุ่นเคือง "เธอกล้าเถียงฉันและยังกล้าเอาคุณปู่มาขู่ฉันอีกเหรอ? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่"

ในชาติที่แล้ว เซิ่นหรูซวงจะทำทุกอย่างเพื่อเอาใจทุกคนในตระกูลซิงเพื่อให้ซิงจือเหยียนชอบเธอ ซึ่งรวมถึงซิงฟานโหรวที่เอาแต่ใจด้วย

ไม่ว่าซิงฟานโหรวจะพูดอะไร เธอก็จะเห็นด้วยทั้งหมด

แม้ว่าซิงฟานโหรวจะหาเรื่องเธอเพื่อช่วยเว่ยอวิ่นลู่ เธอก็ทนรับไว้

ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่เธอโต้ตอบซิงฟานโหรว

เป็นความรู้สึกที่สะใจ ที่ได้เห็นซิงฟานโหรวไม่พอใจ

เซิ่นหรูซวงกำลังจะหันตัวเดินจากไป แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในบริเวณสวนหน้าบ้าน ทันใดนั้น ซิงฟานโหรวก็หัวเราะเยาะออกมาเบา ๆ

"เอาเถอะ เซิ่นหรูซวง เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าทำไมเธอถึงอยากตามพี่ชายฉันไป ฉันบอกได้เลยว่า แผนของเธอไม่สำเร็จหรอก"

จู่ ๆ ซิงฟานโหรวก็ผลักเธอออก แล้วเดินไปที่ขอบหน้าต่างแล้วมองลงไปข้างล่าง

"พี่คะ! พี่ลู่ลู่ มาแล้วเหรอคะ!"

ห้องของเซิ่นหรูซวงอยู่ที่ชั้นสองของบ้านหลังนี้ ทำให้เสียงจากสวนหน้าบ้านเล็ดลอดเข้ามาได้เบา ๆ

เธอได้ยินเสียงที่ห่างหายไปนานของเว่ยอวิ่นลู่ ยังคงสง่างามและสุภาพเช่นชาติก่อน มีความเยือกเย็นปนน่าหลงใหล เป็นแบบที่ซิงจือเหยียนชอบพอดี

"ฟานโหรว พี่เอาของขวัญมาให้ ลงมาดูสิ"

เสียงของซิงจือเหยียนไม่ดังไม่เบา แต่พอที่เธอจะได้ยินถึงความตามใจที่อยู่ในน้ำเสียงนั้น

"ใส่ส้นสูงก็เดินช้า ๆ หน่อย อย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม"

หัวใจของเซิ่นหรูซวงเต้นช้าลงเล็กน้อย

เว่ยอวิ่นลู่มาถึงบ้านตระกูลซิงเร็วกว่าที่คิด

ในชาติก่อน ซิงจือเหยียนต้องไปรับเว่ยอวิ่นลู่ที่เมืองฮัวชุยเองถึงจะพาเธอกลับมาที่บ้านตระกูลซิง

แต่ครั้งนี้ เธอกลับมาถึงบ้านตระกูลซิงเร็วกว่านั้นมาก

เธอกำมือแน่น จ้องมองเว่ยอวิ่นลู่อย่างไม่กะพริบตา

เว่ยอวิ่นลู่คือตัวการที่ทำให้ลูกสาวแท้ ๆ ของเธอต้องตาย

เมื่อเห็นเว่ยอวิ่นลู่ยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน เซิ่นหรูซวงก็รู้สึกเกลียดชังจนน่าตกใจ เกลียดจนลืมหายใจ ในสมองมีแต่ภาพของกั่วกั่วที่สิ้นใจในอ้อมกอดของเธอ

เว่ยอวิ่นลู่ยอมรับเองว่าอุบัติเหตุรถยนต์ที่พรากชีวิตกั่วกั่วไปนั้นเป็นฝีมือของเธอเอง

กั่วกั่วตัวเล็กและแข็งแรงขนาดนั้น กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของเว่ยอวิ่นลู่ในวัยเพียงห้าขวบ แม้แต่หลุมฝังศพก็ยังไม่มี

แต่เว่ยอวิ่นลู่และลูกชายของเธอกลับได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง

หลังจากซิงฟานโหรวตอบเว่ยอวิ่นลู่ เธอก็หันมามองเธอด้วยสายตาเยาะเย้ย

“เซิ่นหรูซวง พี่ลู่ลู่มาแล้ว ลงไปเจอกับฉันไหม?”

เซิ่นหรูซวงหัวเราะเยาะ

แน่นอนว่าต้องไปเจอ

เธอจะต้องเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนี้ชดใช้ในสิ่งที่สมควรได้รับด้วยมือของเธอเอง!

เธอยืนอยู่ในห้องรับแขก มองซิงจือเหยียนลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูของเว่ยอวิ่นลู่เข้ามาในบ้าน ดวงตาสีดำเรียวยาวจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเว่ยอวิ่นลู่ที่กำลังพุ่งเข้าหาซิงฟานโหรวอย่างเงียบ ๆ และอ่อนโยน

เว่ยอวิ่นลู่รับถุงของขวัญมาจากมือของซิงจือเหยียน แล้วยื่นให้ซิงฟานโหรวและคุณปู่ซิง

"ฟานโหรว นี่คือของขวัญที่พี่ซื้อให้เธอและคุณปู่ซิง ดูสิว่าชอบไหม?"

ซิงฟานโหรวกรีดร้องเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความประหลาดใจ “พี่ลู่ลู่ รู้ได้ไงว่าหนูอยากได้สร้อยเส้นนี้มาตลอดเลย”

เว่ยอวิ่นลู่ยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบศีรษะของเธอ

คุณปู่ซิงมองดูผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพในถุง "ไหน ๆ ก็มาแล้วก็อยู่ให้สบายนะ ฉันมีธุระต้องไปก่อน"

เว่ยอวิ่นลู่ยิ้มอย่างเขินอาย "ขอบคุณค่ะคุณปู่ซิง"

จากนั้น เว่ยอวิ่นลู่ก็ยืนข้างกายซิงจือเหยียน กุมแขนเขาไว้ราวกับเพิ่งจะเห็นเซิ่นหรูซวง เธอมองไปที่เซิ่นหรูซวงพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพและเหินห่าง:

"ขอโทษนะคะคุณเซิ่น ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญของคุณไว้ หวังว่าคงไม่โกรธนะคะ"

สีหน้าของเซิ่นหรูซวงเป็นปกติ เธอไม่ได้ตอบคำถามของเว่ยอวิ่นลู่ "ไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ"

ก่อนที่เว่ยอวิ่นลู่จะทันได้แสดงความคิดเห็นอะไร เธอก็เห็นสีหน้าของซิงจือเหยียนเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวทันที

ซิงฟานโหรวเดินเข้ามาพร้อมกับหัวเราะเยาะ “เซิ่นหรูซวง นี่เธอหมายความว่าไง? พี่ลู่ลู่มาบ้านฉัน เธอทำตัวไร้มารยาทแบบนี้ได้ยังไง?”

เฉินหรูซวงมองเธออย่างใจเย็น "ไม่ได้ทำค่ะ ฉันยินดีต้อนรับมากเลย"

ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ "เธอจะเสแสร้งไปทำไม?"

"ฟานโหรว" เว่ยอวิ่นลู่ทำสีหน้าลำบากใจและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ไม่เป็นไรหรอก คุณเซิ่นเป็นคนในครอบครัวซิง เธออยากไปไหนก็ไปเถอะ"

"จะว่าไปแล้วฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ" เว่ยอวิ่นลู่กอดแขนของซิงจือเหยียนและมองเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความละอายใจและขอโทษ "เพราะฉันคิดถึงจือเหยียนมาก เลยมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า คุณเซิ่นคงไม่ถือสานะคะ?"

ซิงฟานโหรวพูดอย่างหยิ่งผยอง "เธอเป็นคนในครอบครัวซิงที่ไหนกัน ที่นี่ไม่มีที่ให้เธอหรอก คุณปู่ฉันยอมรับเธอไว้ได้ก็บุญแล้ว ที่นี่นอกจากคุณปู่แล้ว ไม่มีใครเห็นเธออยู่ในสายตาหรอก"

"พี่ลู่ลู่ อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องสนใจผู้หญิงขี้อิจฉาแบบนี้หรอก"

เว่ยอวิ่นลู่ลดสายตาลง มุมปากเผยรอยยิ้มประหลาดขึ้นมา เธอยิ่งขยับเข้าใกล้ซิงจือเหยียนมากขึ้น แล้วพูดเบา ๆ ว่า "พูดแบบนี้ มันจะไม่แรงไปหน่อยเหรอ?"

ซิงฟานโหรวพูดอย่างมั่นใจว่า "จะเป็นอะไรได้ล่ะ ถ้าเธอรู้จักอยู่เฉย ๆ ไม่งั้นฉันจะไล่เธอออกไปแน่ ไม่ช้าก็เร็ว"

ซิงฟานโหรวเพ่งมองใบหน้าอันสงบนิ่งของเซิ่นหรูซวง หวังจะเห็นความเศร้าที่แสดงออกถึงความน้อยใจ ความเจ็บปวด ที่ถูกรังเกียจและดูแคลนบนใบหน้าของเธอ

แต่น่าเสียดาย ที่เซิ่นหรูซวงยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย ราวกับไม่เห็นเธอและคำพูดของเธออยู่ในสายตาเลย และไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

ในใจซิงฟานโหรวเต็มไปด้วยความอัดอั้น อยากจะเห็นสีหน้าเศร้าของเซิ่นหรูซวงให้ได้

"พี่คะ ขอแค่พี่กับพี่ลู่ลู่รักกันดี คนที่คิดจะทำลายความรู้สึกของพวกพี่ หนูจะไม่ปล่อยไว้แน่ พี่ว่าหนูทำดีไหมคะ?"

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซิ่นหรูซวงจึงหันไปมองซิงจือเหยียน

สายตาของซิงจือเหยียนไม่ได้จับจ้องที่เธอ เขาเพียงก้มเปลือกตาลง วางมือบนไหล่ของเว่ยอวิ่นลู่ พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มลึก

"ฉันจะพาเธอไปที่ห้อง"

ซิงจือเหยียนไม่ได้ตอบคำถามของซิงฟานโหรว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับเหมือนเป็นการยอมรับเสียมากกว่า

เป็นการยอมรับว่าเขาจะไม่อนุญาตให้เซิ่นหรูซวงล่วงเกินเว่ยอวิ่นลู่

ทันใดนั้น ใบหน้าของซิงฟานโหรวก็เผยรอยยิ้มผู้ชนะออกมา

เว่ยอวิ่นลู่ยิ้มออกมาอย่างพอใจในที่สุด "อืม ได้สิ"

เซิ่นหรูซวงชาชินกับปฏิกิริยาของซิงจือเหยียนมานานแล้ว

เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ละสายตา แล้วก้าวขึ้นบันไดไป

สายตาของซิงจือเหยียนชะงักไปชั่วขณะ ตอนที่มองเว่ยหยุนลู่

เว่ยอวิ่นลู่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "มีอะไรเหรอคะ?"

เพียงชั่วอึดใจ แววตาของซิงจือเหยียนพลันเย็นเยียบขึ้น แม้น้ำเสียงของเขาจะยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม

"ไม่มีอะไร ไปเถอะ"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 450

    เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ พบว่าแก้วน้ำของเธอไม่เคยว่างเปล่าเลย อุณหภูมิของน้ำในแต่ละครั้งที่ดื่มก็พอดีเป๊ะ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอมากเซิ่นหรูซวงเบ้ปากเธอโกรธก็คือโกรธจริง ๆ และก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมวันนั้นสือเหยาถึงได้โกรธรุนแรงขนาดนั้น ราวกับว่าซิงจือเหยียนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะโกรธสือเหยาได้นานสือเหยาช่วยเธอไว้มากมายหลายเรื่อง เธอจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดีเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลานัดพบกับซิงจือเหยียนแล้วตอนที่เซิ่นหรูซวงขึ้นรถ เธอได้เตือนสือเหยาอีกครั้งว่าอย่าตามมา ให้ติดตามเจียงเสี่ยวชุนอย่างว่านอนสอนง่ายสือเหยายืนพยักหน้าอย่างว่าง่ายอยู่ที่ข้างรถเซิ่นหรูซวงไม่ค่อยเชื่อว่าสือเหยาจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอจึงดึงเจียงเสี่ยวชุนมาต่อหน้าเขา พร้อมกับกำชับว่าให้จับตาดูสือเหยาให้ดี อย่าให้เขาตามมาเจียงเสี่ยวชุนเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเซิ่นหรูซวงกับซิงจือเหยียนเป็นอย่างดี และเข้าใจเหตุผลที่เซิ่นหรูซวงตัดสินใจทำแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก “ได้ เธอไปจัดการธุระได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ”เซิ่นหรูซวงพยักหน้าแล้วให้คนขับขับรถออก

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 449

    รอยที่แก้มแดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าสือเหยาหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เสียใจ จนใจ หงุดหงิด หึงหวง และอารมณ์วุ่นวายอื่น ๆ อีกมากมาย หลั่งไหลเข้ามา กระแทกที่หัวใจจนสับสนอลหม่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเป็นฝ่ามือของเซิ่นหรูซวงที่เรียกสติของเขากลับคืนมาเขาได้แต่สำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อรู้สึกตัวถึงท่าทีและสิ่งที่พูดออกไปใส่เซิ่นหรูซวงแล้ว ตอนนี้สือเหยาแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน และยอมให้เซิ่นหรูซวงตบอีกสองสามครั้ง จนกว่าเธอจะหายโกรธเขาพูดคำพูดแบบนั้นกับเซิ่นหรูซวงได้อย่างไรเขาทำไปได้อย่างไร?เมื่อสติกลับคืนมา สือเหยาได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักได้ ทั้งยังขาดความสุภาพ ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดไม่คิดจนทำร้ายจิตใจเซิ่นหรูซวง และทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซิ่นหรูซวงไกลออกไปจนเกินเอื้อมอีกแล้วเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคนเลวทรามที่ไม่น่าให้อภัยสือเหยาคอตก ใช้มือทั้งสองข้างบีบขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างหนักเซิ่นหรูซวงคงจะโมโหมากแล้วแน่ ๆเขาไม่เคยเห็นเซิ่นหรูซวงเฉียบขาดและดุดันขนาดนี้ม

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 448

    สือเหยายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนแขนก็ยังคงจับพยักเก้าอี้ไว้เหมือนเดิมเซิ่นหรูซวงโกรธจัด ยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หน้าท้องของสือเหยาอย่างแรงเธอไม่ได้ยั้งแรง สือเหยาจึงถูกแตะถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่อย่างทุลักทุเลเซิ่นหรูซวงเห็นสภาพของเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเธอต่างหากที่ถูกโดนต่อว่าอย่างไร้เหตุผล แต่สือเหยากลับทำท่าทางที่ดูทุลักทุลเและเหมือนน้อยใจแบบนั้นเธอหมุนเก้าอี้อย่างหัวเสีย หันมองคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่มองสือเหยาอีก ผ่านไปสักพัก สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หรูซวง ขอโทษนะ ความผิดของฉัน…”เซิ่นหรูซวงเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสีหน้าเย็นชา “รีบไปให้พ้น”สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปได้ไหม?”เซิ่นหรูซวงไม่ตอบคำถามเขา เคาะแป้นพิมพ์เสียงดังลั่นจนน่าตกใจสือเหยาเงยหน้าขึ้นมองเซิ่นหรูซวงด้วยความลำบากใจแลดูน่าสงสาร“…งั้นฉันไปแล้วนะ?”เซิ่นหรูซวงยังคงไม่ตอบสือเหยาก้มหน้าลง กำหมัดแน่น เดินผ่านด้านข้างของเซิ่นหรูซวงไปอย่างเงียบเชียบ และเดินออกจากห้องทำงานของเธอโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นผลักแป้นพิมพ์ออกด้วยสี

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 447

    เซิ่นหรูซวงเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในใจลึก ๆไม่ใช่ความหงุดหงิดที่เกิดจากสือเหยา แต่เป็นความหงุดหงิดที่เกิดจากการที่จะต้องไปพบซิงจือเหยียนเธอทำหน้าเย็นชาอย่างไม่เคยทำมาก่อน แล้วหันหน้าไปพูด “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ และฉันก็บอกไปแล้วว่า ฉันไปเจรจาด้วยตัวเองได้”สือเหยาเห็นใบหน้าเย็นชาของเซิ่นหรูซวง ก็คิดไปอีกอย่างในใจของสือเหยาโกรธ กระวนกระวาย และรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากเขากัดฟันถามเธออย่างห้ามไม่อยู่ “เธอรังเกียจที่ฉันยุ่งมากเกินไปใช่ไหม?”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ฉันแค่บอกว่าฉัน…”สือเหยาหัวเราะเยาะเย็นชาและพูดแทรกขึ้นมาทันที “เธอต้องการไปคนเดียวแน่นอน ถ้าหากให้ฉันไปด้วย ก็เท่ากับว่าไปขัดขวางเธอรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ กับซิงจือเหยียนใช่ไหมล่ะ?”เซิ่นหรูซวงเริ่มงงในตัวเองว่าเธอฟังผิดไปหรือเปล่า “นายพูดอะไรนะ?”สือเหยายกมือกำพนักเก้าอี้ของเซิ่นหรูซวงไว้แน่น แล้วดึงเก้าอี้เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซิ่นหรูซวงหันหน้าเข้าหาเขา ส่วนเขาโน้มตัวลง โดยที่มือทั้งสองข้างวางอยู่บนที่พนักทั้งสองข้าง ราวกับเป็นการกักขัง เขามองลงมาด้วยแววตาที่ขุ่นเคืองคล้ายกับจะคร

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 446

    “มีปัญหาสิ มีปัญหาแน่นอน ทั้งที่ปล่อยให้ผู้ช่วยจัดการก็ได้ ทำไมต้องให้เธอไปเจรจาด้วยตัวเอง ไม่รู้มีแผนร้ายอะไร เซิ่นหรูซวง เธออย่าโดนเขาหลอกเชียวนะ”เมื่อเขาพูดจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่าเซิ่นหรูซวงพูดอะไรไป“เธอพูดว่าอะไรนะ?”เซิ่นหรูซวงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ได้พูดอะไร นายพูดอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”สือเหยาจับจ้องดวงตาของเธอ “ไม่ใช่สิ เธอพูดแล้ว เธอพูดว่าสมองของซิงจือเหยียนมีปัญหา”เซิ่นหรูซวงสารภาพตอบ “ใช่น่ะสิ ฉันพูดเอง ทำไมหรือ?”สือเหยาจ้องมองดวงตาของเธออย่างแน่วแน่ ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเซิ่นหรูซวงพูด “นายไม่ต้องมองหน้าฉันแล้ว ลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มีความสำคัญสำหรับเกมใหม่ ฉันต้องได้มันมา ในเมื่อทางอวิ๋นเหยียนเรียกร้องให้ฉันไป ฉันก็ต้องทำตาม ถ้านายไม่ยินยอม งั้นก็ช่วยฉันแย่งลิขสิทธิ์เกมมาสิ”สือเหยาพูดซ้ำด้วยความประหลาดใจว่า “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : ?สือเหยาเน้นเสียงหนัก “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : …เซิ่นหรูซวง “ถ้านายจะพูดซ้ำอีก คนที่สมองมีปัญหาไม่ใช่เขา แต่เป็นนายแล้ว”สือเหยาเดินเข้าไปใกล้อีก คว้าข้อมือของเธอ

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 445

    ในขณะที่พูด ก็เหลือบหางตามองสีหน้าของสือเหยา และก็เห็นสีหน้าบูดบึ้งตามที่คาดไว้จางหลานเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยโดยเห็นได้จากระหว่างคิ้วที่ขมวดอย่างงดงามนั้น “ประธานเซิ่นคะ ทางฝ่ายอวิ๋นเหยียนได้ตอบกลับเรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มาแล้วค่ะ”เซิ่นหรูซวงเคลื่อนสายตา “ว่ามาได้เลยค่ะ”จางหลานเอ๋อร์พูด “ทางประธานซิงจากอวิ๋นเหยียนเทคโนโลยีมีความประสงค์ว่า ต้องการให้คุณไปเจรจาด้วยตัวเองค่ะ”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซิงจือ... ประธานซิงเป็นคนพูดออกมาเองหรือ?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้พูดคุยกับประธานซิงโดยตรง คำพูดนี้มาจากผู้ช่วยเขาค่ะ แต่ก็สามารถถือเป็นความประสงค์ของประธานซิงโดยตรงค่ะ”ในห้องทำงานเงียบไปชั่วขณะ จางหลานเอ๋อร์พูดเสริมว่า “ความหมายของผู้ช่วยคือ ท่านประธานซิงจะมาทำธุระที่นี่ในวันมะรืน และจะมีเวลาว่างช่วงบ่ายของวันมะรืน คุณสามารถนัดหมายในช่วงเวลานี้ได้เลยค่ะ”เซิ่นหรูซวงพูด “สรุปว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเต็มใจขายลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่ใช่ไหม?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ตั้งแต่ได้รับมอบหมายงานมา ฉันก็ติดต่อกับทางอวิ๋นเหยียนมาตล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status