แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงคิดในใจ

ในชาติก่อน เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นในห้องรับแขกนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือทัศนคติของเธอ

ตอนนั้น เธอใช้ข้อเท็จจริงที่ว่าเว่ยอวิ่นลู่และซิงจือเหยียนเลิกกันไปนานแล้วมาเป็นข้ออ้างเพื่อขัดขวางไม่ให้เว่ยอวิ่นลู่มาพักที่บ้านตระกูลซิง สุดท้ายก็กลายเป็นตัวตลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คนใช้ต่างมองด้วยสายตาเย็นชา ส่วนคุณปู่ซิงก็ไม่แม้แต่จะใส่ใจ

เว่ยอวิ่นลู่ยังคงยืนอยู่ข้างหลังซิงจือเหยียนอย่างสง่างาม ไม่แม้แต่จะถูกแตะต้องแม้แต่ปลายเส้นผม สง่างาม อ่อนโยน แตกต่างจากเธอในตอนนั้นที่ดูเหมือนหญิงบ้าสติแตกโดยสิ้นเชิง

เธอจำได้อย่างแม่นยำว่า ซิงจือเหยียนบังคับให้เธอขอโทษ และให้เธอนั่งคุกเข่าในสวนของบ้านตระกูลซิงเพื่อสำนึกผิดตลอดทั้งคืน

คืนนั้น เธอเห็นเว่ยอวิ่นลู่เดินเข้าไปในห้องของซิงจือเหยียน ตลอดทั้งคืน ไฟในห้องของซิงจือเหยียนไม่เคยดับ และมักจะมีเงาของคนสองคนปรากฏให้เห็นบนขอบหน้าต่างที่ปิดอยู่

จู่ ๆ เธอก็หยุดชะงักบนบันได

เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำไมเธอถึงขัดขวางเว่ยอวิ่นลู่ไม่ให้มาพักที่บ้านตระกูลซิงขนาดนั้น

ชาติก่อน เธอตามซิงจือเหยียนไปที่เมืองฮัวซุย และพักในโรงแรมเดียวกันกับเว่ยอวิ่นลู่

เว่ยอวิ่นลู่วางยาในแก้วน้ำของเธอกับซิงจือเหยียน ตั้งใจจะไม่ได้ทำให้เธอกับซิงจือเหยียนมีความสัมพันธ์กัน แต่เธอวางแผนที่จะขัดจังหวะในเวลาที่เหมาะสมและกล่าวหาว่าเธอตั้งใจจะยั่วยวน เพื่อทำให้ซิงจือเหยียนรังเกียจเธอ

แต่บังเอิญวันนั้น กลอนประตูห้องของซิงจือเหยียนดันเสียพอดี

พอเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเว่ยอวิ่นลู่นำคนมาพังประตูเข้ามา ทุกอย่างก็สายไปแล้ว

และอย่างที่เว่ยอวิ่นลู่คาดไว้ เธอก็ถูกซิงจือเหยียนรังเกียจและดูถูกจริง ๆ และถูกมองว่าเป็นความอัปยศตลอดชีวิต

คืนนั้นเองที่เธอตั้งท้องกั่วกั่ว เด็กคนที่ไม่ควรได้เกิดมา

และเพราะตั้งท้อง เธอจึงไม่ได้เรียนต่อ และไม่มีแม้แต่วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย ทำให้เธอไม่มีทางหางานที่ดีได้ตลอดชีวิต

การที่เธอยืนชะงักบนบันไดดึงดูดความสนใจของซิงฟานโหรว

“เซิ่นหรูซวง เธอจะเสแสร้งทำไม? พี่ลู่ลู่จะย้ายมาอยู่ด้วย เธอต้องรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”

แม้จะหันหลังให้พวกเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาที่เฉียบคมของซิงจือเหยียนกำลังจ้องมองมาที่หลังของเธอ ราวกับกำลังพิจารณาว่าเธอจะเป็นภัยคุกคามต่อเว่ยอวิ่นลู่หรือไม่

นั่นเป็นสายตาที่เธอเห็นบ่อยครั้งในชาติก่อน

เซิ่นหรูซวงแทบควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจไม่ได้ เธอก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว เข้าห้องแล้วปิดประตูทันที

เธอพิงประตูห้อง สูดหายใจลึกเพื่อปรับลมหายใจให้สงบ

เธอไม่รู้ว่าเว่ยอวิ่นลู่จะวางยาเหมือนชาติที่แล้วหรือไม่ แต่ก็ควรจะระวังไว้บ้าง

ช่วงบ่ายผ่านไป ทั้งบ้านเงียบสงบ ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน เซิ่นหรูซวงก็ไม่ได้ลงไปกินข้าวด้วย ถึงแม้คนใช้มาตามสองรอบแล้วก็เลิกตาม

จนกระทั่งตอนเย็น เว่ยอวิ่นลู่เคาะประตูห้องของเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยนและสง่างาม พร้อมกับยื่นน้ำผลไม้คั้นสดให้แก้วหนึ่ง

“เห็นว่าเธอไม่ได้กินอะไรเลยตลอดบ่าย ฉันเลยคั้นน้ำผลไม้มาให้เป็นพิเศษ ลองชิมดูสิ”

เซิ่นหรูซวงกุมลูกบิดประตูไว้ ไม่ยอมให้เว่ยอวิ่นลู่เข้ามา น้ำเสียงของเธอนิ่งสงบ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่หิว”

รอยยิ้มบนริมฝีปากของเว่ยอวิ่นลู่หยุดชะงักเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยื่นน้ำผลไม้มาให้

“อร่อยนะคะ คุณปู่ซิง จือเหยียน และฟานโหรวก็ดื่มกันหมดแล้ว พวกเขาบอกว่าอร่อย อยากให้เธอลองชิมด้วย”

พูดจบ เธอก็ดูเหมือนจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย สายตาแอบเหลือบไปมองซิงจือเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ

“จือเหยียนบอกว่าฉันจะอยู่ที่นี่หลายเดือน เราต้องเข้ากันให้ได้นะ คุณเซิ่นไม่จำเป็นต้องระวังฉันขนาดนี้ก็ได้”

เซิ่นหรูซวงกำลูกบิดประตูแน่น “ฉันบอกว่า ไม่ต้องค่ะ…”

“เซิ่นหรูซวง”

เสียงเตือนของซิงจือเหยียนดังขึ้น เซิ่นหรูซวงหันไปมองซิงจือเหยียนทันที

เธอเห็นซิงจือเหยียนมองเธอด้วยสายตาเฉียบคมและเย็นชา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างหงุดหงิด

“เซิ่นหรูซวง อย่าทำให้ลู่ลู่ลำบากใจ”

เซิ่นหรูซวงรู้สึกขบขัน จนอยากหัวเราะออกมา

เธอเคยคิดมาตลอดว่าซิงจือเหยียนเป็นผู้ชายที่แข็งกระด้างและไม่เข้าใจการเอาใจใส่

แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าซิงจือเหยียนไม่เข้าใจ แต่เขาเอาใจใส่แค่เว่ยอวิ่นลู่ และให้ความสำคัญกับลูกชายที่เกิดจากเว่ยอวิ่นลู่เท่านั้น

เว่ยอวิ่นลู่ก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“ไม่เป็นไรค่ะ จือเหยียน คุณเซิ่นไม่ชอบฉันก็เป็นเรื่องปกติ...”

ยังไม่ทันพูดจบ เซิ่นหรูซวงก็คว้าน้ำผลไม้แก้วนั้นมาจากมืออีกฝ่าย ภายใต้สายตาที่เฉียบคมของซิงจือเหยียน แล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด

เซิ่นหรูซวงยื่นแก้วเปล่ากลับคืนให้เว่ยอวิ่นลู่ หายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองตรงเข้าไปในดวงตาที่เฉียบคมของซิงจือเหยียน

“ซิงจือเหยียน คุณพอใจหรือยัง?”

ซิงจือเหยียนหรี่ตาลงเล็กน้อย

“อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”

เซิ่นหรูซวงหัวเราะเยาะ แล้วหันหลังกลับแล้วปิดประตูลงอย่างแรง

หลังจากปิดประตูแล้ว เซิ่นหรูซวงก็รีบวิ่งไปที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ก้มหน้าลง ใช้นิ้วล้วงคอเพื่อให้อาเจียนน้ำผลไม้ในกระเพาะออกมา

เธอจับขอบอ่างล้างหน้าและหอบหายใจ ผมที่เปียกชื้นแนบไปกับใบหน้า ริมฝีปากซีดเผือดไร้สีเลือด

ชาติก่อน เว่ยอวิ่นลู่ก็ยื่นน้ำผลไม้แก้วนี้มาให้เธอ และเธอก็ดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมยาปลุกกำหนัดแก้วนี้ไปโดยไม่ทันระวัง

เธอคิดว่า ชาตินี้ เธอต้องหลีกเลี่ยงกับดักเหล่านั้น และตัดขาดจากซิงจือเหยียน ไม่ให้มีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงอีกต่อไป

ห้านาทีต่อมา เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงอุทานจากนอกห้อง

เธอทำเป็นไม่ได้ยินอะไร และหยิบปากกามาคำนวณสูตรบนสมุดแบบฝึกหัดต่อ

จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตูห้องอย่างรุนแรง เสียงแหลมของซิงฟานโหรวดังขึ้นหลังประตู

“เซิ่นหรูซวง ออกมาเดี๋ยวนี้! เธอเอาของน่ารังเกียจอะไรไปใส่ไว้ในห้องพี่ชายฉัน ออกมา!”

ตอนแรก เซิ่นหรูซวงไม่ได้สนใจ

แต่เสียงทุบประตูของซิงฟานโหรวยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ จนโต๊ะที่เซิ่นหรูซวงนั่งอยู่สั่นไปหมด

“เซิ่นหรูซวง อย่าแกล้งตายนะ!”

เซิ่นหรูซวงถอดหูฟังออกแล้วผลักประตูออกอย่างแรง ซิงฟานโหรวที่กำลังจะทุบประตูอยู่ก็หยุดมือกลางอากาศ ดวงตาของเธอมองมาที่เซิ่นหรูซวงอย่างไม่ลดละ

“มีอะไร?”

ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ แล้วคว้าข้อมือของเธอไว้ บังคับลากเธอเข้าไปในห้องตรงข้ามของซิงจือเหยียน

ในห้อง ซิงจือเหยียนมองจดหมายสีชมพูในมือด้วยสีหน้าขุ่นมัว เส้นเลือดที่หลังมือและปลายนิ้วที่ซีดจางแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของเขาในขณะนั้น

เว่ยอวิ่นลู่ยืนอยู่ข้างกายซิงจือเหยียน โอบแขนเขาไว้แน่น ใบหน้าซบลงบนไหล่ของซิงจือเหยียนเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสาร

“จือเหยียน ทำไมนายถึงซ่อนจดหมายรักของคนอื่นไว้ในห้องของตัวเองล่ะ?”

เว่ยอวิ่นลู่มองเซิ่นหรูซวงด้วยสายตาเจ็บปวด เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด

ซิงจือเหยียนกำจดหมายสีชมพูในมือแน่น แทบจะกำจดหมายทั้งฉบับไว้ในอุ้งมือ

เขายื่นมือออกไป โอบไหล่บางของเว่ยอวิ่นลู่ น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย

"ฉันจะจัดการเอง"

เว่ยอวิ่นลู่พยักหน้าเบา ๆ "ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณ"

เซิ่นหรูซวงมองไปที่สายตาของทุกคนในห้อง และรู้สึกกังวลในใจ

ซิงฟานโหรวสะบัดมือของเธออย่างแรง "เซิ่นหรูซวง เธอเอาหน้าที่ไหนไปใส่จดหมายรักไว้ในห้องพี่ชายฉัน น่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ?”

เซิ่นหรูซวงลูบข้อมือของตัวเอง และพูดอย่างใจเย็นว่า "ฉันไม่ได้ทำ จดหมายนั่นไม่ใช่ของฉัน"

เธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนจริง ๆ

นี่ไม่ใช่ฝีมือของเธออย่างแน่นอน

ซิงฟานโหรวรับจดหมายมาจากมือของซิงจือเหยียน แกะซองออก แล้วเอาจดหมายรักออกมา แล้วชูไว้ตรงหน้าเธอ

"ดูตัวหนังสือกับชื่อที่ลงไว้สิ ถ้าไม่ใช่ของเธอแล้วจะเป็นของใครได้อีก?!"

ซิงจือเหยียนวางมือบนไหล่บางของเว่ยอวิ่นลู่ ดวงตาสีดำเรียวยาวจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 450

    เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ พบว่าแก้วน้ำของเธอไม่เคยว่างเปล่าเลย อุณหภูมิของน้ำในแต่ละครั้งที่ดื่มก็พอดีเป๊ะ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอมากเซิ่นหรูซวงเบ้ปากเธอโกรธก็คือโกรธจริง ๆ และก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมวันนั้นสือเหยาถึงได้โกรธรุนแรงขนาดนั้น ราวกับว่าซิงจือเหยียนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะโกรธสือเหยาได้นานสือเหยาช่วยเธอไว้มากมายหลายเรื่อง เธอจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดีเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลานัดพบกับซิงจือเหยียนแล้วตอนที่เซิ่นหรูซวงขึ้นรถ เธอได้เตือนสือเหยาอีกครั้งว่าอย่าตามมา ให้ติดตามเจียงเสี่ยวชุนอย่างว่านอนสอนง่ายสือเหยายืนพยักหน้าอย่างว่าง่ายอยู่ที่ข้างรถเซิ่นหรูซวงไม่ค่อยเชื่อว่าสือเหยาจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอจึงดึงเจียงเสี่ยวชุนมาต่อหน้าเขา พร้อมกับกำชับว่าให้จับตาดูสือเหยาให้ดี อย่าให้เขาตามมาเจียงเสี่ยวชุนเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเซิ่นหรูซวงกับซิงจือเหยียนเป็นอย่างดี และเข้าใจเหตุผลที่เซิ่นหรูซวงตัดสินใจทำแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก “ได้ เธอไปจัดการธุระได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ”เซิ่นหรูซวงพยักหน้าแล้วให้คนขับขับรถออก

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 449

    รอยที่แก้มแดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าสือเหยาหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เสียใจ จนใจ หงุดหงิด หึงหวง และอารมณ์วุ่นวายอื่น ๆ อีกมากมาย หลั่งไหลเข้ามา กระแทกที่หัวใจจนสับสนอลหม่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเป็นฝ่ามือของเซิ่นหรูซวงที่เรียกสติของเขากลับคืนมาเขาได้แต่สำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อรู้สึกตัวถึงท่าทีและสิ่งที่พูดออกไปใส่เซิ่นหรูซวงแล้ว ตอนนี้สือเหยาแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน และยอมให้เซิ่นหรูซวงตบอีกสองสามครั้ง จนกว่าเธอจะหายโกรธเขาพูดคำพูดแบบนั้นกับเซิ่นหรูซวงได้อย่างไรเขาทำไปได้อย่างไร?เมื่อสติกลับคืนมา สือเหยาได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักได้ ทั้งยังขาดความสุภาพ ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดไม่คิดจนทำร้ายจิตใจเซิ่นหรูซวง และทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซิ่นหรูซวงไกลออกไปจนเกินเอื้อมอีกแล้วเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคนเลวทรามที่ไม่น่าให้อภัยสือเหยาคอตก ใช้มือทั้งสองข้างบีบขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างหนักเซิ่นหรูซวงคงจะโมโหมากแล้วแน่ ๆเขาไม่เคยเห็นเซิ่นหรูซวงเฉียบขาดและดุดันขนาดนี้ม

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 448

    สือเหยายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนแขนก็ยังคงจับพยักเก้าอี้ไว้เหมือนเดิมเซิ่นหรูซวงโกรธจัด ยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หน้าท้องของสือเหยาอย่างแรงเธอไม่ได้ยั้งแรง สือเหยาจึงถูกแตะถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่อย่างทุลักทุเลเซิ่นหรูซวงเห็นสภาพของเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเธอต่างหากที่ถูกโดนต่อว่าอย่างไร้เหตุผล แต่สือเหยากลับทำท่าทางที่ดูทุลักทุลเและเหมือนน้อยใจแบบนั้นเธอหมุนเก้าอี้อย่างหัวเสีย หันมองคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่มองสือเหยาอีก ผ่านไปสักพัก สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หรูซวง ขอโทษนะ ความผิดของฉัน…”เซิ่นหรูซวงเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสีหน้าเย็นชา “รีบไปให้พ้น”สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปได้ไหม?”เซิ่นหรูซวงไม่ตอบคำถามเขา เคาะแป้นพิมพ์เสียงดังลั่นจนน่าตกใจสือเหยาเงยหน้าขึ้นมองเซิ่นหรูซวงด้วยความลำบากใจแลดูน่าสงสาร“…งั้นฉันไปแล้วนะ?”เซิ่นหรูซวงยังคงไม่ตอบสือเหยาก้มหน้าลง กำหมัดแน่น เดินผ่านด้านข้างของเซิ่นหรูซวงไปอย่างเงียบเชียบ และเดินออกจากห้องทำงานของเธอโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นผลักแป้นพิมพ์ออกด้วยสี

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 447

    เซิ่นหรูซวงเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในใจลึก ๆไม่ใช่ความหงุดหงิดที่เกิดจากสือเหยา แต่เป็นความหงุดหงิดที่เกิดจากการที่จะต้องไปพบซิงจือเหยียนเธอทำหน้าเย็นชาอย่างไม่เคยทำมาก่อน แล้วหันหน้าไปพูด “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ และฉันก็บอกไปแล้วว่า ฉันไปเจรจาด้วยตัวเองได้”สือเหยาเห็นใบหน้าเย็นชาของเซิ่นหรูซวง ก็คิดไปอีกอย่างในใจของสือเหยาโกรธ กระวนกระวาย และรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากเขากัดฟันถามเธออย่างห้ามไม่อยู่ “เธอรังเกียจที่ฉันยุ่งมากเกินไปใช่ไหม?”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ฉันแค่บอกว่าฉัน…”สือเหยาหัวเราะเยาะเย็นชาและพูดแทรกขึ้นมาทันที “เธอต้องการไปคนเดียวแน่นอน ถ้าหากให้ฉันไปด้วย ก็เท่ากับว่าไปขัดขวางเธอรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ กับซิงจือเหยียนใช่ไหมล่ะ?”เซิ่นหรูซวงเริ่มงงในตัวเองว่าเธอฟังผิดไปหรือเปล่า “นายพูดอะไรนะ?”สือเหยายกมือกำพนักเก้าอี้ของเซิ่นหรูซวงไว้แน่น แล้วดึงเก้าอี้เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซิ่นหรูซวงหันหน้าเข้าหาเขา ส่วนเขาโน้มตัวลง โดยที่มือทั้งสองข้างวางอยู่บนที่พนักทั้งสองข้าง ราวกับเป็นการกักขัง เขามองลงมาด้วยแววตาที่ขุ่นเคืองคล้ายกับจะคร

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 446

    “มีปัญหาสิ มีปัญหาแน่นอน ทั้งที่ปล่อยให้ผู้ช่วยจัดการก็ได้ ทำไมต้องให้เธอไปเจรจาด้วยตัวเอง ไม่รู้มีแผนร้ายอะไร เซิ่นหรูซวง เธออย่าโดนเขาหลอกเชียวนะ”เมื่อเขาพูดจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่าเซิ่นหรูซวงพูดอะไรไป“เธอพูดว่าอะไรนะ?”เซิ่นหรูซวงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ได้พูดอะไร นายพูดอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”สือเหยาจับจ้องดวงตาของเธอ “ไม่ใช่สิ เธอพูดแล้ว เธอพูดว่าสมองของซิงจือเหยียนมีปัญหา”เซิ่นหรูซวงสารภาพตอบ “ใช่น่ะสิ ฉันพูดเอง ทำไมหรือ?”สือเหยาจ้องมองดวงตาของเธออย่างแน่วแน่ ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเซิ่นหรูซวงพูด “นายไม่ต้องมองหน้าฉันแล้ว ลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มีความสำคัญสำหรับเกมใหม่ ฉันต้องได้มันมา ในเมื่อทางอวิ๋นเหยียนเรียกร้องให้ฉันไป ฉันก็ต้องทำตาม ถ้านายไม่ยินยอม งั้นก็ช่วยฉันแย่งลิขสิทธิ์เกมมาสิ”สือเหยาพูดซ้ำด้วยความประหลาดใจว่า “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : ?สือเหยาเน้นเสียงหนัก “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : …เซิ่นหรูซวง “ถ้านายจะพูดซ้ำอีก คนที่สมองมีปัญหาไม่ใช่เขา แต่เป็นนายแล้ว”สือเหยาเดินเข้าไปใกล้อีก คว้าข้อมือของเธอ

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 445

    ในขณะที่พูด ก็เหลือบหางตามองสีหน้าของสือเหยา และก็เห็นสีหน้าบูดบึ้งตามที่คาดไว้จางหลานเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยโดยเห็นได้จากระหว่างคิ้วที่ขมวดอย่างงดงามนั้น “ประธานเซิ่นคะ ทางฝ่ายอวิ๋นเหยียนได้ตอบกลับเรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มาแล้วค่ะ”เซิ่นหรูซวงเคลื่อนสายตา “ว่ามาได้เลยค่ะ”จางหลานเอ๋อร์พูด “ทางประธานซิงจากอวิ๋นเหยียนเทคโนโลยีมีความประสงค์ว่า ต้องการให้คุณไปเจรจาด้วยตัวเองค่ะ”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซิงจือ... ประธานซิงเป็นคนพูดออกมาเองหรือ?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้พูดคุยกับประธานซิงโดยตรง คำพูดนี้มาจากผู้ช่วยเขาค่ะ แต่ก็สามารถถือเป็นความประสงค์ของประธานซิงโดยตรงค่ะ”ในห้องทำงานเงียบไปชั่วขณะ จางหลานเอ๋อร์พูดเสริมว่า “ความหมายของผู้ช่วยคือ ท่านประธานซิงจะมาทำธุระที่นี่ในวันมะรืน และจะมีเวลาว่างช่วงบ่ายของวันมะรืน คุณสามารถนัดหมายในช่วงเวลานี้ได้เลยค่ะ”เซิ่นหรูซวงพูด “สรุปว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเต็มใจขายลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่ใช่ไหม?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ตั้งแต่ได้รับมอบหมายงานมา ฉันก็ติดต่อกับทางอวิ๋นเหยียนมาตล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status