Share

บทที่ 6

Author: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงคิดในใจ

ในชาติก่อน เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นในห้องรับแขกนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือทัศนคติของเธอ

ตอนนั้น เธอใช้ข้อเท็จจริงที่ว่าเว่ยอวิ่นลู่และซิงจือเหยียนเลิกกันไปนานแล้วมาเป็นข้ออ้างเพื่อขัดขวางไม่ให้เว่ยอวิ่นลู่มาพักที่บ้านตระกูลซิง สุดท้ายก็กลายเป็นตัวตลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คนใช้ต่างมองด้วยสายตาเย็นชา ส่วนคุณปู่ซิงก็ไม่แม้แต่จะใส่ใจ

เว่ยอวิ่นลู่ยังคงยืนอยู่ข้างหลังซิงจือเหยียนอย่างสง่างาม ไม่แม้แต่จะถูกแตะต้องแม้แต่ปลายเส้นผม สง่างาม อ่อนโยน แตกต่างจากเธอในตอนนั้นที่ดูเหมือนหญิงบ้าสติแตกโดยสิ้นเชิง

เธอจำได้อย่างแม่นยำว่า ซิงจือเหยียนบังคับให้เธอขอโทษ และให้เธอนั่งคุกเข่าในสวนของบ้านตระกูลซิงเพื่อสำนึกผิดตลอดทั้งคืน

คืนนั้น เธอเห็นเว่ยอวิ่นลู่เดินเข้าไปในห้องของซิงจือเหยียน ตลอดทั้งคืน ไฟในห้องของซิงจือเหยียนไม่เคยดับ และมักจะมีเงาของคนสองคนปรากฏให้เห็นบนขอบหน้าต่างที่ปิดอยู่

จู่ ๆ เธอก็หยุดชะงักบนบันได

เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำไมเธอถึงขัดขวางเว่ยอวิ่นลู่ไม่ให้มาพักที่บ้านตระกูลซิงขนาดนั้น

ชาติก่อน เธอตามซิงจือเหยียนไปที่เมืองฮัวซุย และพักในโรงแรมเดียวกันกับเว่ยอวิ่นลู่

เว่ยอวิ่นลู่วางยาในแก้วน้ำของเธอกับซิงจือเหยียน ตั้งใจจะไม่ได้ทำให้เธอกับซิงจือเหยียนมีความสัมพันธ์กัน แต่เธอวางแผนที่จะขัดจังหวะในเวลาที่เหมาะสมและกล่าวหาว่าเธอตั้งใจจะยั่วยวน เพื่อทำให้ซิงจือเหยียนรังเกียจเธอ

แต่บังเอิญวันนั้น กลอนประตูห้องของซิงจือเหยียนดันเสียพอดี

พอเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเว่ยอวิ่นลู่นำคนมาพังประตูเข้ามา ทุกอย่างก็สายไปแล้ว

และอย่างที่เว่ยอวิ่นลู่คาดไว้ เธอก็ถูกซิงจือเหยียนรังเกียจและดูถูกจริง ๆ และถูกมองว่าเป็นความอัปยศตลอดชีวิต

คืนนั้นเองที่เธอตั้งท้องกั่วกั่ว เด็กคนที่ไม่ควรได้เกิดมา

และเพราะตั้งท้อง เธอจึงไม่ได้เรียนต่อ และไม่มีแม้แต่วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย ทำให้เธอไม่มีทางหางานที่ดีได้ตลอดชีวิต

การที่เธอยืนชะงักบนบันไดดึงดูดความสนใจของซิงฟานโหรว

“เซิ่นหรูซวง เธอจะเสแสร้งทำไม? พี่ลู่ลู่จะย้ายมาอยู่ด้วย เธอต้องรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”

แม้จะหันหลังให้พวกเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาที่เฉียบคมของซิงจือเหยียนกำลังจ้องมองมาที่หลังของเธอ ราวกับกำลังพิจารณาว่าเธอจะเป็นภัยคุกคามต่อเว่ยอวิ่นลู่หรือไม่

นั่นเป็นสายตาที่เธอเห็นบ่อยครั้งในชาติก่อน

เซิ่นหรูซวงแทบควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจไม่ได้ เธอก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว เข้าห้องแล้วปิดประตูทันที

เธอพิงประตูห้อง สูดหายใจลึกเพื่อปรับลมหายใจให้สงบ

เธอไม่รู้ว่าเว่ยอวิ่นลู่จะวางยาเหมือนชาติที่แล้วหรือไม่ แต่ก็ควรจะระวังไว้บ้าง

ช่วงบ่ายผ่านไป ทั้งบ้านเงียบสงบ ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน เซิ่นหรูซวงก็ไม่ได้ลงไปกินข้าวด้วย ถึงแม้คนใช้มาตามสองรอบแล้วก็เลิกตาม

จนกระทั่งตอนเย็น เว่ยอวิ่นลู่เคาะประตูห้องของเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยนและสง่างาม พร้อมกับยื่นน้ำผลไม้คั้นสดให้แก้วหนึ่ง

“เห็นว่าเธอไม่ได้กินอะไรเลยตลอดบ่าย ฉันเลยคั้นน้ำผลไม้มาให้เป็นพิเศษ ลองชิมดูสิ”

เซิ่นหรูซวงกุมลูกบิดประตูไว้ ไม่ยอมให้เว่ยอวิ่นลู่เข้ามา น้ำเสียงของเธอนิ่งสงบ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่หิว”

รอยยิ้มบนริมฝีปากของเว่ยอวิ่นลู่หยุดชะงักเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยื่นน้ำผลไม้มาให้

“อร่อยนะคะ คุณปู่ซิง จือเหยียน และฟานโหรวก็ดื่มกันหมดแล้ว พวกเขาบอกว่าอร่อย อยากให้เธอลองชิมด้วย”

พูดจบ เธอก็ดูเหมือนจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย สายตาแอบเหลือบไปมองซิงจือเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ

“จือเหยียนบอกว่าฉันจะอยู่ที่นี่หลายเดือน เราต้องเข้ากันให้ได้นะ คุณเซิ่นไม่จำเป็นต้องระวังฉันขนาดนี้ก็ได้”

เซิ่นหรูซวงกำลูกบิดประตูแน่น “ฉันบอกว่า ไม่ต้องค่ะ…”

“เซิ่นหรูซวง”

เสียงเตือนของซิงจือเหยียนดังขึ้น เซิ่นหรูซวงหันไปมองซิงจือเหยียนทันที

เธอเห็นซิงจือเหยียนมองเธอด้วยสายตาเฉียบคมและเย็นชา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างหงุดหงิด

“เซิ่นหรูซวง อย่าทำให้ลู่ลู่ลำบากใจ”

เซิ่นหรูซวงรู้สึกขบขัน จนอยากหัวเราะออกมา

เธอเคยคิดมาตลอดว่าซิงจือเหยียนเป็นผู้ชายที่แข็งกระด้างและไม่เข้าใจการเอาใจใส่

แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าซิงจือเหยียนไม่เข้าใจ แต่เขาเอาใจใส่แค่เว่ยอวิ่นลู่ และให้ความสำคัญกับลูกชายที่เกิดจากเว่ยอวิ่นลู่เท่านั้น

เว่ยอวิ่นลู่ก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“ไม่เป็นไรค่ะ จือเหยียน คุณเซิ่นไม่ชอบฉันก็เป็นเรื่องปกติ...”

ยังไม่ทันพูดจบ เซิ่นหรูซวงก็คว้าน้ำผลไม้แก้วนั้นมาจากมืออีกฝ่าย ภายใต้สายตาที่เฉียบคมของซิงจือเหยียน แล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด

เซิ่นหรูซวงยื่นแก้วเปล่ากลับคืนให้เว่ยอวิ่นลู่ หายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองตรงเข้าไปในดวงตาที่เฉียบคมของซิงจือเหยียน

“ซิงจือเหยียน คุณพอใจหรือยัง?”

ซิงจือเหยียนหรี่ตาลงเล็กน้อย

“อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”

เซิ่นหรูซวงหัวเราะเยาะ แล้วหันหลังกลับแล้วปิดประตูลงอย่างแรง

หลังจากปิดประตูแล้ว เซิ่นหรูซวงก็รีบวิ่งไปที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ก้มหน้าลง ใช้นิ้วล้วงคอเพื่อให้อาเจียนน้ำผลไม้ในกระเพาะออกมา

เธอจับขอบอ่างล้างหน้าและหอบหายใจ ผมที่เปียกชื้นแนบไปกับใบหน้า ริมฝีปากซีดเผือดไร้สีเลือด

ชาติก่อน เว่ยอวิ่นลู่ก็ยื่นน้ำผลไม้แก้วนี้มาให้เธอ และเธอก็ดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมยาปลุกกำหนัดแก้วนี้ไปโดยไม่ทันระวัง

เธอคิดว่า ชาตินี้ เธอต้องหลีกเลี่ยงกับดักเหล่านั้น และตัดขาดจากซิงจือเหยียน ไม่ให้มีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงอีกต่อไป

ห้านาทีต่อมา เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงอุทานจากนอกห้อง

เธอทำเป็นไม่ได้ยินอะไร และหยิบปากกามาคำนวณสูตรบนสมุดแบบฝึกหัดต่อ

จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตูห้องอย่างรุนแรง เสียงแหลมของซิงฟานโหรวดังขึ้นหลังประตู

“เซิ่นหรูซวง ออกมาเดี๋ยวนี้! เธอเอาของน่ารังเกียจอะไรไปใส่ไว้ในห้องพี่ชายฉัน ออกมา!”

ตอนแรก เซิ่นหรูซวงไม่ได้สนใจ

แต่เสียงทุบประตูของซิงฟานโหรวยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ จนโต๊ะที่เซิ่นหรูซวงนั่งอยู่สั่นไปหมด

“เซิ่นหรูซวง อย่าแกล้งตายนะ!”

เซิ่นหรูซวงถอดหูฟังออกแล้วผลักประตูออกอย่างแรง ซิงฟานโหรวที่กำลังจะทุบประตูอยู่ก็หยุดมือกลางอากาศ ดวงตาของเธอมองมาที่เซิ่นหรูซวงอย่างไม่ลดละ

“มีอะไร?”

ซิงฟานโหรวหัวเราะเยาะ แล้วคว้าข้อมือของเธอไว้ บังคับลากเธอเข้าไปในห้องตรงข้ามของซิงจือเหยียน

ในห้อง ซิงจือเหยียนมองจดหมายสีชมพูในมือด้วยสีหน้าขุ่นมัว เส้นเลือดที่หลังมือและปลายนิ้วที่ซีดจางแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของเขาในขณะนั้น

เว่ยอวิ่นลู่ยืนอยู่ข้างกายซิงจือเหยียน โอบแขนเขาไว้แน่น ใบหน้าซบลงบนไหล่ของซิงจือเหยียนเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสาร

“จือเหยียน ทำไมนายถึงซ่อนจดหมายรักของคนอื่นไว้ในห้องของตัวเองล่ะ?”

เว่ยอวิ่นลู่มองเซิ่นหรูซวงด้วยสายตาเจ็บปวด เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด

ซิงจือเหยียนกำจดหมายสีชมพูในมือแน่น แทบจะกำจดหมายทั้งฉบับไว้ในอุ้งมือ

เขายื่นมือออกไป โอบไหล่บางของเว่ยอวิ่นลู่ น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย

"ฉันจะจัดการเอง"

เว่ยอวิ่นลู่พยักหน้าเบา ๆ "ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณ"

เซิ่นหรูซวงมองไปที่สายตาของทุกคนในห้อง และรู้สึกกังวลในใจ

ซิงฟานโหรวสะบัดมือของเธออย่างแรง "เซิ่นหรูซวง เธอเอาหน้าที่ไหนไปใส่จดหมายรักไว้ในห้องพี่ชายฉัน น่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ?”

เซิ่นหรูซวงลูบข้อมือของตัวเอง และพูดอย่างใจเย็นว่า "ฉันไม่ได้ทำ จดหมายนั่นไม่ใช่ของฉัน"

เธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนจริง ๆ

นี่ไม่ใช่ฝีมือของเธออย่างแน่นอน

ซิงฟานโหรวรับจดหมายมาจากมือของซิงจือเหยียน แกะซองออก แล้วเอาจดหมายรักออกมา แล้วชูไว้ตรงหน้าเธอ

"ดูตัวหนังสือกับชื่อที่ลงไว้สิ ถ้าไม่ใช่ของเธอแล้วจะเป็นของใครได้อีก?!"

ซิงจือเหยียนวางมือบนไหล่บางของเว่ยอวิ่นลู่ ดวงตาสีดำเรียวยาวจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 263

    จอภาพขนาดใหญ่ด้านหลังยังคงฉายคลิปวิดีโอต่อไป บทเพลงเปียโนที่เคอซานเหมยบรรเลงในวิดีโอนั้นเหมือนกับบทเพลงที่เซิ่นหรูซวงบรรเลงทุกประการ ประสานเสียงกันได้อย่างลงตัวผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเพราะเว่ยอวิ่นลู่พูดยอมรับกับปากของตัวเองว่าลอกเลียนแบบเพราะเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย และเคอซานเหมยเป็นคนคนหนึ่งที่มีอยู่จริงข้อมูลที่ถาโถมเข้ามานั้นท่วมท้นมากเสียจนกรรมการและผู้ชมด้านล่างเวทีต่างตกตะลึง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา“เธอเตรียมตัวมาดีมากเลยนี่” เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงเย็นเยียบของตัวเอง พยายามระงับซ่อนความโกรธที่แทบไม่มีคนรู้เอาไว้ “เธอเคยสืบค้นข้อมูลของเคอซานเหมยมาก่อน ถึงได้รู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้”หยาดน้ำตาสีใสหยดลงมาจากปลายหางตาของเว่ยอวิ่นลู่ เธอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกคิดถึงปนโล่งใจ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกพร้อมยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ “หรูซวง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเข้าใจฉันผิด ฉันเองก็เข้าใจ”“แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจฉันบ้าง ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเองก็วางแผนให้อาเหมยและห่วงใยเธอมากขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ บางทีฉันคงไม่เลือกเดินเส้นทางนี้หรอก”ในขณะที่พูด เธอก็ยิ้มรา

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 262

    หลังจากคลิปวิดีโอเริ่มฉายไปได้ประมาณครึ่งนาที ผู้ชมต่างเงียบกริบทุกคนต่างฟังออกได้ในทันทีว่าในคลิปวิดีโอ เคอซานเหมยกำลังเล่นเพลง ‘ความปรารถนา’ท่าทีของแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่เปลี่ยนจากความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเป็นความประหลาดใจ และในท้ายที่สุดใบหน้าของพวกเขาก็แข็งค้างพวกเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบร้อนพิมพ์ค้นหาเวลาที่เร็วที่สุดที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาถ้าเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย ถ้าอย่างนั้นระหว่างเพลง‘ความปรารถนา’ และเพลง ‘ความรัก’ ก็ต้องมีเรื่องการลอกเลียนแบบเข้ามาเกี่ยวพันอย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาว่าเพลงเปียโนสองเพลงนี้เพลงไหนถูกปล่อยออกมาก่อนกัน และเพลงไหนที่ลอกเลียนแบบวันที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอแสดงไว้อย่างชัดเจนที่มุมขวาบนของจอภาพสิ่งที่ต้องหาตอนนี้คือวันที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมา“เดี๋ยวก่อน ดูบนเวทีสิ”แฟนคลับคนนั้นยังไม่ทันได้กดค้นหาก็โดนคนด้านข้างขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนเขาเงยหน้าขึ้นมองบนเวที สายตาจ้องเขม็งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เว่ยอวิ่นลู่เดินจากที่นั่งผู้ชมขึ้นไปยังบนเวที เวลานี้ เธอยืนอยู่

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 261

    ไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพก็ปรากฏชัดเจนมากขึ้นเป็นภาพของห้องเปียโนที่แสนเรียบง่าย พร้อมเปียโนที่แค่มองก็เห็นได้ว่าเป็นเปียโนราคาถูกหนึ่งหลัง และหญิงสาวงดงามสะอาดตาที่สวมชุดเดรสลายดอกไม้เรียบ ๆ รวบผมครึ่งศีรษะ เธอก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย ปอยผมคลอเคลียอยู่บริเวณด้านข้างใบหน้า“ครูคะ โอเคแล้วค่ะ”น้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนเยาว์ดังก้องขึ้นในวิดีโอ หญิงสาวที่ปรากฏในวิดีโอไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา น่าจะเป็นเสียงของคนที่กำลังถ่ายวิดีโอเมื่อได้ยินเสียงนี้ คนส่วนใหญ่ในห้องแสดงล้วนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เร็วสิคะคุณครู ไม่ต้องเขินหรอก บทบรรเลงเสียงเปียโนที่เพราะขนาดนี้เราก็ต้องอัดไว้ให้ดีสิคะ”ทุกคนค่อย ๆ หันไปมองเซิ่นหรูซวงช้า ๆ และกระจ่างแจ้งในทันทีเสียงในคลิปวิดีโอคล้ายกับเสียงของเซิ่นหรูซวงในตอนนี้มาก ดังนั้นคนที่ถ่ายคลิปวิดีโออยู่คือเซิ่นหรูซวง!หญิงสาวในคลิปวิดีโอเอียงศีรษะพลางยิ้มบาง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความระอาใจ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “โอเค ถ้าเธอบอกว่าได้ก็คือได้ล่ะนะ”“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ!”

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 260

    เว่ยอวิ่นลู่กำมือแน่น แต่สีหน้าก็ยังดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากยิ่งเป็นช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องใจเย็นและคุมสถานการณ์ให้ได้นิ่งเท่านั้นถึงจะชนะ ไม่ให้เซิ่นหรูซวงได้ทำสำเร็จแน่เว่ยอวิ่นลู่เอาแต่จ้องมองไปที่เวทีตลอด แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเวทีนั้นทันทีสายตาเธอชะงักไปนิดนึง มีแววตาบางอย่างฉายวาบขึ้นมา แล้วเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง“เป็นอะไรไป?”ซิงจือเหยียนเหมือนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน แล้วกระซิบข้างหูเธอ เสียงที่พูดออกมาก็นุ่มทุ้มใจของเว่ยอวิ่นลู่เต้นตึกตักนิดนึง เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลนะ”ดวงตาที่สวยคมเข้มของซิงจือเหยียนดูลึกลับและมืดมิดไปอีกท่ามกลางบริเวณที่นั่งผู้ชมที่ค่อนข้างมืดสลัว เขาหล่อจนเกินจริงมาก ๆ เว่ยอวิ่นลู่มองแล้วก็หน้าแดงใจเต้น “มองฉันแบบนี้ทำไมเหรอ?”ซิงจือเหยียนพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเพลงของเซิ่นหรูซวงมีจุดขัดแย้งกับเพลงของเธออยู่หน่อยนะ”เว่ยอวิ่นลู่ตะลึงไปเล็กน้อยถ้าเธอจำไม่ผิด เรื่องบทเพลงนี้ ซิงจือเหยียนเคยได้ยินเซิ่นหรูซวงเล่นแค่ครั

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 259

    “เพลงที่เล่นไม่ใช่เพลง “ความรัก” ของเว่ยอวิ่นลู่เหรอ? เป็นเพลง “ความปรารถนา” ของเคอซานเหมย แต่นั่นก็เป็นผลงานของเว่ยอวิ่นลู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"“เซิ่นหรูซวงบ้าไปแล้วหรือ? เอาอีกแล้ว? บทเรียนครั้งเดียวยังไม่ทำให้เธอยอมแพ้อีกเหรอ ก็บอกไปหมดแล้วว่าเคอซานเหมยก็คือนามแฝงของเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริง ๆ!”“นั่นสิ ฉันว่าเธอคงอิจฉา เห็นเว่ยอวิ่นลู่กำลังจะคว้าแชมป์ ก็เกิดอิจฉาตาร้อน ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ดี คนอื่นก็อย่าหวังมีความสุขด้วยทำนองนั้น!”จวงเหมยจับใจความชื่อของเคอซานเหมยได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว แววตามีความประหลาดใจแวบหนึ่งเมื่อมีทีมรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงนั้น กลุ่มผู้ชมก็ไม่ได้พูดคุยกันนาน พวกเขาถูกบังคับให้หยุดพูด ทำให้จวงเหมยอยากฟังต่อก็ทำไม่ได้ชื่อของเคอซานเหมย ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็เผลอหันไปมองเว่ยอวิ่นลู่ที่อยู่ด้านหลังซ้ายมือโดยไม่ตั้งใจเพียงแวบเดียวเท่านั้น ความสงสัยในใจของจวงเหมยก็ยิ่งลึกมากขึ้นถึงแม้เว่ยอวิ่นลู่จะยังคงรักษาความสงบและอ่อนโยนเหมือนปกติ แต่จวงเหมยก็สังเกตเห็นความรู้สึกกังวลและความกลัว

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 258

    ซิงจือเหยียนพูดเสียงเบาว่า “ได้สิ เดี๋ยวฉันให้ผู้ช่วยจัดการ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”เว่ยอวิ่นลู่เม้มปากยิ้ม “ขอบคุณนะคะ อาเหยียน”จวงเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกเสียดายการแข่งขันเปียโนเย่ว์ไห่รอบชิงชนะเลิศให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าแข่งขันมาโดยตลอด ดังนั้นเกณฑ์การให้คะแนนในรอบชิงชนะเลิศจึงแตกต่างจากรอบแรกและรอบคัดเลือกเล็กน้อย โดยมีคะแนนสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานอิสระอยู่ที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้สัดส่วนจะไม่สูงมากนัก แต่ก็สามารถส่งผลต่อคะแนนและอันดับโดยรวมได้ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จึงเลือกเล่นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเองมีแค่เซิ่นหรูซวงเท่านั้นที่ไม่ได้เลือกเพลงที่ตัวเองแต่งซ้ำยังเป็นเพลงที่เว่ยอวิ่นลู่แต่งขึ้นมาอีกด้วยนั่นหมายความว่า คะแนนห้าเปอร์เซ็นต์ของเซิ่นหรูซวงหายไป ถ้าเธอไม่ได้บรรเลงได้ยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งจริง ๆ ก็คงยากที่จะสู้กับผู้เข้าแข่งขันเก่ง ๆ คนอื่นได้เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างเซิ่นหรูซวงกับเว่ยอวิ่นลู่แล้ว จวงเหมยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีคนที่มาในงานส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่ จวงเหมยภาวนาให้แฟนคล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status