Share

บทที่ 1917

Auteur: โมเนโต้
เวลาผ่านไปอีกครั้งหนึ่ง สองเดือนต่อมาเฟนด์พาครอบครัวและพรรคพวกของเขาไปยังสกาย เกทหัวหน้าเผ่าเทพสาบสูญเคยกล่าวไว้ว่าม่านกาลอวกาศภายในสกาย เกทนั้นอ่อนแอที่สุด

หากพวกเขาต้องการออกจากสถานที่นี้โดยเร็ว พวกเขาต้องนำเรือมัสตาร์ด ซี๊ดไปจากที่นี่และเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ทุกคนเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ เฟนด์วางศิลาวิญญาณทั้งหมดลงในส่วนที่มัสตาร์ด ซี๊ดใช้ในการดูดซับพลังงาน หลังจากการระเบิดที่ดังสนั่น มัสตาร์ด ซี๊ดก็ถูกขับเคลื่อนโดยศิลาวิญญาณและเริ่มเปล่งแสงสีขาวสว่างไสวไปทั่วทั้งเรือ

ในขณะที่พวกเขาเริ่มพุ่งไปข้างหน้า เฟนด์ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ในห้องควบคุมขณะที่เขาเฝ้าดูพื้นที่โดยรอบที่ค่อย ๆ บิดเบี้ยวภายใต้การเคลื่อนไหวของเรือมัสตาร์ด ซี๊ด

...

สามเดือนต่อมา ในโรงแรมอันห่างไกลที่ตั้งอยู่ในเมืองเซนิธ ซัน ซิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐเวสต์ เซอร์ซีในทวีปเฮสเทีย พนักงานของโรงแรมขมวดคิ้วและมองศิลาวิญญาณชั้นยอดสิบก้อนในมือด้วยความขยะแขยง

ศิลาวิญญาณชั้นยอดร้อยก้อนถือเป็นสกุลเงินทั่วไปที่มีค่าที่สุดในโลกของแคทธีเซียแต่พวกเขากลับถูกพนักงานของโรงแรมในทวีปเฮสเทียดูถูก

“นี่อย่าบอกนะว่าของพ
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1918

    นับตั้งแต่อดีต โรงแรมขนาดย่อมและร้านอาหารถือเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการรับข้อมูลข่าวสาร นี่คือเหตุผลที่เฟนด์ต้องมีห้องพักในโรงแรม แม้จะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างโลกนี้กับโลกของแคทธีเซียอยู่เรื่องที่คล้ายคลึงกันก็คือการพัฒนาอารยธรรมศิลปยุทธ แต่นอกจากนั้นแล้วส่วนอื่น ๆ ของโลกใบนี้ที่ไม่อาจเทียบได้กับโลกของแคทธีเซีย สิ่งที่แตกต่างก็คือวัฒนธรรมศิลปยุทธของพวกเขาได้รับการพัฒนาไปได้ไกลกว่าเมื่อเทียบกับโลกของแคทธีเซีย แม้แต่ระดับทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธของพวกเขาก็ยังแตกต่างจากโลกของแคทธีเซียตั้งแต่เรื่องขั้นพื้นฐานสำหรับโรงแรมนี้ ทั้งจากรูปลักษณ์ภายนอกและตกแต่งภายในแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นเพียงโรงแรมธรรมดา ๆ เท่านั้นแน่นอนว่าเฟนด์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเวลาสนุกกับชีวิตเสียหน่อย ทวีปเฮสเทียเต็มไปด้วยกองกำลังต่าง ๆ มากมาย และการต่อสู้ระหว่างผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็ไม่เคยหยุดลง เมื่อเทียบกับโลกของแคทธีเซียแล้วที่นี่นับว่าอันตรายกว่ามากความคิดนี้ทำให้เฟนด์เกิดความลังเลใจ เฟนด์คิดว่าการเดินทางของเขาจะต้องพบกับอุปสรรค เขาต้องพัฒน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1919

    แม้หลังจากที่ชายมีหนวดเคราจากไป ฟาร์ลีย์ก็ยังเย้ยหยันไม่เลิก "ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้โง่หรือบ้ากันแน่ ตำหนักสองกษัตริย์เป็นตำหนักที่โดดเด่นในบรรดาตำหนักระดับสาม ทุกครั้งที่พวกเขาเปิดรับสมัครสาวก คนที่ได้รับเลือกอย่างน้อยก็จะต้องอยู่ในขั้นแรกของระดับแรกกำเนิด คนที่อยู่ในขั้นสูงระดับติดตัวกล้าประกาศออกมาว่าจะไปเป็นศิษย์ของตำหนักสองกษัตริย์ได้ยังไง ฉันล่ะขำจนฟันแทบร่วง”ในตอนแรก ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เฝ้าดูความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นไม่ปริปากเลยสักคำ เพราะเขาเลือกที่จะยืนอยู่ให้ห่างเล็กน้อยและกระซิบกระซาบกันเองเท่านั้น แต่คำพูดของฟาร์ลีย์ก็ทำให้คนมีหัวใจบางคนไม่อาจนิ่งดูดายได้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาหล่อเหลาและอายุประมาณยี่สิบปีกล่าวว่า “คุณคิดผิดแล้ว นายน้อยฟาร์ลีย์ ชายร่างกำยำคนนั้นไม่ได้ก่อปัญหาอะไรเสียหน่อย คุณลืมไปหรือเปล่าว่าตำหนักสองกษัตริย์กำลังมีปัญหากับเผ่าปฐมหายนะอยู่ในขณะนี้? กองกำลังทั้งสองมาถึงจุดที่เข้ากันไม่ได้ราวไฟกับน้ำ พวกเขาอาจเข้าสู่สงครามได้ทุกเมื่อ เพื่อความปลอดภัย ตำหนักสองกษัตริย์ได้เริ่มรับสมัครสมาชิกจำนวนไม่น้อยแล้ว พวกเขาลดเงื่อนไขโดยให้คนที่อยู่ในขั้นสูงระดับติดตัวสามารถเ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1920

    เขารู้ว่าเมืองเซนิธ ซัน ซิตี้อยู่ใต้ความคุ้มครองของตำหนักสองกษัตริย์และทุกกองกำลังล้วนมีเขตอำนาจของตนเอง หากเฟนด์ต้องการเข้าไปบ่มเพาะตัวเองในตำหนักสักตำหนักหนึ่ง ตำหนักสองกษัตริย์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสิ่งเดียวที่เขาไม่แน่ใจคือหลังจากเข้าสู่ตำหนักสองกษัตริย์เขาจะต้องเผชิญกับปัญหาแบบใดบ้าง เรื่องน่าขันนี้จบลงหลังจากการจากไปของชายผู้มีหนวดเคราเฟนด์หันหลังเดินกลับห้องเมื่อสังเกตเห็นว่าความสนุกจบลงแล้ว สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือในขณะที่เขาหันกลับมา จู่ ๆ ฟาร์ลีย์ก็หันกลับมามองทางเขาอยู่นานสองนานราวกับว่าเขาค้นพบอะไรบางอย่างหลังจากที่เฟนด์กลับมาที่ห้อง เขาก็เข้าไปในเรือมัสตาร์ด ซี๊ดทันที ญาติและเพื่อนของเขาในมัสตาร์ด ซี๊ดกำลังบ่มเพาะตัวเองอย่างแข็งขันเพราะไม่มีใครอยากเป็นตัวถ่วงของเฟนด์ พวกเขาหวังว่าจะช่วยเหลือชายหนุ่มในการให้เฟนด์ตั้งหลักในโลกใบนี้ได้ ในขณะนี้แนชทะลวงเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณได้แล้ว หากเทียบตามมาตรฐานของพลังยุทธของทวีปเฮสเทีย ก็เท่ากับว่าเขาอยู่ในขั้นสูงระดับติดตัวแล้ว เขาเห็นความสงสัยเขียนอยู่บนใบหน้าของเฟนด์ในตอนที่เขาเดินเข้ามา แนชจึงหยุดการฝึกในทันที เขาดึงเฟนด์ไปที่ห

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1921

    แม้แต่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปเฮสเทียก็ยังเทียบไม่ได้กับผู้อาวุโสคนนี้ ทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธที่ผู้อาวุโสคนนี้ฝึกฝนนั้นเหนือกว่าระดับที่พบได้ในโลกนี้ไปไกลแต่ในระดับพลังยุทธปัจจุบันของเฟนด์ เขาไม่สามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธได้มากมายอะไรนัก เขาค้นหาความทรงจำชนิดเลือกแล้วเลือกอีก เขาใช้เวลาในการเลือกทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธที่เขาสามารถฝึกฝนได้ไปพอสมควร!แนชก็รู้เรื่องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เขามองไปที่เฟนด์และพูดว่า "ลูกคิดว่าทักษะศิลปยุทธ วิถีแห่งสุญญะ และทักษะศิลปยุทธ ทลายห้วงสุญญะ อยู่ในระดับใดในทวีปเฮสเทีย"หลายวิธีในการตั้งชื่อและกำหนดระดับสำหรับทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธในทวีปเฮสเทีย ทั้งทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธต่างถูกแบ่งออกเป็นแปดระดับพวกเขาตั้งชื่อจากสิ่งทั้งแปด ได้แก่ ‘จักรวาล’ ‘โลกา’ ‘สุญตา’ ‘อันธการ’ ‘นภา’ ‘ปฐพี’ ‘โลหิต’และ‘อำพัน’ตามการจัดลำดับของพวกเขาระดับ'จักรวาล'นั้นแข็งแกร่งที่สุดในขณะที่ 'อำพัน' อ่อนแอที่สุด แต่ละระดับยังแบ่งออกเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูงอีกด้วยตัวอย่างเช่น ชายมีหนวดเคราที่เฟนด์เพิ่งเห็นในโรงแรมสมีระดับความเชี่ยวชาญในระดับอำพันเท่านั้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1922

    เพื่อให้เขาปกป้องตัวเองได้ ในไม่ช้าเฟนด์ก็อุทิศตนให้กับการฝึกฝนอีกครั้ง ครั้งนี้ เขามุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนทักษะยุทธทลายห้วงสุญญะ แต่การฝึกทักษะยุทธในระดับนี้ถือเป็นเรื่องยากทักษะยุทธบางอย่างก็ไม่อาจฝึกได้ พวกเขาต้องการพลังยุทธที่เทียบเคียงกันเพื่อฝึกฝนทักษะยุทธในระดับที่สูงที่สุด เช่น ผู้ที่อยู่ในระดับแรกกำเนิดสามารถฝึกในทักษะยุทธได้แค่ระดับ 'อำพัน' และ 'โลหิต' เท่านั้นทักษะยุทธที่มีระดับสูงกว่าอย่างระดับ ‘ปฐพี’ ไม่ใช่สิ่งที่คนในระดับแรกกำเนิดจะฝึกฝนได้ แต่กับเฟนด์แล้ว เขาสามารถเพิกเฉยต่อกฎนี้ได้เขาหลอมรวมชิ้นส่วนวิญญาณของบรรพบุรุษของเขาอย่างปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ เนื่องจากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ประสบความสำเร็จในการฝึกทักษะยุทธนี้เฟนด์จึงจำเป็นต้องหลวมรวมความทรงจำเข้าด้วยกัน เขาจะได้เรียนรู้ทักษะยุทธนี้ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ระดับของทลายห้วงสุญญะ และเฟนด์ก็ได้แต่สันนิษฐานเอาเองเท่านั้น อย่างน้อยทักษะยุทธดังกล่าวก็น่าจะอยู่ในระดับ 'นภา' แถมทักษะนี้ยังมีอีกสี่ขั้นด้วย ในขณะนี้เฟนด์พยายามฝึกอยู่ในขั้นแรกขณะที่สร้างดาบวิญญาณและติดมันไว้บนมือของเขาสัญญา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1923

    “อำนาจทั้งหมดของโลกนี้อยู่ในมือของตำหนัก พ่อคิดว่าผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของเซนิธ ซัน ซิตี้ นั้นอยู่ในระดับแรกกำเนิดเท่านั้น และเป็นเจ้าเมืองเซนิธ ซัน ซิตี้ก็อยู่ในขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด ปรมาจารย์ที่อยู่ในขั้นสูงของระดับแรกกำเนิดหรือคนที่แข็งแกร่งกว่าระดับนี้ยังคงอยู่ในตำหนัก มีเพียงตำหนักเท่านั้นที่มีทรัพยากรมากพอสำหรับการรองรับการฝึกของพวกเขา พูดตามตรง เซนิธ ซัน ซิตี้ เป็นเพียงเมืองของคนเดินดินเท่านั้น” เฟนด์พยักหน้าอย่างช้า ๆหากคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้อยู่เพียงขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจพาไคลี่ออกไปหาความสำราญ ตราบเท่าที่เขาระมัดระวังตัว ปัญหาก็จะไม่มาถึงพวกเขาไคลี่มีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าพ่อของเธอจะพาเธอออกไปเดินเล่น เพราะเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุเจ็ดขวบ แม้ว่าเธอจะถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าญาติมิตรในมัสตาร์ด ซี๊ดแต่เธอก็ยังรู้สึกเบื่อเฟนด์พาไคลี่ออกจากโรงแรม ทั้งสองคนไม่ได้ไปวุ่นวายกับใคร ยิ่งกว่านั้นสถานที่นี้ก็พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ง่าย เฟนด์ได้แต่พาไคลี่ไปที่ถนนไม่ไกลกับที่พักแม้ว่าท

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1924

    เฟนด์ซื้อหมั่นโถวให้ไคลี่สองลูกและเธอยังถือมันอยู่ในมือเพราะเธอยังไม่มีโอกาสได้กินเลยสักคำ เฟนด์ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แต่ไคลี่มีจิตใจที่บริสุทธิ์ เธอโยนหมั่นโถวในมือให้กับคนที่มีคำสาปอยู่เต็มใบหน้าคนผู้นั้นยัดหมั่นโถวเข้าปากทันทีที่ได้รับ ดูเหมือนว่าคน ๆ นี้จะไม่ได้กินมานานแล้ว “ขอบคุณ พวกคนทั้งสองคน” เขาพูดอย่างล้นเหลือขณะที่เขากิน “ขอบคุณมาก พวกคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”ไคลี่ไม่ได้จะช่วยพวกเขา แต่เฟนด์ก็ไม่ได้โง่ เห็นได้ชัดว่าบุคคลนี้ได้ยินการสนทนาของพวกเขา และนั่นคือสาเหตุที่จู่ ๆ เขาก็เพิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจากไคลี่ คนผู้นี้มีหูที่มีประสิทธิภาพขนาดนี้เชียวหรือ? ไคลี่พูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา แต่พวกเขาซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่มากกลับได้ยิน แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสทบทวนเรื่องนี้ให้กระจ่าง เขาก็ได้ยินเสียงเย้ยหยันดังมาจากระยะไกล “กล้าดียังไงมาให้อาหารทาสของฉันแบบนี้?!”คนรอบข้างต่างก็จ้องมองคู่พ่อลูกอย่างช่วยอะไรไม่ได้ หญิงวัยกลางคนพูดกับเฟนด์อย่างฉุนเฉียว “พ่อหนุ่ม เธอเพิ่งมาอยู่ในเมืองนี้งั้นเหรอ? ทำไมถึงไม่รู้กฎของที่นี่?”เฟนด์ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลังจากที่เขาได้ยินสิ่งนี้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1925

    เฟนด์ตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่วอร์เรนพูด เขาไม่คิดเลยว่านายน้อยลำดับหนึ่งของเจ้าเมืองจะกร่างไปทั่วเช่นนี้ ถ้าเขาต้องการเขาจะตัดมือใครก็ได้! เห็นได้ชัดว่าวอร์เรนไม่อยากเสียเวลาคุยกับเฟนด์อีกเขายกแขนขึ้น และออร่าที่แข็งแกร่งก็เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาคนผู้นี้อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดแล้ว และมียอดฝีมือสักกี่คนในซัน ซิตี้ที่คู่ควรกับเขา เสียงกระซิบกระซาบกันของผู้คนเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มดังจนลอยเข้าหู “นายน้อยลำดับที่หนึ่งของเจ้าเมืองเพิ่งได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ภายนอกของตำหนักสองกษัตริย์เมื่อปีที่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าเขาสะดุดตาผู้อาวุโสจากตำหนักสองกษัตริย์และกำลังฝึกฝนทักษะยุทธระดับสูงอยู่ด้วย!”“พ่อหนุ่มคนนี้โชคไม่ดีเลย น่าเศร้า เร็ว ๆ นี้นายน้อยลำดับหนึ่งของเจ้าเมืองกำลังอารมณ์ไม่ดี และเขาก็ต้องการระบายความโกรธใส่ใครสักคน”การสนทนาทุกรูปแบบลอยเข้าหูของเฟนด์และทำให้เขายิ่งโกรธ อันที่จริงวอร์เรนก็แค่พยายามหาเรื่องที่จะสร้างปัญหา และเฟนด์ก็บังเอิญอยู่ผิดที่ผิดเวลา วอร์เรนหยิบดาบสีเงินออกมาจากแหวนเก็บของและชี้ไปที่ใบหน้าของเฟนด์“ถ้านายตัดมือทั้งสองข้างออกเสียตั้

Latest chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status