Share

มังกรหวนคืนบัลลังก์
มังกรหวนคืนบัลลังก์
Penulis: Bunmeebooks

ตอนที่1. บทนำ

Penulis: Bunmeebooks
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-25 21:38:37

ภาคต่อ ของเรื่อง “ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์”

บทนำ

“...เพราะความโง่เขลา ลุ่มหลงความงามของสตรี ฝ่าบาทถึงกับฆ่าลูกของเราด้วยมือของพระองค์เอง ! ”

เขามองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยสายธารแห่งน้ำตา  น้ำตาสายนั้นไหลหยดลงบนใบหน้าเขาให้ความรู้สึกปวดร้าวจนแทบจะหายใจไม่ออก

“....เฟิ่งอี๋... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...”

เขาขยับปากอย่างยากลำบากร่ำร้องขอโทษอย่างรู้สึกผิด เสียงร่ำไห้ของนางช่างบีบรัดหัวใจเขาจนเจ็บปวด

“ฝ่าบาทฆ่าลูก ฆ่าหม่อมฉัน สังหารครอบครัวหม่อมฉันทั้งตระกูล ! แค้นนี้ต้องชำระด้วยชีวิต.....”

ฉับพลันนั้นนางก็หยิบเข็มเงินวาววับขึ้นมา เขาเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ละล่ำละลักเปล่งวาจาว่า

“ไม่ ๆ ไม่นะ อย่าฆ่าข้า ฮองเฮาข้าผิดไปแล้ว อย่าฆ่าข้าเลย”

“หนี้ชีวิต ต้องชดใช้ด้วยชีวิต !”

สิ้นคำนาง เข็มเงินแหลมคมวาววับก็พุ่งเข้าหาเขาเต็มแรง

“อ๊ากกกกกก”

ฉึบ !

ตอนที่1.

ณ นครฉางซี  เมืองหลวงของแคว้นเฉิน

ค่ำคืนในต้นฤดูหนาวนั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้เมฆหมอก ดาวและเดือนสุกสกาวดาษดื่นเต็มท้องฟ้าทอแสงแข่งกับโคมไฟบนถนนสายโลกีย์เบื้องล่าง

เสียงตุบตับผสานกับเสียงขู่กรรโชกอย่างหยาบคายดังขึ้นที่ถนนอีกสายอันมืดมิด ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่ายาจกอาศัยเร้นกาย

“เจ้าลูกเต่า ! จะตายอยู่แล้วยังไม่ปล่อยมืออีก”

ยาจกร่างใหญ่ยื้อแย่งสิ่งของบางอย่างในมือของขอทานร่างผอม พร้อมกับกระทืบเท้าลงที่อกคนบนพื้นเต็มแรง

ตุบ !

“อัก”

ขอทานร่างผอมกระอักโลหิตสีแดงข้นออกมาสด ๆ  ดวงตาเริ่มพร่าเลือน แต่สองมือยังกำป้ายทองคำซึ่งเป็นป้ายประจำตระกูลเอาไว้แน่น

“ไม่ปล่อยใช่หรือไม่ งั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าใจร้าย”

ยาจกอีกคนเตะเข้าที่ท้องของขอทานร่างผอม

ตุบ !

คราวนี้มันถึงกับตัวงอทั้งจุกทั้งเจ็บ ลมหายใจรวยริน แต่มือกลับจิกเกร็งแน่นไม่ยอมปล่อยป้ายทองคำประจำตระกูลง่าย ๆ 

เดิมทีเขาเป็นทายาทตระกูลขุนนางในราชสำนัก แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ผลัดเปลี่ยนบัลลังก์มังกรกลายเป็นหงส์ผู้คุมอำนาจเมื่อ 4 ปีก่อน บิดาของเขาไม่อาจยอมอยู่ใต้บัลลังก์สตรี จึงคัดค้านหัวชนฝาเป็นเหตุให้ตระกูลต้องถึงคราวตกอับ บิดาถูกถอดตำแหน่งขุนนาง บ้านถูกยึดทรัพย์สิน เพียงไม่นานบิดาและมารดาก็ตรอมใจตาย เหลือเพียงเขาที่ระเหเร่ร่อนใช้ชีวิตเยี่ยงขอทานตั้งแต่อายุ 13 ปี รักษาชีวิตมาได้จนบัดนี้อายุ 17 ปีเข้าสู่วัยหนุ่ม คืนนี้กลับโชคร้ายพานพบยาจกอันธพาลรุมทำร้ายเพื่อแย่งชิงสมบัติชิ้นสุดท้ายของเขา

พลั๊วะ !

“มอบทองคำแท่งมาให้พวกเราเสียดี ๆ”

ยาจกอีกคนเตะเข้าที่แผ่นหลังลูกขุนนางตกอับเต็มแรง สองตาจับจ้องแท่งทองคำที่โผล่พ้นมือผอมบางออกมา

“อัก”

เด็กหนุ่มวัย 17 พลิกคว่ำไปตามแรงเตะ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาคำโต ดวงตาปรือลง ดวงตาของเขาแทบมองไม่เห็นอะไรแล้ว ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง แม้แต่หายใจยังลำบาก

ยาจกใบหน้าเหี้ยมโหด ยกเท้าขึ้นสูงแล้วกระทืบลงแผ่นหลังคนบนพื้นเต็มแรงจนเกิดดังตุบ

ตุบ !

ร่างขอทานผอมแน่นิ่งไปกับเท้า ดวงตาปิดสนิท พร้อมกับแท่งทองคำร่วงหล่นลงจากมือผอมบาง

“บิดามันเถอะ ! กว่าจะยอมปล่อยมือจากทองคำ ทำเอาข้าเหนื่อยไม่ใช่เล่น”

ยาจกใบหน้าเหี่ยมโหดก้มลงเก็บทองขึ้นมา

ยาจกผู้หนึ่งเอานิ้วอังที่จมูกของขอทานร่างผอมพบว่าไม่มีลมหายใจแล้วจึงเอ่ยเสียงสั่นว่า

“มัน.. ตะ ตายแล้ว”

“แค่ขอทานผู้หนึ่ง สิ้นลมแล้ว ใครเล่าจะสนใจ ไปกันเถอะอย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”

หัวหน้ายาจกแค่นเสียง พร้อมกับเก็บแผ่นทองคำเข้าในเสื้อ

ครืน ๆ

ฉับพลันนั้น เสียงฟ้าก็คำรามขึ้น เหล่ายาจกจึงแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พบว่าท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเมื่อครู่กลับมีเมฆสีดำกลุ่มใหญ่ลอยเคลื่อนเข้าปกคลุมทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟ้าแลบแปลบปลาบ

“เหมือนฝนจะตก”

ยาจกผู้หนึ่งเอ่ยด้วยเสียงประหลาดใจ เหตุใดต้นฤดูหนาวจึงมีเมฆฝนได้

“นั่นมันเรื่องของฟ้า ส่วนเรื่องของพวกเราคือหาที่ซุกหัวนอน”

สิ้นคำหัวหน้ายาจกก็ก้าวข้ามศพเด็กหนุ่มขอทานผู้นั้นไปอย่างไม่ไยดี พรรคพวกอีกสามคนจึงรีบตามไป

ไกลออกไปจากเมืองหลวงนับพันลี้

บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง สายลมหวีดหวิวแรงขึ้นตามเสียงที่เปล่งออกมาของนักบวชในลัทธินอกรีตผู้หนึ่ง

นักบวชในลัทธินอกรีตผู้นั้นสวมหมวกทรงสูง อาภรณ์สีดำสลับขาว มือหนึ่งยกตั้งขึ้นขณะที่ปากบริกรรมคาถาบางอย่าง ส่วนอีกมือถือดาบอาบชโลมเลือดสีแดงฉานตวัดไปมา เบื้องหน้าเป็นโต๊ะที่ประกอบด้วยเครื่องบูชา ตรงกลางโต๊ะมีหุ่นฟางสวมอาภรณ์ลายมังกรสีเหลืองทอง

เมื่อท้องฟ้าแปรปรวนถึงขีดสุดใบหน้าของเขาก็ปรากฏหยาดเหงื่อผุดพราย

....วิญญาณอาฆาตแค้น.... จงฟื้นคืน....

....วิญญูร่วงลับอย่างอับจน.... จงหวนกลับ...

.....ร่างแตกดับ.... จิตจงหวนคืน !....

สิ้นคำ นักบวชลัทธินอกรีตผู้นั้นก็ปักดาบเข้าสู่จุดกึ่งกลางกายของหุ่นฟาง

ฉึบ !

เปรี้ยง !

อสนีบาตฟาดลงมาที่ดาบเล่มนั้นราวกับสวรรค์พิโรธ เกิดเสียงดังก้องไปทั้งพสุธา นักบวชที่ทำพิธีถึงกับกระโดดหลบออกห่างจากแท่นพิธี ดวงตาจับจ้องหุ่นฟางที่กำลังมอดไหม้แน่วนิ่ง หากแต่ว่าร่างกายกลับสั่นสะท้านจนแทบควบคุมตนเองไม่ได้

เปรี้ยง !

เสียงฟ้าผ่าคำรามลั่นไปทั่วทั้งวังหลวง เสียงนั้นทำให้จักรพรรดินีสะดุ้งตื่นขึ้น พระหทัยของพระนางเต้นรัวราวกับกลองตี มือไม้เย็นเฉียบอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ขันที นางกำนัล และทหารรักษาพระองค์รีบวิ่งเข้ามาที่ตำหนักเมฆาสวรรค์ โคมตามจุดต่าง ๆ ถูกจุดขึ้นไม่ง่ายนักเพราะบัดนี้ทั้งสายลม และสายฝนต่างกระโชกแรง

“พระนางทรงตกพระทัยมากหรือไม่”

ชายบำเรอโอบกอดจักรพรรดินีเอาไว้แนบอกเพื่อปลอบขวัญ แต่ร่างของพระนางกลับไม่โอนอ่อนเข้าหาเขา แววพระเนตรยังคงฉายแววตื่นตระหนกอย่างขวัญเสีย

เมื่อขันทีประจำองค์ก้าวเข้ามาภายในห้องบรรทมแล้วคุกเข่าลงหน้าฉากกั้น จักรพรรดินีจึงรีบตรัสถามว่า

“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น”

“ทูลพระนาง ฟ้าผ่าลงที่เซียนเหรินโจ่วโซ่วด้านหน้าพระตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”

ระหว่างที่ขันทีทูลรายงานนั้น ท้องฟ้าด้านนอกก็แลบแปลบปลาบพร้อมกับส่งเสียงคำรามขึ้นมาอีกหน

จักรพรรดินีมองท้องฟ้าวิปลาสด้านนอกถึงกับอกสั่นขวัญแขวน เหงื่อเฉียบเย็นผุดพรายขึ้นที่แผ่นหลัง เพราะฝนไม่เคยตกในค่ำคืนต้นฤดูหนาวเช่นนี้มาก่อน  อีกทั้ง เซียนเหรินโจ่วโซ่วที่ด้านหน้าพระตำหนักนั้นเป็นสัตว์มงคลบนหลังคาซึ่งพระนางทรงมีราชโองการให้ทำขึ้นใหม่เป็นรูปปั้นหงส์ทดแทนรูปปั้นมังกรในปีที่พระนางทรงก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดินีของแผ่นดิน เมื่อมันถูกฟ้าทำลายลงเช่นนี้ มิเท่ากับว่าเป็นลางร้ายหรอกรึ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่46. จบ

    “หม่อมฉันหนิงเฟยขออภัยที่เสียกิริยาแล้ว เนื่องจากหม่อมฉันอยากจะท่องบทกลอนถวายฝ่าบาทสักบทเพคะ”“เจ้า !.....”ใต้เท้าหมิงฉางกำลังจะอ้าปากตวาดนางอีกรอบ แต่เฉินเฉิง รีบยกมือขึ้นห้ามแล้วเอ่ยว่า“ว่ามาเถอะ”น้ำเสียงของเขาสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นใจรอฟังกลอนบทนั้นโดยไม่รู้ตัว“เจ้าคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในใจข้า ด้วยปัญญาล้ำเลิศเป็นหนึ่งในใต้หล้าในใจข้าเจ้าคือยอดบุปผาสง่างาม ทุกโมงยามเคียงคู่ครองบัลลังก์”เมื่อนางเอ่ยบทกลอนนี้จบลง เฉินเฉิงไม่ลังเลอีกต่อไปประกาศก้องให้ได้ยินทั่วกันทั้งท้องพระโรงว่า“จากนี้ไปหนิงเฟยเป็นฮองเฮาของเราแต่เพียงผู้เดียว”ทุกคนในท้องพระโรงต่างตะลึงอ้าปากค้างไปตามกัน ๆ ฮ่องเต้ที่ไม่แตะต้องสตรีมากกว่าสิบปี บัดนี้กลับประกาศแต่งตั้งดรุณีน้อยเป็นฮองเฮาทันทีที่พบหน้า และยังไม่ทันที่เหล่าขุนนางจะหายตกตะลึง ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่า“ทุกคนออกไปให้หมด ข้าจะอยู่กับฮองเฮาของเราเพียงลำพัง”เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ออกไปจากท้องพระโรงด้วยความงวยงง แต่ก็มิได้มีผู้ทัดทานเพราะการที่ฮ่องเต้ยอมแตะต้องสตรีย่อมเป็นเรื่องดีแน่เมื่ออยู่กันเพียงลำพัง เฉินเฉิงรีบสาวเท้าเข้ามาหาสตรีเบื้องล่าง

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่45.เพียงเท่านี้

    ราชครูต้าเว่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากร่างไหลทะลักเปรอะเปื้อนแท่งทองคำบนพื้นเหล่านั้น แล้วเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายจากนั้นเมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตรงข้ามถูกจับกุมเอาไว้หมดแล้ว ลี่จู่จึงนำกำลังทหารไปยังตำหนักของหลวนถงในลำดับต่อไป จนในที่สุดเขาก็ควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในวังหลังเอาไว้ได้หลังเหตุการณ์ก่อกบฏสิ้นสุดลง แม่ทัพฉีเฮาและใต้เท้าจ้านได้อัญเชิญเฉินเฉิงฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ตามราชโองการของจักรพรรดินีเมื่อเฉินเฉิงฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยวัยเพียงสิบแปดพรรษา แล้วเขาก็ได้ทำตามคำขอของจักรพรรดินีทุกประการถึงแม้ว่าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬจะถูกเชิดชูให้เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน ภายใต้การดูแลขององค์ฮ่องเต้โดยตรง แต่สองพี่น้องฝาแฝดลี่จ้ง และลี่จู่ก็ไม่คิดรับใช้ราชสำนักอีกต่อไปจึงขอพระราชทานราชานุญาตให้พวกตนออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และรองแม่ทัพของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬบุรุษทั้งสองในอาภรณ์สีเรียบนั่งบนอาชาพ่วงพีด้วยกิริยาองอาจ ม้าเหยาะย่างผ่านฝูงชนที่กำลังมุงดูป้ายประกาศของทางการ เรื่อง จักรพรรดินีฟางเหรินผู้ไร้คุณธรรมสังหารองค์หญิงฟางหรง ชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งจักรพรรดินีด้วย

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่44. รับปาก

    “เฟิ่งอี๋....ข้าจะพาเจ้ากลับวังหลวงไปรักษา... เจ้าอดทนสักหน่อยนะ.. เฟิ่งอี๋”เฉินเฉิงใช้แขนเสื้อซับเลือดให้นางอย่างกระวนกระวาย เลือดของนางออกมากเกินไปแล้ว เขาต้องพานางกลับวังไปรักษา จึงพยายามออกแรงเพื่ออุ้มนางให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สุดท้ายก็ต้องจำยอมทรุดตัวลงนั่งกอดนางไว้แนบอกตามเดิมเพราะเสียงผะแผ่วของนางดังขึ้นว่า“ฝ่าบาท... ไม่มีประโยชน์เพคะ”เสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ ของนางทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เพราะเกรงว่าหากเขาขยับเพียงน้อยนิด ลมหายใจของนางก็จะถูกสายลมช่วงชิงไป“หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทรับปากสามประการ.... ประการแรก ฝ่าบาทโปรดอภัยโทษให้แก่หลวนถงทุกคน ประการที่สองขอฝ่าบาทโปรดดูแลหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแทนหม่อมฉันด้วย”ลี่จ้งได้ยินดังนั้น ก็สะอื้นไห้หนักขึ้น แม้จวบจนวินาทีสุดท้ายพระนางยังทรงรักและห่วงใยชีวิตข้ารับใช้อย่างพวกเขาหลังจากนี้หากพระนางไม่ขออภัยโทษ หลวนถงที่มีฐานะเป็นชายาบำเรอของจักรพรรดินีต้องถูกประหารให้ตายตกตามกันไป ส่วนหน่วยพยัคฆ์ทมิฬนั้นได้ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติการโหดเหี้ยมอำมหิตมีศัตรูมากมาย หากพระนางสิ้นลงเหล่าขุนนางที่มีใจเจ็บแค้นต้องถวายฎีกาให้ลงทัณฑ์พวกเขาปางตายเป็น

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่43.โปรดวางใจ

    ใต้เท้าจ้านรับม้วนราชโองการสีทองไว้ด้วยมือสั่นระริก หัวของเขาถึงกับสรรหาถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาไม่ถูก การสนทนาของแม่ทัพทั้งสองเมื่อครู่ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า แม่ทัพฉีเฮาเป็นสายลับขององค์จักรพรรดินีที่แฝงตัวอยู่ข้างกายองค์หญิงฟางหรง มิน่าเล่า แม้นว่าจะอยู่ไกลถึงพันลี้ แต่พระนางยังทรงล่วงรู้แผนการขององค์หญิงมาตลอดราวกับว่าเห็นได้ด้วยตาตนเอง“พระนางทรงรับสั่งเอาไว้ว่า... เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วให้ท่านเป็นผู้ประกาศราชโองการนี้”ลี่จ้งเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นใต้เท้าจ้านได้ยินดังนั้น พลันรู้สึกว่าม้วนราชโองการในมือหนักขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันทวี เหงื่อเม็ดใหญ่ถึงกับไหลย้อยลงที่ขมับ“ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าจะทำตามนั้น”ใต้เท้าจ้านแบกรับหน้าที่สำคัญเอาไว้ด้วยใจ ในอกเขาคล้ายกับมีความตื้นตันลูกใหญ่ถาโถมขึ้นมาจนรู้สึกตีบตันที่ลำคอ เมื่อรู้ว่าจักรพรรดินีที่ใคร ๆ ต่างมองว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้คุณธรรม แต่ความจริงแล้วที่พระองค์ทรงทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องบัลลังก์มังกรเพื่อคืนให้แก่ฮ่องเต้“เหตุใดพระนางต้องกระทำการที่เลี่ยงแก่ชีวิตตนเองเช่นนี้ด้วย”แม่ทัพฉีเฮาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลยุทธ์ในการศึกมีมากก

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่42.ท้าทาย

    คำถามที่เป็นเหมือนดังเช่นคำตัดพ้อของเฟิ่งอี๋ทำให้เฉินเฉิงชะงักไป ทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยมาล้วนตรงกับสิ่งที่เขาคิดทั้งสิ้น หากตอนนั้นนางบอกเขาตรง ๆ ว่าน้องสาวสายเลือดเดียวกันคิดจะฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์ เขาก็คงไม่เชื่อ และจะระแวงสงสัยนางเสียอีกว่ายั่วยุให้เขาสังหารพี่น้อง ดังนั้น นางจึงใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เขาเห็นกับตาตนเององค์หญิงฟางหรงยิ้มเยาะออกมาแล้วเอ่ยยั่วอารมณ์เฟิ่งอี๋ว่า“ฮองเฮา... ท่านทรงรักฝ่าบาทยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ฝ่าบาทเคยพระราชแพรขาวปลิดชีพท่านจนตายมาแล้ว นอกจากท่านจะไม่แค้นแล้วยังปกป้องเขา ช่างโง่งมจริง ๆ”“ฟางหรง ! เจ้าหยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว”เฉินเฉิงตวาดออกมาด้วยความโมโหที่นางตั้งใจยั่วยุให้เขาและเฟิ่งอี๋ขัดแย้งกันอีก ทั้งยังกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยเขา“หม่อมฉันก็ไม่ได้โง่พอให้องค์หญิงได้ครอบครองบัลลังก์มังกรได้อย่างสมใจนึกหรอกเพคะ”เฟิ่งอี๋เชิดหน้าตอบกลับอย่างท้าทาย“เจ้า !”ฟางหรงชี้นิ้วสั่นระริกไปใบหน้าหยิ่งผยองของสตรีอีกคน ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเมื่อถูกยอกย้อนกลับในขณะที่สถานการณ์ตรงหน้ากำลังตึงเครียด สื่อหม่าก็ร้องโอดครวญขึ้นมาว่า “โอ๊ย... องค

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่41.ถูกพิษ

    เมื่อนางกินไก่ตุ๋นที่เฉินเฉิงนำมาให้จนหมดแล้วรู้สึกง่วง และอ่อนเพลียมากจึงเผลอหลับไป ครั้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมายังรู้สึกว่าเหมื่อยล้าไปหมด เหงื่อผุดซึมตามตัวคล้ายกับว่าภายในร่างกายกำลังต่อต้านกับพิษ“ลี่จู่... ลี่จ้ง...”เฟิ่งอี๋ส่งเสียงเรียกขันทีข้างกายเสียงเบา ไม่นานนักผู้ภักดีทั้งสองก็ปรากฏกายขึ้นข้างแท่นบรรทม“พระนางทรงเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ สีหน้าไม่สู้ดีนัก”ลี่จู่รีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้น ส่วนลี่จ้งนั้นรีบหาผ้าชุบน้ำมาซับใบหน้านางเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น“เราคิดว่า... เรากำลังถูกพิษ”“กระหม่อมจะไปสังหารฮ่องเต้เดี๋ยวนี้ !”ลี่จ้งขว้างผ้าในมือทิ้ง ผุดลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด คนที่อยู่กับพระนางตลอดช่วงเย็นนี้มีเพียงเฉินเฉิงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้น คนที่วางยาพิษพระนางจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา“ช้าก่อน”เฟิ่งอี๋รีบเอ่ยห้าม เพราะรู้ว่าลี่จ้งวรยุทธ์สูงมากแค่ไหน เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถปลิดชีพบุรุษอ่อนแอย่างเฉินเฉิงได้แล้ว“ฝ่าบาททรงทำร้ายพระนางครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดพระนางยังทรงอาลัยอาวรณ์ฝ่าบาทอยู่อีกเล่า”ลี่จู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขามิได้ใจแข็งดั่งเช่นพี่ชายฝาแฝด เมื่อรู้สึกปวดใจแ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status