หน้าหลัก / โรแมนติก / มังกรหวนคืนบัลลังก์ / ตอนที่2.  อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง

แชร์

ตอนที่2.  อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง

ผู้เขียน: Bunmeebooks
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-25 21:39:11

อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง สายฟ้าแปลบปลาบจากท้องฟ้าพุ่งวาบลงยังร่างของขอทานหนุ่ม

ร่างที่เดิมทีสิ้นลมหายใจไปแล้วกลับเกร็งกระตุกท่ามกลางสายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ชำระคราบสกปรกบนใบหน้าเผยความผุดผ่องให้เห็น ขนตายาวเรียงกันเป็นแพราวอิสตรีกระพือไหว ในขณะที่ร่างผอมเริ่มขยับกายพลิกตัวลุกขึ้น  ฉับพลันนั้นสายฝนก็หยุดลง พร้อมกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งขึ้นมาอีกครั้ง

ณ แท่นพิธี บนยอดเขาสูง

เมื่อพายุสงบลง ผู้ที่ยืนดูพิธีกรรมอยู่ห่าง ๆ ก็รวบรวมความกล้าก้าวเท้าเข้าไปถามนักบวชว่า

“พิธีหวนคืนวิญญาณได้ผลหรือไม่”

เสียงของชายชราผู้นั้นแปร่งเล็กคล้ายอิสตรีอยู่หลายส่วน

“ท่านก็เห็นกับตาแล้วมิใช่หรือ หุ่นฟางตนนี้ถูกอสนีบาตสวรรค์แผดเผามอดไหม้ ทรัพย์เก่าเพรียกหา วิญญาณหวนคืน”

นักบวชนอกรีตผู้นั้นเอ่ยอย่างลำพองใจที่พิธีกรรมเสร็จสิ้นด้วยดี เท่ากับว่าฝีมือเขาสูงขึ้นไปอีกขั้น

“เช่นนั้นก็ดี.... เช่นนั้นก็ดี...”

ชายชราผู้จ้างวานให้นักบวชทำพิธีให้ผงกศีรษะพลางเช็ดน้ำตา น้ำเสียงแปร่งเล็กสั่นเครือ แล้วเขาก็ล้วงเอาถุงบรรจุแท่งทองนับสิบแท่งยื่นให้นักบวชพลางกล่าวว่า

“ขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยฟื้นคืนมังกรสู่แผ่นดิน”

นักบวชนอกรีตรับถุงแท่งทองนั่นมา แล้วรีบเปิดดูด้วยความดีใจ ทันทีที่เห็นแท่งทองทอประกายวาววับยามต้องแสงไฟ สติเขาก็ดับวูบลงพร้อมกับความเจ็บแปลบที่ช่องท้อง

ฉึก !

ชายชราผู้จ้างวานกระชากมีดออก เลือดของนักบวชก็พุ่งกระฉูดออกมาเปรอะเปื้อนเต็มตัวเขา แววตาสงบเยือกเย็นมองดูร่างนักบวชสิ้นใจล้มลงแทบเท้า

“ขอท่านอย่าได้โทษข้า ความลับสวรรค์มิอาจแพร่งพราย !”

ณ ตำหนักหย่งซาน   เมืองซานซี

รถม้าคันหนึ่งวิ่งฝ่าความมืดมาอย่างรวดเร็ว แล้วจอดลงที่หน้าตำหนักหย่งซาน จากนั้นชายชราผู้หนึ่งก็รีบร้อนลงจากรถม้า ทหารเฝ้าประตูตำหนักสองนายรีบเปิดประตูให้ทันทีที่เห็นใบหน้าชายชราผู้นั้น

เฉินกง  มุ่งหน้าเข้าไปที่เรือนรับรองด้านหน้า แม้จะล่วงเข้าสู่ยามโฉ่วแล้ว แต่ทั่วทั้งห้องยังจุดโคมไฟสว่างไสว เมื่อพบดรุณีในอาภรณ์ชาววังเขาก็รีบคุกเข่าลง

“ถวายบังคมองค์หญิง”

องค์หญิงฟางหรงลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วรีบเข้าไปประคองขันทีชราให้ลุกขึ้น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า

“เฉินกง ท่านลุกขึ้นเถอะ ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วที่นี่มิใช่วังหลวงไม่ต้องมากพิธี พื้นเย็นออกปานนั้นจะทำลายสุขภาพท่านเอาได้”

ชายชราลุกขึ้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยนั้นปรากฏความซาบซึ้งในน้ำใจขององค์หญิงฟางหรง เชื้อพระวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่หนีรอดมาได้จากการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

แค่ก.....      แค่ก......

องค์หญิงฟางหรงไอออกมาขณะที่เดินกลับไปยังที่นั่งของตน นางกำนัลข้างกายรีบนำเสื้อคลุมมาถวาย พร้อมกับถ้วยโอสถ 

นางเป็นธิดาที่เกิดจากกุ้ยเฟยในฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่เพราะกุ้ยเฟยสุขภาพอ่อนแอจึงเสียชีวิตทันทีที่คลอดธิดา ฮองเฮาซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาของกุ้ยเฟยจึงเป็นผู้เลี้ยงดูนางเสมือนธิดาในอุทรร่วมกันกับโอรสทั้งสองของพระองค์

เมื่อโอรสองค์โตของฮองเฮาขึ้นครองราชย์แทนบิดา ฐานะของนางจึงกลายเป็นน้องสาวของฮ่องเต้ แต่เพราะว่านางยังเยาว์วัย อีกทั้งสุขภาพอ่อนแอ องค์หญิงฟางหรงจึงยังคงอยู่ในความดูแลไทเฮาจนกระทั่งนางอายุได้ 14 ปี  ก็เกิดเหตุการณ์ผลัดเปลี่ยนรัชกาลนางกับข้าทาสบริวารที่เหลือจึงถูกเนรเทศให้ไปอยู่ชายแดน

“องค์หญิงลำบากท่านแล้ว ที่ต้องมานั่งคอยชายชราอย่างเช่นกระหม่อม”

เฉินกงเสียงสั่นพร่าด้วยความห่วงใย เขาเป็นขันทีคนสนิทของไทเฮา ดังนั้นจึงเห็นองค์หญิงมาตั้งแต่ยังเป็นทารก

ในดวงตาฝ้าฟางคล้ายมีหมอกปกคลุมนั้นหวนนึกถึงวันที่ฮ่องเต้ตายอย่างอนาถ ส่วนพระอนุชาของฮ่องเต้ก็ถูกสังหารข้อหากบฏ ภายในวันเดียวกันนั้นส่งผลให้ไทเฮาถึงกับกระอักโลหิตสด ๆ ออกมา หลังจากนั้นไทเฮาก็ล้มป่วยหนัก ก่อนสิ้นใจไทเฮาได้เรียกเขา และองค์หญิงฟางหรงเข้าไปสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย

“... ข้า... ข้าไม่เชื่อว่าเฉินฉู่เป็นกบฏ... ฮ่องเต้... ฮ่องเต้ตายอย่างอนาถนัก..”

ไทเฮาตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแผ่วเบา ดวงตาแดงก่ำแทบจะเป็นสายเลือด

“ไทเฮาอย่าเพิ่งตรัสอะไรตอนนี้เพคะ ถนอมพระวรกายให้ดีเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับท่านพี่ทั้งสอง”

องค์หญิงน้อยสะอึกสะอื้นข้าง ๆ เตียง สองมือเกาะกุมพระหัตถ์ไทเฮาเอาไว้แน่น

“...ข้า.. ต้องพูด ข้ารู้ตัวว่าเวลาของข้าเหลือน้อยเต็มทน.. เฉินกง... เฉินกง...”

“กระหม่อมอยู่นี่แล้ว”

เฉินกงรีบขยับเข้ามาใกล้พระวรกายของไทเฮาอีกนิด เพื่อให้พระนางทรงทอดพระเนตรเห็นตนได้ชัดเจน

“เจ้าฟังข้า... เปิดกล่องที่อยู่ใต้แท่นบรรทมข้า แล้วจงกระทำทุกวิธีทาง... ให้... ให้มังกรหวนคืนบัลลังก์..”

สิ้นคำ ไทเฮาก็หลับพระเนตรลง พระพักตร์หันเอียงไปด้านหนึ่ง แล้วสิ้นพระชนม์

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของไทเฮา เขาและองค์หญิงฟางหรงจึงได้เปิดกล่องที่อยู่ใต้แท่นบรรทมของไทเฮาแล้วพบว่าในนั้นบรรจุม้วนผ้าไหมที่มีลายพระหัตถ์ของไทเฮาเขียนถึงแผนการเอาไว้อย่างละเอียดว่า เมื่อบัลลังก์มังกรตกเป็นของผู้อื่นที่ไม่ใช่สายเลือดมังกรให้เขาพาองค์หญิงน้อย และข้าทาสบบริวารที่เหลือออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด แล้วเสาะแสวงหานักบวชนอกรีตเพื่อทำพิธีฟื้นคืนชีพให้กับฮ่องเต้

แค่ก.....      แค่ก......

เสียงไอขององค์หญิงฟางหรงดึงสติของขันทีชราให้กลับสู่ปัจจุบัน เขากะพริบตาเพื่อไล่น้ำตาที่รื้นขึ้นมา

“หากพูดถึงความลำบาก หลายปีมานี้เป็นท่านที่ลำบากยิ่งกว่าข้า”

องค์หญิงฟางหรงทอดเสียงซาบซึ้งให้กับขุนนางผู้ภักดี จากนั้นจึงเอ่ยถามถึงเรื่องสำคัญว่า

“คืนนี้... บนยอดเขา... สำเร็จหรือไม่”

วาจาที่เปล่งออกมานั้นระมัดระวังยิ่ง

เฉินกงหันมาสบพระเนตรองค์หญิง แล้วเปล่งวาจาคล้ายกับจะระงับความดีใจเอาไว้ไม่ได้ว่า

“สำเร็จ... สำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงฟางหรงยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดพระพักตร์ไอสองสามครั้ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า

“เป็นเรื่องดียิ่งนัก เช่นนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราทำตามพระราชเสาวนีย์ขององค์ไทเฮาให้สำเร็จลุล่วงได้ห้าส่วนแล้ว”

ขันทีชราได้แต่พยักหน้ารับ ก้อนแข็ง ๆ ก้อนหนึ่งได้แล่นพล่านขึ้นมาจุกที่ลำคอ น้ำตาก็พาลจะไหลออกมา ตลอด 4 ปีมานี้ เขาเฝ้าเสาะแสวงหานักบวชที่สามารถทำพิธีเรียกวิญญาณให้ฟื้นคืนชีพอย่างอยากลำบาก ยิ่งนานวันความหวังยิ่งริบหรี่ แล้วก็เหมือนกับเป็นลิขิตสวรรค์ทำให้เขาได้กับนักบวชนอกรีตผู้นั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่46. จบ

    “หม่อมฉันหนิงเฟยขออภัยที่เสียกิริยาแล้ว เนื่องจากหม่อมฉันอยากจะท่องบทกลอนถวายฝ่าบาทสักบทเพคะ”“เจ้า !.....”ใต้เท้าหมิงฉางกำลังจะอ้าปากตวาดนางอีกรอบ แต่เฉินเฉิง รีบยกมือขึ้นห้ามแล้วเอ่ยว่า“ว่ามาเถอะ”น้ำเสียงของเขาสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นใจรอฟังกลอนบทนั้นโดยไม่รู้ตัว“เจ้าคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในใจข้า ด้วยปัญญาล้ำเลิศเป็นหนึ่งในใต้หล้าในใจข้าเจ้าคือยอดบุปผาสง่างาม ทุกโมงยามเคียงคู่ครองบัลลังก์”เมื่อนางเอ่ยบทกลอนนี้จบลง เฉินเฉิงไม่ลังเลอีกต่อไปประกาศก้องให้ได้ยินทั่วกันทั้งท้องพระโรงว่า“จากนี้ไปหนิงเฟยเป็นฮองเฮาของเราแต่เพียงผู้เดียว”ทุกคนในท้องพระโรงต่างตะลึงอ้าปากค้างไปตามกัน ๆ ฮ่องเต้ที่ไม่แตะต้องสตรีมากกว่าสิบปี บัดนี้กลับประกาศแต่งตั้งดรุณีน้อยเป็นฮองเฮาทันทีที่พบหน้า และยังไม่ทันที่เหล่าขุนนางจะหายตกตะลึง ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่า“ทุกคนออกไปให้หมด ข้าจะอยู่กับฮองเฮาของเราเพียงลำพัง”เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ออกไปจากท้องพระโรงด้วยความงวยงง แต่ก็มิได้มีผู้ทัดทานเพราะการที่ฮ่องเต้ยอมแตะต้องสตรีย่อมเป็นเรื่องดีแน่เมื่ออยู่กันเพียงลำพัง เฉินเฉิงรีบสาวเท้าเข้ามาหาสตรีเบื้องล่าง

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่45.เพียงเท่านี้

    ราชครูต้าเว่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากร่างไหลทะลักเปรอะเปื้อนแท่งทองคำบนพื้นเหล่านั้น แล้วเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายจากนั้นเมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตรงข้ามถูกจับกุมเอาไว้หมดแล้ว ลี่จู่จึงนำกำลังทหารไปยังตำหนักของหลวนถงในลำดับต่อไป จนในที่สุดเขาก็ควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในวังหลังเอาไว้ได้หลังเหตุการณ์ก่อกบฏสิ้นสุดลง แม่ทัพฉีเฮาและใต้เท้าจ้านได้อัญเชิญเฉินเฉิงฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ตามราชโองการของจักรพรรดินีเมื่อเฉินเฉิงฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยวัยเพียงสิบแปดพรรษา แล้วเขาก็ได้ทำตามคำขอของจักรพรรดินีทุกประการถึงแม้ว่าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬจะถูกเชิดชูให้เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน ภายใต้การดูแลขององค์ฮ่องเต้โดยตรง แต่สองพี่น้องฝาแฝดลี่จ้ง และลี่จู่ก็ไม่คิดรับใช้ราชสำนักอีกต่อไปจึงขอพระราชทานราชานุญาตให้พวกตนออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และรองแม่ทัพของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬบุรุษทั้งสองในอาภรณ์สีเรียบนั่งบนอาชาพ่วงพีด้วยกิริยาองอาจ ม้าเหยาะย่างผ่านฝูงชนที่กำลังมุงดูป้ายประกาศของทางการ เรื่อง จักรพรรดินีฟางเหรินผู้ไร้คุณธรรมสังหารองค์หญิงฟางหรง ชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งจักรพรรดินีด้วย

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่44. รับปาก

    “เฟิ่งอี๋....ข้าจะพาเจ้ากลับวังหลวงไปรักษา... เจ้าอดทนสักหน่อยนะ.. เฟิ่งอี๋”เฉินเฉิงใช้แขนเสื้อซับเลือดให้นางอย่างกระวนกระวาย เลือดของนางออกมากเกินไปแล้ว เขาต้องพานางกลับวังไปรักษา จึงพยายามออกแรงเพื่ออุ้มนางให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สุดท้ายก็ต้องจำยอมทรุดตัวลงนั่งกอดนางไว้แนบอกตามเดิมเพราะเสียงผะแผ่วของนางดังขึ้นว่า“ฝ่าบาท... ไม่มีประโยชน์เพคะ”เสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ ของนางทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เพราะเกรงว่าหากเขาขยับเพียงน้อยนิด ลมหายใจของนางก็จะถูกสายลมช่วงชิงไป“หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทรับปากสามประการ.... ประการแรก ฝ่าบาทโปรดอภัยโทษให้แก่หลวนถงทุกคน ประการที่สองขอฝ่าบาทโปรดดูแลหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแทนหม่อมฉันด้วย”ลี่จ้งได้ยินดังนั้น ก็สะอื้นไห้หนักขึ้น แม้จวบจนวินาทีสุดท้ายพระนางยังทรงรักและห่วงใยชีวิตข้ารับใช้อย่างพวกเขาหลังจากนี้หากพระนางไม่ขออภัยโทษ หลวนถงที่มีฐานะเป็นชายาบำเรอของจักรพรรดินีต้องถูกประหารให้ตายตกตามกันไป ส่วนหน่วยพยัคฆ์ทมิฬนั้นได้ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติการโหดเหี้ยมอำมหิตมีศัตรูมากมาย หากพระนางสิ้นลงเหล่าขุนนางที่มีใจเจ็บแค้นต้องถวายฎีกาให้ลงทัณฑ์พวกเขาปางตายเป็น

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่43.โปรดวางใจ

    ใต้เท้าจ้านรับม้วนราชโองการสีทองไว้ด้วยมือสั่นระริก หัวของเขาถึงกับสรรหาถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาไม่ถูก การสนทนาของแม่ทัพทั้งสองเมื่อครู่ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า แม่ทัพฉีเฮาเป็นสายลับขององค์จักรพรรดินีที่แฝงตัวอยู่ข้างกายองค์หญิงฟางหรง มิน่าเล่า แม้นว่าจะอยู่ไกลถึงพันลี้ แต่พระนางยังทรงล่วงรู้แผนการขององค์หญิงมาตลอดราวกับว่าเห็นได้ด้วยตาตนเอง“พระนางทรงรับสั่งเอาไว้ว่า... เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วให้ท่านเป็นผู้ประกาศราชโองการนี้”ลี่จ้งเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นใต้เท้าจ้านได้ยินดังนั้น พลันรู้สึกว่าม้วนราชโองการในมือหนักขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันทวี เหงื่อเม็ดใหญ่ถึงกับไหลย้อยลงที่ขมับ“ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าจะทำตามนั้น”ใต้เท้าจ้านแบกรับหน้าที่สำคัญเอาไว้ด้วยใจ ในอกเขาคล้ายกับมีความตื้นตันลูกใหญ่ถาโถมขึ้นมาจนรู้สึกตีบตันที่ลำคอ เมื่อรู้ว่าจักรพรรดินีที่ใคร ๆ ต่างมองว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้คุณธรรม แต่ความจริงแล้วที่พระองค์ทรงทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องบัลลังก์มังกรเพื่อคืนให้แก่ฮ่องเต้“เหตุใดพระนางต้องกระทำการที่เลี่ยงแก่ชีวิตตนเองเช่นนี้ด้วย”แม่ทัพฉีเฮาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลยุทธ์ในการศึกมีมากก

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่42.ท้าทาย

    คำถามที่เป็นเหมือนดังเช่นคำตัดพ้อของเฟิ่งอี๋ทำให้เฉินเฉิงชะงักไป ทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยมาล้วนตรงกับสิ่งที่เขาคิดทั้งสิ้น หากตอนนั้นนางบอกเขาตรง ๆ ว่าน้องสาวสายเลือดเดียวกันคิดจะฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์ เขาก็คงไม่เชื่อ และจะระแวงสงสัยนางเสียอีกว่ายั่วยุให้เขาสังหารพี่น้อง ดังนั้น นางจึงใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เขาเห็นกับตาตนเององค์หญิงฟางหรงยิ้มเยาะออกมาแล้วเอ่ยยั่วอารมณ์เฟิ่งอี๋ว่า“ฮองเฮา... ท่านทรงรักฝ่าบาทยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ฝ่าบาทเคยพระราชแพรขาวปลิดชีพท่านจนตายมาแล้ว นอกจากท่านจะไม่แค้นแล้วยังปกป้องเขา ช่างโง่งมจริง ๆ”“ฟางหรง ! เจ้าหยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว”เฉินเฉิงตวาดออกมาด้วยความโมโหที่นางตั้งใจยั่วยุให้เขาและเฟิ่งอี๋ขัดแย้งกันอีก ทั้งยังกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยเขา“หม่อมฉันก็ไม่ได้โง่พอให้องค์หญิงได้ครอบครองบัลลังก์มังกรได้อย่างสมใจนึกหรอกเพคะ”เฟิ่งอี๋เชิดหน้าตอบกลับอย่างท้าทาย“เจ้า !”ฟางหรงชี้นิ้วสั่นระริกไปใบหน้าหยิ่งผยองของสตรีอีกคน ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเมื่อถูกยอกย้อนกลับในขณะที่สถานการณ์ตรงหน้ากำลังตึงเครียด สื่อหม่าก็ร้องโอดครวญขึ้นมาว่า “โอ๊ย... องค

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่41.ถูกพิษ

    เมื่อนางกินไก่ตุ๋นที่เฉินเฉิงนำมาให้จนหมดแล้วรู้สึกง่วง และอ่อนเพลียมากจึงเผลอหลับไป ครั้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมายังรู้สึกว่าเหมื่อยล้าไปหมด เหงื่อผุดซึมตามตัวคล้ายกับว่าภายในร่างกายกำลังต่อต้านกับพิษ“ลี่จู่... ลี่จ้ง...”เฟิ่งอี๋ส่งเสียงเรียกขันทีข้างกายเสียงเบา ไม่นานนักผู้ภักดีทั้งสองก็ปรากฏกายขึ้นข้างแท่นบรรทม“พระนางทรงเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ สีหน้าไม่สู้ดีนัก”ลี่จู่รีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้น ส่วนลี่จ้งนั้นรีบหาผ้าชุบน้ำมาซับใบหน้านางเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น“เราคิดว่า... เรากำลังถูกพิษ”“กระหม่อมจะไปสังหารฮ่องเต้เดี๋ยวนี้ !”ลี่จ้งขว้างผ้าในมือทิ้ง ผุดลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด คนที่อยู่กับพระนางตลอดช่วงเย็นนี้มีเพียงเฉินเฉิงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้น คนที่วางยาพิษพระนางจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา“ช้าก่อน”เฟิ่งอี๋รีบเอ่ยห้าม เพราะรู้ว่าลี่จ้งวรยุทธ์สูงมากแค่ไหน เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถปลิดชีพบุรุษอ่อนแอย่างเฉินเฉิงได้แล้ว“ฝ่าบาททรงทำร้ายพระนางครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดพระนางยังทรงอาลัยอาวรณ์ฝ่าบาทอยู่อีกเล่า”ลี่จู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขามิได้ใจแข็งดั่งเช่นพี่ชายฝาแฝด เมื่อรู้สึกปวดใจแ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status