Beranda / โรแมนติก / มัทรีลุ้นรัก / 1.ชีวิตฉันต้องดี

Share

1.ชีวิตฉันต้องดี

Penulis: rasita_suin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-16 14:24:36

“แกดูผอมกว่าเดิมไปมากอ่ะมัท”

พิสินีเพื่อนสนิททักขึ้นเมื่อทั้งสองนัดดูหนังแก้เซ็งกันในวันหนึ่งที่อีกฝ่ายหยุดงาน

“นั่นคงเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวของฉันมั้ง”

มัทรีพูดพร้อมยิ้มแห้ง

การถูกเลิกจ้างครั้งแรกในชีวิตมันออกจะมึนหน่อยสำหรับเธอ แต่ก็นั่นแหละ เรื่องแบบนี้ขอแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

เธอค่อนข้างเครียดและคิดมาก สภาพจิตใจไม่ค่อยปกติ แม้จะไม่ได้เสียใจแต่บางวูบก็ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ กับคำบอกของหัวหน้างาน ‘งานที่เธอทำมันไม่มีประโยชน์’

โชคดีมีเพื่อนกับรุ่นพี่ต้องออกมาพร้อมกันหลายคน จึงนัดกันไปจัดการเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมเพื่อรับเงินชดเชยหกเดือนในช่วงที่ยังไม่มีงานทำ ทั้งยังคอยบอกคอยเตือนวันรายงานตัว นับว่าเป็นมิตรภาพที่ดีไม่น้อยในเวลาที่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร

“ว่างมาเดือนกว่าแล้วแกคิดจะเอาไงกับชีวิต”

หลังจากดูหนังแล้วสองสาวก็มานั่งละเลียดอาหารในร้านเฟรนไชส์ไก่จากเกาหลีร้านหนึ่ง

มัทรีถอนหายใจก่อนจะตอบ

“บอกตามตรง ฉันหมดศรัทธาในงานประจำแล้วอ่ะ แถมอายุก็ตั้งขนาดนี้แล้ว ไปสมัครงานที่ไหนใครเขาจะรับ”

“หยาบคาย มันก็คงยังพอหาได้อยู่หรอก”

พิสินีอดค้อนไม่ได้เพราะพูดแบบนี้ก็เท่ากับเธอก็แก่เหมือนกัน ทั้งที่เธอหยุดอายุไว้แค่ยี่สิบเจ็ดมาเจ็ดปีแล้ว

“แกไม่อยากหามากกว่า”

“อืม”

มัทรีพยักหน้ารับง่ายๆ ใครไม่เป็นเธอไม่มีวันเข้าใจ เมื่อได้เรียนรู้ว่าการตั้งใจทำงานเพื่อองค์กรไม่เคยมีความหมายใด บริษัทต้องเดินไปข้างหน้า มดงานตัวน้อยนิดไม่มีผลประโยชน์ก็จบ มีออกก็มีเข้าใหม่ได้เรื่อยๆ มันเป็นกลไกเพื่อความอยู่รอด เธอไม่โทษใคร เพียงแค่รู้สึกว่าอยากหันมาทุ่มเทกับตัวเองมากกว่า

“แกดูสิ เราทำงานงกๆ ตั้งแต่เรียนจบจนอายุสามสิบสี่ ยังโสด ยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ไม่มีความมั่นคงในชีวิตสักอย่าง”

“แกมีคอนโดไง”

พิสินีบอก สองสาวซื้อคอนโดราคาไม่แพงนักอยู่โครงการเดียวกัน

“นั่นแหละ ภาระอันใหญ่ยิ่งของฉันเลย”

มัทรีหน้างอ เธอเพิ่งตัดสินใจซื้อคอนโดและเริ่มผ่อนได้ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ ตอนนี้ที่ยังไม่มีปัญหาเพราะมีเงินชดเชยจากบริษัท แต่ยังไงก็ต้องร่อยหรอ อย่างไรเสียก็ต้องหาเพิ่มก่อนที่เงินก้อนนี้จะหมดลง

“แล้วจะเอาไงล่ะ”

“อยากทำร้านกาแฟอ่ะ”

หญิงสาวเปรยกับเพื่อน แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่หลายคนก็คิด และหลายคนก็ทำ แถมคนสมัยนี้ยังนิยมชงกาแฟดื่มเองที่บ้านด้วย เครื่องชงกาแฟหาซื้อได้อย่างสะดวกหลายแบบแล้วแต่ชอบ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำร้านกาแฟแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่มีทุน ยังต้องอาศัยทำเล ความรู้ รสชาติเป็นปัจจัย แต่มัทรีก็อยากทำ

“ถ้าเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ จะเหนื่อย จะล้ม ฉันคิดว่าก็ยังไม่แก่จนเกินไป ยังพอสู้ต่อได้อยู่นะ”

เธอบอกพร้อมกับยักไหล่

พิสินียิ้มขำท่าทางของเพื่อน มัทรีมีความคิดบวกอยู่เสมอ เพื่อนเธอไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจผู้คนนัก ไม่ว่าคนพวกนั้นจะคิดอย่างไรพูดอย่างไร หรือเป็นคนแบบไหนก็ไม่เคยใส่ใจ ใช้ชีวิตอยู่กับความสุขในแบบของตัวเอง ไม่แปลกพอเจอเรื่องโหดร้ายกับความรู้สึกแบบนี้สิ่งที่มัทรีจะเลือกก็คือเดินหนี เดินไปหาความสุขแบบใหม่

ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของมัทรีเข้ามาพอดีหญิงสาวจึงหยิบขึ้นมารับ

“จ้ะแม่”

เมื่อเห็นชื่อที่หน้าจอหญิงสาวก็ทักมารดาด้วยน้ำเสียงสบายๆ

‘ว่าไง ตัดสินใจได้หรือยังลูกฉัน’

คำถามถูกเอ่ยขึ้นมาแทนคำทักทายทำเอามัทรีถึงกับถอนหายใจ

“ไม่เอาอ่ะแม่”

‘อะไร แม่อุตส่าห์หาทางช่วยให้กลับมาอยู่บ้านเราสบายๆ ไปต้องดิ้นรนอยู่กรุงเทพฯ ยังเรื่องมากอยู่ได้’

คนฟังหน้างอ สบายๆ ของแม่คือกลับไปแต่งงานกับคนแก่รุ่นอา นายอำเภอที่เป็นโสดเพราะสูญเสียภรรยาไปห้าปีแล้วยังไม่แต่งงานใหม่

“ก็มันไม่ใช่อ่ะแม่”

มัทรีพูดเสียงยานคางงอแง เหลือบสบตากับพิสินีที่มองเธอด้วยความสนอกสนใจ

‘นายอำเภอเขาถูกใจแกตั้งแต่ที่เห็นตอนมาสงกรานต์แล้ว ถ้าเขาไม่สนใจจริงๆ เขาไม่ถามถึงกับแม่อีกหรอก ผู้ใหญ่บ้านเขาก็เห็นดีด้วยนะ บอกว่านายอำเภอเป็นคนดี ไม่ขี้เหล้า เลิกงานกลับบ้านไม่มีเหลวไหล’

“นั่นก็เกินไปแล้วแม่”

หญิงสาวบอกอย่างไม่เชื่อ คนส่วนใหญ่ก็พูดเอาดีเข้าตัวทั้งนั้น ไม่ใช่เธอคิดว่าผู้ใหญ่บ้านไม่ดีหรอก แต่ไม่แปลกถ้าจะช่วยสนับสนุนคนที่เอื้อผลประโยชน์กับตัวเองได้

‘เรื่องมากจริงลูกฉัน ให้กลับมาเป็นคุณนายนายอำเภอก็ไม่เอา อายุแกก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะมัท’

“รู้แล้วแม่ จะย้ำทำไม”

มัทรีกลอกตาทำปากยื่น

‘ก็ย้ำให้รู้น่ะสิ ว่าปูนนี้แล้วผู้ชายในกรุงเทพฯ ที่ไหนเขาจะมามองแก รุ่นเดียวกันเขาก็หาเมียเด็กกว่าแกทั้งนั้น อย่างแกน่ะมันต้องได้กับคนสี่สิบห้าสิบน่ะถูกแล้ว’

“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาเลี้ยงตัวเองกันได้หมดแล้วแม่”

‘เฮ้อ ฉันล่ะเบื่อแกจริงๆ แล้วนี่จะไม่กลับจริงๆ ใช่ไหม ฉันจะไปพูดกับผู้ใหญ่เขายังไงล่ะ’

เสียงมารดาบ่นมาตามสายอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“แม่ก็เฉยๆ แค่นั้นเอง”

‘แล้วถ้าผู้ใหญ่บ้านแกถามล่ะ’

“บอกว่านังมัทมันดื้อ แค่นั้นแหละแม่”

หญิงสาวทำน้ำเสียงให้เหมือนมารดา ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจหงุดหงิดมาตามสาย

‘เออ แกมันดื้อจริงๆ ฉันมันเลี้ยงลูกบังเกิดเกล้า’

แม้จะบ่นแต่น้ำเสียงมารดาไม่ได้ดุเลยสักนิด ออกจะขำด้วยซ้ำ

บิดากับมารดาของเธอเป็นชาวสวนส้มโอธรรมดา เมื่อตอนยังเด็กเธอเห็นทั้งสองคนทำงานเหนื่อยเพื่อส่งเธอกับน้องๆ วัยไล่เลี่ยกันเรียน กระทั่งพวกเธอเริ่มทำงานจึงมีลูกจ้างเพิ่มขึ้นและตอนนี้ก็ไม่ต้องทำเองแล้ว แถมบิดายังได้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้มารดาของเธอออกงานเป็นหลัก งานสวนส้มโอมีน้องสาวกับน้องเขยช่วยกันดูแลจัดการ น้องชายเธอก็เป็นข้าราชการอยู่ในตัวจังหวัดนครปฐมและแต่งงานไปแล้ว

มัทรีไม่แปลกใจที่มารดาจะพยายามผลักดันให้เธอแต่งงาน ยอมรับว่าหากได้เป็นคุณนายนายอำเภอถือว่าโชคดีมาก เดาได้เลยว่าวันๆ ของเธอคงมีแค่แต่งตัวสวยออกสังคมพบเจอกับคุณหญิงคุณนาย ปั้นหน้ายิ้ม จับกลุ่มเมาท์ แต่นั่นไม่ใช่ชีวิตแต่งงานแบบที่มัทรีต้องการ

ถึงจะยังไม่รู้ว่าตนเองต้องการชีวิตแต่งงานแบบไหน ทว่าที่รู้คือเธอต้องการชีวิตประจำวันที่สงบมากกว่าสีสันจัดเต็มตลอดเวลาแบบนั้น

“แม่แกว่าไง”

พอวางสายพิสินีก็ถามทันที

“เรื่องเดิมๆ”

มัทรีตอบอย่างเซ็งๆ ขณะที่เพื่อนยิ้มให้อย่างทะเล้น

“แกไม่บอกแม่ไปตรงๆ เลยล่ะ ว่าไม่ชอบคนแก่”

“แม่ก็บอกว่าฉันแก่แล้ว ผู้ชายอายุเท่าเราเขาก็ชอบเด็กๆ ทั้งนั้น”

“แหม...ผู้ชายสมัยนี้ก็ชอบคนอายุเยอะกว่าเยอะแยะไป แม่ไม่วัยรุ่นเลย”

พิสินีบ่นอย่างขำๆ พูดเรื่องแก่เมื่อไรแล้วมันเจ็บจี๊ดทุกที

“เฮ้อ เรื่องนั้นมันหวังยากแล้ว ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”

เธอไม่ได้คิดอยากเป็นโสด แต่ตอนนี้เรื่องงานเรื่องเงินสำคัญกว่า

“ฉันอยากได้เงินก้อนเพิ่มอีกหน่อย มารวมเป็นทุนทำร้านกาแฟ แต่จะหาจากไหนยังไม่รู้ มีคอนโดเอาไปค้ำกู้ได้ไหม แต่ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มนี่สิ ตัวคนเดียวใช้หนี้หัวโตมันลำบากเกิน”

มัทรีนั่งคิดนอนคิดมาหลายวันระหว่างหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ ว่าเธอจะหางานพิเศษทำได้จากที่ไหนบ้าง

“แกว่า ฉันทำยูทูบสอนภาษาออนไลน์ดีไหม”

“เออ อันนี้ดี ถ้าเวิร์กนี่แกอยู่ได้ตลอด ไม่ลำบากเลยนะ”

พิสินีพยักหน้าเห็นด้วย ยังโชคดีที่พวกเธอเรียนจบเอกภาษาอังกฤษมา มีโอกาสสมัครงานบริษัทใหญ่หรือบริษัทที่ร่วมทุนกับต่างชาติ เหมือนเช่นเธอตอนนี้ก็ทำงานในบริษัทนำเข้ารถยนต์แห่งหนึ่งที่เป็นของชาวต่างชาติ

“แต่ไม่อยากโชว์หน้าตัวเองอ่ะ คงต้องคิดหาวิธีนำเสนอให้น่าสนใจ”

เธอกำลังพยายามเรียนรู้ในเรื่องนี้อยู่ว่าช่องอื่นๆ มีวิธีนำเสนอคอนเทนต์ในการสอนแบบไหนบ้าง

“เอาเลยเพื่อน สู้ๆ”

เพื่อนสนิทยกมือขึ้นมากำชูขึ้นในแบบที่คนสมัยนี้มักจะทำในยุคเกาหลีฟีเว่อร์

มัทรีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มมุ่งมั่น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ตั้งตัวไม่ทันก็จริง แต่เธอคิดว่ามันอาจเป็นโอกาสให้ได้ทำอะไรใหม่ๆ ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาทำงานประจำในหน้าที่ของตนไปวันๆ หนึ่งเหมือนที่ผ่านมา

วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่อาจรู้ได้ แต่มัทรีพอใจและพร้อมจะทุ่มเทกับสิ่งที่ตนเองเลือก

=====

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มัทรีลุ้นรัก   6.เที่ยวคนเดียวก็ผิด

    เนื้อตัวแข็งแกร่งที่ได้สัมผัสมายังติดอยู่ในความรู้สึก แม้อยากสลัดให้หลุดออกไปแต่มันก็ไม่จางหายมัทรีใจสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ความเจ็บในใจที่เห็นฐิติกรฉีกแฟ้มต่อหน้ายังมี มือบางกำแน่น ริมฝีปากล่างถูกกัดสะกดอารมณ์ ทำไมเขาต้องทำร้ายจิตใจเธอ มัทรีรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจที่น้องสาวเขาส่งเธอมาแต่ไม่คิดว่าจะมากจนถึงกับใจร้ายกับเธอแบบนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เธอจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเด็ดขาดหญิงสาวบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่มีใครดูแลจิตใจและเป็นกำลังใจให้เราได้เท่าตัวเราเองที่สำคัญเธอจะไม่ทุ่มเทให้กับนายจ้าง ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดไปเกี่ยวข้องกับงาน ระลึกไว้เสมอว่านายจ้างก็เป็นแค่คนอื่น ไม่ใช่พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต้องผูกพันใดๆ งานไม่สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ ในเมื่อเธอทำเต็มที่แล้ว อดหลับอดนอนพยายามทำแฟ้มงานอย่างดีที่สุด ฐิติกรยังไม่สนใจ ฉะนั้นเธอก็ไม่คิดเซ้าซี้อีก ต่อจากนี้หากชายหนุ่มไม่สั่งมัทรีก็จะไม่เอ่ยเรื่องเที่ยวกับเขาอีก“ฉันเหนื่อยกับการเป็นลูกจ้างมาพอแล้ว งานส่งไปแล้วไม่ชอบก็เรื่องของเขา ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”มื้อเย็นนั้นมัทรีออกมาทานอาหารร่วมโต๊ะกับฐิติกรและทุกคนด้วยสีหน้า

  • มัทรีลุ้นรัก   5.รางวัลในความพยายาม (2)

    มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องที่น้ำอิงบอกเอาไว้เบาๆ ภายในห้องเงียบไม่ตอบอะไร เธอจึงเคาะซ้ำพร้อมเอ่ย“คุณทิมคะ ฉันมัทรีนะคะ ฉันจะขอคุยเรื่องทริปเที่ยวน่ะค่ะ”ยังไม่มีเสียงตอบ มัทรีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยิน ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามางีบหลับในห้องสมุดอย่างแน่นอน“ฉันไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ นะคะ”เธอพยายามทำเสียงให้หวานอย่างที่เคยได้ยินรติยาพูดกับพี่ชายของตน ทว่าข้างในยังเงียบ หญิงสาวกัดปากถอนหายใจ กำลังจะขยับเท้าถอยไปจากตรงนี้เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ“เชิญ”ร่างบางแทบกระโดดดีใจหากก็ยั้งตัวเองได้ทัน หญิงสาวยิ้มกับตนเองจนพอใจแล้วรีบหุบยิ้มวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปในห้องมัทรีแง้มประตูไว้เล็กน้อย ไม่ได้ปิดลงเพื่อแสดงเจตนาว่าเธอเข้ามาไม่นานแล้วจะออกไป ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่ายจริงๆ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงโซฟา พาดขายาวของเขาบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า สายตาจ้องหนังสือในมือของเขาโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย‘เอาเถอะ ไม่แปลกใจนักหรอก’หญิงสาวคิดกับตัวเอง รู้ดีว่าฐิติกรไม่ถูกชะตาเธอนัก แม้จะไม่เข้าใจว่า

  • มัทรีลุ้นรัก   5.รางวัลในความพยายาม (1)

    มัทรีเพ่งมองหน้าจอที่แตกร้าวของตนอย่างยากลำบากเพื่อจดสถานที่เที่ยวเอาไว้ในสมุดเล็กๆ ตั้งใจจะคุยกับฐิติกรหลังมื้ออาหารเย็น เธอไม่สนใจแล้วว่าผู้หญิงของเขาจะมองเธอแบบไหน หากอีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอเป็นคู่แข่งก็ดี ในเมื่อเปิดศึกมาแล้วคนอย่างมัทรีไม่ยอมให้ใครมาแกล้งฟรีแน่นอนทว่าก็อดถอนหายใจด้วยความเสียดายมือถือเป็นระยะไม่ได้ อยากร้องไห้กับชะตากรรมช่วงนี้สุดๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าหากเธอทำงานพิเศษสำเร็จก็มีเงินซ่อมมันแล้ว‘แยมอยากให้พี่ทิมเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่จริงใจ’เธอนึกถึงคำพูดของรติยาขึ้นมา‘เขาพยายามจะจับพี่ทิมให้ได้หลังจากได้มาเป็นพยาบาลส่วนตัวของพี่ทิมเมื่อสองเดือนก่อน ตอนไปเยี่ยมแยมเห็นกับตาว่าเขาเข้าไปเสนอตัวให้พี่ทิมถึงในห้องนอน ไม่เกรงใจหรือสนใจเลยว่าแยมก็อยู่บ้านนั้นด้วย ที่สำคัญเพื่อนแยมเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน เขาบอกว่าเธอมีคนที่คบหาอยู่แล้ว’ตอนฟังนั้นมัทรีเต็มไปด้วยความลำบากใจ หากก็พยายามวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้‘ปกติพี่ทิมไม่เคยให้ผู้หญิงไปไหนมาไหนด้วย แต่ครั้งนี้มีผู้หญิงคนนั้นมาด้วย แยมกลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนสำคัญของพี่ทิม เพราะตอนนี้เธอก็ออกจากงานโรงพยาบาลมาดูแลพี่ทิมเต็ม

  • มัทรีลุ้นรัก   4.สร้างความร้าวฉานคืองานของฉัน

    ร่างบางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงเมื่อสาวเหนือชื่อบัวตองขอตัวไปช่วยป้าเอื้องแม่บ้านใหญ่เตรียมอาหาร หญิงสาวพูดคุยกับอีกฝ่ายนิดหน่อยจึงรู้ชื่อและอายุที่น้อยกว่าเธอหลายปีมัทรีถอนหายใจอย่างหนักใจ เธอคงต้องทำการบ้าน เสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ลิสต์ออกมาแล้วไล่ดูไล่อ่านคอมเมนต์ว่าคนชอบไปที่ไหน ถูกใจที่ไหนกันบ้างหรือไม่มาคิดอีกทีก็ใส่ที่ที่เธออยากไปแล้วหาคอมเมนต์ดีๆ ใส่ขายของไปดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเองเสียงข้อความในแอปฟรีดังขึ้นทำให้มัทรีหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน‘ว่าไง ชะนีเผือกนั่นเป็นอะไรกับคุณทิม’เป็นข้อความของพิสินี‘แกไม่คิดจะถามหน่อยเหรอ ว่าเพื่อนถึงหรือยัง เดินทางเป็นยังไงเหนื่อยไหม ไรงี้’มัทรีพิมพ์กลับไปยาวเหยียด ไม่ได้โกรธเพื่อนแต่อดกัดไม่ได้ เธอกำลังอยู่ในภาวะจำยอมกับหน้าที่ล่ามบวกไกด์จำเป็น แถมยังมีงานพิเศษที่ถูกฝากฝังมาและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรอีกด้วย‘แหม แกนั่งเครื่องไป ไม่ลำบากลำบนสักหน่อย’ข้อความของเพื่อนทำให้มัทรีถึงกับถอนหายใจ‘ตกลงยังไง บอกมาเร็ว’พิสินียังถามในสิ่งที่ตนสนใจ‘เมียมั้ง’มัทรีพิมพ์ตอบไปอย่างเซ็งๆ ทั้งอยากแกล้งเพื่อนด้วย‘อ้าย! ชะนีน้อย หยาบคายมาก’‘

  • มัทรีลุ้นรัก   3.โรเบิร์ต แพตติสันของพิสินี (2)

    ‘เช็กระดับความสัมพันธ์ชะนีเผือกด้วย’ก่อนขึ้นเครื่องมัทรีได้รับข้อความจากพิสินี หญิงสาวอ่านแล้วก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ รหัสของอีกฝ่ายเป็นภาษาที่ผู้หญิงน้อยคนจะใช้ อาจเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานรอบข้างเต็มไปด้วยเก้งกวาง เพื่อนของเธอจึงติดคำมาหลายคำ พิสินียังเคยมาแอบกระซิบกับเธออีกว่าสงสัยคุณพรรษหัวหน้าเลขาของตัวเอง เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบ ใส่เสื้อผ้าเป๊ะโทนเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังโสด เพื่อนสนิทของพิสินีที่เป็นเกย์อยู่ฝ่ายขายก็ถูกใจหุ่นแน่นกล้ามเป็นมัดของคุณพรรษ คอยมาวนเวียนเฝ้ามองบ่อยๆมัทรีมองเหนือน่านฟ้าจังหวัดเชียงรายขณะที่เครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแม่ฟ้าหลวงอย่างรู้สึกสดชื่น นานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นสีเขียวแบบนี้ อย่างน้อยภายใต้ความรู้สึกกดดันกับหน้าที่พิเศษที่ได้รับมอบหมายเธอก็ยังมีธรรมชาติช่วยบำบัดบ้าง แม้ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งใจจะทำ ยังก้ำกึ่งอยู่ก็ตาม“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนคะ ดิฉันจะไปจัดการเรื่องรถเช่าให้น่ะค่ะ”เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปถามกับพี่ชายของรติยาด้วยภาษาอังกฤษหลังจากทุกคนได้กระเป๋าของตนกันเรียบร้อยแล้ว“ไม่เป็นไร เรามีรถแล้ว ตอนนี้น่าจะมารออยู่ข้างนอกแล้ว ใ

  • มัทรีลุ้นรัก   3.โรเบิร์ต แพตติสันของพิสินี (1)

    “ทำไมแกทำหน้าเหมือนหมาป่วยแบบนี้ ได้ไปเที่ยวแถมยังได้เงินด้วย เป็นฉันหน่อยไม่ได้”พิสินีขับรถไปค่อนแคะเธอไปด้วย“ถ้าเป็นแกจะทำไม”มัทรีถามด้วยสีหน้าซังกะตาย ไม่ได้กระตือรือร้นอยากรู้เลยสักนิด“แกเป็นอะไรกันแน่มัท มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือมีอะไรทำให้แกไม่อยากทำงานนี้”เมื่อเห็นเพื่อนมีสีหน้าไม่ดีเอาเสียเลยพิสินีก็อดถามอย่างจริงจังไม่ได้“ไม่มีอะไร แค่นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งที่อุตส่าห์รีบนอน”หญิงสาวปัดไป เธอรับงานไปแล้วและก็ไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์บอกกับใครแม้แต่พิสินี‘ถ้าทำสำเร็จแยมจะเพิ่มโบนัสพิเศษจากค่าจ้างเป็นสามเท่าค่ะ’เป็นข้อเสนอที่สาวสวยเอ่ยขึ้นหลังบอกเงื่อนไขกับเธอแล้ว และแม้ผลจะไม่สำเร็จ เธอก็จะยังได้เงินค่าจ้างในฐานะล่ามอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีผลเสียหายเลยสำหรับมัทรี แต่เต็มไปด้วยความลำบากใจกระนั้นยอดค่าจ้างคูณสามเท่าที่ลอยอยู่ในหัวก็น่าสนใจและเชิญชวนสุดๆมัทรีกำลังลังเลระหว่างไม่ทำอะไรเลยกับการพยายามทำ สำเร็จก็ได้เงินหรือไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร กระทั่งตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เช้าวันนี้พิสินีมารับเธอไปพบกับคนที่เธอต้องเป็นล่ามให้ หลังจากอีกฝ่ายเดินทางมาถึงในคืนที่ผ่านมา และเธ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status