LOGIN“อะไรของคุณ”
“ก็ตอนตกลงไปในน้ำด้วยกันเมื่อกี้ คุณจูบฉัน อย่ามาทำหน้าซื่อเหมือนไม่ได้ทำอะไรแบบนี้สิคุณ”
มัทรีจ้องอีกฝ่ายราวเขาไม่รู้จักคำว่า ‘ความรับผิดชอบ’
“นั่นเรียกจูบที่ไหนกัน มันเป็นอุบัติเหตุ แค่ปากชนกันเท่านั้นเอง”
คนฟังชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณ...ผู้ชายเอาแต่ได้ ไม่มีความรับผิดชอบ จูบฉันไม่แล้วยังไม่ยอมรับอีก”
ฐิติกรอึ้งไปชั่วอึดใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล่าวหาตนเช่นนี้ ปากอิ่มเชิดใส่เขาอย่างเอาเรื่อง แววตาต่อว่าต่อขานไม่ยอมลดละ ราวกับเขาทำความผิดหนักหนาสาหัส
“เว่อร์เกินไปแล้วคุณ จะหาเรื่องกันก็ให้มันมีเหตุผลหน่อย”
“ใช่ซี้...คุณเป็นผู้ชายไม่เสียหายนี่ จูบสำหรับคุณมันก็เรื่องธรรมดา แต่ฉันเป็นคนไทย สำหรับฉันมันสำคัญ และฉันเสียหาย”
หญิงสาวยังกล่าวหาเขาและย้ำเสียงเข้มในท้ายประโยค
ชายหนุ่มมองคนที่เอาเรื่องเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างฉุนจัด ฐิติกรมองดวงหน้าเล็กขาวใสอย่างหงุดหงิด ตาคู่กลมโตวาววับ ปากอิ่มสวยจิ้มลิ้มโดยเฉพาะริมฝีปากบนที่เชิดขึ้นนั้นดูน่าจูบอย่างบอกไม่ถูก ตาคมวาวขึ้นในทันใด ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
“นั่นไม่ใช่จูบหรอก ถ้าจูบมันต้องแบบนี้”
ก่อนที่คนตัวเล็กจะทันตั้งตัว แขนกำยำก็รวบร่างหญิงสาวเข้าหาร่างสูงใหญ่ของเขา มือหนาช้อนกางล็อกท้ายทอยเล็กพร้อมใบหน้าหล่อคมโน้มลงมา ปากได้รูปกดบดเบียดปากอิ่มสีสวยอย่างทันท่วงที
มัทรีชะงักค้างไปด้วยความอึ้งระคนตกใจกับการจู่โจมของชายหนุ่มจนต้องหลับตาปี๋ ทว่าเมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็พยายามดิ้นแต่อ้อมกอดแกร่งรัดเอาไว้แน่น ทั้งปากอุ่นยังเบียดชิดแนบแน่นจนเธอรู้สึกเหมือนปากตนเองถูกบดบี้จนบิดเบี้ยวเลยทีเดียว พอสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่แตะไล้มาด้วยร่างบางก็สะดุ้งเบาๆ หากก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้เพราะขยับตัวแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ
“อื้อ”
การส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ใส่ใจ ปากแกร่งเม้มบนริมฝีปากของเธอจนมัทรีต้องเผยอปากแล้วก็ถูกล่วงล้ำด้วยปลายลิ้นอุ่นชื้น ดวงตาคู่โตเบิกกว้างขึ้นทันใด รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในปากตนจนต้องร้องอึกอัก ยิ่งอีกฝ่ายกวาดไล้ไล่ประชิดลิ้นของเธอมัทรียิ่งส่ายหน้าบ่ายเบี่ยงหากก็ไม่สามารถหนีได้ ทั้งร่างกายทั้งคอถูกล็อกแน่นจากแขนกำยำและมือหนา
ฐิติกรควานหาความหวานจากโพรงปากเล็กแล้วดูดดื่มลิ้มรสหวานล้ำที่ไม่เคยคิดจะแตะต้องทว่ากลับพึงพอใจ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะให้ความรู้สึกน่าค้นหาและครอบครองเป็นเจ้าของได้เพียงแรกสัมผัส ชวนให้เขาอยากเรียกร้องมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวคนในอ้อมกอดก็ยังดิ้นรนและเอียงหน้าหนีต่อต้านมากขึ้น มือบางสองข้างผลักอกเขา ลมหายใจเริ่มหอบแรงจนสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยปากอิ่มน่าจูบ
มัทรีรีบสูดหายใจเข้าปอดอย่างหนักหน่วง ทว่าร่างบางกลับทรุดลงแทนที่จะรีบขยับหนีชายหนุ่ม สุดท้ายก็ต้องยอมให้ฐิติกรรั้งเอาไว้และอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนั้น
“ไม่เคยจูบเหรอ”
คนถาม ถามชิดปากอิ่ม ดวงตาคู่คมยังมองปากอิ่มเจ้าของความหวานที่ลอยอยู่ไม่ห่าง รู้สึกถึงความเชิญชวนจนน่าหวั่นใจ เขาไม่เคยพอใจรสจูบของผู้หญิงคนไหนมากถึงเพียงนี้ ทั้งที่แค่เพียงจูบเดียวเท่านั้น
อารมณ์ของหญิงสาวเวลานี้ไม่สนใจจะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น ไม่นึกอยากอยู่ตรงนี้อีกแล้วด้วยซ้ำ เธออับอายและขัดเขินเกินกว่าจะสบตากับชายหนุ่มได้ หากมุดหนีไปได้คงทำไปแล้ว
“ปละ...ปล่อย”
เสียงแผ่วเบาหลุดจากปากอิ่ม ดวงหน้าน่ารักก้มงุดไม่ยอมมองเขา แต่เนื้อตัวที่สั่นเบาๆ ทำให้ฐิติกรรู้ว่าเขาคิดไม่ผิด ด้วยอีกฝ่ายตัวแข็งทื่อเกร็งไปทั้งร่าง ไม่ขยับจูบตอบเขาแม้แต่น้อย ราวกับไม่รู้ว่าต้องตอบโต้จูบร้อนแรงของเขาอย่างไร
“จะให้รีบปล่อยไปไหน อยากให้ผมจูบนักไม่ใช่เหรอ มาต่อสิ”
เขาแกล้งเอ่ยเย้า ซึ่งหญิงสาวก็หันมามองทันทีด้วยสีหน้าราวกับอยากร้องไห้
“ใครอยากให้คุณจูบ”
“ก็คุณไง ทั้งที่ยังไม่ได้จูบก็เหมาว่าจูบ ถ้าไม่อยากให้ผมจูบแล้วมันหมายถึงอะไร”
“ฮัดเช้ย!”
อีกฝ่ายจามใส่หน้าเขาทันทีที่พูดจบ ทำเอาฐิติกรนิ่งงันไปเลย ทว่าหญิงสาวยังจามซ้ำอีกครั้งจนชายหนุ่มต้องรีบเอียงหน้าหนี สุดท้ายเข้าก็ต้องปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน
มัทรีกอดตัวเองทันที เสื้อผ้าที่เธอใส่เป็นเสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนก็จริง ทว่าเมื่อเปียกน้ำแล้วความหนาวของอากาศก็แทรกซึมเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อสักครู่ที่มีร่างสูงใหญ่กอดประกบอยู่ยังไม่เท่าไร มาตอนนี้พอลมเย็นพัดผ่านทำเอาเธอถึงกับขนลุกเลยทีเดียว
“ฉันกลับห้องก่อนนะ สงสัยจะหวัดกิน”
หญิงสาวรีบตัดบทหาทางหนี
ฐิติกรเช็ดหน้าตัวเองที่อีกฝ่ายจามใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะเสยผมไล่น้ำที่เปียกออกพร้อมกับพยักหน้ายอมให้หญิงสาวไปโดยไม่รั้งอีก
ร่างบางหมุนตัวเดินซอยเท้าช้าๆ จากขอบสระเพราะกลัวลื่น ทว่าเดินไปเกือบจะถึงประตูก็รู้สึกถึงบางอย่างคลุมมาบนตัว กวาดมองทั้งตัวและไหล่จึงเห็นว่าเป็นเสื้อคลุมสีน้ำตาลหนาพร้อมเสียงทุ้มดังขึ้น
“คลุมไว้จะได้ไม่หนาวมาก”
มัทรีหันหลังแล้วเงยหน้าขึ้นก็พบใบหน้าคมสันหล่อเหลาลงตัวของชายหนุ่มมองอยู่ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งครู่หนึ่งก่อนหญิงสาวจะเป็นฝ่ายหลบก่อนเพราะหัวใจชักเริ่มกระตุกเต้นรัวขึ้น เธอพึมพำขอบคุณอีกฝ่ายเสียงเบาแล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าประตูบ้านไป ไม่หันกลับไปมองเจ้าของเรือนกายกำยำที่เพรียวแน่นด้วยกล้ามเนื้อไม่ใช่พวกก้ามปูใหญ่หนาจนน่ากลัวซ้ำ
เมื่อเข้ามาในห้องมัทรีก็ตรงเข้าห้องน้ำทันที ขณะกำลังจะรีบถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“โอ๊ย...มือถือฉัน”
มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนหยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมาแล้วรีบใช้เสื้อคลุมบนตัวเช็ดให้แห้งโดยเร็ว ทว่ายังไม่กล้าเปิดเครื่องในทันทีเพราะกลัวจะมีปัญหา จำได้ว่าเคยอ่านบทความหนึ่งบอกว่าหากมือถือเปียกน้ำให้ทำให้แห้งสนิทเสียก่อนค่อยเปิดเครื่อง
มัทรีเอามือถือไปเป่าลมเย็นด้วยไดร์หน้ากระจกในห้องน้ำไม่สนใจตัวเองที่เปียกจนชุ่มโชก หากป่วยเธอยังกินยาได้ แต่โทรศัพท์จะมาพังในเวลาที่เธอมีงบน้อยแบบนี้ไม่ได้
หญิงสาวพยายามพลิกไปพลิกมาและเป่าอยู่ครู่ใหญ่จนรู้สึกว่าผมด้านบนของตนเริ่มแห้ง และเดาเอาว่าโทรศัพท์คงแห้งแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เปิด เลือกที่จะเอามันไปวางนอกห้องน้ำเพื่อไม่ให้อยู่ในที่ชื้น
“อย่าเสียเลยนะลูกแม่ ตอนนี้แม่กำลังกรอบ”
หลังพูดกับมือถือของตนแล้วก็กลับเข้าไปอาบน้ำพร้อมความหงุดหงิดใจ
“เพราะนายคุณทิมนั่นคนเดียวเลย ตกจนร้าวยังไม่พอ นี่ยังมาตกน้ำอีก จะเอาให้มือถือฉันพังให้ได้ใช่ไหม”
มัทรีอดเข่นเขี้ยวชายหนุ่มไม่ได้ ทว่าพอนึกถึงฐิติกรสิ่งที่วูบตามเข้ามาในหัวก็เป็นจูบดูดดื่มที่อีกฝ่ายฝากเอาไว้
“โอ๊ย...จะตามมาหลอกหลอนทำไมเนี่ย”
คนที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวพร้อมสายน้ำพร่างพรูหลับตาปี๋พร้อมเกาหัวที่กำลังสระผมอย่างแรง พยายามจะลืมภาพที่แวบขึ้นมาแต่ก็ไม่อาจทำได้ ทำให้มัทรีไม่พอใจชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น
“มือถือก็จะพัง แถมยังโดนขโมยจูบแรกไปอีก แบบนี้มันไม่คุ้มเลยสักนิด ฉันไม่ยอมเสียจูบแรกฟรีๆ หรอก ต้องเอาเงินแสนมาให้ได้มันถึงจะคุ้มค่า”
มัทรีบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น
=====
“มัทคิดถึงคุณมาก อยากรักคุณที่สุด”มัทรีแนบร่างลงไปหาร่างสูงใหญ่แล้วกระซิบบอกลำแขนเรียวโอบลำคอแกร่งแน่นถูไถตัวเองกับชายหนุ่มพร้อมส่งเสียงครวญแผ่วเบาด้วยความรัญจวนที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้น อกอวบกลมกลึงแนบสนิทกับอกแกร่งเสียดสีไปพร้อมกับสัดส่วนอ่อนไหวเบียดกายแกร่งยิ่งพาให้ร่างสาวทรมานมากกว่าเดิม แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นที่จะปลุกเร้าอีกฝ่ายให้ต้องการเธอมากขึ้นไปอีก“รักเลยสิครับคนดี ผมพร้อมแล้ว”ฐิติกรบอกเสียงแตกพร่าพร้อมมือหนากุมบนสะโพกอวบเต็มมือบีบกระชับอย่างเรียกร้องต้องการ“อุ๊ย”คนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสะดุ้งนิดๆ เพราะกระแสซาบซ่านถูกมือหนาจุดไฟเพิ่ม ความแกร่งที่แนบสนิทอยู่ร้อนลวกไปหมดทั้งที่อยู่ในน้ำ ทำให้เธอเองก็ไม่สามารถฝืนทนความต้องการจากเรือนกายได้อีกต่อไป สะโพกสวยขยับสูงขึ้นก่อนจะค่อยครอบครองชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า“โอย...ที่รัก ได้โปรด เร็วหน่อย”ผู้ถูกกระทำอดร้องขอออกมาไม่ได้เพราะเขาแทบจะสะกดอารมณ์อยากกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว แต่ในเมื่อมัทรีคิดจะเป็นฝ่ายเริ่มครั้งแรกเขาจึงอยากอดใจรอ มือหนาเกร็งจนบีบสะโพกอวบอย่างหนักมือมัทรีกัดปากกลั้นใจ มือกำจิกไหล่หนาทั้งสองข้างแน่นขึ้น เมื่
การเป็นแม่คนมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง มัทรีเข้าใจมารดาที่เป็นห่วงและหวงเธอในตอนที่รู้ว่ามีแฟนเป็นชาวต่างชาติแล้ว ก็ท่านอุตส่าห์อดหลับอดนอน ป้อนข้าวป้อนนมกว่าจะโตขึ้นมาได้ หากจะต้องไปอยู่ไกลก็คงใจหายเป็นธรรมดามัทรีคลอดลูกสาวมาได้หกเดือนแล้ว เธออยู่ที่บ้านของบิดามารดาของฐิติกรในเบอร์ลินเพราะคุณอรกนิตอยากช่วยเลี้ยงหลาน ทว่าท่านก็จ้างพี่เลี้ยงอายุไล่เลี่ยกับท่านที่ไว้ใจได้มาให้มัทรีด้วย ความจริงหญิงสาวอยากให้แม่มะเหมี่ยวมาช่วยดูแล ซึ่งท่านเองก็อยากมา แต่ติดตรงที่น้องสาวของเธอใกล้คลอดลูกเช่นกัน และเพิ่งคลอดหลังเธอหนึ่งเดือนต่อมา มารดาจึงจำเป็นต้องอยู่ดูแลหลานที่นั่น โดยน้องสาวเธอคลอดลูกชายแม้จะเสียใจที่มารดาเดินทางมาไม่ได้แต่หญิงสาวก็เข้าใจ อีกอย่างคุณอรกนิตเองก็ดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี คุณเจอเซ่เองหากมีเวลาว่างก็ตรงมาหาหลานในทันที ทั้งสองคนรักและชอบเด็กมาก ทว่าความเครียดหลังคลอดก็ทำให้เธอค่อนข้างอารมณ์ร้อนกว่าปกติไม่น้อย“ผมคิดถึงคุณกับลูกมากเลยที่รัก เสร็จงานแล้วจะรีบกลับครับ”หลังฐิติกรขอดูหน้าลูกระหว่างวิดีโอคอลคุยกัน จากนั้นอีกฝ่ายก็บอกรักแล้ววางสายไปชายหนุ่มจำเป็นต้องไปประชุมที่เมือง
แม้จะอยากท้องและแต่งงานให้เร็วที่สุดทว่ากว่ามัทรีจะได้แต่งงานกับฐิติกรก็เป็นปลายปีต่อมาอย่างที่มารดาของเธอเคยบอกเอาไว้ อีกอย่างเธอก็ไม่ท้องอย่างที่คิด แม้จะพยายามใช้เวลาด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็มีช่วงที่ต้องห่างกัน และทั้งที่ผู้ใหญ่ของชายหนุ่มมาสู่ขอเธอแล้ว ทว่าฤกษ์ที่ได้มาก็คือปลายปีนั่นเองทั้งคู่จัดการแต่งแบบไทยที่บ้านในฮัมบูร์กของฐิติกรเพราะตั้งใจใช้ที่นี่เป็นเรือนหอ ซึ่งครอบครัวของเธอทุกคนบินมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแม้แต่ละคนจะไม่เคยนั่งเครื่องบินนานก็ตาม รวมถึงพิสินีด้วยมัทรีเคยเจอกับตติยะและเอื้อมธารพี่ชายกับพี่สะใภ้ของชายหนุ่มสองสามครั้งในตอนที่ชายหนุ่มพาเธอไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านสวน และคุยงานกับพี่ชายในวันหยุดโดยให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วยเพราะหญิงสาวหลงลูกชายลูกสาวฝาแฝดของทั้งคู่มากในคืนแรกที่แต่งงานทั้งคู่นอนหลับไปด้วยกันอย่างเหนื่อยล้า แม้จะคิดอยู่ว่าต้องมีอะไรกัน ทว่าสุดท้ายแล้วมัทรีที่อาบน้ำก่อนก็หลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน ฐิติกรจึงไม่อยากปลุกหญิงสาว กว่าทั้งคู่จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวด้วยกันจริงๆ ก็หลังจากส่งครอบครัวของหญิงสาวขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยในหนึ่งสัปด
“มัทอยากให้ผมทำให้หรือให้เดินหน้าต่อเลย”ฐิติกรขยับหน้าขึ้นมากระซิบถามคนที่หลับตาขมวดคิ้วมุ่น เห็นชัดว่าเธอยังเกร็งและกลัวอยู่มัทรีลืมตาขึ้นมาสบตาคมที่มองอยู่ แววตาเขาดูห่วงใยเธอทว่าสีหน้ากลับราวกับกำลังไม่สบาย หน้าหล่อคมแดงก่ำ น้ำเสียงก็แตกพร่าจนน่ากลัว รู้ได้ในทันทีว่าฐิติกรกำลังทรมาน ทว่าชายหนุ่มก็ยังถามเธอก่อนมือบางกอดลำคอหนาอีกครั้งด้วยความเต็มอกเต็มใจ ดวงหน้าเล็กขยับสูงขึ้นจูบปากได้รูปเม้มย้ำ ก่อนจะเป็นฝ่ายส่งลิ้นเข้าไปซอกแซกลูบโลมอีกฝ่ายเอง กระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดังในลำคอราวข่มอารมณ์เธอจึงผละออกมาจูบแก้มสากแล้วย้ายมาข้างหูเขาเพื่อกระซิบบอก“ทำให้มัทท้องนะคะ”คนได้ยินนิ่งงันไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทว่าลิ้นเล็กที่แตะไล้ตรงใบหูทำเอาสมองเขาแทบหยุดทำงาน“มัทอยากท้อง”หญิงสาวย้ำอีกครั้งก่อนจะขบติ่งหูเขาเหมือนที่เขาทำกับเธอฐิติกรส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอเพราะคนเรียนรู้เร็ว แล้วขยับร่างสูงใหญ่ของตัวเองขึ้น นิ้วเกี่ยวเอวกางเกงอีกฝ่ายลงพร้อมซับในไปจนจรดปลายเท้าเล็ก จากนั้นก็ตามด้วยกางเกงบอกเซอร์ของตัวเองระหว่างนั้นตาคมไม่ละจากเรือนร่างขาวอวบอิ่มน่ามองเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้มัทรีจะเอียงห
ฐิติกรพามัทรีมาฮัมบูร์กในวันหยุด ชายหนุ่มมีบ้านของตัวเองอยู่ที่นี่ เป็นบ้านในแถบปริมณฑลนอกเมืองฮัมบูร์ก มีความเป็นธรรมชาติต่างจากบ้านของบิดามารดาเขาที่เบอร์ลิน แต่ชายหนุ่มก็บอกว่าพวกท่านมีบ้านพักตากอากาศอยู่อีกเมืองหนึ่งเช่นกัน หญิงสาวฟังแล้วก็ได้แต่เก็บความว้าวเอาไว้ในใจ ตั้งแต่มาถึงเยอรมนีสิ่งที่เธอสัมผัสได้ก็มีแต่ความรวยและรวยของชายหนุ่ม“คุณมีจักรยานด้วยเหรอคะ”เธอเห็นจอดอยู่ในบ้านใกล้กับครัวจึงถามขึ้น“น่าจะของแม่บ้านที่มาทำความสะอาดที่นี่เอาไว้ขี่ไปที่ใกล้ๆ ล่ะมั้ง”ชายหนุ่มบอกไม่ใส่ใจนัก ขณะขนกระเป๋าทั้งคู่เข้าไปในห้องนอน ส่วนมัทรีมองตาวาวแล้วเย็นวันนั้นหญิงสาวก็ขี่จักรยานออกมาเที่ยวเล่นรอบๆ มัทรีชอบบรรยากาศของที่นี่มาก นอกจากต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มีบึงน้ำไม่ไกลนักแล้ว ยังมีองุ่นสตรอว์เบอร์รี่เต็มสองข้างทาง เธออยากปลูกแบบนี้ไว้ในบ้านของตัวเองบ้าง“คุณชอบที่นี่ไหม”ชายหนุ่มถามขึ้นขณะที่เธอกำลังทำบทเรียนใหม่ในโปรแกรมกราฟิก หากก็ใส่หูฟัง ฟังเพลงคลอไปด้วยเบาๆ จึงได้ยินที่เขาถาม“มากค่ะ”มัทรีเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มีเพียงเสื้อคลุมบนร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกวาบหวิว คอแกร่งและแผงอกหนาน
“รู้ไหมยายอุ๊ถามแม่ว่ายังไง ถามว่าลูกสาวได้ผัวฝรั่งเหรอ”มัทรีเข้ามาช่วยมารดาทำอาหารตอนเช้าตรู่ และก็ได้ฟังอีกฝ่ายบ่นตั้งแต่กลับจากตลาดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด“แล้วแม่ตอบว่าไงล่ะ”“ก็บอกว่าเป็นแฟนน่ะสิ”มารดาเธอทำตาดุใส่ขณะบอก ทว่ามัทรีกลับยิ้มขำ“ที่วัดนี่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม แต่เอาไปนินทากันทั้งตลาด”“มันก็ธรรมดาแหละแม่”“อยากพูดกันดีนัก แม่เลยบอกไปว่าบ้านฝรั่งเขารวยมาก รถตู้หรูนั่นก็รถเขาเอง แต่งกับแกแล้วเขาก็จะพาไปอยู่เยอรมัน แต่บ้านที่ไทยเขาก็มีนะ เขามาพักผ่อนบ่อยๆ เอาไปบอกต่อกันให้ถูกด้วย”“ฮ่าๆๆ โอ๊ย...”มัทรีหัวเราะเสียงดังจนโดนมารดาตีเข้าที่แขนไปหนึ่งที แต่เธอก็ยังขำจนตัวโยนทว่าไม่กล้าปล่อยเสียงออกมา เดี๋ยวโดนตีอีก“ยังจะมามัวขำอีก ตกลงแฟนเราเขาจะพาผู้ใหญ่บ้านเขามาหาพ่อกับแม่เมื่อไร”จู่ๆ มารดาก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำเอามัทรีอดมองอย่างแปลกใจไม่ได้“แม่จะยกให้แล้วเหรอ”“ยัง”“อ้าว?”“แต่ฉันอยากรู้เอาไว้ ถ้าใครมาถามอีกจะได้บอกให้เอาไปพูดต่อได้ถูก ถึงจะนินทา มันก็ต้องให้นินทาเรื่องจริง”“โธ่แม่ คนนินทา พูดเรื่องจริงก็ไม่สนุกสิ”หญิงสาวบอกยิ้มๆ แต่มารดาค้อนขวับ“ถ้าเขาจะมาเร็วๆ นี







