มัทรีหันไปมองพร้อมกับฐิติกร ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรเขาหันกลับมามองหน้าเธอ ส่วนหญิงสาวเองก็มองเขาเช่นกัน ใบหน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันห่างไม่ถึงคืบ ขณะที่คนตัวเล็กเหนี่ยวแขนรั้งตัวเองจนร่างทั้งคู่เบียดเสียดสีกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางเกร็งขึ้นมาทันทีแต่ยังเกาะเขาแน่น
“ทำอะไรของคุณ นี่ว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ เหรอ”
ฐิติกรมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่เขาลอยตัวนิ่งๆ ไม่ได้เพราะต้องรองรับน้ำหนักของคนสองคน ร่างสูงจึงค่อยๆ กวาดมือและขา พาทั้งคู่ไปจนถึงขอบสระอย่างทุลักทุเล
“ปล่อยผมได้แล้วคุณ”
เขาต้องเกาะขอบสระเพราะมีร่างเล็กเกาะอยู่ จึงบอกให้อีกฝ่ายปล่อย ชายหนุ่มมองเจ้าของร่างบางทว่ามีความอวบอิ่มที่เบียดชิดกับเขาอย่างแปลกใจที่เธอเกาะเขาแน่นขนาดนี้
“นี่เธอ ปล่อยทิมสักทีสิ”
ซินดี้เดินมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่พร้อมพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
มัทรีเหลือบมองผู้หญิงอีกคนที่มองเธอตาขวางแล้วก็เริ่มตั้งสติได้ขึ้นมา
“ฉันกลัวนี่ ขอทำใจก่อนไม่ได้หรือไง”
เธอบอกออกไปแล้วเปลี่ยนมาสบตาคู่คมที่มองอยู่แล้ว เมื่อรู้สึกเหมือนโดนจับผิดมัทรีจึงลดสายตาลงหลบเลี่ยงแล้วก็พบกับปากได้รูปสีสด ความรู้สึกเมื่อปากอีกฝ่ายประกบลงมายังปากเธออย่างไม่ได้ตั้งใจวูบขึ้นมา ทำให้หญิงสาวไม่กล้ามองต่อ และยิ่งรับรู้ได้ว่าร่างกายชายหนุ่มแทบจะเปลือยเปล่า สัดส่วนแข็งแรงแนบชิดจนเนื้อตัวเธอร้อนวูบลามไปทั่วทั้งใบหน้า แถมใจยังเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่ากลัวอีกฝ่ายจะรับรู้ได้
มัทรีค่อยๆ เลื่อนมือออกจากลำคอหนาไปหาขอบสระ หลบสายตาชายหนุ่มและเพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสน่ากังวลระหว่างร่างกาย
“พวกคุณลงไปทำอะไรกันในนั้น”
ซินดี้ซักเสียงแข็งซ้ำอีก
“บังเอิญตกลงมาน่ะ”
ฐิติกรบอก น้ำเสียงบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“อยู่ๆ จะตกลงไปได้ยังไง แล้วทำไมต้องกอดกันกลมแบบนี้”
“ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาซักไซ้ผมนะ ในเมื่อมาแล้วก็ช่วยดึงผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปหน่อย ผมจะยกตัวเธอขึ้น”
ชายหนุ่มรวบเอวบางของมัทรีด้วยแขนกำยำข้างหนึ่งหลังพูดจบในทันใด เขาออกแรงยกเธอขณะที่หญิงสาวพยายามยันขอบสระอย่างไม่มีทางเลือก แม้จะค่อยๆ ไต่ไปจนถึงที่จับเพื่อเกาะขึ้นได้ แต่ก็อยู่ค่อนข้างไกล
สาวสวยหุ่นนางแบบฮึดฮัดและไม่ได้ช่วยเธอ เรียกได้ว่านอกจากแรงดันจากชายหนุ่มแล้วมัทรีตะเกียกตะกายขึ้นจากสระเองจนสำเร็จ โดยมีร่างสูงใหญ่ตามขึ้นมาติดๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราก็ไปกันเถอะทิม”
ซินดี้รีบเกาะแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้นโดยเร็ว
ฐิติกรลุกขึ้นทว่าปลดมือของซินดี้ออกขณะพูดกับเธอเสียงแข็ง
“ผมยังคุยธุระไม่จบ แล้วผมก็บอกให้คุณกลับห้องไปก่อน ที่คุณเข้ามาเร็วแบบนี้หมายความว่าไม่ได้ไปไหนใช่ไหม”
ซินดี้หน้าเสีย อึกอักพูดไม่ออก
มัทรีลุกขึ้นช้าๆ ขณะมองทั้งคู่คุยกันพร้อมกับแอบคิดในใจว่า ฐิติกรยังจะคุยกับเธออีกอย่างนั้นหรือ เขาจะกัดไม่ปล่อยเลยหรืออย่างไร
“คุณแอบฟังผมคุยเหรอซินดี้”
เห็นชัดว่าซินดี้ไม่กล้าสบตาเขา เท่ากับทำจริง ฐิติกรถอนหายใจแรงด้วยความไม่พอใจ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่หากเธอกล้าแอบฟังเขาครั้งนี้ ครั้งต่อไปย่อมต้องมี แล้วถ้าหากเขาคุยเรื่องงานสำคัญที่ไม่ต้องการให้บุคคลที่สามรู้ล่ะ ฐิติกรไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามในสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้รู้เช่นนี้ หากคิดจะเป็นคนใกล้ตัวเขาต้องแยกเรื่องงานกับส่วนตัวให้ออก
“คุณไปได้แล้ว ผมจะไม่เอาเรื่องคุณครั้งนี้เพราะถือว่าคุณไม่เข้าใจภาษาไทย แต่ต้องไม่มีครั้งต่อไป หวังว่าคุณจะเข้าใจสถานะของตัวเองนะซินดี้”
ชายหนุ่มสั่ง ซินดี้ไม่อาจแย้งสิ่งใดได้ หากก็ยังหันมามองมัทรีตาขวางก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปจากบริเวณนี้
คราวนี้ตาคมดุของฐิติกรตวัดมาทางเธอ มัทรีรีบเอามือไขว้จับคอเสื้อของตนเองทันทีพร้อมจ้องกลับเขาด้วยสีหน้าแววตาหวาดระแวง นั่นทำให้ฐิติกรยิ่งมองเธอตาแข็ง
“คุณยังจะคุยอะไรอีก”
“ถ้าคุณยอมรับง่ายๆ ก็คงจบไปแล้ว”
“ฉันบอกว่าไม่มีอะไรไปแล้วไง ทำไมคุณไม่จบอีก”
หญิงสาวยังไม่ยอมรับ จะยอมรับได้อย่างไร เธอรับปากรติยาไปแล้วว่าจะไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ ยิ่งฐิติกรยังซักไซ้ไม่ยอมเลิก ยิ่งทำให้มัทรีหวั่นใจ เธอคงต้องหาทางรอดให้ตัวเอง ไม่อย่างนั้นเขาคงหาทางเอาความจริงจากเธอไม่ยอมหยุด
“หรือว่า...ที่คุณ ยังไม่ยอมให้ฉันไปเพราะติดใจ”
มัทรีเชิดหน้ามองเขา ตาคู่กลมโตวาววับขึ้นพร้อมยิ้มมุมปาก ต้องทำให้อีกฝ่ายระอาจนรำคาญเธอ
ท่าทางของหญิงสาวทำให้คิ้วเข้มขมวดและชายหนุ่มก็อดถามไม่ได้
“ติดใจอะไร”
“ก็...จูบ...”
หญิงสาวพูดพร้อมกับยื่นหน้าไปทางเขาแล้วพูดต่อ
“เมื่อกี้ไง จุ๊บๆ”
ฐิติกรมีสีหน้าไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะมองคนที่กำลังทำปากจู๋ใส่เขาพร้อมทำเสียงจูบเบาๆ
“อะไรของคุณ”
=====
เสียงนกแว่วเข้ามาให้ได้ยินก่อนจะมีเสียงมือถือที่ตั้งปลุกไว้ทำให้จำต้องพลิกตัวควานหาที่โต๊ะข้างหัวเตียง แม้แทบไม่อยากขยับตัวให้พ้นจากความอบอุ่นในเวลานี้ เมื่อปิดเสียงเรียบร้อยร่างบางก็พลิกกลับมาวาดแขนขาเกาะเกี่ยวสิ่งที่ให้ความอุ่นเมื่อครู่ ทว่าผิวสัมผัสแข็งแกร่งที่รู้สึกได้ทำให้นึกขึ้นมาได้มัทรีสะดุ้งลุกขึ้นนั่งในทันใด มองคนข้างกายตาโตกลัวว่าเขาจะรู้สึกตัวและรู้ว่าเธอเพิ่งทำอะไรลงไป แต่ชายหนุ่มยังนอนนิ่งจึงค่อยถอนหายใจโล่งอกเบาๆ เธอจ้องอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางหลังมือลงเบาๆ บนหน้าผากกว้าง อยากรู้ว่าไข้ชายหนุ่มลดลงหรือยัง“ดีขึ้นเยอะเลยนี่”เธอพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อฐิติกรตัวไม่ร้อนจัดอีกแล้ว ร่างบางขยับห่างออกมาเบาๆ แล้วห่มผ้าให้อีกฝ่ายอย่างดีก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ ครูหนึ่งจึงกลับออกมาหลังล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เห็นชายหนุ่มหลับอยู่เช่นเดิมก็คิดว่าปล่อยให้เขาหลับให้เต็มอิ่มไปดีกว่า ส่วนตนเองออกไปด้านนอกหน้าบ้านพักพระอาทิตย์กำลังเริ่มสาดแสงแรกของวันเบื้องหลังหมอกหนา แววระยิบระยับไล่จับบนปลายยอดใบชาที่มีน้ำค้างเกาะ ดูอบอุ่นผิดกับอากาศในยามเช้า มัทรียิ้มพอใจกับความงดงามเบื้องหน้
“คุณเอาผ้าห่มมาหน่อย ผมหนาว”ฐิติกรไม่ได้อธิบายเรื่องระหว่างตนเองกับซินดี้ต่อ แต่ออกคำสั่งจนมัทรีอดเคืองไม่ได้ ทว่าก็ยอมเดินกลับไปหยิบผ้าห่มที่ตนทำหล่นไว้หน้าประตูมาส่งให้เขา เมื่อชายหนุ่มเพียงแค่มองเฉยๆ ไม่แม้แต่จะขยับมือมารับเธอจึงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ทว่าก็ยอมห่มให้ร่างสูงใหญ่อย่างกระแทกกระทั้นเพราะเห็นชัดว่าเขาไม่สบายจริงๆ หากยังไม่วายบ่นเบาๆ ให้ชายหนุ่มได้ยิน“หนาวเป็นอยู่คนเดียวหรือไง”“หรือคุณจะมานอนห่มผ้าด้วยกันผมก็ไม่ว่าอะไรนะ”คนป่วยพูดเสียงพร่าทั้งที่หลับตาลงไปแล้วหญิงสาวชะโงกหน้าไปมองก่อนจะเม้มปาก ชูกำปั้นเหมือนจะทุบอีกฝ่ายด้วยความเคืองที่เขากวนโมโห แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆ ร่างบางกลับไปค้นหาเสื้อตัวหนาของตนมาใส่เพิ่ม พร้อมกับหายาที่ยังพอมีติดอยู่ด้วยมาให้ชายหนุ่ม“คุณกินยาไหม พอดีฉันติดมาด้วย”คนที่นอนบนเตียงส่ายหน้าโดยไม่ลืมตาด้วยซ้ำมัทรีเบะปาก หากก็ไม่ได้เซ้าซี้ ในเมื่อเขาโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ บังคับให้กินก็คงไม่ได้“ตามใจ”เธอเลือกวางยากับน้ำที่ไม่ได้แช่ตู้เย็นเพราะอากาศหนาว และเธอก็เพิ่งหายป่วยจึงคิดว่ากินน้ำธรรมดาดีกว่าไว้ที่โต๊ะหัวเตียง เผื่อชายหนุ่มจะนึกอยากกินขึ้นมา“ยาไ
‘เจ้านายสั่งว่า สองวันแล้ว เขายังสบายดี ให้คุณเตรียมตัวพรีเซนต์ทริปเที่ยวของคุณในวันพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าที่ห้องสมุด’เป็นมาร์คที่มาบอกกับเธอในช่วงเย็น ขณะที่มัทรีเดินเล่นรอบๆ บ้านของฐิติกร ด้วยที่นี่ก็มีสวนดอกไม้สวยๆ ให้ดูเพื่อจรรโลงใจอยู่เช่นกันหญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับด้วยความท้อแท้ใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มยังอยู่ดีมีสุข ไม่เจ็บไข้เลยสักนิด‘คนอะไร แข็งแรงอย่างกับโคถึก’มัทรีแอบค่อนขอดในใจนับวันเธอก็ยิ่งไม่อยากมองหน้าของฐิติกรมากขึ้น ทุกอย่างล้วนเพราะการกระทำของเธอเองทั้งนั้น ได้แต่ต้องแบกหน้ายอมรับความอับอายเวลาต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และเช้าวันต่อมาหลังก้มหน้าก้มตาอ่านงานของตัวเองในไฟล์งานที่ยังเก็บเอาไว้ในโน้ตบุ๊กให้ฐิติกรฟังจนจบ มัทรีก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความเหวอระคนแปลกใจเพราะคำพูดของอีกฝ่าย“ไปแม่ฮ่องสอน ก่อนเที่ยงนี้”“หา??”“เก็บของของคุณเลยก็ได้ เราจะไปอยู่ที่นั่นสักพัก ยังไม่มีกำหนดกลับ”หญิงสาวอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องถามอะไรเขา“เดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่ได้จองที่พัก ดูตั๋วเลย คุณจะไปพักท
“คุณมัทเป็นอะไรคะ”ป้าเอื้องที่เดินออกมารับเจ้านายหน้าห้องรับแขกถามอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าฐิติกรอุ้มสาวร่างเล็กเข้ามาในบ้าน“ไม่สบายน่ะ เดี๋ยวป้าให้คนตามขึ้นมาดูด้วยนะ”“ค่ะ”รับคำแล้วป้าเอื้องก็ไปเรียกบัวตองที่กำลังจัดโต๊ะอาหารกับน้ำอิงตามฐิติกรขึ้นไปยังห้องของมัทรี บัวตองรีบเดินตามมาจนทันและเปิดประตูห้องให้ชายหนุ่ม ทว่าพอจะตามเข้าไปเสียงทุ้มเข้มก็เอ่ยขึ้น“ไปบอกให้ป้าเอื้องเตรียมอาหารอ่อนๆ กับยาแก้แพ้มา เดี๋ยวฉันลงไปแล้วค่อยเอาขึ้นมา”“เจ้า”บัวตองทำได้เพียงรับคำแล้วกลับออกไปแม้จะห่วงมัทรีมากก็ตามร่างสูงใหญ่พาหญิงสาวไปจนถึงเตียงแล้ววางลง อีกฝ่ายรีบพลิกตัวให้ห่างจากเขาทำให้ฐิติกรมองด้วยสายตาดุพร้อมจับแขนเล็กเอาไว้“มีแรงขยับหนีได้ขนาดนี้ แกล้งล้มให้ผมอุ้มหรือเปล่า”“คิดได้ยังไงเนี่ย”“ใครจะไปรู้ ก่อนหน้านี้ยังแกล้งท้าทายให้ผมจูบคุณได้เลย”“ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณมาช่วยสักหน่อย ปล่อยให้ฉันล้มไปเลยก็ได้นี่”มัทรีสวนกลับอย่างไม่กลัว อาการป่วยทำให้เธอหงุดหงิดไม่สบายตัว ไม่ปกติจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้“ท้าทายผมอีกแล้วนะ ไม่กลัวผมส่งคุณกลับหรือไง”ชายหนุ่มขู่ด้วยน้ำเสียงดุ ตาคมวาว
แม้ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ฐิติกรก็นึกอยากจะมาเที่ยวตามที่จัดโปรแกรมให้ ทว่าหญิงสาวก็จัดการดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี ตั้งแต่ติดต่อเรื่องซื้อตั๋ว เดินขึ้นไปยังพระตำหนักพร้อมทุกคนและกลับลงมา ถึงจะรู้สึกล้าอยู่บ้างแต่ก็พยายามไม่แสดงออก“คุณกับคนอื่นๆ จะขึ้นทรีท็อปวอล์กกันไหมคะ”เธอถามฐิติกรเมื่อเดินกลับมาที่สวนแม่ฟ้าหลวง“มาแล้วก็ขึ้นไปดีกว่า”“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปซื้อตั๋วให้พวกคุณสามคนแล้วเดินดูสวนข้างล่างรอก็แล้วกันนะคะ”“ทำไมล่ะ คุณก็เพิ่งเคยมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ ขึ้นไปเดินด้วยกันนี่แหละ ค่าใช้จ่ายผมรับผิดชอบอยู่แล้ว ลงมาแล้วค่อยเดินดูสวนก็ได้ เรามีเวลาเดินดูนั่นนี่ได้ทั้งวัน ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ไม่ได้มาทัวร์สักหน่อย”ชายหนุ่มบอกพร้อมเปิดกระเป๋าหยิบแบงก์สีเทาออกมายื่นให้เธอเหมือนที่ซื้อตั๋วก่อนหน้านี้มัทรีมองเงินจากมืออีกฝ่ายก่อนจะถอนใจรับมาแล้วไปซื้อตั๋วและเลือกคิวโดยไม่ขัดชายหนุ่มซ้ำให้มากความ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอเรื่องมากหญิงสาวปีนป่ายต่อจากซินดี้โดยมีฐิติกรนำหน้าและมาร์คปิดท้ายด้วยความอ่อนล้ารู้สึกตัวร้อนวูบวาบไปหมด มัทรีค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พิษไข้กำลังกลับมาเล่นงานเธออย่างหนั
ทั้งที่พยายามไม่มองหุ่นสะท้านใจที่มีเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวของฐิติกรนัก ทว่ามัทรีก็ยังจดจำรูปร่างของชายหนุ่มได้จนติดตา แม้ในเวลาที่ต้องเผชิญหน้าเขาตอนอาหารเย็นในชุดเรียบร้อยก็ตาม และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ รอยจูบร้อยกาจนั่นก็ยังตราตรึงไม่จางหายราวกับติดแน่นอยู่บนปากเธออย่างไรอย่างนั้น ระหว่างมื้อมัทรีจึงเลี่ยงที่จะมองไปทางชายหนุ่มและตักอาหารแค่ตรงหน้าตนเองเพื่อจำกัดระยะสายตาเมื่อสิ้นสุดมื้ออาหารหญิงสาวก็ผลุนผลันตรงกลับไปยังห้องของตนในทันทีโดยไม่พูดไม่จากับใคร รู้สึกหนักหัว พร้อมกับร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งตัว ร่างกายอยากทิ้งตัวลงบนที่นอนเต็มแก่หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงห่มผ้าทันที รู้สึกหนังตาหนักอึ้งแทบปิด ปวดหัวอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกตาร้อนผ่าวแปลกๆ ลืมไปด้วยซ้ำว่าตนเองยังไม่ได้เปิดมือถือ เพราะเร่งรีบแต่งตัวเพื่อลงไปด้านล่างด้วยถึงเวลาทานอาหารหลังจากเธอออกจากห้องน้ำ ไม่นานก็หลับในที่สุดเช้าวันนี้มัทรีไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้ แม้จะรู้สึกตัวครู่ใหญ่แล้ว หญิงสาวพลิกตัวอย่างยากลำบากเพราะล้าไปทั้งร่าง ปวดเมื่อยไปหมดทั่วทั้งตัวรวมถึงเจ็บคอด้วย สงสัยเธอคงโดนหวัดเล่นงานเข้าให้เสียแล้ว“ทำไมกระหม่อมบา