พระราชวังสีทองอร่ามที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ทำให้ทวิภาคถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ มันกว้างใหญ่ไพศาลหาใครเทียม แถมอาณาเขตโดยรอบเกือบทั้งหมดยังเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ และอานิสงส์ของผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวขจีก็ทำให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจหายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความร่มเย็นผ่อนคลาย
ชายหนุ่มไม่อาจจะบรรยายสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่ามันงดงามมากเพียงใด เพราะคำใดๆ ในโลกนี้คงเทียบกับความประณีตวิจิตรบรรจงที่ได้พบเห็นไม่ได้อีกแล้ว
“เชิญคุณทางนี้ค่ะ”
เสียงใสๆ ของนางกำนัลในชุดคล้ายๆ กับชาวไทยวน คาดอกด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม ไหล่เปลือยถูกคลุมทับด้วยผ้าคลุมสีฟ้าอ่อน และสวมผ้าซิ่นสีพื้น ขณะที่ทรงผมถูกเกล้ามวยไว้กลางศีรษะมีดอกเอื้องแซมพองาม ช่วยกระชากเขาให้ออกจากความงดงามตรงหน้า
ชายหนุ่มได้สติ รีบเดินตามนางกำนัลเข้าไปในพระราชวังโอ่อ่านั้นอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่ก้าวเดินก็ยังอดสอดส่ายสายตาไปรอบๆ วังนี้ไม่ได้ และก็ได้เห็นผู้ชายวัยฉกรรจ์เปลือยอก นุ่งผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสีเดียวกับผ้าคาดอกของนางกำนัลที่เดินอยู่เบื้องหน้า มีผ้าสีขาวคาดที่หน้าผาก มือถือดาบเดินเป็นแถวไปมาเป็นระเบียบ
นี่คงเป็นลักษณะการแต่งกายของคนในวังเชียงรุ้งล่ะมั้ง ทวิภาคคิดอยู่ภายในใจ เดินตามไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงห้องหนึ่งที่ถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงามตา บานประตูไม้ถูกแกะสลักด้วยลวดลายโบราณ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลายที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนี้ เพราะเขาเห็นลายนี้มาเกือบตลอดทางที่เดินผ่านมา
“เชิญคุณพักผ่อนตามสบาย ขาดเหลืออะไรให้บอกข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะรีบจัดหามาให้...”
หญิงสาวคนนั้นพูดเสียงอ่อนหวาน ก้มหน้าให้ด้วยความเคารพ ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่
ทวิภาคสำรวจภายในห้องพักของตนเองช้าๆ แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ห้องนี้กว้างขว้าง แถมถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม อ่อนช้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกับหลงเข้าไปอยู่ในยุคของพวกไทลื้อไทยวนโบราณ แต่ในขณะเดียวกันเชียงรุ้งก็มีลักษณะเด่นของตัวเองไม่น้อย
“ฉันไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว เธอออกไปเถอะ”
“เพคะ...”
นางกำนัลรับคำเสียงอ่อนหวาน ย่อตัวลงถอนสายบัวให้อย่างเคารพ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวเองออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ
ทวิภาควางกระเป๋าเดินทางของตนเองลงกับพื้น ขณะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้แกะสลักที่ตั้งอยู่ใกล้กับระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวห้อง สายตาคมกล้าจ้องมองผ่านระเบียงไม้ไปยังสวนสวยที่ถูกตัดแต่งอย่างดีด้วยความประณีต น้ำพุเล็กๆ ให้บรรยากาศเหมือนกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ขณะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ช้าๆ ดวงตาเคลิ้บฝัน ลืมเรื่องทุกข์ร้อนไปจนหมดสิ้น ลืมไปแม้กระทั่งว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม และมาเพื่อใคร
ดวงตาคมกล้าค่อยๆ ปรือลงคล้ายกับกำลังถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่หลายก้อน และในที่สุดจิตของทวิภาคก็หลุดหลงเข้าไปสู่ภวังค์อันแสนสุข ผ่อนคลายที่สุดในชีวิต
“เขาชอบห้องที่หญิงเลือกให้หรือเปล่ามาลา...”
เสียงสดใสที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นร้องถามนางกำนัลที่ตนส่งให้ไปรับทวิภาคที่หน้าวังไปส่งที่ห้องพักทันทีเมื่อเห็นเดินเข้ามา
“ข้าน้อยดูเขาไม่ออกจริงๆ เพคะ เขาไม่พูดอะไร หน้าตาก็เรียบเฉย มองนู่นมองนั่นไปทั่วเพคะ” มาลาเอ่ยเสียงอ่อนหวาน ซึ่งเป็นลักษณะการพูดกันของคนในวังนี้
หญิงสาวสูงศักดิ์ในชุดเครื่องแต่งกายที่มีผ้าคาดอกสีแดงพันรอบอกสาวขาวผ่องเอาไว้ คลุมทับด้วยผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนปักดิ้นทอง และสวมผ้าซิ่นไหมยกดอกลำพูน ซึ่งผ้าซิ่นชนิดนี้จะทอไว้เฉพาะเจ้านายผู้สูงศักดิ์แห่งเมืองนี้เท่านั้น ขณะที่เส้นผมสีดำขลับถูกเกล้าเป็นมวยไว้กลางศีรษะ ปักด้วยดอกไม้ไหวงดงาม อ่อนช้อย เดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนใจ
“อย่างนั้นหรือ... หญิงกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจจังเลยรสา”
ราชาวดีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวของพระราชาสุขเกษมกับเจ้านางดารารัศมี หันไปพูดกับรสาคนสนิทด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หญิงสาวงดงามล้ำเกินหญิงใดในแว่นแคว้นนี้ ความงามเลื่องลือระบือไกล เจ้าชายจากแคว้นต่างเมืองมาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย แต่ก็ถูกองค์หญิงปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เพราะในพระหทัยของราชาวดีแล้ว หล่อนผูกใจรักใคร่อยู่กับหนุ่มไทยนามว่า ‘ทวิภาค’ เพียงคนเดียว
“อย่าทรงคิดมากเลยเพคะองค์หญิง ผู้ชายคนนั้นจะต้องพอใจกับสิ่งที่องค์หญิงได้เตรียมไว้ให้อย่างแน่นอน เชื่อรสานะเพคะ”
ราชาวดีไม่ได้ตรัสออกมา แต่เดินไปเกาะขอบหน้าต่าง ชะเง้อมองไปยังตำหนักที่ตนเลือกให้กับทวิภาคตาละห้อย
อยากให้เขาพอใจจังเลย... สาวน้อยสูงศักดิ์รำพึงรำพันอยู่ภายในใจ
อุตส่าห์จัดห้องพักให้ตรงข้ามกัน เพื่อที่จะได้แอบมองยามที่เขาเดินออกมาสูดอากาศที่ระเบียงห้อง คิดว่าเขาจะชอบ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทวิภาคไม่เอ่ยชม แถมยังไม่พูดอะไรทั้งนั้น
องค์หญิงสาวถอนใจออกมายืดยาว ก่อนจะหันมามองคนสนิท
“รสาจ๊ะ แล้วเย็นนี้หญิงจะทำยังไงดี เขาต้องมาทานข้าวกับหญิงในห้องอาหาร หญิงกลัวเขาโกรธจังเลย กลัวเขาจะมองหญิงไม่ดี... แต่หญิงอยากเจอเขา...”
รสามองเด็กสาวที่ตนเลี้ยงมากับมือด้วยความเห็นใจ ราชาวดีมอบใจให้กับทวิภาคมาตั้งแต่ตอนที่พ่อหนุ่มคนนั้นช่วยเหลือหล่อนครั้งที่ถูกลอบทำร้ายในเมืองไทย และตั้งแต่นั้นมาดวงตาขององค์หญิงผู้งดงามก็ไม่เคยมองใคร
“ถ้ายังไม่พร้อม เราก็เลื่อนการเผชิญหน้าออกไปก่อนดีไหมเพคะ องค์หญิงจะได้มีเวลาเตรียมใจ จะได้ไม่ทรงกังวล”
คำแนะนำของรสาก็ดีอยู่หรอก แต่มันเสียอยู่นิดเดียวก็คือ หล่อนจะไม่ได้เห็นหน้าทวิภาคอย่างที่ใจต้องการน่ะสิ
ไม่ได้ต้องคิดหาทางออก... คิดๆ ๆ ๆ คิดให้ออกนะราชาวดี หญิงสาวร้องสั่งตัวเองอยู่ภายในใจ เดินกลับไปกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า นานทีเดียว... ก่อนที่เจ้าหญิงคนงามจะฉีกยิ้ม และดีดนิ้วอย่างถูกใจออกมา
“หญิงคิดออกแล้ว...”
“องค์หญิงจะทำยังไงหรือเพคะ”
มาลาบังอาจถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้ แต่ก็ถูกรสามองตาดุๆ จนต้องก้มหน้ามองพื้น มาลีผู้เป็นเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเบาๆ
“หญิงจะปลอมตัวเป็นมาลี แล้วให้มาลีมาเป็นหญิงแทน...”
“ไม่ได้นะเพคะ”
รสาร้องลั่น พอๆ กับมาลีที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจกับความคิดแผลงๆ ของเจ้าหญิงสูงศักดิ์ที่ยืนทำหน้าตาจริงจังอยู่ตรงหน้า
“ได้สิจ๊ะรสา หญิงจะเป็นนางกำนัลไปดูแลเขาเอง...” ราชาวดียิ้มกริ่มกับความคิดที่ตัวเองคิดว่าเข้าท่าที่สุดของตนเอง
“ถ้าพระราชากับพระมเหสีทรงทราบเข้ามีหวังทั้งข้าน้อย ทั้งมาลีได้ถูกประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรแน่ๆ เลยเพคะ” รสาพยายามอธิบาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่ออาญาบ้านเมือง
ราชาวดีเดินเข้ามาโอบกอดรสาอย่างประจบประแจง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานเชื่อม จนคนแก่อย่างรสาอดใจอ่อนไม่ได้
“เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ไม่อยู่สักหน่อย อีกตั้งเป็นอาทิตย์กว่าจะเสด็จกลับ น่านะ...รสา หญิงขอแค่ไม่กี่วันเอง ส่วนมาลีก็ให้แต่งเป็นหญิงยามที่ทวิภาคต้องการพบองค์หญิงราชาวดีแค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า เชื่อหญิงนะจ๊ะ...”
“แต่มาลีกลัวอาญาเพคะ เปลี่ยนเป็นมาลาไม่ได้หรือเพคะ” มาลีรีบโยนให้กับมาลา จนถูกเพื่อนตีแขนเบาๆ อย่างไม่ยอมเช่นกัน
“อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วยสิ มาลี...”
ราชาวดีระบายยิ้ม “ทวิภาคเห็นมาลาแล้วนี่จ๊ะ มาลีนั่นแหละเหมาะที่สุด นะถือว่าช่วยหญิงก็แล้วกัน นะจ๊ะ...” ยามที่เจ้าหญิงทรงออดอ้อนแบบนี้ทีไรไม่มีใครใจแข็งกับนางได้แม้แต่คนเดียว
มาลีสาวน้อยหน้าแป้นขาวเนียนนัยน์ตาเรียวเล็กจำต้องก้มหน้ารับคำบัญชาขององค์หญิงราชาวดีด้วยภาวะจำยอม
“องค์หญิงไม่ทรงมอบทางเลือกให้ข้าน้อยเลยนี่เพคะ”
“ขอบใจมาลีมากจ้ะ งั้นมาลีช่วยไปหาชุดนางกำนัลใหม่ๆ มาให้หญิงสักสองสามชุดนะจ๊ะ หญิงจะไปหาเขาในคราบนางกำนัลวันนี้เลย...”
“เพคะ องค์หญิง” มาลีก้มตัวถอนสายบัวงดงาม ก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที
ตอนที่ 35.เจ้าสมถวิลระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ “งั้นอาขอตัวก่อนนะ มีงานอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการให้สำเร็จโดยเร็ว”เจ้าหญิงราชาวดีลุกขึ้นยืนทำความเคารพตามมารยาทที่ถูกฝึกอบรม ก่อนหันไปพูดกับรสาเมื่อเจ้าสมถวิลที่หล่อนหลงคิดว่าเป็นคนดีมาตลอดชีวิตก้าวออกไปจากห้อง“หญิงเกลียดท่านอาจังรสา หญิงไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะทะเยอทะยานแบบนี้”“เราต้องนิ่งไว้เพคะ ต้องดัดหลังเจ้าสมถวิลให้ได้ เอ่อ แล้วคุณทวิภาคตกลงไหมเพคะองค์หญิง...” คำถามของคนสนิททำเอาหน้าที่เครียดอยู่แล้วเครียดหนักมากขึ้น“ตกลงจ้ะรสา แต่เขาไม่พอใจมาก...”“แล้วทำไมเขาถึงยอมง่ายๆ เพคะ หรือว่าทรงบอกความจริงที่ทรงปลอมพระองค์...” รสาทำหน้าตื่น เจ้าหญิงสาวส่ายหน้าไปมา พร้อมๆ กับถอนใจแรงๆ“หญิงโกหกเขาว่าคนของเขาอยู่ในมือของหญิง และหากเขาไม่ยอม หญิงจะฆ่าคนพวกนั้น...”“องค์หญิง!” คำอุทานของคนสนิทยิ่งทำให้ราชาวดีเครียดเขม็ง รู้ตัวว่าทำไม่ดี ทำไม่ถูก แต่หล่อนมีทางเลือกมากกว่านี้ไหมล่ะ“หญิงเลวมากใช่ไหมจ๊ะ แต่หญิงไม่มีทางเลือก ถ้าหญิงไม่ทำแบบนี้ เขาคงไม่ยอมตกลง และแผนการตลบหลังท่านอาก็คงจะไม่สำเร็จ”คำพูดที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำและแสนละอายของราชาวดีทำใ
ตอนที่ 34.เขาคงคิดไปเองฝ่ายเดียว... ที่คิดว่าหล่อนมีใจให้เหมือนกัน“ถ้าเธอคิดอย่างนี้จริงๆ เราก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก...”ร่างอรชรถูกผลักออกเบาๆ แต่กระนั้นมันก็ทำให้ราชาวดีเจ็บร้าวในอก ยิ่งเห็นสายตาชิงชังที่เขาขว้างใส่มา ก็ยิ่งเจ็บทวิภาคแค่นยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังให้ดั่งเดิม หญิงสาวน้ำตาคลอ แต่ก็พยายามจะซ่อนมันไว้ให้ลึกที่สุด“แล้วนายท่าน... เอ่อ ตกลงหรือเปล่าเพคะ เรื่องงานอภิเษก...”ทุกอย่างรอบกายเงียบสงบไปหลายอึดใจ ก่อนที่เสียงห้วนกระด้างจากพ่อคนตัวโตที่ยืนหันหลังให้อยู่จะดังขึ้น“ฉันมีทางเลือกอื่นอย่างนั้นหรือ... เชิญกลับไปบอกองค์หญิงของเธอได้เลยว่า ฉันตกลง และยินดีอย่างมากที่จะได้เป็นผัวของหล่อน..”คำพูดของทวิภาคบาดลึกลงไปถึงในอก เจ็บจนฝืนยิ้มไม่ออก แม้แค่จะพูดออกไปยังทำได้ลำบากเลย มันจึงสั่นเทายิ่งนัก“ข้าน้อยจะกราบทูลองค์หญิงตามที่นายท่านบอกเพคะ... ข้าน้อยขอตัวก่อน”ผู้ชายตรงหน้าไม่ตอบอะไรออกมา หญิงสาวจึงได้แต่หน้าเศร้า เดินคอตกไปที่ประตู กำลังจะก้าวออกไป แต่ร่างของหล่อนก็ถูกรวบเข้าไปปะทะกับความแข็งแกร่งของแผ่นอกกว้างเสียก่อนทวิภาคกอดร่างของราชาวดีแนบอก พยายามจะทำใจแข็งแต่
ตอนที่ 33.น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างน่ากลัว หญิงสาวมองเขาทั้งน้ำตา พูดไม่ออก รู้สึกอดสูต่อสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งนัก หล่อนดิ้น หล่อนร้อง หล่อนอ้อนวอนให้เขาทำเอง จะไปโทษเขาได้ยังไง“เธอคิดผิด... เพราะฉันกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่งามทั้งกายและหัวใจ ไม่แพศยา สำส่อน ไม่ต่างจากโสเภณีแบบเธอ มัลลิกา”พยายามซ่อนน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ แต่มันก็ไหลพรากออกมาอย่างสุดกลั้น ร่างบางสั่นเทา มือบางถูกยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้แน่นชั่วขณะหนึ่งแววตาคมกล้าที่กระด้าง แสนชิงชัง อ่อนแสงลง คลายความเจ็บแค้น เปิดเปลือยความห่วงใยออกมา แต่มันก็ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นก็กลับเป็นเย็นชา ไร้หัวใจตามเดิม“จะไม่ยินดีกับฉันหน่อยหรือ...”“ยินดี... ด้วยค่ะ” กัดฟันพูดออกมา ไม่ยอมสบตาเขา“ขอบใจมาก และเมื่อวันนั้นมาถึง เธอก็จะกลายเป็นยิ่งกว่าขยะในสายตาของฉัน มัลลิกา”เสียงหัวเราะที่ไม่ต่างจากซาตานดังก้องสนั่นโสตประสาท แม้ร่างสูงใหญ่ที่มีอสูรร้ายสิงสถิตอยู่จะเดินออกไปจากห้องแล้วก็ตาม“พี่ยุธใจร้าย... พี่ยุธใจร้าย...” ร้องไห้ไม่หยุด หัวใจแตกสลายไม่มีชิ้นดี เจ็บปวดจนแม้กระทั่งจะหายใจก็ยังเจ็บแปลบเมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่หล
ตอนที่ 32.กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ไม่คิดว่าอินทรายุธจะหยาบคายกับหล่อนถึงเพียงนี้ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างผิดหวัง แม้ชายหนุ่มจะรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง แต่ความแค้นก็ยังมีอำนาจเหนือกว่ามากนัก“อยากลองไหมล่ะ แต่วันนี้เธอคงต้องเป็นฝ่ายโอ้โลมฉันนะ เพราะฉันค่อนข้างเพลีย...”มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นอกสาวอย่างเถื่อนถ่อย บีบขย้ำแรงๆ จนสาวน้อยน้ำตาซึม ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ฟอนเฟ้นบั้นท้ายงอนอย่างเมามัน“อย่าทำแบบนี้นะ”“เธอชอบแบบนี้... ไม่อย่างนั้นจะทำให้ฉันบ้าหรือ...”ร่างบางถูกผลักจนหงายลงไปนอนแผ่บนเตียง มือใหญ่กระชากอาภรณ์ของสาวน้อยจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่เรือนกายอวบอิ่ม เต็มไม้เต็มมือที่ขาวโพลนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะกระโดดขึ้นทาบทับ“ปล่อยนะ พี่ยุธปล่อยมะลิเถอะ มะลิกลัว...”เมื่อเหตุการณ์คับขัน หญิงสาวจึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขากลับไปเป็นแบบที่เคยเรียกเมื่อสามปีก่อน แต่มันหาทำให้อินทรายุธใจอ่อนไม่เธอหายระบมจากน้องชายของฉันก่อน เราค่อยมาต่อกันใหม่...”“ไม่นะ... พี่ยุธ อย่าทำแบบนี้กับมะลิ”“ร้องทำไม จำไม่ได้หรือ ตอนที่อยู่ลอนดอนเธอให้ท่าฉันขนาดไหน แต่ฉันก็เลือกที่จะให้เกียรติเธอ...” น้ำเสียงของเขาเต
ตอนที่ 31.เจ้าสมถวิลแสยะยิ้ม “พ่อเห็นนางแล้วล่ะ สวยดีนี่ แต่ดูท่าทางแล้วคงจะอายุสั้น...”“ท่านพ่อ! ทรงหมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อทรงทอดพระเนตรเห็นนางเมื่อไหร่ ในเมื่อนางไม่เคยออกไปไหน...”“ก็นางเข้ามาเมื่อครู่นี้ไงล่ะ แต่แปลก พอได้ยินเรื่องที่ลูกจะต้องแต่งงานกับราชาวดี นางก็รีบกลับออกไปเลย...”เจ้าสมถวิลหัวเราะร่วน ตรงข้ามกับอินทรายุธที่มีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด “แล้วท่านพ่อจะทำอะไรนางพ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกขอบอกไว้ก่อน หากท่านพ่อคิดร้ายกับนาง ลูกก็ไม่ยอมเหมือนกัน”ดวงตาคมกล้าจ้องบิดาเขม็ง อดห่วงใยสวัสดิภาพของมัลลิกาไม่ได้ ไม่คิดเลยจะต้องมาตกอยู่ในสถานะการณ์น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้“หากลูกตกลงตามที่พ่อต้องการ นางก็จะมีลมหายใจอยู่จนแก่”“ท่านพ่อบังคับลูก...!” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเจ้าสมถวิลหัวเราะร่วน “เพื่อความยิ่งใหญ่ของเราต่างหาก ลูกต้องทำตามที่พ่อต้องการ”อินทรายุธส่ายหน้าดื้อรั้น “เรื่องนี้ท่านพ่อไม่มีทางบังคับลูกได้ ลูกจะไม่เข้าพิธีอภิเษกกับราชาวดีไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น ลูกขอตัวพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบก็ทำความเคารพเจ้าสมถวิล ก่อนจะหมุนกายใหญ่โตเดินหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัวส
ตอนที่ 30.“หญิงจะทำอย่างไรดีรสา หญิงไม่อยากแต่งงาน แต่หากไม่แต่งงานหญิงก็แตะต้องราชบัลลังก์ไม่ได้...”“องค์หญิงพระทัยเย็นๆ นะเพคะ เราค่อยๆ คิดไป ทางออกมันต้องมีสำหรับเราแน่นอน” รสาปลอบประโลม แม้ภายในใจจะมืดมนไม่เห็นหนทางใดเลยก็ตาม“แต่หญิงไม่เห็นทางออกเลย ท่านอาบังคับให้หญิงแต่งงานกับเจ้าพี่อินทรายุธ แต่หญิงไม่ได้รักเจ้าพี่แบบนั้น หญิงรักทวิภาค... แต่ถ้าจะให้เขาแต่งงานด้วย เขาก็คงไม่มีทางยอมแน่...” ราชาวดีคร่ำครวญ สับสนจนหนทางยิ่งนัก“ข้าน้อยเคยเตือนองค์หญิงหลายครั้งแล้วว่าเจ้าสมถวิลใจคอเลือดเย็น ทะเยอทะยานองค์หญิงก็ไม่ทรงเชื่อข้าน้อยเลย และหากข้าน้อยเดาไม่ผิด ที่เจ้าสมถวิลบังคับให้องค์หญิงทรงอภิเษกกับโอรสบุตรธรรมของตนเองก็เพราะว่าจะได้กุมอำนาจทั้งหมดของเชียงรุ้ง โดยใช้เจ้าชายอินทรายุธเป็นหุ่นเชิด...”ราชาวดีคิดตาม และก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนักกับความไว้ใจที่ถูกหักหลังแบบนี้ “งั้นถ้าหญิงอภิเษกกับเจ้าพี่อินทรายุธ ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้ท่านอามีอำนาจมากขึ้นกว่านี้น่ะสิ”รสาพยักหน้าก่อนจะแสดงความคิดเห็นต่อ โดยมีมาลีและมาลานั่งฟังอย่างสนอกสนใจ “ดังนั้นองค์หญิงต้องทรงทำเป็นไหลตามน้ำไปก่