LOGINทวิภาคหรี่ตามองสตรีที่แก้มแดงก่ำตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ เขาติดใจกับการตอบสนองที่ไร้ขีดสิ้นสุดของเจ้าหล่อนยิ่งนัก
ให้ตายเถอะ...! นี่อย่าบอกนะว่าเขาหลงใหลแม่นางกำนัลขององค์หญิงน่ารังเกียจนั่น ชายหนุ่มรีบสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อสลัดความคิดอันน่ารังเกียจนั้นให้หลุดออกไปโดยเร็ว
“ตามใจ แล้วหากไม่อยากถูกจูบอีกล่ะก็... อย่าคิดจะอ่อยฉันอีก”
“อะไรนะ!” จากที่ไม่กล้าสบตาคมของเขา ตอนนี้กลับจ้องเขม็ง
นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครอ่อยเขากันยะ หล่อนเหรอ หล่อนอ่อยที่ไหนกัน ก็แค่... แค่อยากอยู่ใกล้ชิดเขาเท่านั้นเอง
“ฉัน...เอ่อ... ข้าน้อยนี่นะอ่อยนายท่าน...”
ควันแทบออกหู ใบหน้าที่แดงแล้วก็แดงก่ำขึ้นอีก แต่ไม่ใช่เพราะความเขินอายเฉกเช่นครั้งแรก เพราะครั้งนี้มันคือความโกรธต่างหากล่ะ
“ทำไมต้องทำเสียงตกใจด้วยล่ะ ก็เธอทำจริงๆ นี่... เอาล่ะไปได้แล้ว”
จากที่เคยคิดจะไปคราวนี้กลับเดินเข้าหา มองหน้าถมึงทึง “ข้าน้อยไม่ได้อ่อยนายท่านนะเพคะ โปรดเข้าใจใหม่ซะด้วย...”
ไปหยุดยืนชิดกับร่างกำยำที่สูงกว่าหล่อนมากมาย มากขนาดไหนหรือ ก็ศีรษะของหล่อนยังไม่ถึงปลายคางของเขาดีเลย แต่กลัวซะที่ไหน... มาว่ากันแบบนี้ มันน่าตัดคอเสียบประจานนัก
“สั่งฉันหรือ... นี่ถ้าองค์หญิงนั่นรู้ว่าเธอยั่วยวนฉันคงจะดีใจไม่น้อยเลยนะ” เขาตั้งใจประชดหล่อนรู้ดี
“ข้าน้อยบอกแล้วไงว่าไม่ได้ยั่วยวน นายท่านช่วยเข้าใจเสียใหม่ด้วยเพคะ ข้าน้อยเสียหาย...”
ราชาวดีหน้าเครียด ทวิภาคระบายยิ้ม ดวงตาคมอ้อยอิ่งอยู่กับกลีบปากอิ่มที่ช้ำเล็กน้อยของเจ้าหล่อนอย่างเสียดาย
“ปากเธอหวานมากเลยรู้หรือเปล่า... นี่หากเปลี่ยนจากการทานข้าวกับองค์หญิงนั่นเป็นเธอ...”
ชายหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตนิ่ง คล้ายกับกำลังจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับหล่อน แต่สายตาของเขามันอ่านยากเหลือเกิน พยายามแค่ไหนก็อ่านไม่ออก
“ฉันคง...”
ทวิภาคยังพูดไม่ทันจบ จะบอกว่า ‘ฉันคงดีใจ’ แต่เจ้าหล่อนดันแทรกด้วยน้ำเสียงน่าลงโทษด้วยการตบด้วยปากยิ่งนัก
“ข้าน้อยต้องขอตัวแล้วเพคะ เชิญนายท่านพักผ่อนตามสบายเถอะ”
จะก้าวถอยหลัง เพื่อถอนสายบัว แต่ก็ถูกมือหนาดึงเข้าไปกอดเสียก่อน ราชาวดีตกใจ รีบยกมือขึ้นยันอกกว้างเอาไว้ มองเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ไม่คิดว่าผู้ชายเย็นชาอย่างทวิภาคจะมือไวขนาดนี้
“ปล่อยข้าน้อยนะ... อย่าทำแบบนี้...”
ทวิภาคก็อยากทำตามที่แม่สาวน้อยบอก แต่ทำไมนะทำไมเขาถึงทำไม่ได้ อยากอยู่ใกล้ๆ หล่อนจนห้ามใจตัวเองไม่อยู่ แถมหัวใจยังแกว่งแปลกๆ อยากจูบหล่อนอีกสักครั้ง...
ทำไมถึงได้รู้สึกถูกใจแม่สาวน้อยคนนี้รวดเร็วปานติดจรวดแบบนี้นะ หล่อนคุ้นตา คุ้นใจแปลกประหลาด
“ถ้าไม่ปล่อยเธอจะทำไมฉันล่ะ...”
เขาก้มหน้าลงมาหา ฟันขาวสะอาดเรียงตัวกันสวยงามอยู่ภายในรอยยิ้มกระชากใจนั้น สาวน้อยระทวย หัวใจเต้นแรง เลือดสาวร้อนระอุ ไม่อยากปล่อยตัวปล่อยใจแบบนี้เลย ก็สัญญาไว้กับรสาว่าจะไม่ยอมให้ตนเองเสื่อมเสีย
แต่ดูสิ... แค่ไม่ถึงชั่วโมงหล่อนถูกทั้งกอด ทั้งจูบ นี่ถ้าอยู่นานอีกหน่อยคงได้จบกันบนเตียงแน่ ก็พ่อสุดหล่อเล่นทั้งรุก ทั้งต้อนแบบนี้
ไม่คิดว่าผู้ชายที่เย็นชาไม่ต่างจากน้ำแข็งจะซ่อนความร้อนผ่าวเอาไว้มากมายเพียงนี้ ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งเต้นแรง ซอกขาร้อนระอุ ปวดร้าวอึดอัดลามเลียไปทั่วทั้งร่าง
แต่ก็ต้องใจแข็ง... “ข้าน้อยจะทำอะไรได้ล่ะเพคะ ข้าน้อยมันแค่นางกำนัล แขกมีเกียรติแบบนายท่านจะย่ำยีอย่างไรก็ได้ พอสมใจแล้วก็ทิ้งขว้าง...”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้ทวิภาคได้สติ ชายหนุ่มปล่อยร่างอรชรให้เป็นอิสระ พร้อมทั้งเป็นฝ่ายถอยห่างออกไปเอง
“เธอออกไปได้แล้ว... ไปสิ ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นคนใจดำ...”
“ขอบคุณเพคะ นายท่าน...” ราชาวดีไม่รอให้เขาไล่ซ้ำ ร่างอรชรรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ทวิภาคมองบานประตูที่ปิดลงเบาๆ ด้วยความรู้สึกละอาย ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกมาจากปากหยักสวยสีแดงสด ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเกาะขอบระเบียง เหม่อมองผ่านความมืดที่โรยตัวเข้ามาทุกขณะไปยังทิวเขาและผืนป่าเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นมิจางหาย
ราชาวดีวิ่งเข้ามาในตำหนักของตนเองด้วยสภาพน้ำตาคลอ รสาที่ยังรออยู่ในห้องบรรทมมองด้วยความเป็นห่วง
“องค์หญิงทรงเป็นอะไรหรือเพคะ ทำไมถึงได้กันแสงแบบนั้น...”
“เปล่าจ้ะ หญิงไม่ได้เป็นอะไร... รสาไปนอนเถอะ หญิงจะนอนแล้ว”
ราชาวดีเดินไปทิ้งลงบนเตียงนอนของตนเอง พยายามซ่อนน้ำตาเอาไว้ให้มิดจากสายตาจับผิดของนางกำนัลคนสนิท
“องค์หญิงยังไม่ได้เสวยเลยนะเพคะ”
“หญิงไม่หิวจ้ะรสา หญิงขอนอนก่อนนะ ปวดหัวนิดหน่อย...”
หญิงสาวรีบล้มตัวลงนอน รสามองด้วยสายตาเป็นห่วง ราชาวดีมีทางท่าแปลกไปจากเดิมหลังจากไปพบพ่อนักร้องหนุ่มสุดหล่อคนนั้น มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ
“แต่องค์หญิงเพคะ...”
“รสาจ๊ะ ถ้าหญิงหิวเมื่อไหร่จะบอกให้รสาเอามาให้หญิงทานนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงหญิงหรอก...”
คำพูดของราชาวดีทำให้รสาไม่อาจจะขัดใจได้อีก จำต้องเดินออกจากห้องบรรทมเงียบๆ แต่เสียงของราชาวดีก็หยุดหล่อนเอาไว้
“รสาจ๊ะ เดี๋ยวรสาให้มาลายกมื้อค่ำไปให้เขาหน่อยนะ แล้วฝากบอกเขาให้ด้วยว่าองค์หญิงจะทานมื้อค่ำกับเขาในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น...”
กระแสเสียงสั่นเล็กน้อย ทำให้รสารู้ว่าองค์หญิงน้อยของตนเองกำลังน้อยใจเป็นกำลัง “รสาจะทำตามรับสั่งเพคะ”
“ขอบใจมากจ้ะรสา... ถ้าเขารักหญิงได้สักเสี้ยวหนึ่งที่รสารักหญิงก็คงดี...” หญิงสาวพึมพำทั้งน้ำตา ระบายยิ้มเศร้าหมอง พยายามจะยิ้มแย้มแต่ก็ทำไม่ได้
รสาถอนใจออกมา สงสารราชาวดีจับใจ ไม่น่าเลย... ไม่น่าไปรักผู้ชายที่ไร้หัวใจคนนี้เลย เจ้าชายจากต่างเมืองมากมายมาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย แต่องค์หญิงก็ปฏิเสธเสียหมด มาฝังใจอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีอะไรคู่ควรคนนี้เพียงคนเดียว
“งั้นทรงบรรทมนะเพคะ ถ้าทรงอยากเสวยเมื่อไหร่เรียกรสาได้ตลอดเวลานะเพคะ”
นางกำนัลวัยเลยเลขห้ามานานหลายปีถอนสายบัวทำความเคารพราชธิดาในกษัตริย์สุขเกษมก่อนจะก้าวออกไปจากห้องนอนของราชาวดีแผ่วเบา
เมื่ออยู่ลำพัง ราชาวดีก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาท่วมท้น เสียใจ น้อยใจ และช้ำใจยิ่งนัก กับคำพูด การกระทำที่ทั้งดูหมิ่น เหยียดหยามศักดิ์ศรีของหล่อนให้ต่ำเตี้ยเรี่ยลงดินที่ทวิภาคแสดงต่อหล่อนนัก
เขารังเกียจเจ้าหญิงแบบหล่อน...
ราชาวดีคิดอย่างช้ำใจ น้ำตาไหลไม่หยุดจนต้องยกมือขึ้นเช็ดมัน “หญิงอยากเกลียดคุณนัก... ทวิภาค” รู้ตัวว่าทำไม่ได้ แต่ก็ยังอยากจะพูดออกไป...
ตอนที่ 47.คำลือระบายยิ้ม “พระสวามีขององค์หญิงราชาวดีกำลังจะเสด็จกลับไปทำธุระที่เมืองไทย ข้าน้อยคิดว่านี่คือโอกาสที่เราจะกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซาก...”เจ้าสมถวิลหัวเราะอย่างพออกพอใจ “เจ้านี่ฉลาดไม่ใช่เล่นนี่ สมแล้วที่เป็นคนสนิทของเรา...”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” อมาตย์คำลือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะที่เจ้าสมถวิลลุกจากเก้าอี้และเดินลงมา“ส่งทหารฝีมือดีที่สุดไปเด็ดหัวมันมาให้เราให้ได้... ดูสิว่านังหลานหัวดื้อจะทำยังไง จะแก้เกมนี้ยังไง” สมถวิลหัวเราะดังกึกก้อง โดยมีคำลือร่วมผสานเสียงด้วย“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”เจ้าสมถวิลแสยะยิ้มร้ายกาจ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยากได้ใคร่มีมองตามร่างของอมาตย์คนสนิทไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ“แล้วจะได้รู้ว่าแกกำลังเล่นอยู่กับใคร ราชาวดี...”ราชาวดีนั่งไม่ติดอยู่ในตำหนักของตนเอง เสียใจที่เขาตัดสินใจจากหล่อนไปแบบไร้เยื่อใยแบบนั้น แต่กระนั้นก็ยังอดห่วงความปลอดภัยของเขาไม่ได้“เป็นไงบ้างรสา เรียบร้อยหรือเปล่า...” เมื่อคนสนิทวิ่งเข้ามาในตำหนัก หญิงสาวจึงร้องถามขึ้นด้วยความร้อนใจ“เรียบร้อยเพคะ แต่เห็นท่านนายพลบอกว่าเจ้าสมถวิลก็รับสั่งขอกำลังทหารไปเมื่อ
ตอนที่ 46.ทวิภาคกระชากชุดแต่งงานออกจากกายด้วยความเกรี้ยวกราด ทิ้งกายลงนั่งบนเตียงในห้องพักของตนเองแรงๆ อย่างระบายอารมณ์แม้จะพิศวาสแม่ดอกเอื้องมากมายแค่ไหน แต่การที่รู้ว่าตัวเองถูกเจ้าหล่อนใส่เขาให้บนหัวมานานนั้น มันก็ทำให้เขาทนมองหน้าหล่อนไม่ได้อีกต่อไป“เธอมันคนหลอกลวงราชาวดี แม่องค์หญิงแพศยา...!” มือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ก่อนจะทุบลงบนที่นอนอย่างรุนแรง“ระยำ! ฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตายคามือนัก...”ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความเดือดดาล ลุกขึ้นยืน เดินกลับไปกลับมาในห้องพักอย่างหลายอึดใจ ก่อนจะถลันเข้าไปชกกำแพงห้องจนนิ้วแกร่งแตกเลือดไหลย้อย“ฉันเกลียดเธอ! ฉันเกลียดเธอ! เกลียดที่สุด...!”ยกมือที่เปื้อนเลือดสดๆ ขึ้นมามองนิ่ง กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกด้วยโทสะร้าย พรุ่งนี้เขาจะกลับเมืองไทย จะไปจากเมืองนรกที่มีผู้หญิงนรกนี่สักทีและก็หวังว่าเจ้าหล่อนจะไม่ไปราวีเขาที่เมืองไทยอีก แค่นี้ก็น่าสยดสยองเต็มทนแล้ว... ราชาวดีก้าวเข้ามาในท้องพระโรงด้วยใบหน้าเศร้าหมองตามลำพัง โดยหล่อนตอบคำถามข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ว่าทวิภาคไม่ค่อยสบายจึงมาว่าราชการไม่ได้ หล่อนจึงจะทำหน้าที่แทน
ตอนที่ 45.“เอ่อ... คุณ...”“คิดจะหลอกอะไรฉันอีกล่ะ คงเห็นฉันโง่เหมือนไอ้ตัวที่ชาวนาเอาไว้ไถนาใช่ไหม ถึงได้หลอกระยำอย่างนี้...” เสียงหัวเราะคล้ายเยาะหยันตัวเองดังขึ้น ก่อนที่เขาจะระเบิดอารมณ์ใส่อีกไม่ยั้ง“แกล้งปลอมเป็นนางกำนัล แกล้งกุเรื่องทุกอย่าง นี่ถามจริงๆ เถอะ หากไม่ได้ฉันเป็นผัวของเธอ เธอจะคลั่งหรือไงฮะ แม่เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์”ทวิภาคไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถลืมวินาทีที่ได้เห็นเจ้าสาวที่ใช้วิธีแสนสกปรกเพื่อให้ได้เขามาเป็นสามีได้หรือไม่...เมื่อผ้าแดงถูกเปิดออกโดยผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับถูกชกเข้าที่ปลายคางจนหงาย เพราะใบหน้าหวานละมุนที่เฝ้าคิดถึงตลอดเวลาปรากฏอยู่ตรงหน้าหากเป็นในเวลาอื่นเขาคงจะดีใจไม่น้อยที่ได้พบแม่ดอกเอื้องแสนสวยของเขา...แต่นี่มันไม่ใช่... เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเปิดเผยออกมาต่างหาก มันไม่ต่างจากกระจกบานใหญ่ที่ถูกยื่นลงมาตรงหน้า และมันก็ทำให้เห็นเขาทั้งสองข้างบนศีรษะของตนเองชัดเต็มสองตา...ที่แท้... องค์หญิงราชาวดีกับแม่นางกำนัลดอกเอื้องก็คือคนๆ เดียวกัน...และเขาก็โง่พอที่จะเชื่อสนิทใจ แต่พอยามนี้ ยามที่ได้รับรู้ความจริงทั้งหมด แล้วย้อนกลั
ตอนที่ 44.“ท่านพ่อ... ลูก...”“ไปซะ ก่อนที่เราจะเปลี่ยนใจบั่นศีรษะของเจ้าแทน...”อินทรายุธรู้สึกเหมือนกับถูกเหยียบให้จมดิน รักและเคารพผู้ชายตรงหน้ายิ่งนัก แต่กลับถูกตัดรอนอย่างไร้หัวใจ“ท่านพ่อทรงรักษาพระวรกายด้วย ลูกทูลลา...”ชายหนุ่มก้มหน้าทำความเคารพ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขึ้นรถ และเคลื่อนมันออกไปจากวังหลวงมุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักเอื้องผึ้งอย่างรวดเร็วเจ้าสมถวิลมองตามรถคันหรูของอินทรายุธไปจนสุดสายตา เลี้ยงดูมาก็อดผูกพันไม่ได้ ก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้แหละ เขาถึงได้ไม่ฆ่าอินทรายุธคนที่ร่วมมือกับราชาวดีหักหลังเขา“ถึงเราไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าก็ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก อินทรายุธ...”เจ้าสมถวิลดวงตาเป็นประกายชั่วร้าย ขณะค่อยๆ หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตำหนักของตนเองช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความครุ่นคิดเขาจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน...ในเมื่อแผนการแรกล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเพราะความย่ามใจคิดว่าไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง ดังนั้นแผนที่สองต้องรัดกุมที่สุดราชาวดีจะไม่มีทางเอาชนะเขาไปได้...อินทรายุธรีบก้าวลงจากรถด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อมาถึงตำหนักเอื้องผึ้งแล้วเห็นศพทหารเกลื่อนลานหน้าตำหน
ตอนที่ 43.ดวงตากร้าวจ้องมองบุรุษใบหน้าบึ้งตึงในชุดเครื่องทรงที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในท้องพระโรงด้วยความตื่นตกใจ“นี่มันอะไรกัน!” หันไปตะคอกถามคำลือที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเจ้านายนักด้วยความเดือดดาลนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มันเรื่องบ้าอะไรกัน... ทำไมเจ้าบ่าวไม่ใช่อินทรายุธ... ทำไมถึงเป็นเจ้าหมอนั่นไปได้ แล้วบุตรชายของเขาหายหัวไปไหน“เป็นมันไปได้ยังไง แล้วเจ้าน้อยมันไปไหน!”“ข้าน้อยไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อช่วงเช้า ข้าน้อยยังเห็นเจ้าน้อยทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดนี้อยู่เลย...”เจ้าสมถวิลขบกรามจนเป็นสันด้วยโทสะร้าย มือหนากำเข้าหาแน่นจนจนแทบละเอียด ก่อนจะตวัดตามองไปยังร่างของราชาวดีที่ยืนอยู่บนแท่นพิธีด้วยความแค้นเคือง เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งทีเดียว...“แผนสูงนักนะ นังหลานไม่รักดี... ฝันไปเถอะว่าฉันจะหยุดแค่นี้...”ความเกรี้ยวกราดทำให้ใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มของเจ้าสมถวิลสลายลงในทันที ความเจ็บแค้นกดทับหัวใจจนแน่น เขาจึงหันไปสั่งคนสนิทเสียงกระด้าง“คำลือทหารของเรายังอยู่ที่ตำหนักเอื้องผึ้งหรือเปล่า”คำลือส่ายหน้า “กลับมาตั้งแต่ตอนรุ่งสางแล้วพ่ะย่ะค่ะ ก็นายท่านทรงรับสั่งไว้เช่นนั้น...”ใช่
ตอนที่ 42.เจ้าชายอินทรายุธมีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น เดินเข้ามาใกล้น้องสาวต่างสายเลือดของตนเอง ก่อนจะเชื้อเชิญให้หล่อนนั่งคุยกับเขาที่เก้าอี้ใกล้ๆราชาวดีไม่ขัดข้อง “ที่หญิงมานี่ก็เพราะอยากจะมาถามเจ้าพี่ว่า เจ้าพี่เต็มใจอภิเษกกับน้องหรือเพคะ”“แน่นอนพี่ต้องไม่เต็มใจอยู่แล้ว แต่ท่านพ่อบอกพี่ว่าน้องหญิงเต็มใจ... ซึ่งพี่ก็ไม่ได้รังเกียจน้องหญิงหรอกนะ แต่พี่ไม่เคยคิดกับน้องหญิงในเชิงชู้สาวเลย...”อินทรายุธคิดว่าจะได้เห็นความไม่พอใจจากราชาวดีบ้าง แต่เปล่าเลย เจ้าหล่อนกลับยิ้มตอบกลับมาอย่างดีใจสุดซึ้ง“ท่านอาโกหกเพคะ หญิงไม่ได้เต็มใจเลย เพราะหญิงก็ไม่เคยคิดกับเจ้าพี่แบบนั้นเหมือนกัน แต่หญิงไม่มีทางเลือก ท่านอาขู่หญิง...”กรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นน้อยๆ ขบกันแน่น ดวงตาวาวโรจน์ไม่ชอบใจกับการกระทำของบิดาเลย ด้วยความจงรักภักดีเขาจึงมองข้ามความหมายแห่งการกระทำในครั้งนี้ แต่พอได้ยินราชาวดีเอ่ยขึ้นมา พฤติกรรมของบิดาก็ยิ่งชัดเจนท่านพ่อต้องการความยิ่งใหญ่...“พี่ต้องขอโทษน้องหญิงแทนเจ้าพ่อด้วย...”“เจ้าพี่ไม่เกี่ยวข้องหรอกเพคะ ท่านอาคนเดียวที่คิดมักใหญ่ใฝ่สูง ความจริงหญิงไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน จนเมื่อถู







