ความเข้มแข็งทั้งหมดแตกสลายลงไปตรงนั้น ต่อให้วันเวลาผ่านไปจนพบเจอเรื่องราวมากมาย คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แต่สุดท้ายนางก็ยังเป็นสตรีนางหนึ่งที่ข้างในใจยังเจ็บช้ำไม่เคยจางหาย ยังอ่อนแออยู่ดี
เป็นเจิ้งห่าวหรานที่ตามนางมาและกำลังจะเข้ามาทัก แต่เพราะเขาเห็นจางหวังซู่ที่ตอนนี้สำนักบูรพาสั่งให้จับตามองอย่างใกล้ชิดอยู่ที่นี่ด้วยพอดี ทว่ายังไม่ทันทำอะไรก็เห็นหญิงสาวพุ่งเข้าใส่ราวกับมีความเจ็บแค้นต่อกัน
“ชู่ว...ใจเย็นๆ” แม้จะเป็นองครักษ์ผู้เย็นชา แต่ว่ากลับอ่อนไหวกับน้ำตาผู้หญิง เขาคลายอ้อมแขนลงแล้วลูบหัวลูบหลังนางอย่างจะปลอบใจ “พวกนั้นไปกันแล้ว ทีนี้เราก็...อุ่ก!”
เป็นเรื่องโหดเหี้ยมที่สุดเพราะอยู่ๆ สตรีที่ร้องไห้ก็เตะขาขึ้นมาใส่หว่างขาเขา แม้นางจะทำไม่แรงนักแต่มันก็เจ็บและจุกไม่น้อย นางผลักเขาอย่างแรงจนชายหนุ่มหงายลงไปใส่เก้าอี้ยาวพอดี และยังไม่ทันตั้งตัว นางก็พุ่งเข้าหา กระชากทีเดียวเสื้อเขาก็หลุด มือล้วงเข้าไปที่ท้องน้อยอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว! แม่นาง นี่เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าจะทำอะไร” นางถามย้อนกลับ แต่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาด้วยสายตาลุกวาว ก่อนนิ้วจะจิ้มลงไปที่ท้องน้อยจนเขาเสียววาบ “ข้าจะตรวจสอบเจ้าไง ว่าแล้วไม่ผิด ไฝหนึ่งที่ใต้ตา ไฝหนึ่งที่กกหู และไฝสามที่หน้าท้อง เป็นเจ้าแน่ๆ ผู้ชายคนที่เมื่อหกปีก่อน มาข่มเหงขืนใจข้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ไม่อยากเชื่อ เจ้ายังทำอาชีพเดิมอีกด้วยซ้ำ!”
“อะ...อาชีพอะไร ข้าทำอะไร!”
“เจ้าทำอะไร!” หลี่ซูเจินแยกเขี้ยวชี้หน้า “เจ้าทำอะไร เจ้าก็เป็นนายโลมให้บริการความสุขแก่สาวแก่แม่หม้ายมิใช่หรือไง ไม่อยากเชื่อว่าเจ้ายังแข็งแรงดีอยู่ ข้าก็คิดมาตลอดว่านานขนาดนี้บางทีเจ้าคงไม่มีชีวิตอยู่แล้วด้วยซ้ำ คิดว่าคงจะเป็นโรคทางกามจนตาย!”
“นายโลม!” เจิ้งห่าวหรานตะโกนคอแทบแตก เกิดมาไม่เคยตะคอกผู้หญิงเสียงดังขนาดนี้มาก่อน ทำกับคนร้ายตอนต้องรีดเค้นความจริงนั่นก็ว่าไปอย่าง “มันมีด้วยหรืออาชีพแบบนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะข้าเป็น...”
เขาค้างแค่นั้นเพราะนึกได้ว่าจะไปเที่ยวบอกใครได้อย่างไรว่าเขาเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร นี่เป็นเรื่องความลับเพราะเกี่ยวพันกับความมั่นคงของราชสำนัก ขนาดปฏิบัติหน้าที่ยังต้องสวมผ้าปิดหน้าด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นหากไปเดินตามท้องถนน ก็อาจมีคนจดจำได้พอดี
“ไฮ้...พอเถอะ เจ้าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” หลี่ซูเจินปรับอารมณ์ได้เร็วมาก นางวิ่งไปแอบดูตรงช่องประตูเพื่อจะมองหาจางหวังซู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเข้าห้องไหนไปแล้ว เพราะเสียงก็เงียบหายไป “เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่เป็นไร อย่างน้อยชาตินี้ข้าก็รู้แล้วว่าใครคือคนทำลายล้างตระกูลหลี่ของข้า และใครทำให้ข้าต้อง...ถูกข่มเหง พรากพร่าพรหมจรรย์ ด้วยการจ้างบุรุษบริการทางกาม”
ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากเถียงต่อ แต่พอได้ยินกับหูว่านางคือคนในตระกูลหลี่ ก็เลยเปลี่ยนใจ
“เจ้าเป็น...คุณหนูตระกูลหลี่ ที่กำลังจะแต่งงาน แต่ไม่ได้แต่งงาน” เรื่องนี้โด่งดังมากมีใครบ้างไม่รู้ “เขาว่ากันว่าคุณหนูหลี่หลบหนีไปจากเมืองหลวงหลังอดีตเสนาบดีหลี่เสียชีวิต ที่แท้...ก็ยังมีทายาท”
“พูดบ้าอะไร เจ้าจะไม่รู้ว่าข้าเป็นใครได้ยังไง ในเมื่อเจ้ารับจ้างนางสวี่อ้ายฉิงหญิงชั่วนั่น ให้มารังแกข้า” ซูเจินชี้หน้าเขาเสียงเกรี้ยวกราด แต่ก็คอพับหมดแรง “ถึงข้าจะโกรธแค่ไหน แต่ข้าก็ต้องทำใจ ข้ากลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกไปเสียแล้ว ไม่มีปัญญาไปแก้แค้นอะไรใครได้ ส่วนเจ้านั้น ข้าก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกเอาจริงๆ เจ้าเองก็เป็นแค่คนที่รับเงินมาเพื่อทำงานก็เท่านั้น เพียงแต่งานที่เจ้าทำ มันเป็นความบัดซบ ที่มาทำร้ายชีวิตคนอื่น เหมือนมาซ้ำเติม...”
ที่แท้วันที่เขาดื่มยาพิษแทนองค์ชายรองจนได้รับพิษกำหนัดเลยมาหลบที่โรงเตี๊ยมนี้ ก็เป็นวันที่คุณหนูตระกูลหลี่ถูกล่อลวงให้มาถูกข่มเหงเหมือนกัน คงเป็นโชคดีของนางแล้วที่ดันเข้าห้องผิดได้อย่างไรไม่ทราบ คนที่ได้ร่วมรักกับนางในวันนั้นจึงเป็นเขา ไม่ใช่ชายผู้มีอาชีพในกาม
โชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็คงโชคดีกระมัง เพราะอย่างน้อยเขาก็เคยบอกตัวเองไว้แล้วว่า หากได้พบสตรีปริศนาในค่ำคืนนั้นที่เขารู้แล้วว่าเป็นคนพรากพรหมจรรย์ของนางไป เขาจะรับผิดชอบ และอีกเรื่องที่สำคัญมาก
“เจ้ามีลูก!” เจิ้งห่าวหรานโพล่งขึ้น “ดังนั้นลูกของเจ้าก็คือ...”
สองปีผ่านไป...หลังจบเรื่องวุ่นวายในราชสำนัก ก็ใช้เวลาไปเกือบปี ทำให้ฤกษ์หมั้นหมายเสียหาย องค์ชายฟู่เหรินจึงเสนอว่าให้ใช้ฤกษ์อภิเษกไปเลยในคราวเดียว นั่นคือหมั้นและแต่งในวันเดียวกันย่อมไม่มีใครขัดขวางอยู่แล้ว เพราะใครๆ ต่างก็อยากให้องค์ชายใหญ่เป็นฝั่งเป็นฝาเพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งต่อไป แต่เป็นเขาเองที่ชิงทูลองค์จักรพรรดิก่อน ว่าไม่ต้องการขึ้นเป็นรัชทายาท“เจ้าเป็นลูกคนโต ถ้าเจ้าไม่เป็นรัชทายาท แล้วเจ้าจะเป็นอะไร”พระบิดาถามเขาในวันนั้น และเขาที่มีพระชายาอยู่เคียงข้าง ก็ตอบทันควัน“กระหม่อมจะเป็นหมอ จะรักษาผู้คนโดยไม่แบ่งแยกฐานะ นี่ก็เป็นการดูแลไพร่ฟ้าในฐานะเชื้อพระวงศ์เช่นกัน...”องค์จักรพรรดิอยากจะขัด แต่พอเห็นโอรสกับชายาของเขาจับมือกันไว้แน่นราวกับว่าได้ร่วมกันตัดสินใจเรื่องนี้มาทั้งคู่ ก็ได้แต่ระลึกไปถึงพระสนมอิงหลันผู้ล่วงลับ นางไม่เคยมีใครรักชอบให้เขา แต่งงานเพราะหน้าที่ แต่ตลอดเวลานางก็ทำได้ดี กระทั่งอบรมสั่งสอนบุตรก็ยังทำได้ไม่มีบกพร่อง เป็นเขาเองที่กักขังนางไว้ในวังหลวงนี้จนวันตาย“เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วก็ไปปกครองเมืองต้าหลี่ก็แล้วกัน” จักรพรรดิพูดถึงเมืองใหญ่ที่สุดที่อย
“ข้าจะไปช่วยเขา สนามพลังแบบนั้นต้องมีคนคุ้มกัน ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตราย” นางหันไปบอกสองคนข้างหลัง “ท่านพาลูกปลาตัวกลมไปที่บ้านยายเฒ่าตาบอดก่อน แล้วข้าจะตามไปทีหลัง”“คงไม่ต้องแล้ว” เป็นฮัวฮัวที่พูดขึ้น สายตานางมองไปอีกทางแล้วก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า “ท่านพ่อกับพวกอาๆ มาช่วยพวกเราแล้ว เย้!”เกิดการปะทะระหว่างนักฆ่าลึกลับกับพวกองครักษ์เสื้อแพรที่มากันเต็มรูปแบบ เพราะตอนนี้ได้จัดการภายในราชสำนักเสร็จสิ้น จึงตามออกมากวาดล้างทั้งหมดที่เหลือข้างนอกในคราวเดียว“ถวายการอารักขาองค์ชายใหญ่!” เสียงเจิ้งห่าวหรานหัวหน้าองครักษ์ตะโกนก้อง “ไฉไฉ ฮัวฮัว หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย เร็ว!”เมื่อพ่อสั่งก็มีอย่างเดียวคือห้ามต่อต้าน สามสายลับต่างวัยวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ไกลๆ และคอยดูห่างๆ พวกเขาไม่ได้เก่งต่อสู้สักคน แค่พอมีวิชาและเอาตัวรอดเป็นเท่านั้น ในเมื่อองครักษ์มาแล้ว ก็ควรให้เป็นหน้าที่ของคนมีความสามารถแล้วกัน“นั่น...เสียงอะไร” เพราะความเป็นคนหูดีที่สุดของไฉไฉทำให้ได้ยินอะไรแปลกๆ นางรู้ทันทีว่ามีคนแอบอยู่แถวนั้นและกำลังจะหนี หันไปมองหน้าน้องสาว เห็นนางจ้องอยู่เช่นกัน แสดงว่ารู้แล้ว “ฮัวฮัว พี่เพิ่งเจอว่าเหลือลู
“นี่เจ้า! ริอ่านติดสินบนเจ้าพนักงานตั้งแต่ยังเด็ก ท่านพ่อตีเจ้าตายแน่ๆ! ตุ่นภูเขา! แล้วท่านเป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร พาเด็กห้าขวบมาในสถานที่แบบนี้ ท่านเองก็ต้องถูกลงโทษด้วยแน่นอน!”“โฮ่! แมวพันหน้า อย่าเพิ่งพูดมากเลยดีกว่า ถ้าไม่ได้ข้ากับลูกปลาตัวกลมเมื่อครู่ ท่านเองก็คงไม่เหลือซาก”“นี่พวกเจ้า...พูดอะไรกัน ข้างงไปหมด” ฟู่เหรินที่ฟังสายลับสามคนสามวัยเถียงกันด้วยภาษาอะไรก็ไม่รู้ช่างปวดหัวนัก “เดี๋ยวก่อน ทำไมเราต้องมาเถียงกันในเวลานี้ นี่มันหน้าสิ่วหน้าขวาน! พวกนักฆ่าตามมาถึงตัวแล้ว!”“ลูกหินของข้าหมดแล้ว! พี่ใหญ่ ท่านเอาที่ข้าให้ไว้มาด้วยหรือเปล่า” ฮัวฮัวแบมือหาพี่สาวทันที ไฉไฉรีบล้วงเสื้อ ปรากฏว่ามีแต่หมั่นโถวตากแดดร่วงลงมาหลายชิ้น “พี่ใหญ่! แล้วก็ชอบห้ามข้ากินของหวานตอนกลางคืน แต่พี่กลับพกติดตัวตอนหนีพวกนักฆ่าออกมาแบบนี้ จะให้ข้าคิดยังไงกัน!”“นี่ทำไมข้าถึงได้พกหมั่นโถวออกมาขนาดนี้เนี่ย ข้าต้องหยิบเสื้อมาผิดตัวแน่ๆ” นางคิดไปถึงเหตุผลว่าทำไมต้องหยิบเสื้อมาใส่ แล้วก็ดันเกิดหน้าแดง เพราะตอนนั้นเกือบได้สานสัมพันธ์กับฟู่เหรินอยู่แล้วเชียว “โอ๊ย! ไม่รู้แล้ว พวกเราหาอาวุธเอาเท่าที่มีรอบตัวสู้ไป
“หา...หมายความว่า...ว้าย!”พรึ่บ!ไฉไฉมัวแต่เถียงกับองค์ชายเลยไม่ทันระวังตัว นางก้าวพลาดลงไปในบ่อที่ขุดไว้ดักสัตว์ แม้จะไม่เจ็บเท่าไรเพราะกลิ้งม้วนตัวลงไปพอดี แต่หลุมนี้ลึกมาก เรียกว่าเป็นความซวยจริงๆ“องค์ชาย! ท่านวิ่งไปข้างหน้าอีกไม่เท่าไรจะเจอต้นไม้สองง่าม มีกระท่อมของยายเฒ่าตาบอดอยู่ไม่ไกลจากนั้น” นางตะโกนบอกเขาเสียงดัง “ที่นั่นเป็นจุดนัดพบของสายลับกับองครักษ์ ท่านจะปลอดภัย”“ไม่ได้! รอก่อน ข้าจะช่วยเจ้าเอง” ฟู่เหรินลงไปนอนแนบพื้นแล้วพยายามส่งมือเข้าไปหา “ข้าจะไม่หนีไปคนเดียว ถ้าจะรอด เราต้องรอดไปด้วยกัน!”“โอ๊ย! ท่านนี่โง่จริง ข้าให้ท่านหนีไปก่อนเพราะท่านเป็นตัวถ่วง ยังไม่รู้ตัวอีก” เสียงหญิงสาวแผดขึ้นมา “ท่านมันอ่อนแอจึงเป็นตัวภาระ นี่ข้ามีแผนแล้ว ข้ามีระเบิดพลุติดตัวไว้ยามฉุกเฉิน ข้าจะยิงใส่พวกมัน แล้วท่านจะมาอยู่แถวนี้ให้เกะกะทำไมเล่า!”หญิงสาวโกหก นางไม่มีของที่ว่า แต่ทำเป็นชูอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมา เพื่อให้เขาสบายใจ“ระเบิดพลุอะไรของเจ้าหา นั่นมันหมั่นโถวตากแดดที่เอาไว้ปิ้งกินกับน้ำผึ้งที่น้องสาวชอบไม่ใช่หรือไง แล้วนี่พกมาทำไมเนี่ย!” เขาพูดแบบนั้นนางเลยได้หันดู อ้าวจริงด้วย ไม่ร
โอ๊ย!...อุ้บ!”ไฉไฉดึงหูฟู่เหรินเหมือนที่เห็นหลี่ซูเจินทำเจิ้งห่าวหรานมาตั้งแต่นางจำความได้ ท่านแม่ดึงหูท่านพ่อทีไร ท่านพ่อมีอันได้ยอมแพ้ เพราะมันเจ็บ!มือหนึ่งดึงหู อีกมืออุดปากเขาแน่นไม่ให้ร้อง แต่เพียงครู่เดียวก็ปล่อยมือที่บิดหูออกแล้วไปกระซิบ“ข้างนอกเป็นนักฆ่าที่ตั้งใจลอบฆ่าท่านมาตั้งแต่ที่ตลาดแล้ว และท่านคงคิดไม่ผิด ฝู่เตี้ยวเป็นหนอนจริงๆ ตอนนี้พวกเราถึงได้ตกอยู่ในอันตราย”“ขืนยังอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ยังไงพวกเราก็คงได้ตาย” ฟู่เหรินได้พูดเป็นคำแรกตนที่เอามือลูบหูตัวเองป้อยๆ คิ้วขมวดตึง มองไปข้างนอกยังเห็นห่ามีดบินอยู่เลย “ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง เจ้าหลบข้างหลังข้าไว้ก็แล้วกัน”กลายเป็นไฉไฉที่คิ้วขมวดไปด้วย เพราะสำหรับนางแล้วฟู่เหรินหาได้เป็นวรยุทธ์ไม่ ซ้ำยังอ่อนแอจนไม่รู้ว่ามีชีวิตรอดจากวังหลวงมาถึงวันนี้ได้อย่างไร ถึงนางไม่เก่งอะไรมาก แต่อย่างน้อยก็รู้หลักพื้นฐาน และเอาตัวรอดเก่งด้วย “ท่านอยู่ข้างหน้าข้า คงอยากเป็นเป้าเคลื่อนที่กระมัง” นางเอื้อมมือขึ้นไปบนเตียง ควานหาลูกหินของฮัวฮัวอีกชุด ซึ่งมันเป็นชุดสุดท้ายแล้ว “นี่แหละองค์ชาย ท่านคงยังไม่รู้ว่าอะไร ข้าถูกท่านพ่อจับไปฝึกเป็นสา
“ฝู่เตี้ยวคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก” นางบอก หลังคาดการณ์จากสิ่งที่ฮัวฮัวบอกไว้ก่อนกลับบ้านไป พฤติกรรมประหลาดของขันทีน้อย คือเขาชอบหายไปไหนในช่วงที่ฟู่เหรินจะไม่มีทางรับรู้ ฮัวฮัวสะกดรอยตามแบบห่างๆ จึงรู้ว่าฝู่เตี้ยวต้องไปพบใครมาแน่ๆ แต่คงไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน เพราะฝ่ายเดียวกันนี้ก็มีเพียงหน่วยองครักษ์กับคนของเซี่ยงกงกงเท่านั้นเอง ประจวบเหมาะกับที่อยู่ดีๆ ตำแหน่งขององค์ชายถูกเปิดเผย จึงไม่มีทางคิดเป็นอื่นไปได้เลย นอกจาก... “ฝู่เตี้ยวคือหนอนบ่อนไส้สินะ” ฟู่เหรินพูดขึ้นมาเอง เป็นไฉไฉที่ต้องหันหน้าไปมอง เพราะเขาพูดเหมือนรู้ว่านี่มันเรื่องอะไร ชายหนุ่มสั่นหน้าด้วยความหดหู่ใจ “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ฝู่เตี้ยวที่อยู่กับข้ามาตั้งแต่อายุสิบปีกลับมาหักหลังข้าได้” “นั่นเป็นเรื่องที่ต้องไปสืบภายหลัง แต่ตอนนี้...” ข้างนอกเงียบเกินไป ราวกับไม่มีแม้แต่เสียงของสายลมราตรี หญิงสาวล้วงไปใต้เตียงแล้วหยิบดาบที่เป็นอาวุธประจำตัวซึ่งซุกซ่อนไว้เผื่อเวลาฉุกเฉิน “เราต้องรอดไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน ได้โปรดอยู่ข้างหลังข้าก็พอ” “อาหง ท่าทีเจ้าเปลี่ยน หรือว่าความจริง...เจ้ามีสถานะอื่น”