LOGINจากลูกมาเฟียต้องกลายมาเป็นคนฝึกอาวุธให้กับกองกำลังต่อต้านของพม่า คงเป็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิตที่เขาเรียนรู้มา แต่ก็ต้องขอบคุณพ่อแม่และปู่ย่าที่ฝึกให้เขารู้จักใช้อาวุธตั้งแต่เด็ก
ตอนนี้จะปิดตายิงก็ยังไม่พลาดเป้า ไม่แปลกที่พวกกลุ่มกองกำลังพวกนี้ถึงได้เกรงใจเขาพอสมควร ส่งผลให้พวกเราได้มีอาหารการกินที่กินดีอยู่ดี
แต่ดูเหมือนปอฝ้ายเองมากกว่าที่ปรับตัวไม่ทัน
“พี่มาร์กัส” เสียงจากด้านในดังขึ้นทำให้เขารีบเดินเข้าไปด้านในพอเปิดประตูออกก็เห็นใครบางคนทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้
“เป็นอะไร” สายตาเขาเอาเรื่องอยู่แต่ปอฝ้ายที่กำลังทรุดตัวเหมือนจะร้องไห้รีบโบกมือพูด
“ฝ้ายใส่มันไม่เป็น” มือเธอหยิบผ้าถุงขึ้นมาจากนั้นทำสีหน้าบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม ให้เธอใส่กางเกงลุยน้ำลุยป่ายังดีกว่าใส่ผ้าที่ไม่รู้ว่าจะหลุดตอนไหน
ส่วนเขาเองก็จนปัญญาเพราะว่าตัวเองโตมาจากเมืองนอก คำว่าผ้าถุงที่เห็นจึงกลายเป็นสิ่งแปลก
“เดี๋ยวผมไปขอให้ชบามาช่วยนะ”
มาร์กัสออกจากกระท่อมหันมองหญิงสาวที่คิดว่าคงอยู่ไม่ไกลจากพวกเรา เดินหาจนทั่วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ที่โรงครัว กำลังเตรียมอาหารมื้อเช้าอยู่
“คุณฝ้ายนุ่งผ้าถุงไม่เป็น” เสียงเธอกลั้นขำแต่ก็ยอมเดินตามเขามายังห้อง อีกฝ่ายก็กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องแต่ชบาเรียกรั้งไว้ก่อน
“คุณก็อยู่ก่อน ฉันจะสอนครั้งเดียวคราวหลังคุณก็ช่วยเมียคุณแต่งตัวเองแล้วกัน ฉันไม่ได้ว่างมาทำให้ทุกครั้ง”
มาร์กัสที่กำลังจะก้าวเท้าออกด้านนอกก็นิ่งอยู่กับที่แต่ก็ยังไม่หันไปจนชบาก็บ่นมาอีกรอบ
“เอ้า หันหน้าไปทางนั้นแล้วจะทำได้ยังไง”
เพราะกลัวผิดสังเกตเขาจึงต้องหันกลับไป คราวนี้เป็นปอฝ้ายที่ร้องแทน “เดี๋ยว!! ฉันทำเองได้ปกติสอนแค่ครั้งเดียวก็จำแล้ว พี่ชบาไม่ต้องให้เขาช่วยหรอก”
ชบาหันมองสีหน้าสองผัวเมีย “ยังไม่ได้กันเลยเหรอ”
ถ้าพวกเรากินข้าวอยู่ตอนนี้ก็สำลักน้ำแกงตายแน่ “แค่นอนกันเองจะคิดมากทำไม คุณอยากได้ผัวคนเดียวหรือทั้งหมู่บ้านก็คิดดูแล้วกัน”
ปอฝ้ายขอกลืนน้ำลายอีกรอบ ไม่รู้ว่าชบาจะพูดตรงไปไหน
“วันนี้นายจะเลี้ยงฉลองต้อนรับพวกคุณ”
ฉลองต้อนรับพวกเรา แต่ตอนมาก็จับมาโดยไม่ได้ยินยอม แล้วจะฉลองเพื่อ?
“พวกคุณต้องไปร่วมงาน และอีกอย่างอย่าทำให้พวกเขาจับผิดได้เด็ดขาด”
มาร์กัสมีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกขอบคุณที่มีคนคอยเตือน แต่ดูเหมือนปอฝ้ายจะยังปรับตัวไม่ทัน เมื่อชบาออกไปแล้วเขาจึงหันมาคุยปรับความเข้าใจกับอีกฝ่าย
“ดูเหมือนเราต้องทำตามที่ชบาแนะนำแล้ว เพื่อความอยู่รอด”
ปอฝ้ายเข้าใจที่เขาพูด “ค่ะพี่มาร์กัส” มองสีหน้าเครียดของอีกฝ่ายก็เข้าใจว่าเขาลำบากใจ
เธอจึงลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังประตูด้านนอกคิดว่าจะทำแผนหลอกนี้ให้ดูสมจริงที่สุด จึงได้มองเห็นแววตายิ้มดีใจของคนด้านหลัง แววตาเจ้าเล่ห์พาดผ่านเพียงครู่ก่อนจะเดินตามเธอลงไปยังกระท่อมชั้นล่าง
เมื่อลงไปก็พบทหารสองนายที่ถือปืนพร้อมจะเดินนำพวกเราไปยังจุดฉลองที่พวกเขาจัดให้ ปอฝ้ายถอยหลังขยับมาใกล้มาร์กัสด้วยความกลัว
เขาจึงมองมือเธอจากนั้นก็กุมเอาไว้เพื่อให้เธอลดความกลัวลง ได้ผลเธอรู้สึกอุ่นใจแต่ความรู้สึกบางอย่างก็เหมือนจะส่งผ่านเข้ามาหาเธอโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะแววตาหวานล้ำนั้น
“พวกเรายังไม่ถึงสักหน่อย” ทำไมต้องทำเป็นแสดงว่ารักมากขนาดนั้น
มาร์กัสที่คิดจะหลอกเด็กก็เอ่ยตอบ “ตอนนี้เราไม่รู้ว่าใครจับตามองเราอยู่ ทางที่ดีควรแสดงให้แนบเนียนที่สุด”
ปอฝ้ายหันมองรอบด้านเป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ บางทีคนของอองยี้อาจจะถูกส่งมาจับตาพวกเราว่ากำลังโกหกหรือเปล่า อย่างที่ชบาบอกว่าให้เป็นเมียเขาคนเดียวหรือเป็นเมียทั้งหมู่บ้าน
ถ้ามีให้เลือกได้แค่สองอย่าง เธอขอเลือกอย่างแรกดีกว่ายอมเป็นเมียเมียทั้งหมู่บ้าน เมื่อคิดได้มือที่กุมอยู่ก็ยิ่งเกาะกุมแน่นกว่าคนเดิม คนหนึ่งยอมแสดงละคร ส่วนอีกคนทำด้วยความเต็มใจที่สุด
ลานกลางหมู่บ้านที่ห้อมล้อมด้วยคนของอองยี้ทำให้เขาคิดหนักดูเหมือนหนทางหนีจะลำบากจริงๆ ยังไงช่วงนี้ก็ต้องวางแผนหาทางให้รัดกุม
เพราะถ้าเกิดหนีขึ้นมาจริงๆ จะผิดพลาดไม่ได้ เขาจะไม่ยอมให้ปอฝ้ายได้รับอันตรายแน่นอน พวกเราเดินไปยังอองยี้ มองเขายิ้มจากนั้นก็เชิญพวกเรานั่งลงและให้สาวในหมู่บ้านยกอาหารและเหล้าที่หมักดองเองมาวางไว้ให้
ก่อนจะชวนดื่ม ตามมารยาทเขาจึงจำเป็นต้องดื่ม แต่รสเหล้าเถื่อนแรงใช้ได้ เขาที่ผ่านมาเยอะยังรู้สึกฝืดคอพอสมควร
อองยี้หันไปกระซิบชบาหญิงสาวจึงหันมาบอกมาร์กัส
“นายใหญ่บอกว่าให้เมียนายกินด้วย”
สีหน้าปอฝ้ายซีดอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเคยดื่มมาแต่ก็รับรู้ว่ารสตรงหน้าไม่เบา แต่เหมือนถูกสถานการณ์บังคับเธอจึงยกขึ้นดื่ม รสขมฝืดลงคออย่างยากลำบากแต่พอดื่มไปสักสองสามคำก็รู้สึกว่าไม่ยากเท่าไร
“ไหวไหม” มาร์กัสถามอย่างเป็นห่วง ปอฝ้ายยกยิ้มไม่ให้เขาเป็นห่วงเธอมากกว่านี้ “ได้อยู่ค่ะ”
ทำใจดีสู้เสือเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ใครจะคิดว่าดื่มไปแค่สองแก้วตาเธอก็ลายมองไม่เห็นเงาคนแล้ว ปอฝ้ายจึงขยับชิดกับเขาจากนั้นก็เอนหน้าซบเพื่อยึดศีรษะไว้
มาร์กัสเห็นแบบนั้นก็หันไปยิ้มเอ็นดู เขาเองก็ไม่อยากอยู่นานจึงขอตัวกลับ อองยี้หันมองหญิงสาวก็เอ่ยขัดพูดสองสามประโยคชบาก็หันมาบอกมาร์กัส
“นายบอกว่าอยู่ต่ออีกหน่อย ถ้าเธอเมาก็ให้นอนตรงนั้นก่อน พวกเราไม่ทันสนุกเลย”
มาร์กัสมองท่าทีอีกฝ่าย ประเมินแล้วว่าถ้าเขาไม่ทำตามอาจจะมีเรื่องมากกว่านี้แน่ จึงยอมนั่งลงที่เดิมเป็นชบาที่เดินออกไปไม่นานก็มาพร้อมกับน้ำขิงอุ่นๆ
“ให้เธอกิน”
คนเมาลืมตามองถ้วยน้ำขิงก็รับมาดื่มอาการคลื่นไส้ลดลงกว่าเดิมจริงๆ แต่ความเวียนหัวก็ยังคงอยู่ คราวนี้จึงกอดแขนเขาแน่นก่อนจะขยับลงเรื่อย ๆ จนนอนบนตักแทน
มาร์กัสได้แต่ยิ้ม จากนั้นก็ขอผ้าห่มจากชบามาให้เธอห่อกันหนาวก่อนจะหันมองการแสดงดนตรีของหมู่บ้านที่จัดขึ้น
นั่งจนงานจบมาร์กัสก็อุ้มปอฝ้ายกลับกระท่อม พอปิดประตูเขาก็รับรู้ว่าด้านนอกยังมีคนอยู่ หันมองคนเมาที่ลืมตาขึ้นมาเหมือนไม่เมา สองคนสบตากันอย่างรู้ใจ
เพื่อหลีกหนีปัญหาที่จะเกิด ปอฝ้ายจึงจำเป็นต้องเมาไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้อองยี้ให้พวกเราทำอะไรแปลกๆ ต่อหน้าผู้คน แต่ตอนนี้ดูเหมือนคนของเขายังไม่ยอมไปไหน
มาร์กัสลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาให้เธอดื่ม จากนั้นก็พูด
“ผมจะถอดเสื้อให้”
มาร์คัสกลับมาในห้อง ก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง พบว่ามีสายโทรเข้าเกือบร้อยสาย ถ้าจะมีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากกลับมาเชียงใหม่ก็คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวเกตุแก้วเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ยอมจบง่ายๆ จริงๆ เขาต้องทำยังไงถึงให้เธอยอมหยุด เมื่อเสียงสุดท้ายดังขึ้นเขาจึงตัดสินใจรับสาย“โทรมาทำไม” เจ้าของมือถือถามอย่างไม่สบอารมณ์ เลยยิ่งทำให้ปลายสายโมโหไปมากกว่าเดิมแต่เธอก็พยายามควบคุมสติ“เรื่องของเรายังไม่จบนะ”“มันจบไปเมื่อสองเดือนก่อนแล้วเกตุ” น้ำเสียงขุ่นตอบอย่างมีอารมณ์โกรธกลับเพราะเหมือนคุยเรื่องเดิมไม่หยุด“นายจบแต่เกตุไม่จบ ยังไงเกตุก็ไม่เลิกได้ยินไหม”มาร์คัสถอนใจจากนั้นก็คิดจะวางสาย แต่นึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่เชียงใหม่ เกตุแก้วก็เป็นเพื่อนปอฝ้าย เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาจึงคุยต่อ“ตอนนี้อยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายก่อนจะได้คำตอบว่าเป็นผับในตัวเมือง จึงบอกว่าจะไปหาจากนั้นก็ขับรถออกไปทันทีเมื่อไปถึงผับที่เกตุแก้วอยู่อีกฝ่ายก็กำลังเมาได้ที่ สองมือเกาะเอวเขาทันทีที่เห็นหน้า “เกตุคิดถึงมากรู้ไหม” สองมือที่กำลังลูบไปยังแผ่นหลังชวนให้สมองเขาเตลิดมาร์คัสพยายามรวบรวมสติ ลากตัวเกตุแก้วออกจากผับได
มาร์คัสยกมือขึ้นดูข้อมือ “เวลาไม่สำคัญ แค่สำคัญว่าเราคิดถึงฝ้ายขนาดไหน เห็นไหมพอเครื่องบินเหยียบพื้นเชียงใหม่เราก็รีบมาหาทันที บ้านก็ยังไม่ได้กลับไปเลย”ปอฝ้ายส่ายหน้ารับดอกไม้จากมือเขา ก่อนจะพาแขกไปยังต้นไม้ใหญ่ที่มีโต๊ะไม้สักตั้งอยู่ “แล้วที่ กทม.เป็นยังไง”“ก็ตามคาด...ไม่ผ่าน” เขาส่ายหน้าเพราะเริ่มปวดหัว แก้ไปสองรอบก็ยังไม่ผ่าน สงสัยได้เรียนซ้ำชั้นแน่“ไม่ต้องกลัวฝ้ายกลับมาแล้ว หลังจากนี้ก็ให้ฝ้ายช่วยดูเถอะ”มาร์คัสพยักหน้า “จริงสินะ หัวกะทิกลุ่มเราอยู่ตรงนี้นี่น่า ว่าแต่เราไหวไหม”ปอฝ้ายยกไหล่ “ก็เห็นอยู่ว่าสบายดีแล้ว เลิกทำเป็นห่วงเราสักที”ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ ดูเหมือนว่าเขาจะห่วงไปจริงๆ คิดไปคิดมาการที่เธอจดจำอะไรไม่ได้เลยถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยในใจเธอก็ยังมีเขาอยู่“ฝ้าย เรามาคบกันไหม?”หัวใจคนรอเต้นไม่เป็นจังหวะ จำได้ว่าตอนปีหนึ่งที่เจอเขาเธอเองก็รู้สึกว่าชอบเขาก่อน เพียงแต่ตอนนั้นอีกฝ่ายมีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังตลอดจนเธอต้องมองเขาเป็นเพื่อน“ทำไม?” ทั้งที่ก่อนหน้าเขาไม่มีท่าทีสนใจเธอมาร์คัสจับมือปอฝ้ายเอาไว้ “ฝ้ายอาจฟังดูแล้วไม่เชื่อ เพราะแม้แต่เราก็ไม่เชื่อเหมือนกัน รู้ไ
เปลือกตาหญิงสาวขยับขึ้นลงมองแสงสีขาวที่ลอดเข้ามากระทบรู้สึกแสบตา แต่ปวดหัวอย่างหนัก เมื่อเธอลืมตามองเห็นภาพชัดเจน ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งคนแรกที่วิ่งเข้ามาหาเธอคือ พี่มาร์กัส จากนั้นก็ตามด้วยมาร์คัส และยังมีพ่อแม่ของเธอ และพ่อแม่ของมาร์กัสและมาร์โก“ฝ้ายรู้สึกปวดอะไรตรงไหนไหม”เธอปวดไปทั่วร่าง โดยเฉพาะช่องท้อง แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าไปโดนอะไรมา สีหน้างุนงงของเธอมีอยู่หลายนาทีก่อนจะนึกออก“พี่มาร์กัส แล้วคุณเจด้ากับลูกเป็นยังไงบ้างคะ”สีหน้าทุกคนมีความแปลกใจ แอนนาที่อยู่ใกล้จึงถามต่อ“ทำไมหนูฝ้ายถึงถามเจด้ากับลูก”“ก็พวกเราจะไปหาพวกเขา ฝ้ายจำได้ว่าพวกเราขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป” ปอฝ้ายนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะนึกต่อ “จากนั้นก็เหมือนจะมีพายุอย่างหนัก” เธอยกมือตัวเองที่เขียวช้ำ“หรือว่าเกิดอุบัติเหตุคะ” เธอถามแบบนี้คนที่ได้ยินก็นิ่งเงียบกว่าเดิมมาร์กัสถอยหลังจากนั้นก็ให้หมอเข้ามาแทน แล้วสอบถามอาการทั่วไป ก่อนจะสรุปว่าความทรงจำตลอดสองเดือนที่พวกเราหายไปนั้น ปอฝ้ายเลือกที่จะลบความทรงจำเหล่านั้นจำไม่ได้ มาร์กัสรู้สึกอยากจะฆ่าคนตอนนี้ ความพยายามที่เขาทำมาแทบจะสูญเปล่า แต่เขาอย
อองยี้และคนของเขามองชายหนุ่มที่เดินไปอีกทาง หรือว่ามันเป็นสายให้ทางการทำให้หมู่บ้านของพวกเขาถูกโจมตี ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นที่ไว้ใจพวกมันที่กล้าฆ่าน้องชายเขา แค้นนี้ไม่อาจปล่อยวางได้ ยังไงงานนี้ก็ต้องมีใครต้องตายสักคนชบาที่อยู่ใกล้ก็จับมืออองยี้ไว้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง“อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยพี่”สีหน้าอองยี้ไม่พอใจ “หรือว่ามึงเป็นพวกมัน”“พี่พูดได้ยังไง ชบาเป็นเมียพี่นะ แล้วตอนนี้คนของทางการออกล่าพวกเราอยู่ ถ้าพวกเราหาเรื่องดีไม่ดีตัวเองจะซวยเสียก่อน”“แล้วไง มาถึงขนาดนี้แล้วกูไม่ทนให้มันหนีรอดไปได้แน่นอน เหมียวซานมึงไปสืบดูว่าพวกมันพักอยู่บ้านหลังไหน”เหมียวซานพยักหน้าจากนั้นก็แยกตัวไป สืบได้ไม่นานก็พอจะรู้ว่าที่ซ่อนของพวกมัน ไม่คิดว่าจะเป็นนายพรานสมิงคนที่เขาก็รู้จักเช่นกันอองยี้จึงแอบเข้าไปในบ้านจัดการบอดี้การ์ดคนเดียวที่เหลืออยู่ จากนั้นก็เริ่มมองหาเมื่อเปิดประตูไปในห้องหนึ่งก็พบสิ่งที่คิด พวกมันออกไปจากบ้านจนหมด ก็คงเหลือแต่เมียมันที่อยู่ในบ้านง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากช้างก็งานนี้แหละ มุมปากอองยี้ยกยิ้มอย่างยินดี ส่วนชบาเองถึงกับเครียดกับภาพผู้หญิงตรงหน้า ปอฝ้ายจะร้องก็ถูกออ
มาร์กัสยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ขยับเอวเร็วขึ้นเมื่อเธอเริ่มผ่อนคลายความเจ็บปวด นำพาความสุขให้พวกเราสองคนเพราะปอฝ้ายเองก็ไม่คิดว่าพรหมลิขิตจะนำพาให้พวกเรามาพบกันอีกทำไมเธอถึงไม่สังเกตสายตาเขา สายตาครั้งแรกที่เราพบกันนั้นเหมือนคนที่เคยได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน“พี่เก็บเรื่องนี้มานานเท่าไร อ๊ะ” เธอร้องเมื่อเอวหนากระแทกลงอย่างแรง จากนั้นก็ขยับเอวออกแล้วดึงมันออก ความรู้สึกเหมือนเธอเห็นสวรรค์และได้ตกนรกในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็ให้เธอคว่ำลงไปกับพื้นเตียงท่อนเอ็นใหญ่ก็สอดเข้าไปด้านในสองมือหนาก็จับหนาอก ใบหน้าคมก้มลงจูบตรงซอกคอแล้วกระซิบ “นานและไม่เคยลืมเราเลย ยังจำพวกกุญแจที่หายไปได้ไหม”กุญแจตุ๊กตาเน่าที่เธอทำหายไปตอนอยู่บนเครื่องบิน ปอฝ้ายหันมองเขาแล้วก็รับจูบอันแสนหวาน “มันอยู่กับพี่ตลอดสิบปีที่ผ่านมา”พูดจบท่อนเอ็นด้านล่างก็สอดเข้าไปคราวนี้ทุกสิ่งนำพาทั้งความรู้สึกและความทรงจำกลับมา เร่งเร้าให้พวกเราขับประสานมันไปพร้อมกันเสียงเอวหนากระแทกลงไปพร้อมกับเสียงเตียงไม้โยกเอนดังขึ้นเรื่อย ๆ ความเงียบสงัดนั้นทำให้เสียงดังออกไปด้านนอก เจลโล่คนคุ้มกันที่อยู่แถวนั้นถึงกั
พอยกตัวขึ้นมามือหนาก็คว้าแผ่นหลังเอาไว้ จากนั้นก็จูบประกบปากส่วนมือด้านล่างก็ยังคงถูกไถไปตามกลีบกุหลาบ จนมืออุ่นรู้สึกถึงน้ำเกสรที่กำลังไหลออกมามุมปากเขายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะกระตุ้นร่างกายหญิงสาวอีกรอบ ร่างบางเอนนอนกลับไปเหมือนเดิม หัวใจเต้นระรัวเมื่อใบหน้าเขาจูบไล้ลงต่ำไปจนกระทั่ง“ไม่ได้นะ” มันสกปรกเกินไป เธอรู้สึกอายตัวเอง แต่คนกระทำมีหรือที่จะสนเมื่อเขาใช้ลิ้นแรงแตะสัมผัส“อ๊ะ อือ เดี๋ยวก่อน” ห้ามก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อลิ้นสากแตะเร่งดูดกลืนพร้อมริมฝีปากร้อนแรงดูดกลืนเหมือนกำลังได้ชื่นชมดอกกุหลาบที่หมายปองมานานแสนนานไม่ทำให้เจ้าของเรือนร่างผิดหวังแต่อย่างใด มาร์กัสเร่งความเร็วจนร่างหญิงสาวสะดุ้งกระตุกหลายครั้ง ปากก็บอกว่าพอแล้ว เพราะตอนนี้เธอเริ่มกลัวแค่ลิ้นยังขนาดนั้น และเธอยังไม่เห็นอาวุธในกางเกงเขาด้วยซ้ำ เขาก็เห็นเธอจนหมดแล้ว สายตาปอฝ้ายมองไปยังเป้ากางเกง มีบางสิ่งกำลังนูนเด่นออกมาจนซิบกางเกงแทบจะปริหญิงสาวกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว น้ำเสียงรู้สึกหวาดกลัวจึงขยับหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อมือหนาคว้าร่างเธอเอาไว้ จากนั้นก็ขึ้นคร่อมร่างสองมือกำลังถอดเข็มขัดออก จากนั้นก็ตามด้วย...ปอฝ้ายตะลึงกับส







