เสียงฝนกระหน่ำลงมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ท่ามกลางถนนที่มืดมิดและเปียกชื้น รถคันหรูแล่นไปด้วยความเร็ว ภายใต้แสงไฟจากไฟฟ้าริมสองข้างถนน เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ ไม่ได้รบกวนสมาธิของหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านคนขับ แม้แต่เสียงฝนที่กระทบกระจก ก็ยังไม่สามารถกลบเสียงของรถยนต์หลายคัน ที่กำลังพยายามเร่งความเร็วเพื่อกำจัดเธอในครั้งนี้
หลิวเสวี่ยหงจับพวงมาลัยแน่น ดวงตาคู่เรียวทั้งมองถนนและมองรถที่ติดตามมา ตอนนี้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความเครียด จากการถูกศัตรูคู่แข่งในวงการมาเฟียไล่ล่า แม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่าการไล่ล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มิใช่ว่าเธอไม่เคยเจอแต่ครั้งนี้เป็นเพราะลูกน้องของเธอ ถูกศัตรูขวางทางเอาไว้จนตามมาไม่ทัน
เธอเห็นแสงไฟจากรถยนต์ของศัตรู ที่ตามมาในกระจกมองหลัง รถที่มาพร้อมกับความเร็วสูง ไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีไปได้แม้แต่วินาทีเดียว
“แค่ฉันมีความสามารถมากกว่าพวกแกถึงกับรับไม่ได้ อดทนอดกลั้นมาได้นานขนาดนี้คงวางแผนกับเครือข่ายอื่นล่ะสิ
แต่คนอย่างหลิวเสวี่ยหงจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน มาทำลายทุกสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นด้วยสองมือของฉันแน่!”
เสียงพูดลอดไรฟันของหลิวเสวี่ยหงดังอยู่ในรถ และมีแค่เธอที่ได้ยินคำพูดนี้ ด้วยสายตาที่คมชัดเธอรีบหมุนพวงมาลัย เพื่อหลบหลีกกระสุนปืนจากรถคันหลังที่ตามมา เสียงกระสุนพุ่งเฉียดข้างรถของเธอ ทำให้หัวใจของหลิวเสวี่ยหงเต้นแรงขึ้น แม้ใบหน้าของเธอยังคงดูสงบแต่ความเครียดกลับแผ่ไปทั่วร่าง
เธอพยายามมองหาเส้นทางที่อาจจะพาเธอหลบหนีไปได้ แต่ในความมืดของคืนที่ฝนตกหนักมันยากที่จะหาทางหนีได้ดังใจ ในช่วงเวลานั้นเองด้วยถนนที่ลื่นเมื่อขับรถมาด้วยเร็ว ทำให้รถของเธอเสียหลักและหมุนไปมา ทะยานออกนอกถนนแล้วพลิกคว่ำลงไปในพงหญ้าอย่างรุนแรง เสียงของกระจกแตกและแรงกระแทกดังกึกก้อง
อึก “คะ คุณย่าคะ หนูทำตามที่สัญญาไว้ไม่ได้แล้ว หะ หากชาติหน้ามีจริงหนูจะชดใช้ให้คุณย่านะคะ” เสียงหลิวเสวี่ยหงพูดออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ขณะที่ร่างกายของเธอถูกกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอพยายามที่จะควบคุมตัวเองแต่มันยากเกินกว่าแรงกำลังที่มีจะทำได้
และทันใดนั้น ทุกอย่างเหมือนหยุดชะงักความรู้สึกหมุนวน หูอื้อ ร่างการขยับไม่ไหวอีกต่อไป ถึงแม้จะเป็นคืนที่ฝนตกหนักแต่ด้วยแรงกระแทกที่รุนแรงจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ก็ทำให้รถหรูของหลิวเสวี่ยหงเกิดแสงไฟสว่างจ้า กระจายไปทั่วด้านหน้ารถก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง
บึ้ม!!
แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลิวเสวี่ยหงไม่รู้ตัว คือจี้หยกที่เธอได้รับจากคุณย่าเหมือนมีจิตรับรู้ และจำได้ว่าคุณย่าของเธอได้ยกมรดกเป็นโรงงานทอผ้า รวมถึงโรงงานปักผ้าที่มีเครื่องจักรที่ทันสมัย สามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมากอย่างรวดเร็ว มรดกทั้งสองนี้ถูกจี้หยกลึกลับนำโรงงานทั้งสองเข้าไปเก็บไว้เพื่อติดตามเธอมาด้วย
หลิวเสวี่ยหงรู้สึกคล้ายกับล่องลอยอยู่กลางอากาศ ความทรงจำสุดท้ายเธอจดจำได้ว่ารถเกิดระเบิด อุบัติเหตุนั่นแน่นอนว่าทำให้เธอตายไปแล้ว แต่ทำไมเธอยังรู้สึกเจ็บศีรษะบริเวณท้ายทอยล่ะ หลิวเสวี่ยหงพยายามลืมตาแต่ไม่สามารถทำได้
ขณะที่เธอพยายามที่จะลืมตาให้ได้ กลับมีเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ปรากฏขึ้นในหัวของเธออย่างบ้าคลั่ง ที่สำคัญหญิงสาวคนนี้ยังมีใบหน้าเหมือนเธออีกด้วย เหตุการณ์ที่เธอได้เห็นช่างหดหู่เหลือเกิน
ญาติพี่น้องของบิดาที่เห็นแก่ผลประโยชน์ ลูกพี่ลูกน้องที่อิจฉาความงามและความสามารถ ซึ่งมีเพียงครอบครัวของร่างนี้ที่ทำได้ แม้ผู้เป็นบิดาอยากจะต่อสู้เพื่อครอบครัวแค่ไหน แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอยู่วันยังค่ำ ผลงานการปักผ้าที่ประณีตงดงามถูกแย่งชิงไปทุกชิ้น เมื่อขายได้ราคาดีถึงกับบีบบังคับให้ครอบครัวเจ้าของร่าง ต้องทำงานอย่างหนักตามใบสั่งซื้อที่มีเข้ามาไม่ขาดสาย
“พวกสารเลว! ฉันเป็นมาเฟียแท้ ๆ ยังไม่ใจดำแบบนี้สักครั้ง”
หลังจากลืมตาได้หลิวเสวี่ยหงพยายามลุกขึ้น แต่ร่างกายยังรู้สึกมึนงงและไม่สามารถขยับได้เต็มที่ ขณะที่สภาพรอบตัวเริ่มแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ห้องที่มีเตียงนอนไม้เก่าแก่และเสื้อผ้าที่ดูเหมือนจะเป็นของยุคโบราณ
“นี่ฉันมาอยู่ในยุคจีนโบราณจริง ๆ เหรอเนี่ย?” เสียงของหลิวเสวี่ยหงเบาหวิวรวมถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกครั้ง
เธอก้มลงมองไปที่มือของตัวเอง รู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะมือเรียวคู่นี้มีรอยเข็มทิ่มอยู่จำนวนมาก และร่างกายของหญิงสาวคนนี้ ยังดูผอมแห้งแรงน้อยแทบจะปลิวไปตามลม แน่ล่ะสิก็ได้กินข้าววันละกี่เม็ดกันเชียวแล้วจะเอาเรี่ยวแรงจากไหนได้
“มะ มะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะทะลุมิติมาอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ประวัติความเป็นมา?”
คำถามที่เกิดขึ้นในใจของหลิวเสวี่ยหงยังคงไม่ได้คำตอบ แต่เธอรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่แค่โชคชะตา แต่มันคือการเริ่มต้นของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในโลกใบใหม่ ที่เธอจะต้องเรียนรู้และเอาตัวรอด เพื่อมีชีวิตที่สุขสบายเช่นชาติก่อนให้ได้เท่านั้น
ขณะที่หลิวเสวี่ยหงกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก็มีเสียงคนหลายคนเดินมาทางห้องที่เธอนอนอยู่ แต่ไม่ใช่แค่เสียงเดินที่เร่งรีบยังมีเสียงร้องไห้เหมือนคนที่กำลังเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เพียงแค่ปรากฏร่างของคนที่เดินเข้ามา เสียงร้องไห้ที่ได้ยินกลับหยุดชะงัก ตามด้วยเสียงอ่างน้ำร่วงหล่น พร้อมกับการเรียกชื่อของคนทั้งสาม
เคร้ง! ตุบ “อันเอ๋อร์!! ลูกแม่!! น้องพี่!!”
ตึก ตึก ตึก
คนแรกที่รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างบาง คือหวังจือเหมยมารดาของเจ้าของร่างนี้ หมับ! “ฮึก ๆ อันเอ๋อร์ลูกแม่ ขอบคุณที่เจ้ายอมฟื้นขึ้นมา แม่คิดว่าจะต้องเสียเจ้าไปตลอดกาลแล้วเสียอีก ฮือ ๆ ๆ ท่านพี่ลูกของเรายังมีชีวิตอยู่เจ้าค่ะ ฮึก หลิงเอ๋อร์น้องสาวของเจ้ากลับมาอยู่กับเราแล้ว”
หลิวมู่ถงผู้เป็นบิดาสาวเท้าเข้ามาที่ขอบเตียง มือหนาที่หยาบกร้านแตะลงที่ไหล่ของฮูหยินตนเองเบา ๆ “ฮูหยินอย่าร้องไห้อีกเลยนะประเดี๋ยวลูก ๆ ก็ร้องตามเจ้ากันพอดี ดูสิหลิงเอ๋อร์เริ่มตาแดงจะร้องอยู่รอมร่อแล้วนะ”
หญิงสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้ามีเอกลักษณ์ กำลังจะร้องไห้เช่นบิดาของนางพูดมา เพราะหลิวเยี่ยนหลิงเอาแต่โทษตัวเอง ว่าตนนั้นชักช้าเข้าไปปกป้องมารดาไม่ทัน ทำให้น้องสาวที่น่ารักของนางต้องมารับเคราะห์แทนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด
“ฮึก อันเอ๋อร์ พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บตัวเช่นนี้ หากพี่ขยับตัวให้เร็วขึ้นเจ้าคงไม่ต้องบาดเจ็บ”
หลิวเสวี่ยหงที่ยามนี้ต้องสวมรอยกลายเป็นหลิวซูอัน บุตรสาวและน้องสาวของครอบครัวที่น่าสงสารครอบครัวนี้ กว่าจะหาเสียงของตนเองเจอก็เกือบจะร้องไห้ตามไปอีกคน “พี่หญิงอย่าได้โทษตัวเองเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะไม่ว่าจะเป็นท่านหรือข้า พวกเราสองคนต่างก็ทำเพื่อปกป้องท่านแม่นี่นา”
หลิวมู่ถงไม่อยากให้บุตรสาวคนโตคิดโทษตนเองเช่นกัน เพราะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าผู้นำตระกูล ซึ่งเป็นบิดาของเขาจะอำมหิตไม่มีเหตุผลในการลงโทษคนในครอบครัวเช่นนี้
“หลิงเอ๋อร์พ่อเองก็ไม่อยากให้เจ้าคิดเช่นนั้น ยามนี้น้องสาวของเจ้าฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว ต่อไปพ่อจะปกป้องพวกเจ้าให้มากขึ้น หากคนเรือนใหญ่ยังไม่ยอมหยุดทำร้ายพวกเรา พ่อจะคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่เอง”
คำพูดของหลิวมู่ถงช่างตรงใจหลิวซูอันยิ่งนัก อย่างน้อยบิดาผู้นี้ ก็มิได้ให้ความสำคัญกับคนในตระกูลมากกว่าครอบครัวของตน รอให้นางพักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงกว่านี้ก่อนเถิด คนที่เรือนใหญ่จะได้รับรู้ถึงความร้ายกาจ ชาติที่แล้วข้าเป็นถึงมาเฟียสาวผู้เก่งทั้งการต่อสู้และวงการธุรกิจ ไม่มีวันยอมก้มหัวเป็นทาสอยู่ในจวนแห่งนี้แน่นอน