เมื่อครอบครัวเล็ก ๆ ได้บุตรสาวกลับคืน ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าในร่างนี้มิใช่บุตรสาวที่ตนรู้จัก แต่ด้วยอุปนิสัยไม่ยอมคนของหลิวซูอัน ผู้มาครอบครองร่างทีหลังย่อมสวมรอยได้ไม่ยาก
เพราะยังมีงานที่ต้องทำค้างอยู่ ทั้งสามคนจึงให้หลิวซูอันพักผ่อน โดยงานในส่วนของนางผู้เป็นพี่สาวจะรับผิดชอบทำแทนให้เอง
จือเหมยเอ่ยบอกกับซูอันอย่างห่วงใย “อันเอ๋อร์เจ้านอนพักต่ออีกหน่อยเถิดนะ หากแม่กับพ่อและพี่สาวของเจ้าทำงานที่ค้างไว้เสร็จ จะรีบทำโจ๊กมาให้กินส่วนเรื่องยา ค่อยให้พ่อของเจ้าแอบไปซื้อมาต้มให้ดื่มทีหลังนะ”
ซูอันที่รับรู้เรื่องการเงินจากร่างเดิมแล้ว ก็รีบเอ่ยปรามเอาไว้เสียก่อน “ท่านแม่เรื่องยาสมุนไพรอย่าได้เปลืองเงินเลยเจ้าค่ะ ยามนี้ข้าไม่รู้สึกเจ็บเหมือนตอนถูกตีแล้ว ขอแค่โจ๊กฝีมือท่านแม่และได้นอนพัก อีกไม่กี่วันก็มีแรงช่วยพวกท่านทำงานแล้วเจ้าค่ะ”
ซูอันพูดภาษาในโลกนี้ได้คล่องแคล่ว อย่างน้อยตอนที่นางเรียนหนังสือยังมีวิชาประวัติศาสตร์ รวมถึงภาษาของแต่ละพื้นที่ทำให้นางเอามาปรับใช้ได้ไม่ยากเย็นนัก
“จะเป็นไปได้อย่างไรกันเจ้าถูกไม้ตีรุนแรงมากนะอันเอ๋อร์ แค่นอนไม่ถึงครึ่งชั่วยามเจ้ากลับบอกว่าไม่เจ็บแล้ว” เยี่ยนหลิงไม่คิดเชื่อ
พอพี่สาวตอบกลับมาด้วยคำถาม ภายในหัวของซูอันจึงคิดถึงเรื่องเทพเซียน นำมันมากล่าวอ้างกับพี่สาวได้ทันควัน “พี่หญิงเจ้าคะ ข้าคิดว่าที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้สึกเจ็บ อาจจะเป็นเพราะเทพบนสวรรค์เมตตา ยังอยากให้ข้าอยู่กตัญญูท่านพ่อท่านแม่ จึงช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้ก็เป็นได้นะเจ้าคะ”
มู่ถงไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของซูอัน จึงเข้าข้างบุตรสาวคนเล็กโดยในใจลึก ๆ ก็มีเอนเอียงไปกับคำพูดนี้เช่นกัน “เอาล่ะ ๆ พวกเรากลับไปทำงานกันก่อนเถิด อันเอ๋อร์จะได้พักผ่อนต่ออีกสักหน่อย แผลที่ศีรษะจะได้หายเร็วขึ้นอย่างไรเล่า”
“นั่นสินะ ลูกแม่พวกเราจะรีบทำงานให้เสร็จ ตอนนี้เจ้านอนพักอยู่ในเรือนรอนะ” จือเหมยอยากอยู่ดูแลบุตรสาวก็จริง แต่งานที่ค้างอยู่นางไม่อาจปล่อยทิ้งไว้ได้
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
คล้อยหลังคนในครอบครัวออกจากห้องไป หลิวซูอันทำตามที่พวกเขาบอก นั่นคือการค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน เนื่องจากยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เล็กน้อย แต่นางต้องเจออุปสรรคในการนอนพัก จนรีบกระโดดลงจากเตียงไม้แทบไม่ทัน
[สวัสดีเจ้าค่ะนายหญิง]
พรึบ! ตุบ ขวับ! ขวับ!
“คะ คะ ใครพูด อย่าคิดหลบซ่อนตัวเพื่อลอบทำร้ายข้าเชียวนะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวรีบออกมาเสียดี ๆ” หลิวซูอันหันไปมองรอบ ๆ ห้องที่ไม่ได้กว้างขวางอันใด
[นายหญิงข้าอยู่กับท่านตลอดเวลา เพราะท่านคล้องข้าไว้กับสร้อยคออย่างไรล่ะเจ้าคะ]
“หา!! เจ้าอย่ามาโกหกเสียให้ยาก ข้าจะคล้องสร้อยคอในร่างคนอื่นได้หยะ... เอ๋” หมับ! “นี่มัน! จี้หยกที่คุณย่าให้ไว้ก่อนตายนี่” หลิวซูอันลองคลำบริเวณลำคอก็พบว่ามีสร้อยเส้นหนึ่ง อย่างที่เสียงปริศนาบอกจริง ๆ
[ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าคือจี้หยกที่ท่านพกติดตัวไว้ ตั้งแต่นายหญิงผู้เฒ่าตายในโลกแห่งนั้น]
“อ่อ เฮ้ย! จะ จะ เจ้าเป็นจี้หยกแล้วพะ พูด พูดได้ยังไงกัน คงไม่ใช่ภูตผีปีศาจมาสิงอยู่ในนี้หรอกนะ ข้าไม่กลัวผีแต่จะหาหมอผีมากำจัดเจ้าแทน”
[โอยยย ก็ข้าเป็นจี้หยกวิเศษก็ต้องพูดได้สิเจ้าคะ ที่สำคัญข้าไม่ใช่แค่จี้หยกวิเศษพูดได้ธรรมดานะนายหญิง แต่ด้านในจี้หยกคือมิติที่สามารถเก็บของ ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตได้อีกด้วยเจ้าค่ะ]
“ฮะ!! มิติวิเศษเหมือนในซีรี่ส์ที่คนนิยมดูกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าจะเก็บของสำคัญไว้มากแค่ไหนก็ได้น่ะสิ”
[ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ท่านช่วยตั้งชื่อให้ข้าทีเจ้าค่ะนายหญิง]
“อืม นั่นสิ ถ้าไม่มีชื่อเวลาจะเรียกหาเจ้าคงจะลำบาก อาจสื่อสารผิดพลาดได้ถ้างั้นข้าเรียกเจ้าว่า ‘จีจี้’ เป็นอย่างไร ชอบชื่อนี้หรือไม่” ซูอันไม่อยากตั้งชื่อยาก ๆ
[ต่อไปข้ามีชื่อว่าจีจี้ ขอบคุณนายหญิงสำหรับชื่อที่ไม่เหมือนใครเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านอยากเข้าไปดูภายในมิติหรือไม่เจ้าคะ]
“ก็ดีเหมือนกันจีจี้ ข้าอยากเห็นว่าด้านในจะมีบรรยากาศเช่นไร”
[จีจี้จะพาท่านเข้าไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ]
แค่เพียงซูอันตกลงเข้ามาด้านในมิติของจี้หยก นางยังไม่ทันกะพริบตาก็มาโผล่ยังสถานที่หนึ่งที่มีอาคารยุคสมัยใหม่ ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของนางทั้งซ้ายและขวา ยิ่งไปกว่านั้นเสียงที่ได้ยินคล้ายกับว่า อุปกรณ์ภายในอาคารทั้งสองยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องไม่หยุดพัก
วับ! “โอ้ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกันจีจี้ โรงงานทั้งสองมาอยู่ในมิติของเจ้าได้อย่างไร แล้วเสียงที่ได้ยินคงไม่ใช่ว่าเครื่องจักรยังทำงานอยู่หรอกนะจีจี้”
[เพราะมันเป็นมรดกที่นายหญิงผู้เฒ่ายกให้ท่านพร้อมกับจี้หยก พอท่านตายจากอุบัติรถคว่ำข้าจึงนำโรงงานเข้ามาไว้ในนี้ทั้งหมด รวมถึงทองคำแท่งที่ท่านเก็บสะสมไว้ในตู้เซฟเจ้าค่ะ]
ซูอันพูดอันใดไม่ออกแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้หยกวิเศษลงมือทำ ภายหลังที่นางตกตายจากอุบัติเหตุ หากมีโรงงานทั้งสองที่ผลิตสินค้าได้ต่อเนื่อง ครอบครัวของร่างนี้ก็ไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป
“ขอบใจเจ้ามากจริง ๆ นะจีจี้ ที่นำสมบัติของคุณย่าตามข้ามาที่นี่ ไหนจะทองคำมูลค่ามหาศาลที่สะสมไว้อีก ถ้าท่านพ่อตัดขาดกับตระกูลนี้เมื่อใดละก็ ข้าค่อยบอกพวกเขาเรื่องมิติก็แล้วกัน จากนั้นจะได้ลงมือทำการค้าเช่นในโลกก่อน และหาผู้สนับสนุนที่มีอำนาจ ต่อไปหลังจากนี้ตระกูลหลิวที่น่ารังเกียจ ต้องมีชีวิตที่ตกต่ำไม่เหลืออะไรให้โอ้อวดได้อีก”
[ข้ายินดีช่วยเหลือนายหญิงทำภารกิจให้สำเร็จเจ้าค่ะ ท่านเข้าไปดูด้านในโรงงานเถิด เพราะมันยังมีห้องพยาบาลที่มียา
รักษาอาการป่วย หรือยาที่ช่วยรักษาแผลของท่านให้ดีขึ้นในเร็ววันนะเจ้าคะ อ้อ ยังมีโรงอาหารเผื่อท่านต้องการกินให้อิ่มท้อง หรือจะนำไปกินร่วมกับครอบครัวใหม่ของท่านก็ได้เช่นกันเจ้าค่ะ]
“อืม รบกวนเจ้าพาข้าเข้าไปสำรวจด้านในทีนะจีจี้”
[เจ้าค่ะนายหญิง]
ซูอันเดินเข้าไปสำรวจด้านในโรงงานทั้งสอง และมันเป็นเช่นที่นางคิดเอาไว้จริง ๆ เครื่องจักรนับร้อยตัวยังคงทำงาน ส่วนผ้าที่ทอเสร็จหรือปักลวดลายที่ตั้งค่าเอาไว้ จะถูกเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังมีโรงอาหารที่จะสั่งอาหารที่อยากกินก็ได้เช่นกัน
ส่วนยารักษาแผลที่ด้านหลังศีรษะของซูอัน ก็ได้ยาจากห้องพยาบาลของโรงงาน ทั้งยากินยาทานางนำมาเผื่อทั้งสองอย่าง และสิ่งที่ซูอันคิดวางแผนสำหรับอนาคตของครอบครัว ย่อมเป็นผ้าไหมและผ้าปักลวดลายที่งดงาม อีกทั้งยังมีลวดลายที่หลากหลายมากกว่างานปักในยุคนี้ให้ลูกค้าได้เลือก นางหวังว่าเมื่อใดทำการเปิดร้านค้า ชื่อเสียงของครอบครัวเล็ก ๆ สี่คน จะเป็นที่กล่าวขานไปทั่วในพริบตาแน่นอน