โสรยามาถึงที่พักแห่งใหม่ตามที่บิดาของเธอบอกกล่าวไว้ว่าต้องมาทำงานกับศิชล เจ้าของธุรกิจทางเหนือแห่งนี้ มันคือคาสิโนครบวงจรดีๆนี่เอง ซึ่งโสรยาก็ระแคะระคายมาบ้าง เบื้องหลังของศิชลมีคนหนุนหลังใหญ่โต
"มีแล้วนะคุณโส เชิญทางนี้"แสนนำทางไปยังห้องพักด้านบนถัดไปจากส่วนหน้าที่ใหญ่โตกว้างขวางหรูหราสมราคาอันดับต้นๆของประเทศ
"แล้วคุณศิชลละ ทำไมเป็นนายมาดูแลฉันแทน"โสรยาทวงถามคยที่ดูแลเธอควรจะเป็นศิชลสิไม่ใส่นายแสนลูกน้องกระจอกคนนี้ เพราะเธอเป็นถึงคุณหนูของเสี่ยซ้ง และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเสี่ย
"คุณคาดหวังอะไรมากไปรึปล่าว"แสนกล่าว เขาคาดเดาเอาว่าโสรยาอาจจะไม่รู้เรื่องที่บิดาเป็นหนี้เลยก็ได้และเธอถูกส่งมาทำไม
"นายหมายความว่ายังไง นาย..."
"เรียกผมแสนก็ได้ นายไม่ว่างหรอกคุณดูแลแขกที่เกเรเหมือนพ่อคุณอยู่ด้านหน้า แต่ถ้านายต้องการคุณเดี๋ยวเขาจะมาเองหึ..."ระหว่างอธิบายแสนก็หัวเราะในลำคอ ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเองเหลือเกิน บิดาของเธอคงไม่ได้เอ่ยเรื่องความบัดซบของตัวเองให้ฟัง
"นายพูดอะไรฉันยิ่งงงไปกันใหญ่ เดินทางมาเหนื่อยขออาบน้ำพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน"
"นี่เบอร์ห้องครัวครับ โทรสั่งให้แม่ครัวขึ้นมาส่งได้เลยคุณอยากทานอะไรก็สั่ง"
"อาหารอิตาเลี่ยนมีไหม อาหารไทยฉันไม่ถนัดนะ"แสนสะดุดไปนิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"แล้วแต่คุณครับที่นี่มีพร้อมสรรพที่คุณต้องการผมไปละ"
โสรยารู้สึกแปลกๆเธอต้องทำงานอะไรนะ แต่ก็หาได้สนใจไม่เมื่อความสุขสบายที่อยู่เบื้องหน้าคืบคลานเข้ามาหาเธอทีละน้อย สิ่งที่โสรยาฝันคือนายหญิงของคุณศิชลนักธุรกิจยักษ์ใหญ่แห่งภาคเหนือนี้
"นายครับเธอมาแล้ว"แสนรายงานความคืบหน้าเมื่อเห็นนายนั่งจิบวิสกี้แก้ปัญหาหนี้เสียอยู่ที่มีไม่เว้นแต่ละวัน สิ่งเหล่านั้นที่นักพนันนำมาแก้ปัญหาก็คือบ้าน ทรัพย์สิน ลูกสาว หรือหนีออกนอกประเทศไปเลย ศิชลก็ยังคงเก็บไว้หวังว่าสักวันพวกเขาจะมาไถ่ถอนคืน
"อืม...มาแล้วรึ"ขณะถามมือของศิชลก็ลูบขอบแก้วไปมาเขามีผู้หญิงขัดดอกมาให้ปรนเปรออยู่เรื่อยๆแต่ผู้หญิงพวกนี้ในสมองมีแต่ขี้เลื่อยไม่รู้จักหักห้ามใจเมื่อเห็นเงินรักความสบาย โสรยาก็คงเช่นกันคงไม่ต่างจากบิดาของเธอเท่าไร
"นายจะไปหาเธอเลยไหมคืนนี้"
"ยังหรอกให้เธอคุ้นชินกับสถานที่ก่อนสักระยะ เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงเตรียมงานไว้ให้เธอทำด้วยเล็กๆน้อยๆในคาสิโนแห่งนี้ก็ได้"
"ครับนาย..."แก้วในมือยังคงกระดกวิสกี้เข้าปากอย่างต่อเนื่อง แสนมองนายคนเก่งของเขาที่บริหารธุรกิจได้ใหญ่โตขนาดนี้ทั้งที่มีลูกหนี้จ้องจะทำร้ายได้ทุกเวลา
ย้อนกลับมาที่นนทฤทธิ์...
พิมดาวชอบช่วยเหลือผู้คนไปทั่ว ล่าสุดเธอเล่าเรื่องลูกน้องตัวแสบทั้งสองให้เขาฟัง ว่าทั้งสองกำลังคิดไม่ซื่ออยู่เรื่องการเงิน เพราะพิมดาวมองคนออกดูเหมือนว่านนท์จะไม่ค่อยทันเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์พวกนี้ด้วยซ้ำจากที่พิมดาวพูดคุยเพียงไม่กี่ครั้งก็พอจะรู้ว่านนท์จิตใจดีมาก
"จริงหรือครับดาวผมเห็นทีต้องสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองเสียแล้วครับ"เมื่อพิมดาวเล่าให้เขาฟัง ท่าทีของนนทฤทธิ์ไม่อยากเชื่อเท่าไรว่าลูกน้องของตัวเองจะทุบหม้อข้าวของตัวเองได้เช่นนี้
"นายก็ลองสืบดูสิ แล้วจะรู้ว่าที่ฉันเตือนคุณมันจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายนายก็ต้องมาขอบคุณฉันอยู่ดีที่เตือนคุณ"
นนท์นิ่งคิดในขณะที่มือก็ช่วยพิมดาวยกของขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน ตลาดนัดเริ่มวายผู้คนเริ่มน้อยลงพิมดาวมีเวลาหายใจมากขึ้น
"คุณพรุ่งนี้ฉันงดขายหนึ่งวันนะ ไม่ค่อยสบายนะ "เธอรู้สึกคล้ายจะไม่สบายอย่างบอกไม่ถูกหลังจากโหมงานหนักมาตลอดทั้งเดือน
"งั้นคุณพักเลยพิมดาว ส่วนผมขอตามเรื่องที่คุณบอกผมเสียหน่อย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกน้องของคุณพ่อที่ปั้นมากับมือจะคิดไม่ซื่อแบบนี้ได้
"นายก็ลองเสืบดู ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ของนายอีกฉันทำได้เพียงแต่ช่วยนายดูอยู่ห่างๆก็เท่านั้น"
เสร็จจากช่วยพิมดาว นนท์ก็บอกกล่าวพิมดาวด้วยความเป็นห่วง ให้เธอดูแลตัวเองพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่
"นายรู้จักบ้านฉันเหรอ ฉันไม่รบกวนนายดีกว่าแค่นี้เค้าก็หาว่านายเป็นแฟนของฉันแล้ว บ้าดีนะคนเราสักแต่จะพูด"
ขณะที่นนท์กำลังจะอ้าปากพูดขึ้นมา พิมดาวตัดบทขอตัวกลับบ้านก่อนเธอต้องการพักผ่อนเมื่อโหมงานหนักมาหลายวัน
"ไอ้ซัน...ไอ้ยนต์ มาพบฉันที่ออฟฟิตหน่อย"
เสียงของนนท์โทรหาลูกน้องคนสนิทที่ไว้วางใจแต่บัดนี้เขาไม่เชื่อใจมันเสียแล้ว
"ด่วนนะมึง...กูรอ"นนท์สวมบทบาทนายน้อยของบ้านอีกครั้ง
ไอ้ซันไอ้ยนต์งงเป็นไก่ตาแตกเมื่อนายเรียกพบ
"มึงนายเรียกพบเรื่องอะไรวะ กูชักใจคอไม่ดีแล้ว ยิ่งมีชนักติดหลังอยู่ กูสังหรณ์ใจชอบกลว่ามีคนฟ้องนายเรื่องเรา หรือจะเป็นอีแม่ค้าหน้าสวยคนนั้นดูมันจับผิดฉลาดเกินคนเหลือเกิน"
"ถ้าใช่กูต้องเอาคืนมัน โทษฐานยุ่งเรื่องกูจะจับมาข่มขืนให้ลืมท่าทางทอมบอยให้สิ้นเลยมึงคอยดู"
"อย่ามัวคาดเดาเลยมึงรีบไปเถอะนายน้อยรอแล้วเดี๋ยวไปกันใหญ่อาจไม่ใช่ก็ได้"
ทั้งสองร้อนตัวคิดไปต่างๆนาๆเหตุเพราะพวกเขาติดการพนันจึงทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบโกงเงินเก็บตลาดมานาน
"มึงเอาคืนทันไหมกูกลัวนะ"ยนต์เอ่ยขึ้นเขาเริ่มกลัวตกงานและถูกจับดำเนินคดี
"ส้นตีนมึง...เงินไม่ใช่น้อยๆมึงจะเอาจากไหนมาคืนกูถามหน่อย หาไม่ทันหรอกตัวเลขในบัญชีถ้าเช็คดีๆความก็แตก แต่ถ้าคนไม่ใส่ใจก็ไม่รู้หรอกมึง"ซันเอ่ยแบบไม่เกรงกลัว
"มึงคิดไว้หรือยังถ้าเขาจับได้มึงจะไปทำมาหากินอะไรต่อ ติดหนี้พนันก็ตั้งหลายแสนบาทอยู่ไม่น่าเลยมึง"ยนต์เอ่ยขึ้นรู้สึกสำนึกผิดต่างจากซัน
"มึงนี่ตาขาวชิบ...กูบอกแล้วถึงตอนนั้นถ้าเรื่องแดงที่เราอุบอิบเงินเก็บค่าเช่าแผงก็เพราะอีแม่ค้านั่นแน่ๆกูมั่นใจมันชอบเสือกเรื่องชาวบ้านดีนัก กูต้องจัดการมันก่อน"ไอ้ซันมั่นใจว่าต้องเป็นพิมดาวที่นำเรื่องของมันไปบอกนายน้อย
"เอาไงเอากันมึงไหนๆจะเลวแล้วเอาให้ถึงที่สุด"ยนต์จนปัญญาหมดทางแก้ไขนอกจากไปให้สุดทางเพราะหนี้ไม่ใช่น้อยๆที่ติดการพนันอยู่
รถของทั้งคู่จอดอยู่หน้าออฟฟิตใหญ่โดยมีนนท์นั่งอยู่ในสำนักงานรอพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคนที่บิดาของเขาจ้างมืออาชีพมาให้บุตรชายทั้งคู่แต่เขาห่วงนนทฤทธิ์มากกว่าเพราะไม่ดุดันเหมือนศิชล
"มาแล้วรึมึงสองคน กูให้โอกาสมึงทั้งสองสารภาพเรื่องเงินตลาดหลายแห่งที่กูไว้ใจให้มึงไปเก็บ เข้ากระเป๋าพวกมึงทั้งคู่ไปเท่าไรละ"
"นะ...นาย ไม่นะครับผมไม่เคย"
"มึงโกหกมีสายรายงานกูมาว่ามึงโกงมึงติดการพนันทั้งคู่"นนท์คาดคั้นเสียงเข้ม
ทั้งสองปฏิเสธอย่างหนักหน่วงเมื่อถูกนายน้อยต้อนจนจนมุม
"นายรู้มาจากใครเรื่องผม นังแม่ค้าคนนั้นใช่ไหม นายเชื่อมันมากกว่าผม ผมอยู่กับนายมานาน"
"มึงอย่ารู้เลยว่ากูรู้มาจากใคร กูพักงานพวกมึงสามเดือนสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง มึงไปนอนพักอยู่บ้านให้สบายใจเลยรอผลพิสูจน์หลักฐาน พวกมึงห้ามยุ่งกับแม่ค้าคนนั้นเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น"
"นาย!!"ทั้งสองเอ่ยพร้อมกันเมื่อนายของมันสั่งพักงานเป็นเวลาสามเดือนเพื่อรอคำตัดสิน
"หยุด....มึงออกไปได้แล้วกูสัญญาจะให้ความยุติธรรมกับมึงทั้งคู่ ไปออกไปได้แล้ว"นนท์สั่งเสียงเข้ม
แววตาที่แข็งกร้าวของทั้งคู่แสดงความเครียดแค้นกับเจ้านายของมันและพิมดาวที่มันคิดว่าเป็นคนนำข่าวเรื่องนี้มาบอก เพราะพวกมันเผลอไปเก็บเงินเกินจากปกติหลายครั้งจนเธอสงสัย
"เฮ้ย...ก่อนหน้านั่นไม่ใช่ราคานี้นี่ มันยังไงกันขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะ"
ทั้งคู่จำต้องหน้านิ่งแต่ยังคงเก็บเงินต่อไม่ยอมเลิกลาหลายครั้งหลายคราที่เป็นแบบนี้
"งั้นผมลานาย ในเมื่อนายไม่ไว้ใจผมเสียแล้ว"
ทั้งสองหายออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงรถบึ่งออกไปอย่างหัวเสีย นนท์หันมามองลูกน้องคนสนิทที่ยืนคุ้มกันอยู่
"เมื่อไรคนพวกนี้จะรู้จักพอเสียทีนะ"
"ผมว่ามันติดการพนันนะ เห็นมันเข้าออก บ่อนบ่อยๆแถวชานเมืองครับ"
"อืม...นายลองสืบให้ฉันอีกทีให้ชัดเจนถ้าหลักฐานพร้อมลากมันเข้าคุกให้ได้ นายออกไปกันได้แล้วฉันอยากพักผ่อนนะ"
นนท์โบกมือให้สมุ
นทั้งหลายออกไปเขาต้องการความสงบเพื่อใช้สมองในการคิดจัดการกับลูกน้องที่ไม่ซื่อเหมือนเช่นไอ้ยนต์กับไอ้ซัน...
จิ้บ...จิ้บ...จิ้บเสียงนกที่ออกหากินตอนเช้า พิมดาวลืมตาตื่นขึ้นมา แม้ภาพตรงหน้ามันจะยังไม่ชัดเจนเท่าไร แต่ในสมองของเธอก็มีคำพูดชองกันต์ผุดขึ้นมาในหัว"เขาจะมาเอาคำตอบวันนี้นี่นา แย่แล้วดาวเอ๋ย ทำไงดี ไหนจะนายศิชลอีก แล้วกันต์ละ"ขณะกำลังคิดไรเพลินๆเสียงของแม่ที่ดังอยู่ข้างล่างก็แทรกเข้ามาในความคิด"ดาวเอ้ย...ตื่นหรือยังลูก เป็นเพื่อนแม่ไปตลาดหน่อย เช้าๆแบบนี้ของกำลังเยอะ""ค่ะแม่...ดาวกำลังลงไปคะ เดี๋ยวค่อยคิดก็แล้วกัน"พิมดาวรีบลุกจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเป็นเพื่อนมารดาไปตลาด มันทำให้เธอลืมเรื่องของกันต์และศิชลไปชั่วขณะบ้านศิชล..."ดาวดูเปลี่ยนไปจริงๆ ฉันขอโทษนะที่ละเลยไม่ใส่ใจดูแลเธอ หรือฉันต้องเสียเธอไปจริงๆแล้วใช่ไหม"คิดพลางก็อัดบุหรี่ที่ครีบอยู่ในมือเข้าเต็มปอด "ชลลูก...ทำไมหันมาสูบบุหรี่อีกละ พ่อจำได้ว่าลูกเลิกมันไปนานแล้ว"บิดาของเขาติงขึ้นมา เมื่อเห็นบุตรชายกลับมาสูบมันอีกสิชลตกใจเล็กน้อยกับเสียงบิดาที่เดินมาข้างหลังเขา ในขณะที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่"ครับ...พอดีผมมีเรื่องให้ต้องคิด หลายปีมานี่บ้านเรามีแต่เรื่องร้ายๆเกิดขึ้น พ่อว่าไหม ถ้ามันจะมีอีกสั
บ้านของกันต์...ภายในบ้านที่รายรอบด้วยความเขียวชะอุ่มน่าอยู่เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งตอนนี้หน้าฝน สายฝนที่โปรยปรายลงมาเมื่อต้นไม้ที่กันต์ปลูกเหล่านั้นได้รับน้ำที่ชุ่มฉ่ำจากฟากฟ้า ก็พากันออกดอกออกผลกันจนเจ้าของยิ้มหน้าบานไม่หยุด"อ้าวกันต์มานั่งยิ้มทำไมคนเดียวหน้าบ้าน"มารดาของกันต์ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของกันต์ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเดินตามหาลูกชายในบ้านไม่พบ"ครับแม่ มองดูผลงานตัวเองนะ แม่ครับกันต์สมควรต้องไปหางานทำเลี้ยงแม่แล้วใช่ไหม เกาะแม่กินมาเกือบปีแล้วตั้งแต่กลับมา" กันต์ชักไม่แน่ใจในคำถามเหมือนกัน ใจหนึ่งก็ห่วงมารดาเป็นที่สุด"กันต์ กันต์ต้องถามตัวเองแล้วลูกว่าต้องการอะไรแบบไหน ต้องการอะไรแม่ไม่บังคับ แม้แต่เรื่องการมีครอบครัวของกันต์ก็ตาม"มารดาของเขาพยายามเข้าเรื่องเมื่อต้องการลูกสะใภ้อย่างพิมดาว บ้านข้างเคียงมาอยู่เป็นเพื่อนลูกชาย"แม่รู้ว่าผมชอบพิมดาวใช่ไหม"เขาเอ่ยถามซ้ำมารดาให้แน่ใจพลางมองไปข้างหน้าที่มีดอกกุหลาบออกดอกชูสะพรั่งเต็มไปหมด"รู้สิ ไม่งั้นจะเป็นแม่ของลูกได้ยังไงกัน ไอ้เด็กโง่"มารดาของเขาลูบหัวบุตรชายเบาๆไปมา"ลูกพร้อมให้แม่ไปขอวันไหนก็บอก แม่พร้อมเสม
ภายในใจของศิชลกำลังสบสันและว้าวุ่นใจเป็นที่สุด ขณะที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น หน้าอกของนวลมาแนบชิดกับใบหน้าเขาอย่างไม่รู้ตัว"ถอยไปนวล"เสียงของเขาแผ่วลงต่างจากทุกครั้ง จนนวลรู้สึกถึงชัยชนะที่มีอยู่ในใจ ไม่เสียแรงที่เธอเฝ้าตามตื้อเขามานาน ไม่คิดว่าผู้ชายใจแข็งอย่างศิชลจะเสียท่าเธอง่ายๆ"นายคะ...อย่าปฏิเสธนวลเลย ให้นวลช่วยให้นายหายเครียด"นวลจ้องตาศิชลด้วยมารยาร้อยเล่มเกวียนที่มีอยู่ในตัว เธอหวังว่าครั้งนี้จะทำมันสำเร็จ เธอเอาตัวเข้าไปแนบชิดนายใหญ่รองจากคุณอัศวินอีกครั้งและหยั่งเชิงไปในตัวผิดคาด...เขาไม่ผลักใสเธอเหมือนทุกครั้งแต่กลับคว้านวลเข้ามากอดและดันตัวให้นั่งลงบนตัก ศิชลก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรทำให้เขากลับมายุ่งเกี่ยวกับนวลอีกครั้ง อาจเป็นเพราะพิมดาวที่มีท่าทางเมินเฉยเช่นนั้นหรือบวกกับความน้อยใจที่เธอมีชายหนุ่มอีกคนอยู่ข้างกายก็เป็นได้บทรักที่เร่าร้อนจากผู้ชายที่ใจง่ายอย่างศิชลก็เริ่มขึ้น นวลหัวเราะเสียงดังอยู่ในใจพลางคิด"ผู้ชายก็เหมือนกันหมดแหละ มักง่ายใจง่ายไม่มีจิตใจมั่นคง ยั่วแค่นี้ก็เสียท่าแล้ว"นวลคิดในใจเมื่อแผนของเธอสำเร็จ และชนะอยู่ในทีนวลเอื้อมมือไปแกะกระ
บ้านพิมดาว..."อ้าว...ยัยดาวเป็นอะไรเขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมกินให้หมดสักที ไอ้ลูกคนนี้นี่"มารดาของพิมดาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพิมดาวได้แต่เหม่อลอยคล้ายมีเรื่องให้ต้องคิด"อ้อ...แม่คะ ดาวกำลังคิดว่าถ้าขายของดีขนาดนี้เราไปเช่าตึกเลยดีไหม"พิมดาวกลบเกลื่อนเอาเรื่องขายของมาอ้าง เพื่อไม่ให้มารดาของเธอรู้ความในใจที่มี หากแต่เรื่องที่คิดกลับไม่ใช่เรื่องค้าขายหรือร้านค้าแต่เป็นเรื่องของศิชลแทน"ดาวอิ่มแล้วคะแม่ ขอตัวไปพักนะคะ ขายดีจนแทบไม่ได้หายใจเลยคะ"พิมดาวยิ้มหากแต่ใบหน้ากลับเจื่อนตรงกันข้ามกับความยินดีนั้น"อืม...น่ารวยจังลูกสาวของฉันจะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวแม่กับพ่อก็จะอิ่มเหมือนกัน""คะแม่"พิมดาวลุกจากโต๊ะอาหารทันทีหลังขออนุญาตมารดาของเธออย่างไม่รอช้า"แปลกๆลูกคนนี้ ปกติเป็นลิงเป็นค่าง วันนี้นิ่งเงียบเฉยเลย แม่ไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไรพ่อ"มารดาของเธอสังเกตุ"ช่างเถอะแม่ มีอะไรเดี๋ยวลูกก็บอกเราเองแหละ รีบกินจะได้ไปพักผ่อนบ้าง"บิดาของพิมดาวตัดบทเพราะรู้นิสัยลูกสาวดีว่าเป็นเช่นไร ถ้าพิมดาวไม่บอกถามให้ตายนางก็ไม่มีวันปริปากเด็ดขาด"เราจะทำอย่างไรดีกับผู้ชายคนนี้นะ ทำไมยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ"พิมดาวมีสีหน้าค่
ระว่างนั้นด้วยความคิดถึง ศิชลลืมไปว่าอยู่ในตลาดเขาเผลอคว้าพิมดาวเข้าไปกอดอย่างลืมตัว"ว้าย...นายทำอะไรนะ นี่มันกลางสาธารณะชนเลยนะ นายจะบ้าแล้วเหรอ"กันต์ที่เฝ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทนไม่ไหว เจ้าของตลาดก็เถอะไม่สนใจแล้วเขากระชากคอเสื้อของศิชลให้ถอยห่างจากพิมดาวทันที"นายจะทำอะไร เห็นเป็นเจ้าของตลาดนึกอยากทำอะไรก็ได้งั้นหรือ"กันต์เอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด ถึงแม้เขาจะแอบชอบพิมดาวอยู่ลึกๆในใจ ไม่ค่อยเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม อย่างไรเสียเขาก็ต้องการปกป้องพิมดาวให้พ้นจากศิชลอยู่ดี"นาย...นาย ไม่เป็นไรแล้ว ฉันไม่เป็นไร เขาคงจำคนผิดนะถึงทำอะไรแบบนั้นลงไป ฉันไม่ถือคนบ้าหรอก"พิมดาวไม่อยากให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจึงเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ส่วนศิชลเมื่อตั้งสติได้ก็เห็นว่ามีคนมองอยู่เต็มตลาดเขาจึงยอมอ่อนลงแล้วมองหน้ากันต์และพิมดาวสลับกันด้วยความหึงหวง"คุณ...ไอ้คนนี้เป็นใคร"ศิชลสาวเท้าเข้าไปใกล้พิมดาวแล้วเอ่ยถามเป็นเชิงกระซิบกระซาบไม่ให้อีกฝ่ายคือกันต์ได้ยิน"แฟนใหม่ฉันเองคะเรารักกัน ฉันกับเขากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้"พิมดาวตัดบทแต่หารู้ไม่ว่าเหมือนกระพือไฟในตัวของศิชลให้ล
ภายในบ้านของศิชล พ่อลูกนั่งสนธนากันชั่วครู่ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อนหลังจากเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยและต้องการพักผ่อนโดยเฉพาะศิชล"ชล...พ่อมีเรื่องจะบอกแก เมื่อวันก่อนตำรวจมาแจ้งข่าวเรื่องคนร้ายที่ลอบยิงน้องชายแกว่าจับมันได้แล้วทั้งสองคน ต่อไปนี้น้องของแกคงได้ไปเกิดเสียที หลังจับคนร้ายได้น้องแกคงหมดห่วงแล้วแหละ"บิดาของเขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นศิชลกำลังลุกขึ้นยืนเพื่อเดินเข้าห้อง คุณอัศวินนั่งมองหน้าบุตรชายคนโตที่กำลังน้ำตาคลอเพราะคิดถึงคนบนฟ้า และดีใจที่บิดาของเขาแจ้งข่าวดีที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงได้ในวันนี้"จริงหรือครับคุณพ่อ พวกมันจะได้ชดใช้กรรมกันเสียทีในคุก ส่วนน้องก็คงหมดห่วงไปเกิดใหม่ไม่ต้องห่วงอะไรอีก"คุณอัศวินลุกจากเก้าอี้ที่อยู่หัวโต๊ะเดินอ้อมมาหาบุตรชายคนโตด้วยความเป็นห่วงแล้วตบไหล่เบาๆ"ส่วนแกละชล ชีวิตเป็นยังไงบ้างหมดเรื่องน้องไปอีกเรื่องแล้ว"ศิชลไม่รู้จะเริ่มเรื่องไหนก่อนในรอบหนึ่งปีมานี่ ช่างมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเขาหลายเรื่องเหลือเกินจนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ก็ต้องมาสะดุดกับเรื่องของพิมดาวภรรยาของเขาที่หนีมาอยู่กรุงเทพเพราะเข้าใจผิดในตัวเขาเองกับนวล"พ่