“ อ้าว เจ้าไฟ! นี่มันจะมืดแล้วลูกจะออกไปไหน” ครีมหอมที่กำลังจัดโต๊ะอาหารเย็นอยู่กับแม่บ้าน ร้องเรียกเมื่อเห็นลูกชายเดินผ่านหน้าห้องไป เจ้าไฟจึงหยุดชะงัก
“ ผมมีนัดคุยงานกับพนักงานที่จะไปเมกาด้วยกันอาทิตย์หน้านี้นะครับแม่ ขอโทษด้วยนะ ที่ผมไม่ได้บอกก่อน” เจ้าไฟเดินเข้ามาหาแม่ เขาอ้าแขนออกกอดร่างเล็กของแม่พลันหอมแก้มแม่หวังอ้อนไม่ให้แม่ดุ เล่นเอาเสี่ยที่เพิ่งเดินเข้ามาคิ้วขมวด “ น้อยๆ หน่อยนะไฟ! นั่นเมียพ่อนะ” เสี่ยโอมเดินมาจับลูกแยกออกจากเมีย “ โห่!พ่อนี่ก็แม่ผมไหมครับ” “ แก่จนจะมีหลานได้แล้ว นี่คุณพ่อยังหวงคุณแม่เป็นเด็กๆ อีกเหรอครับ” ทั้งสามรีบหันไปมองตามเสียง จึงเห็นว่าเจ้าของเสียงคืออนาคินที่นั่งหลบมุมอยู่กันตรงโซฟาครบสามพี่น้อง “ เจ้าคิน!” เสี่ยเอ่ยชื่อลูกเสียงดุ ทำให้อนาคินเงียบไป ลลิซที่นั่งอยู่ตรงกลางพี่ชายฝาแฝด เธอจึงได้เอ่ยแซวขึ้นบ้าง “ พี่คินบอกว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะมีหลานได้แล้ว? ของใครเหรอคะ ?” ลลิซหันไปมองอนาคินด้วยแววตากวนๆ “หรือว่า..พี่คินแอบซุกลูกซุกเมียไว้!” “ บ้าเหรอลลิซ! เห็นพี่เลวขนาดนั้นเลย!” อนาคินรีบสวนปฏิเสธทันควัน ก่อนที่สองพี่น้องจะเริ่มหยอกเล่นกัน “ ผมว่าผมออกไปก่อนดีกว่าครับ” เจ้าไฟก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนเอ่ยปากบอกพ่อกับแม่ และไม่ลืมหันไปพูดกับน้องชายอีกคนที่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่บนรถเข็นเพราะขาเจ็บจากอุบัติเหตุ “ ทานข้าวเยอะๆ นะคีริน จะได้กลับมาแข็งแรงเร็วๆ” “ ครับ ขับรถดีๆ นะพี่” คีรินเอ่ยตามหลังไวๆ ของพี่ชาย “ บอส รอด้วยสิครับ!” เมื่อเจ้าไฟเดินออกไป ก็สังเกตเห็นว่าเอลิกรีบวิ่งหอบสังขารตัวเองมาตั้งแต่บ้านพักของการ์ดซึ่งอยู่หลังคฤหาสน์ “ มาทำไม?” เจ้าไฟเปิดประตูรถพลันหันมาเห็นเอลิกวิ่งหน้าตื่นมาจึงเอ่ยถาม “ อ้าว บอสไม่ได้จะให้ผมขับรถให้เหรอครับ” “ ไม่ต้อง! ฉันไปเองได้ แกกลับไปนอนพักเอาแรงเถอะไป!” พูดจบเขาก็ไม่รีรอเอาคำตอบ ขายาวก้าวขึ้นรถและขับออกไปในทันที “ อ้าว” ทิ้งให้เอลิกยืนงงงวย เพราะปกติไม่ว่าจะไม่ไหน เขาจะต้องถูกบอสหิ้วไปด้วยตลอด “ หรือว่า บอสมีคนใหม่?” เอลิกเดาส่งพลันทำหน้าเสียใจแล้วเดินกลับห้องพัก ค่ำคืนของวันนั้นช่วงเวลาตีหนึ่งกว่าๆ บรรยากาศรอบข้างนั้นเงียบเหงา เพราะผู้คนต่างหลับไหล แต่ในมุมหนึ่งของเพนท์เฮ้าส์ที่กว้างขวาง กลับมีร่างเล็กของแก้มขวัญ นั่งขดตัวกอดเข่าพิงผนังกระจกทอดมองดูบรรยากาศของเมืองใหญ่ด้านล่างที่มีแสงไฟระยิบระยับ ต่างจากชนบทที่เธอจากมาซึ่งเวลานี้คงจะมืดสนิท มันไม่ชินเลยสำหรับเธอ น้ำตาเม็ดใสๆ ไหลลงมาตามแก้มของหญิงสาว “ ฮื้อ…แก้มคิดถึงแม่จัง” ใบหน้าสวยที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาหมอบลงซบที่ต้นขาของตัวเองพลันร้องไห้สะอื้น ไม่สนใจรอบข้าง “ เฮ้อ ว่าจะไม่เมาแล้วเชียว สุดท้ายก็จนได้” ร่างกายสูงใหญ่เดินเข้ามาในเพนท์เฮ้าส์พลางมือก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกไปสามเม็ดเพราะเจ้าตัวรู้สึกร้อนรุ่มจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “ เฮ้ย!” เขาสะดุ้งในทันทีเมื่อเหลือบมองไปรอบๆ แล้วเจอร่างของใครบางคนนั่งขดตัวร้องไห้อยู่คนเดียวมืดๆ “ อ่า ลืมไปเลยว่าเราให้ยัยเด็กนั่นมาอยู่ที่นี่” เมื่อนึกขึ้นมาได้เขาก็ส่ายหน้าให้ตัวเองเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ “ อ่อนแอจังเลยนะ” แก้มขวัญสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคย ก่อนที่เธอจะรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา จึงสบตาเข้ากับใบหน้าที่มองลงมายังเธออย่างเย้ยหยัน “ คุณ?” “ ใช่! ฉันเอง” เจ้าไฟเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์ไฟ ทำให้ภายในห้องสว่างขึ้น “ คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังสยองขวัญหรือไง ถึงได้มานั่งครวญครางร้องไห้คนเดียวมืดๆ แบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นมาเจอเข้าก็หัวใจวายกันพอดี” ชายหนุ่มกอดอกพลางต่อว่าหญิงสาวไปอย่างไม่พอใจ “ แล้วฉันจะไปรู้เหรอว่ามันจะมีคนอื่นเข้ามาเวลานี้น่ะ” เธอตอบโต้เขากลับพลันลุกยืน แต่ดันผิดจังหวะไปหน่อยขาของเธอจึงพลิกและล้มลงไปหาเจ้าไฟ ชายหนุ่มตกใจจึงกางแขนออกรับทำให้ทั้งสองลงไปนอนทับกันอยู่บนพื้น “ โอ้ย!” ด้วยความตกใจสองมือใหญ่ของชายหนุ่มยกจับที่แขนเล็กเต็มแรง ในขณะที่จมูกของทั้งคู่ชนเข้าหากันอย่างแนบชิด พลันมีเสียงของบางสิ่งบางอย่างกำลังสั่นไหวอย่างผิดปกติ แก้มขวัญได้สติก่อนเธอจึงรีบชันคอให้ผละออกห่างจากหน้าของเขา แต่พอเธอทำท่าจะลุกขึ้นชายหนุ่มดันไม่ยอมปล่อยมือจากต้นแขนของเธอ “ ปล่อยสิ! ฉันจะลุก” เจ้าไฟจ้องมองที่หน้าของหญิงสาวใบหูของเขาแดงจนก่ำ เขารีบได้สติและผลักร่างของเธอให้ห่างออกเต็มแรง “ โอ้ย !” “ คิดว่าฉันอยากแตะต้องเธอนักหรือไง” ชายหนุ่มรีบลุกยืน ก่อนที่เจ้าไฟจะสังเกตเห็นว่าแก้มขวัญที่กำลังยืนข้างเขา เธออยู่ในชุดนอนถึงมันดูจะมิดชิดแต่ว่าผ้ามันบางมากและเขาเพิ่งเคยเห็น ตอนเธออาบน้ำทำตัวสะอาดสะอ้านก็ดูน่ารักดีนี่ “ มองอะไร!” หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดอก หน้าของเธอแดงราวกับมะเขือเทศเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ใส่บรา และยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ที่เธอลงไปนอนทับตัวเขา เธอก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ หวังว่าเขาคงไม่ได้รับรู้ถึงอะไรตรงนั้นหรอกนะ คิดไปเธอก็พลางรับไม่ได้ พยายามจะเดินหลีกหนี แต่ขาที่เจ็บมันทำให้เธอจะล้มอีกรอบ “ อ๊าย!!” “ อ้าวเฮ้ย!” โชคดีที่เจ้าไฟคว้าเอวของเธอเอาไว้ได้ทัน แต่เมื่อเธอทรงตัวได้ก็รีบปัดตัวเขาออก เขาที่คิดว่าเธอรังเกียจจึงรู้สึกโมโห “ อะไร รู้แบบนี้ ปล่อยให้ล้มหัวฟาดไปเลยก็ดี เดินไม่ได้ก็อยากจะฝืนอีก” เขาดุพลางจ้องเขม็งที่หน้าเธอ ทำแก้มขวัญรู้สึกกลัวไม่กล้าทำให้เขาหัวเสียเหมือนครั้งก่อน เนื่องจากรอยจูบวันนั้นมันยังติดตา “ ว้าย!!” เธอกรีดร้องอย่างไม่ได้ตั้งใจเพราะถูกเขาอุ้มขึ้นพาดบ่า “คุณจะทำอะไร” เสียงของเธอดูต่อต้านหน่อยๆ แต่ก็ไม่คิดกล้าจะดิ้นรนเนื่องจากกลัวว่าถ้าตัวเธอดิ้นร่างกายเธอมันจะขยับลงไป จนทำให้หน้าอกหน้าใจของเธอที่อยู่เหนือหัวไหล่ของเขาเพียงนิดเดียวไหลลงไปโดนไหล่ของเขาเข้า “ ก็จะพาไปส่งไง หรือเธออยากจะคลานเข่าไปเองกัน” เจ้าไฟพาแก้มขวัญมาส่งให้ถึงเตียง เมื่อเขาวางเธอลง หญิงสาวก็รีบหยิบหมอนขึ้นมากอดเพื่อปิดบังร่างกายของเธอที่อยู่ในชุดนอนตัวบางเอาไว้ “ คุณมาทำไม” เธอเอ่ยถามในขณะที่ดวงตาจ้องเขาไม่ละ “ นี่มันเพนท์เฮ้าส์ของฉัน ฉันจะมาไม่ได้หรือไง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็หลุบมองต่ำ “ แล้วทำไมไม่บอกล่วงหน้าล่ะ ฉันจะได้แต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้” ประโยคตอนท้ายเธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ทว่าเขาก็พอจะได้ยินจนมันทำให้เขาเผยยิ้มที่มุมปาก “ หือ! คิดว่าฉันจะพิศวาสเด็กอย่างเธอเหรอ กีรติกร!” คำพูดของเขาดันไปจี้จุดของเธอ “ เอะ! ฉันไม่ใช่เด็กนะ ฉันจะยี่สิบแล้วด้วย” แก้มขวัญพุ่งตัวยืนขึ้นบนเตียงทำให้ตัวเธอสูงเทียบกับเขาที่ยืนอยู่ด้านล่าง คิ้วเรียวนั้นขมวดเป็นเส้นตรงเพื่อให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ แต่เจ้าไฟหาได้มองหน้าเธอ เพราะเวลานี้แสงจันทร์จากนอกหน้าต่างบานกระจกมันส่องผ่านเข้ามา ทำให้ชุดนอนผืนบางของหญิงสาวกำลังทรยศเธอ เจ้าไฟรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อมองเห็นทรวดทรงองค์เอวภายในเสื้อนอนผืนนั้น แถมเขายังเพิ่งรู้ว่าหน้าอกของเธอไม่ได้มีอะไรปิดบังนอกจากเสื้อนอนผืนบางตัวเดียว เขานิ่งอึ้งไปดั่งต้องมนต์สะกด แก้มขวัญที่เห็นสีหน้าแปลกๆ ของเขาเธอก็ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มรู้ตัว “ อ๊าย!! ทะลึ่ง!!” มือเล็กรีบยกปิดหน้าอกพลันรีบถอยห่างจากเขาไปหนึ่งก้าว ทำให้คนที่กำลังคิดเลอะเทอะได้สติ “ เหอะ! ยัยบ๊อง!” มือของเขายกขึ้นไปดันหน้าผากของเธอจนหน้าหัน “ นอนได้แล้ว! จะได้โตไวๆ” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองที่ห้องนั่งเล่น “ ยัยเด็กบ้า!” เขาบ่นพึมพำพลางยกมือกุมขมับเนื่องจากภาพเงาของร่างกายเธอมันยังติดตาเขาไม่หาย เจ้าไฟส่ายหน้าไปมาพยายามดึงสติ ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาต่อสาย [“ ฮัลโหลครับบอส มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้โทรมาเอาป่านนี้”] เอลิกรับสายด้วยเสียงของคนที่เพิ่งจะตื่นนอน เจ้าไฟที่นั่งนิ่งเพราะคิดอะไรบางอย่างอยู่ เขาจึงได้สติรู้ตัวว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว “ โทษที พอดีฉันอยากรู้เรื่องของ กช ที่ให้ไปสืบนะ คืบหน้าถึงไหนแล้ว” เขาถามเสียงเรียบนิ่ง [“ ทำไมบอสถึงได้ถามถึงเธออีกล่ะครับ ผมนึกว่าบอสลืมเธอไปสนิทแล้วซะอีก”] คนฟังเงียบไม่มีอะไรจะแย้ง แถมสีหน้ายังหม่นลง [“ หรือเป็นเพราะกีรติกรเหรอครับ”] ปลายสายพูดมาตรงประเด็นเปะ เล่นเอาคนฟังไม่ชอบใจที่ลูกน้องรู้ทัน “ อย่ามาทำเป็นรู้ดี เรื่องที่ไม่ได้บอกให้ทำ!” [“ อุ้ย ขอโทษครับบอส งั้นเดี๋ยวรอเช้าก่อนแล้วผมจะรีบโทรหานักสืบให้นะครับ เพราะเวลานี้เขาคงหลับกันหมดแล้ว”] “ เอ้อ แกอย่าลืมก็พอ” [“ ครับ บอสก็นอนบ้างนะครับ”] เมื่อเอลิกตัดสายไป เจ้าไฟก็วางโทรศัพท์มือถือลงสายตาของเขามองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่เงียบสงบและมืดสนิท “ เธอหายไปไหนกันแน่ กชกร” เขาบ่นออกมาก่อนจะเอาหัวแนบไปกับพนักโซฟากำลังจะคล้อยหลับ แต่หูดันไปได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากในห้องนอน “ อึก แม่~ แม่จ้า~ แก้มอยากไปอยู่กับแม่ แม่~” “ ละเมอเหรอ?” เจ้าไฟชะเง้อคอไปมองในห้อง ตอนแรกเขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่นานไปเธอก็ยังไม่หยุดร้องไห้ เขาจึงจำใจต้องลุกขึ้นไปดู “ ร้องไห้หนักขนาดนี้ไม่หมดแรงหรือไง” เขาบ่นระหว่างเดินเข้าไปในห้อง “ แม่ ให้แก้มไปอยู่กับแม่นะ” “ ละเมอเป็นตุเป็นตะ” ชายหนุ่มเดินมานั่งลงบนเตียงพลางมองคนที่กำลังหลับตาสนิทแต่ปากดันพึมพำน้ำตาก็ไหลจนแก้มเปียก “ ฮื้อ” “ เป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ คงจะเสียใจมากล่ะสิ” เขาเอ่ยเบาๆ พลางยื่นมือไปเช็ดน้ำตาตรงแก้มให้เธออย่างไม่รู้ตัว แก้มนุ่มจัง เขาชะงักให้กับสัมผัสที่ได้รับ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเธอเงียบไปแล้ว “ ยิ่งดู ก็ยิ่งเหมือน คนเราจะเกิดมาแล้วดูคล้ายกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?” เขาบ่นพลางแอบมองเธออยู่อย่างเงียบๆไม่นานเรือสปีดโบ๊ทก็แล่นเข้ามาเทียบท่า ร่างเล็กซึ่งถูกเจ้าไฟอุ้มขึ้นเรือมาด้วยยังคงหลับสนิท เจ้าไฟลุกและเดินขึ้นฝั่งไปก่อนใคร มีเพียงเอลิกที่ยังยืนจ้องแก้มขวัญอยู่ เมื่อเจ้าไฟหันมาจ้องหน้าเขาเอลิกจึงเอ่ยถาม “ จะให้เอายังไงครับบอส” “ ก็ปลุกมันสิ” เขาตอบอย่างเฉยชาพลางเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ “ แกต้องรีบตามฉันมานะ ฉันต้องรีบไปคุยงานก่อนกลับ” เอลิกพยักหน้ารับคำสั่งก่อนหันไปสะกิดแขนของแก้มขวัญ “ กีรติกร ตื่นเถอะครับ” คนที่ถูกปลุกขยับตัว เธอลืมตาขึ้น ด้วยความสะลึมสะลือ พิษไข้ทำให้เธอมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก “ รีบลุกแล้วตามมานะครับ” แก้มขวัญจับใจความคำพูดได้นิดหน่อยแต่พอเห็นชัดขึ้นเอลิกก็เดินขึ้นฝั่งไปแล้ว เธอจึงลุกและเดินตามแต่มันกลับเชื่องช้า เนื่องจากร่างกายของเธอตอนนี้แสบร้อนไปหมดทั้งจากพิษไข้และความแสบจากแรงกระแทกที่เขาคนนั้นทำ “ โอ้ย” มือเล็กกุมท้องด้วยความเจ็บแต่พอเริ่มได้สติรับรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่เกาะ แต่เป็นฝั่งเธอก็เริ่มกลัว รีบก้าวเร็วเท่าที่จะทำได้เพื่อตามเอลิกไป แต่สิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้นจริง “ เอลิก เอลิก!” แก้มขวัญเดินลากสังขารตัวเองไปตามทางเดินที่มีผู้คนเดินเพ่นพ
“ อือ” แก้มขวัญได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ฟ้าสางแสงแดดส่องผ่านเข้ามาทาบลงบนตัวเธอ ร่างเล็กค่อยๆ ดันร่างกายที่อ่อนล้าขึ้น “ พี่ไฟ” เธอเรียกหาชายคนนั้นเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แก้มขวัญจึงค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นนั่งก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ “ เมื่อคืน มันครั้งแรกของเรานะ” เธอบ่นพึมพำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันทำให้เธอรู้สึกดีทุกอย่าง เธอยอมรับว่าตัวเองตั้งใจให้มันเป็นไปแบบนั้น แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วเขายังอยู่ตรงนี้กับเธอ “ สงสัยเราคงจะตื่นสายเกินไป” หญิงสาวพยายามคิดบวก ก่อนจะลุกและเก็บเสื้อผ้าที่เขาถอดของเธอออกขึ้นมาสวมใส่ “ โอ๊ย” แต่เธอก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ มือเล็กกุมที่หน้าท้องน้อยของตัวเอง “ ทำไมมันถึงได้ปวดแบบนี้ล่ะ” พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นคำตอบ ปากอิ่มก็อมยิ้มพลางหูแดงขึ้นมาทันที ณ แคมป์ก่อสร้าง “ ใกล้ความสำเร็จขึ้นเยอะเลยครับหัวหน้า นี่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย ก็หาเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งมาลงได้เลย” สำเนาหัวหน้าคนงานรายงานให้เจ้าไฟที่ยืนฟังอยู่ได้ทราบ “ อือ ดีมาก อย่าลืมบอกทุกคนว่าให้ตั้งใจทำงานดีๆ ล่ะ เพรา
“ กีรติกร” “ พี่ไฟ ยังไม่นอนเหรอคะ ” หญิงสาวหน้าแดงจนต้องรีบหลบสายตา เวลานั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่ง “ เธอเป็นอะไร” เขาจ้องเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึม “ แก้มฝันร้าย” มุมปากข้างซ้ายของเจ้าไฟกระตุกขึ้นในทันทีเมื่อได้เห็นท่าทีที่เธอแสดงออก เขาเดินลงจากเตียงและเดินสาวขายาวไปหาน้องที่มุมประตู “ เธอเลยจะมาขอนอนกับฉันใช่ไหม” ไม่พูดเฉยเขาใช้มือเชยคางตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องตา ความกลัวที่มีในแววตาของเธอมันช่างน่าขัน เธอกลัวเขาแต่เธอก็กลัวอย่างอื่นมากกว่าจนยอมที่จะมาขอนอนกับเขาเนี่ยน่ะ? ง่ายไปแล้วหรือเปล่า “ ไม่ได้เหรอคะ เตียงพี่ก็ออกจะกว้างนี่” เสียงหวานๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด “ จะถามว่าได้ไหม…มันก็ได้แหละ แต่เธอไม่กลัวว่า…ฉันจะทำอะไรให้เธอเหรอกีรติกร” ในขณะเดียวกันนิ้วโป้งใหญ่สอดเข้าไปในปากของน้อง กลิ่นตัวของเธอมันช่างหอมหวานจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว ไหนจะดวงตากลมโตราวลูกแก้วที่มองมา หัวใจของเจ้าไฟถึงกับร้อนผ่าวเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดูดเบาๆ ตรงนิ้วโป้ง พอเห็นเขายิ้มเธอจึงดึงมือเขาออกพร้อมกับหลบหน้า “ อยากจะทำอะไร ก็ทำเลยค่ะ แต่แก้ม..ยังมีไข้อยู่นะ” เจ้าไฟส่ายหน้าเลิ่กลั่กให้กับคำพูด
“ ไม่เห็นอะไรเลยครับหัวหน้า” สำเนาพาเจ้าไฟมาดูกล้องวงจรปิดที่มีเพียง 4-5 ตัวบนเกาะ แต่กลับไม่พบถึงอะไรหรือใครที่เป็นพิรุธเลย “ แบบนี้ก็แสดงว่าคนที่ทำเป็นคนใน”เขาบ่นพึมพำแววตามีความกลุ้มใจดั่งกลับว่าเขาพอจะรู้อะไรบางอย่าง แต่แค่คิดกับมันไม่ตกก็เท่านั้น “ อีแก้มขวัญ!!” อยู่ๆ แป้งร่ำก็เกิดความโมโหและบุกมาหาแก้มขวัญถึงบ้าน “ เธอมาทำไมแป้งร่ำ” ป้าซาร่าที่กำลังช่วยเช็ดเป่าผมให้แก้มขวัญอยู่ตรงโซฟาในบ้านหันมาถามเธอ “ แกอย่าเสือก อีคนใช้” แป้งร่ำหันไปตวาดป้า ป้าก็ของขึ้นไม่ยอมโดนว่าฝ่ายเดียว “ ต๊าย! เก่งแต่ว่าคนอื่น มึงดีตายแหละอีแป้งร่ำ” “ นี่มึงกล้าขึ้นกูขึ้นมึงกับกูเพราะมันเหรอหะ” “ ก็เอ้อน่ะสิ ก็แก้มขวัญเขาดีกว่ามึง แถมยังเป็นเมียหัวหน้า แล้วมึงอะเป็นใคร แถมยังนิสัยต่ำๆ กูต้องเคารพด้วยหรือไง” แป้งร่ำกำหมัดแน่น เพื่อจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง “ มึงหรือเปล่าที่ถูกมันเป่าหูน่ะอีแก่ น้ำหน้าอย่างอีเด็กนี่เหรอ เป็นเมียเจ้าไฟ” แป้งร่ำกอดอกพลันหัวเราะเยาะทั้งคู่ ก่อนจะชะงักให้กับเสียงใครบางคน “ แล้วถ้าใช่ เธอจะทำไม” แป้งร่ำรีบหันไปมอง “ ฟะไฟ” เธอตกใจที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินมายืนข้างๆ
“ อ๋าย!!!!” แป้งร่ำกรี๊ดลั่นบ้าน จนคนเป็นแม่อย่างทิพย์ต้องรีบวิ่งเข้ามาเขย่าตัวลูกสาว “ เป็นอะไรไปหลาน” อนันดาเองก็เดินเข้ามาถาม “ ลุงไม่ได้ยินที่พวกคนงานมันพูดเหรอ ว่าอีเด็กแก้มขวัญนั่นมันกลับมาแล้ว คนที่ไปพามันกลับมาก็คือเจ้าไฟ เห็นว่าหายไปด้วยกันทั้งคืน แถมตอนกลับยังเอาแต่อุ้มยัยเด็กนั่นไม่ยอมปล่อย ป่านนี้คงได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วมั้ง” แป้งร่ำโวยวายมีสีหน้าท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ เอาน่ะหลาน จะกลุ้มใจเรื่องนั้นไปทำไม ผู้ชายนะมันจะมีเมียกี่คนก็ได้” “ แต่แป้งอยากเป็นคนแรก ที่สอนความเป็นชายให้กับไฟ ลุงไม่เข้าใจเหรอ!” “ อย่าคิดมากไปเลยน่ะลูก แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ยังไงซะเด็กน้อยท่าทางจืดชืดแบบนั้นไม่มีทางที่จะสู้ลูกสาวของแม่ได้หรอก” ทิพย์พยายามพูดให้ลูกสาวใจเย็น “ตอนนี้เรามาคิดกันต่อดีกว่านะ ว่าถ้าเจ้าไฟรู้ว่าพวกเราเป็นต้นเหตุ มันจะเกิดอะไรขึ้น” สีหน้าของคนพูดหมองลงด้วยความกังวล แต่สามีของเธอก็ตอบกลับด้วยคำพูดที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้บ้าง “ จะไปคิดอะไรให้ปวดหัวล่ะทิพย์ ทั้งเกาะเนี่ยยังมีกล้องวงจรปิดไม่ถึง 5 ตัวเลย แล้วฉันก็หลบกล้องทุกตัวแล้ว จ้างให้ก็จับไม่ได้หรอก ถ้าเ
เช้าของวันต่อมาเอลิกเดินไปทั่วบริเวณแคมป์ก่อสร้าง “ มีใครเห็นบอสไฟบ้างไหม” เขาเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วถามกับคนงานที่นั่งทานข้าวกันอยู่ “ ห๊า หัวหน้าไฟก็หายไปอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ” โสนเดินถือจานข้าวเข้ามาถาม “ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าบอสเขาจะไปไหนที่ไม่ใช่ที่นี่เขาก็ต้องบอกก่อนสิ แต่นี่ฉันหาทั่วแล้วแต่ไม่เจอ” “ หรือว่าเขาจะออกไปตามหายัยเด็กแก้มขวัญนั่นหรือเปล่า” โสนเอ่ยขึ้นเป็นเชิงคาดเดา ก่อนที่พ่อของเธอจะเสริม “ นั่นสิ เห็นคุณนีวายก็เพิ่งกลับมาเมื่อชั่วโมงก่อนเอง ผมว่ารีบเกณฑ์คนออกไปตามหาดูเถอะ” ในระหว่างนั้นนีวายก็เดินเข้ามา “ เกิดอะไรขึ้นอีก” ทุกคนที่กำลังลุกนั่งลุกยืนหันมาจ้องเขา ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าอิดโรยดั่งคนที่ไม่ได้หลับได้นอน ” บอสไฟ หายไปครับ ไม่รู้ว่าออกไปตามหากีรติกรหรือเปล่า” นีวายถึงกับถอนหายใจแรง หลังจากนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันออกไปเดินหา พวกเขาเดินไปยังหลังเกาะ ไม่นานก็เห็นใครบางคนกำลังเดินลุยน้ำทะเลมาทางนี้จากที่ไกลๆ “ นั่นๆ คุณนีวายครับ นั่นใช่หัวหน้าไฟหรือเปล่า” “ แล้วทำไมถึงกลับมาสภาพนั้น นั่นยัยแก้มขวัญเหรอ?” โสนจ้องมองร่างสีขาวๆ ซึ่งกระทบกับแสงอาทิตย์จนแ