ในเวลาเดียวกันที่หน้าบ้านของแก้มขวัญ มีรถตู้สีดำคันหรูจอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับชายชุดดำ 4-5 คนเดินเพ่นพ่านไปมา หนึ่งในนั้นมีชายกลางคนซึ่งกำลังชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้าน
“ แก้ม แก้มขวัญ” เสียงของเขาเอ่ยเรียกชื่อของลูกสาว เจ้าสัวพิทักษ์ที่เพิ่งได้รับข่าวว่าเมียคนนี้ของเขาเสียชีวิตลงเขาก็เกิดกระวนกระวายใจเป็นห่วงความเป็นอยู่ของแก้มขวัญ จึงได้หาเวลาบึงรถมาหา และหวังว่าลูกสาวที่เขาไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นจะยินยอมไปอยู่กับเขา “ ไม่มีใครอยู่เลยครับเจ้าสัว” ลูกน้องของเขาที่เดินขึ้นไปเคาะประตูบ้านเดินลงมาแจ้งข่าว “ ห๊ะ!! แล้วแบบนี้ลูกสาวฉันจะไปอยู่ที่ไหนได้! เป็นเพราะพวกแกเลย!! พวกแกเอาเรื่องที่เกตน์เสียไปบอกฉันช้า!!”พิทักษ์ต่อว่าลูกน้องอย่างเดือดดาลซึ่งพวกมันก็ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับผิด “ เจ้าสัวครับ ผมไปถามพวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้มา เขาบอกผมมาว่าคุณหนูแก้มขวัญย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศครับ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามารายงาน มันยิ่งทำให้พิทักษ์ตาเหลือกโต “ อะไรนะ!!! สามี! หมายถึงผัวอย่างนั้นเหรอ ลูกสาวฉัน!! ลูกสาวฉันไปมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่! ไหนตอนให้มาตามดูพวกมึงบอกว่าลูกกูไม่มีแม้แต่คนรักไม่ใช่เหรอ!!!” พิทักษ์โกรธยิ่งกว่าเดิม ฝ่ามือของเขายกตบหน้าลูกน้องเรียงตัว โทษฐานที่ทำงานไม่ได้เรื่อง นี่ลูกสาวเขาแต่งงานตอนไหน แล้วไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร!! เขาได้แต่ถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ไม่พอใจ และรู้สึกเสียดาย ที่นอกจากจะไม่ได้อยู่ดูการเติบโตของลูก ดันมารู้อีกทีก็ตอนที่ว่าลูกย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ แล้วแบบนี้! เขาจะมีโอกาสได้เจอเธออีกไหม! “ แล้วนั่นเจ้าสัวจะไปไหนครับ” “ ก็กลับสิ พวกมึงจะอยู่ให้คู่อริกูมาเจอแล้วสืบเรื่องลูกสาวกูหรือไง” พิทักษ์หันมาตวาดลูกน้องก่อนเดินไปขึ้นรถ ซึ่งข่าวลือเรื่องที่แก้มขวัญไปอยู่กับสามีนี้ ก็คือฝีมือของป้านุ่น เนื่องจากมันเป็นอีกสิ่งที่กมลขอไว้ก่อนตาย เพราะกมลนั้นรู้ดีว่ายังไงพิทักษ์ต้องมาตามลูกสาวของเธอแน่ เธอจึงคิดแผนนี้ไว้ เพื่อไม่ให้พิทักษ์ตามหาแก้มขวัญเจอหรือไม่ก็สามารถช่วยถ่วงเวลาให้เรื่องที่ควรจะเกิดได้เกิดขึ้นเสียก่อนที่พิทักษ์จะได้เจอลูก “ รถใครกันวะ” นีวายที่วันนี้ว่างงานเลยออกมาขับรถเล่น แล้วนึกอยากมาเยี่ยมแก้มขวัญกับแม่ แต่พอขับมาใกล้จะถึงตัวบ้าน เขากลับเห็นชายชุดดำมากมายอยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มจึงจอดรถหลบมุมที่ข้างทางก่อน พอเห็นว่ารถหรูคันนั้นขับกลับไปแล้ว เขาจึงเลี้ยวรถออกมาและมุ่งตรงไปที่บ้านของหญิงสาว “ ทำไมเงียบจัง ไม่มีคนอยู่เหรอ?” นีวายชะเง้อคอมองบ้านไม้ทรงสูงที่ปิดสนิทไม่นานสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใครบางคน “ อ้าว คุณนีวายเหรอ” ป้านุ่นที่จำชายหนุ่มได้ว่าเคยช่วยเหลือเพื่อนสนิท เธอเห็นเขาอยู่ไกลๆ จึงได้เดินเข้ามาหา “ ครับ แล้วนี่แก้มขวัญกับแม่ไปไหนแล้ว” คำถามของชายหนุ่มทำให้ป้านุ่นเลิ่กลั่กไม่รู้จะบอกความจริงเขา หรือเธอควรโกหกไปเลยดี “ กมลเสียแล้ว เพิ่งจะเผาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง” “ หะ!” นีวายตกใจให้กับคำตอบเป็นอย่างมาก วินาทีนั้นใบหน้าสวยๆ ของแก้มขวัญก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาทันที “แล้วแก้มขวัญล่ะครับ ตอนนี้เป็นยังไง อยู่ที่ไหน” เขาไถ่ถามอย่างเป็นห่วงในหัวใจนั้นสั่นไหว คำถามที่ว่าเธอยังอยู่ดีไหม มีใครอยู่ข้างเธอเวลาเศร้าหรือเปล่า ทำไมน้องไม่โทรไปบอกเขาบ้าง! ไม่งั้นเขาคงได้เป็นคนๆ นั้นที่คอยปลอบใจเธอ “ แก้มขวัญ….มีผัวไปอยู่กับผัวที่ต่างประเทศแล้วละ” นีวายที่ก้มหน้าอยู่รีบเงยขึ้นจ้องตาป้านุ่น นาทีนั้นดวงใจของเขาหล่นวูบพลางแตกเป็นเสี่ยงๆ “ จริงเหรอครับ” ป้านุ่นมองที่สีหน้าผิดหวังของคนตรงหน้าเธอก็รู้สึกสงสาร แต่เธอก็ไม่ไว้ใจที่จะบอกความจริงแก่ใคร เธอเองก็มีหน้าที่ ที่จะต้องปกป้องแก้มขวัญแทนเพื่อนรักเช่นกัน “ จริงจ้ะ หลังจากที่กมลเสียชายคนนั้นก็เข้ามาช่วยเหลือ แก้มขวัญมันก็เลยใจอ่อนยอมไปกับเขา” เธอจึงโกหกต่อไป นีวายก้มหน้างุดอีกครั้ง “ ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ” ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งซึมในรถ พลางบ่นกับตัวเองแผ่วเบา “ นี่ฉันอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยเหรอ ถ้าฉันมาเร็วกว่านี้ผู้ชายคนนั้น คนที่ได้อยู่ข้างเธอ อาจจะเป็นฉันก็ได้ เฮ้อ~” เขาทำได้เพียงตัดพ้อพลางยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก คิดถึงแต่ใบหน้าสวยและรอยยิ้มหวานที่เขาปล่อยให้หลุดมือไป บ้านศิลาแดง “ ไปไหนมาพี่ไฟ หายหัวไปเป็นอาทิตย์ลำบากคินต้องเข้าบริษัทแทนอีก” อนาคินเดินเข้ามาทักพี่ชายของเขาทันทีหลังจากที่เห็นว่าคนพี่เดินเข้ามาในบ้าน เจ้าไฟที่ได้ยินคำทักเขาก็ล้วงมือใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหันไปยิ้มมุมปากให้น้อง “ ก็หัดเข้าไปบ้างเถอะ” อนาคินเตรียมที่จะปริปากเถียงพี่ชายเพิ่มแต่ก็โดนพี่ดักทางก่อน “เดี๋ยวถ้าแกทำผับแล้วเจ๊งขึ้นมาฉันไม่ช่วยนะ!” “ อ้าว แซ่งกันเฉย” อนาคินถึงกับไปต่อไม่ถูก ทำได้แค่ยืนมองพี่ชายเดินขึ้นบันไดไป “ สวัสดีครับบอส กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย” เอลิกที่เพิ่งเดินเอาเอกสารไปเก็บในห้องทำงานของเจ้านาย พอเขาเดินออกมาแล้วเจอเจ้าของห้องเข้า จึงรีบทักทาย “ ก็กลับมาตอนที่แกเห็นเนี่ยแหละ มองหาอะไร” เจ้าไฟสังเกตเห็นว่าเอลิกทำตัวเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวาอยู่ จึงเอ่ยถามอย่างไม่ชอบใจ “ กีรติกรเธอไม่ยอมมากับบอสเหรอครับ” เอลิกกระซิบกระซาบถามขึ้นเสียงเบา เจ้าไฟถอนหายใจแรง “ มา! แต่อยู่ที่เพนท์เฮ้าส์” เขาตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย แต่คนฟังกลับแอบยิ้ม “ ยิ้มอะไรของแก!” “ ก็ผมนึกว่าบอสจะให้เธอไปอยู่ห้องเช่าหรือโรงแรมซะอีก แต่นี่ให้ไปอยู่เพนท์เฮ้าส์ที่เสี่ยอุตส่าห์ยกให้บอสเลยเหรอครับเนี่ย” เอลิกพูดเสียงอ่อนและบางเบา แต่แววตาของเขากลับจ้องหน้าเจ้าไฟด้วยสงสัย “ แล้วมันทำไม!” เจ้าไฟจึงเริ่มหัวร้อน “ก็ที่เพนท์เฮ้าส์ของฉันมันปลอดภัย และก็มีแต่คนของเราอยู่บริเวณนั้น ถ้าให้ไปอยู่ที่อื่นแล้วไอ้เจ้าสัวนั่นมันรู้ขึ้นมา แม่ของยัยเด็กนั่นได้มาหักคอฉันพอดี” เจ้าไฟชี้แจ้งมือข้างหนึ่งเขายกขึ้นชี้หน้าของตัวเองในขณะเดียวกันที่อีกข้างเท้าเอวไว้ “ เหรอครับ! แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่บอสเริ่มแก้แค้น ผมว่าป้ากมลเขาก็คงจะมาหักคอบอสอยู่ดี” เอลิกพูดมาอย่างยั้งคิด ก่อนเขาจะตกใจเมื่อรู้ตัวว่าทำเจ้านายโกรธ “ ไอ้เอลิก!!!” “ อะ! ขอโทษครับบอส!” เอลิกจึงรีบโค้งตัวงอขอโทษ ก่อนรีบเผ่นหนีทันที เจ้าไฟก็มองตามด้วยคิ้วขมวด “ ก็มันจำเป็น ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำแต่ถ้าไอ้พิทักษ์มันยังไม่เลิกยุ่งกับครอบครัวฉัน ฉันก็จำเป็น” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองพลางถอนหายใจแรงในเวลาเดียวกันที่หน้าบ้านของแก้มขวัญ มีรถตู้สีดำคันหรูจอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับชายชุดดำ 4-5 คนเดินเพ่นพ่านไปมา หนึ่งในนั้นมีชายกลางคนซึ่งกำลังชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้าน “ แก้ม แก้มขวัญ” เสียงของเขาเอ่ยเรียกชื่อของลูกสาว เจ้าสัวพิทักษ์ที่เพิ่งได้รับข่าวว่าเมียคนนี้ของเขาเสียชีวิตลงเขาก็เกิดกระวนกระวายใจเป็นห่วงความเป็นอยู่ของแก้มขวัญ จึงได้หาเวลาบึงรถมาหา และหวังว่าลูกสาวที่เขาไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นจะยินยอมไปอยู่กับเขา “ ไม่มีใครอยู่เลยครับเจ้าสัว” ลูกน้องของเขาที่เดินขึ้นไปเคาะประตูบ้านเดินลงมาแจ้งข่าว “ ห๊ะ!! แล้วแบบนี้ลูกสาวฉันจะไปอยู่ที่ไหนได้! เป็นเพราะพวกแกเลย!! พวกแกเอาเรื่องที่เกตน์เสียไปบอกฉันช้า!!”พิทักษ์ต่อว่าลูกน้องอย่างเดือดดาลซึ่งพวกมันก็ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับผิด “ เจ้าสัวครับ ผมไปถามพวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้มา เขาบอกผมมาว่าคุณหนูแก้มขวัญย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศครับ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามารายงาน มันยิ่งทำให้พิทักษ์ตาเหลือกโต “ อะไรนะ!!! สามี! หมายถึงผัวอย่างนั้นเหรอ ลูกสาวฉัน!! ลูกสาวฉันไปมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่! ไหนตอนให้มาตามดูพวกมึงบอกว่าลูกกูไม่มีแม้แต่คนรั
‘ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ของกีรติกรครับ’ ‘ คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ’ กมลเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดั่งรู้คำตอบ ‘ ผมอยากให้คุณยกลูกสาวให้ผมครับ’ ‘ หะ!’ เวลานั้นทั้งนุ่นและกมลต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้เอลิกต้องรีบยื่นมือมาสะกิดแขนบอสของเขาให้รีบเอะใจกับคำพูดตัวเอง ‘ อ่า เอ่อ! ผมหมายความว่าผมอยากได้ลูกสาวคุณไปทำงานด้วยนะ! วันก่อนผมไปหาเธอที่ตลาดแต่เธอไม่ยอมฟังผมเลย ผมก็เลยอยากจะมาขอให้คุณช่วยคุยกับเธอให้หน่อย’ เขารีบอธิบายซึ่งหญิงกลางคนทั้งสองก็มองที่เขาด้วยแววตาที่เหมือนจะเข้าใจ ‘ ลูกสาวฉันจบแค่มัธยม ความรู้ที่มีก็แค่ทำขนมขายเลี้ยงชีพไปวันๆ แล้วคุณจะอยากได้ลูกสาวฉันไปทำงานอะไรคะ’ กมลถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘ คือ ผมจะเปิดรีสอร์ทที่เกาะเออร์นาร์ดอเมริกานะ แล้วก็มีแผนว่าจะเปิดห้องอาหารที่มีขนมโบราณแสนอร่อย แบบที่ลูกสาวของคุณทำขาย ไว้ให้ชาวต่างชาติไปลองชิม แล้วได้ยินมาว่า’ (ได้ยินมา ✖ ; สืบมา✔) ‘กีรติกรเธอทำขนมอร่อยมากแถมยังทำเป็นหลายอย่าง ผมก็เลยสนใจอยากจะได้เธอไปเป็นหัวหน้าห้องขนมที่รีสอร์ทของผมครับ’ ‘แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง ไม่ใช่ว่า
“ แม่ของเธออาการทรุด เพราะภาวะแทรกซ้อนกับโรคที่เป็นอยู่ ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็มารอเธอที่บ้านเพราะไปหาที่ตลาดแล้วไม่เจอ ตอนนี้แม่เธอรอเธออยู่” เจ้าไฟพูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่เขายอมลดตัวมานั่งรอเธอตั้งหลายชั่วโมง คิดแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด “ ไม่!! ไม่ใช่ความจริง แม่ฉันแข็งแรงจะตาย” แก้มขวัญไม่อาจจะเชื่อที่เขาพูด แต่ตัวเธอกลับสั่นไปมาเพราะความรู้สึกของเธอมันสังหรณ์บอกกับเธอว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ใจของเธออยากให้เขาแค่โกหก ให้เขาหลอกเธอไปฆ่าไปขายทิ้งซะยังดีกว่าอีก คิดแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพร่า ดวงใจดวงน้อยสั่นไหวดั่งรับรู้ว่าแม่คงจะรอเธออยู่จริงๆ ระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เจ้าไฟก็แอบเหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง ยิ่งเห็นริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาก็เผลอยกขึ้นทาบปากตัวเอง เมื่อกี้เขาโมโหหนักแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเธอด้วยการจูบ คิดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาแหกปากต่อหน้า เขาคงจะตบให้ปากแตกแทนที่จะคิดทำเช่นนั้น ไม่นานรถของเขาก็มาจอดที่โรงพยาบาล แก้มขวัญรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งเข้าไปข้างใน “ แก้มขวัญ” เมื่อ
“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย “ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูด
“ ขอบใจนะจ้ะ โอกาสหน้ามาใหม่นะ ทำสดใหม่ทุกวันเลย” เมื่อแก้มขวัญขายขนมให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่มารอซื้อเสร็จ เธอก็เท้าเอวหันมามองชายแปลกหน้า ตัวใหญ่อย่างกับหมี ที่แอบจิกขนมใส่ไส้ของเธอไปนั่งกินเต็มปากเต็มคำ และยังถือไว้ในมืออีกหลายห่อไม่ยอมวางลง “ นี่! คุณยังไม่ยอมกลับอีกเหรอ” เจ้าไฟหันมามองที่หญิงสาว ด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย “ เจ้าของแผงยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย ลูกค้าเยอะขนาดนี้แต่ปล่อยให้เด็กประถมมาเฝ้าร้านให้ เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมดพอดี” เขาเอ่ยพร้อมวางขนมในมือลง ก่อนลุกยืนแล้วปัดมือสองข้างใส่กันไปมากลางอากาศ ดวงตาคู่ดุก็จ้องมองที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังชะเง้อคอยาวมองเขาตาไม่กระพริบ “ นี่ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ ที่จะมายืนรอ ต่อล้อต่อเถียงเล่นกับเธอน่ะ” เขาว่าพลางขมวดคิ้วใส่ “ ฉันก็บอกให้คุณพูดมาเลยไงค่ะ รีบพูดมาซะสิ!” เจ้าไฟถอนหายใจแรง “ ก็ฉันบอกว่าฉันจะพูดกับเจ้าของแผง ไม่ใช่เด็กน้อยแบบเธอ!” หญิงสาวเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะถามเขากลับด้วยเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “ ใคร! ใครเด็กไม่ทราบ ฉันจะ 20 แล้ว ว๊าย!” แก้มขวัญพยายามจะเขย่งเท้าทำตัวให้สูงเพื่อหวังให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ใช่เด็ก แต
“ ขับเร็วๆ หน่อยสิเอลิก ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าไฟที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ในรถ บ่นออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่านั่งรถมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่หมายสักที “ ครับๆ เอะ! นั่นไม่ใช่รถคุณนีวายเหรอครับบอส” เจ้าไฟหันไปมองตามที่เอลิกทัก ก็เห็นว่าเป็นนีวายจริงๆ แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะมีความสุขอะไรสักอย่าง จนไม่ได้สังเกตรถของเขาที่วิ่งสวนมา “ สงสัยคงเครียดเรื่องงาน แล้วออกมาหาที่พักผ่อนมั้ง ” เขาเดาสุ่มไปอย่างนั้น ก่อนจะเงยมองทางด้านหน้าต่อ เอลิกจึงชวนเขาคุย “ อืม สงสัยคงเครียดเรื่องแก้แบบรีสอร์ทที่บอสสั่งแน่เลย แต่ผมว่าคุณนีวายเนี่ยทำได้ดีมากนะครับ รีสอร์ทของบอสคงจะออกมาดีแน่ๆ” “ เอ้อ! แกไม่ต้องมาชวนฉันคุย รีบขับรถไปให้มันถึงเถอะ” “ ครับ” เอลิกรีบเม้มปากแน่นหดคอเข้าทันที เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาคงหัวร้อนที่ความเร็วรถไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ไม่นานรถหรูก็แล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าตลาด “ แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มโผล่ถามเสียงดังทันทีเมื่อรถจอดสนิท “ อ๋อ พอดีผมลืมบอกนะครับ ข้อมูลที่ผมได้มาคุณกีรติกรเธอมีแผงขายขนมที่ตลาดนี้ ผมคิดว