Share

3. ท่องเมืองหลวง

last update Last Updated: 2025-03-04 19:26:48

เช้าวันใหม่ในพระราชวัง…

ตำหนักไป๋ฮวา ยามเช้าลมอ่อนๆ พัดม่านบางเบาปลิวไสว เสียงระฆังจากหอคอยก้องกังวาน ปลุกให้เหล่าข้ารับใช้เริ่มทำงานตามหน้าที่

ภายในห้องบรรทม พระชายานอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่ม ใบหน้างามงามผุดผ่อง แก้แดงระเรื่อ บรรยากาศยามเช้าช่างเงียบสงบ หากแต่ไม่ได้สงบไปเสียทั้งหมด...

องค์ชาย ซึ่งเอนกายอยู่บนแท่นไม้ข้างเตียง ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางกำนัลและองครักษ์ใกล้เข้ามา พร้อมเสียงพูดคุยกันแผ่วเบา

เพียงเสี้ยววินาที องค์ชายก็กระโจนขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ร่างสูงโอบกอดลี่หรงแนบแน่น มือใหญ่กระชับผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองให้ดูราวกับว่าอยู่ในอ้อมกอดกันทั้งคืน

ลี่หรงสะดุ้งตื่น ดวงตาคู่งามเบิกขึ้นอย่างตกใจ

"อะไรเนี่ย! ลงไปเดี๋ยวนี้นะ!"

นางกระซิบกระเส่า พยายามดิ้นหนีจากวงแขนอบอุ่น

แต่ก่อนที่เสียงของนางจะดังไปถึงภายนอก องค์ชายพลิกตัวคร่อมเหนือร่างบาง มือหนาปิดปากนางไว้ทันที ใบหน้าหล่อเหลาต่ำลงมาใกล้ จมูกของเขาแทบชนกับปลายจมูกของนาง

"อย่าโวยวาย ข้าไม่ได้อยากทำเช่นนี้นักหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จแม่รู้ว่าเรานอนแยกกัน?"

ดวงตาคมเข้มมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง ลมหายใจร้อนระอุรินรดผิวแก้มเนียน

พระชายาตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่ กลิ่นกายของเขาอบอวลอยู่รอบตัว ทำให้นางแทบลืมหายใจ

แต่ถึงอย่างนั้น ปากของนางก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา

"ที่แท้ก็กลัวแม่... หึ" นางพึมพำเสียงเบา แววตาฉายประกายเย้าหยอก

องค์ชายชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงกระซิบชิดริมหู

"ถ้ายังพูดมาก ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีแรงพูดอีกเลย"

น้ำเสียงทุ้มต่ำและสัมผัสอุ่นข้างใบหูทำให้ร่างของพระชายาสะท้านวาบ หัวใจยิ่งเต้นถี่รัว นางรีบเม้มปากแน่นและหลบตา แต่แก้มที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกที่เริ่มหวั่นไหวได้

ขณะที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง องค์รัชทายาทก็ยังคงกอดนางไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้ขยับตัวไปไหน

“ถวายบังคมองค์รัชทายาทและพระชายา พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ฝ่าบาทมีพระบัญชาให้ทั้งสองพระองค์เยี่ยมเยียนราษฎรแทนพระองค์ พ่ะย่ะค่ะ”

เสียงจินฝาน องครักษ์ข้างกายรายงานด้วยความเคารพ

“รอครู่หนึ่ง ข้าจะออกไป”

องค์ชายตอบรับด้วยน้ำเสียงสั้นๆ

ทันทีที่จินฝานรายงานเสร็จ องค์ชายสะบัดตัวออกจากเตียงและผลักพระชายาออกจากตัวเขาอย่างแรง

“โอ๊ย… ข้าเจ็บนะ!” พระชายาร้องเสียงหลง สะโพกที่กระแทกกับพื้นอย่างแรงทำให้เธอน้ำตาคลอ ข้อมือที่รองรับน้ำหนักก็รู้สึกเจ็บจนซ้น

“ยุคสมัยนี้องค์รัชทายาทไม่รู้จักการเป็นสุภาพบุรุษบ้างหรืออย่างไร ทำไมถึงทำร้ายผู้หญิงแบบนี้!” ลี่หรงต่อว่าองค์รัชทายาทด้วยน้ำเสียงที่ทั้งโกรธและเจ็บปวดจากการกระทำของเขา

“คนใจร้ายอย่างเจ้า จะให้ข้าปฏิบัติดีด้วยหรือ? ข้าเกลียดเจ้า!”

แม้องค์ชายจะไม่ใช่คนที่ลี่หรงรัก แต่คำพูดที่เขาพูดกลับฟังแล้วเจ็บปวดยิ่งกว่าคำพูดใดๆ 

“ข้าก็เกลียดท่านเช่นกัน”

ลี่หรงตะโกนใส่หน้าองค์รัชทายาทเสียงดัง

เขาตกใจชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นน้ำตาความเจ็บปวดที่ไหลออกจากดวงตาของเธอ

“หลินเหม่ยเยียน!” องค์รัชทายาทเรียกชื่อของนางด้วยน้ำเสียงที่แฝงความโกรธ

“หานจื่อเหว่ย!”

พระชายาตะโกนตอบกลับเสียงดังไม่ยอมแพ้

สายตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความโกรธที่ลุกโชนจากการกระทำที่เขาทำกับเธอ และความเจ็บปวดจากการถูกโยนลงจากเตียงสูงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

“เจ้ากล้าเรียกชื่อข้าแบบนี้เชียวหรือ?”

เขาพูดเสียงต่ำ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความโกรธที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้

“แล้วทำไมข้าจะไม่กล้าล่ะ?”

ลี่หรงกล่าวตอบด้วยท่าทางท้าทายและเยาะเย้ยทันที.

“เจ้า...”

องค์ชายคำรามด้วยความโกรธ แววตาขององค์รัชทายาทแสดงความเกรี้ยวกราดราวกับจะฉีกเนื้อพระชายาเป็นชิ้นๆ 

“เออ...ข้าเอง...จะทำไม?” พระชายากัดฟันพูดออกมา น้ำเสียงของนางบ่งบอกถึงความอดทนที่ถึงขีดสุด นางไม่สามารถยับยั้งอารมณ์โกรธที่ระเบิดออกมาได้อีกอีกไป

ทันทีที่เสียงของพวกเขาดังขึ้นนางกำนัลและองครักษ์รีบผลักประตูเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

“พระชายาโปรดสงบใจหน่อยเถิดเพคะ ท่านเจ็บตรงไหนบ้างหรือ?”

ซีจินนางกำนัลคนสนิทถามด้วยความห่วงใย น้ำเสียงนางเต็มไปด้วยความกังวลแต่พระชายากลับยังคงจ้องมององค์รัชทายาทด้วยสายตาที่ไม่เคลื่อนคลาด

ขณะเดียวกันจินฝานก็รีบเดินเข้ามารับตัวองค์ชายไปทันที.

หน้าพระราชวังมีรถม้าประจำพระองค์และเหล่าทหารองครักษ์และนางกำนัลยืนรอรับเสด็จองค์รัชทายาทและพระชายาอย่างเงียบสงบ

องค์ชายทอดมองลี่หรงที่เดินมาด้วยท่าทีทุลักทุเลจากอาการบาดเจ็บที่เขาทำให้เกิดขึ้นนางสบตากับองค์รัชทายาท ด้วยสายตาที่เจ็บแค้นที่ลึกซึ้ง

เมื่อองค์รัชทายาทขึ้นรถม้าและยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือ พระชายากลับไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อยความทระนงในตัวนางทำให้เขายิ่งโกรธเข้าไปอีก

“เก็บมือของท่านไปเถอะ ข้าไม่ต้องการการแสดงนี้จากท่าน”

พระชายาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ท่าทางไม่สนใจ

ทั้งๆ ที่มือของเขายังยื่นอยู่ตรงหน้า นางเดินเฉียดผ่านองค์รัชทายาทไปและนั่งลงในที่นั่งของตนเองอย่างรวดเร็วไม่ยอมให้เขามีโอกาสได้แตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว

องค์รัชทายาทหรี่ตาลงและเดินตามไปนั่งฝั่งตรงข้ามโดยไม่สบตาเธอเช่นกัน เสียงกระทบกันของล้อรถกับพื้นถนนทำให้บรรยากาศในรถม้าไม่เงียบจนเกินไป รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากพระราชวัง มุ่งหน้าสู่ตลาดเมืองหลวงที่คึกคัก มีผู้คนหลายชนชั้นเดินขวักไขว่ตามท้องถนน เสียงพ่อค้าแม่ค้าและเด็กๆ วิ่งเล่นดังไปทั่ว องค์รัชทายาทยังคงจ้องมองไปข้างหน้าอย่างนิ่งเงียบ

พระชายาเปิดม่านประตูรถม้า มองออกไปยังท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนและบ้านเมืองในยุคโบราณที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน ราวกับว่าเวลาถูกหยุดเอาไว้ในช่วงเวลานั้น

นางมองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและอบอุ่น เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างไร้กังวล ภาพนั้นทำให้ใจของนางเย็นลง และรอยยิ้มที่จริงใจเผยขึ้นบนใบหน้าของเธอ

ดวงตาของพระชายาเต็มไปด้วยแววความประทับใจ

องค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ข้างๆ เหลือบมองไปทางพระชายา ก็เห็นถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความประทับใจ เขากลับรู้สึกถึงความงดงามที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ดวงตา ใบหน้า และริมฝีปากของพระชายาได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบ องค์รัชทายาทถูกดึงดูดด้วยความงามนั้น ราวกับว่าพระองค์หลงใหลไปในช่วงเวลาสั้นๆ และเมื่อพระชายาหันหน้ามาสบตากับพระองค์

สายตาของพระองค์ก็หลบไปทันที ราวกับว่าพระองค์ตระหนักถึงความรู้สึกที่พระองค์พยายามปิดซ่อนไว้

“ข้าจะลงไปข้างล่างได้หรือไม่?” พระชายาเอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงนั้นแฝงความขออนุญาต

“เจ้าอย่าสร้างปัญหา” องค์รัชทายาทตอบกลับโดยไม่มองหน้า พระชายาอยากจะต่อว่าพระองค์ แต่คำพูดที่เตรียมไว้กลับขาดหายไปเมื่อพระองค์สั่งให้รถม้าหยุดทันที

“หยุดก่อน เราจะเดินสำรวจแถวนี้สักหน่อย” องค์รัชทายาทเอ่ยคำสั่ง แล้วลุกขึ้นเดินนำเธอไปทันที พระชายายิ้มและรีบตามไปติดๆ

“อุ้ย!”

พระชายาพลาดก้าวลงบันไดด้วยความรีบร้อน เกือบล้มลงไป โชคดีที่องค์รัชทายาทคว้าเอวของพระชายาไว้ทัน สายตาทั้งสองประสานกัน ความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านใจของพวกเขาทั้งคู่ เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ

“ระวังหน่อย ข้าบอกแล้วว่าอย่าสร้างปัญหา”

องค์ชายเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ขอบคุณเพคะ” พระชายายิ้มให้องค์รัชทายาทด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม

“พวกเจ้าจงไปพักที่ริมน้ำก่อน ข้ากับพระชายาจะไปเดินฝั่งทางโน้น อย่ามาเอิกเกริกตามมา” องค์รัชทายาทสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

พระชายาเดินนำหน้าไปยังตลาดโดยไม่รอใคร

“พระชายารอก่อนเพคะ” ซีจินร้องบอก

“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นบ้านเมืองนี้ไปได้” องค์รัชทายาทพึมพำ เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเธอรีบร้อน

“ดูองค์รัชทายาทมีความสุขนะพ่ะย่ะค่ะ ที่เห็นพระชายามีความสุขเช่นนี้” จินฝานเอ่ยแซว

“ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากติดตามข้าแล้ว ไว้กลับไปข้าจะปลดเจ้าไปเป็นแค่ทหารยามก็พอ” องค์ชายตอบอย่างขบขัน

“ไม่ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขออยู่รับใช้องค์ชายรัชทายาทตลอดไป” จินฝานรีบอ้อนวอน

“แล้วที่ให้ไปสืบเรื่องเหม่ยจูคืบหน้าบ้างหรือไม่?”

องค์ชายถามเสียงดุ

“ในคืนวันที่แม่นางเหม่ยจูถูกวางยาพิษ พระชายาได้หลับอยู่ในห้องเช่นกันกระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ” จินฝานรายงาน

“อืม...สืบต่อไป” องค์ชายตอบสั้นๆ แต่แฝงความมุ่งมั่น

"แง่... แง่..." เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นจากมุมตลาด พระชายาไม่รอช้า รีบวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที

"หนูเป็นอะไร เจ็บตรงไหน? ข้อขอดูหน่อย" พระชายาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เด็กน้อยวัย 9 ขวบชี้ไปที่แผลที่มีเลือดไหลออกจากการวิ่งชนไม้ไผ่

พระชายาไม่รอช้า รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาห้ามเลือดทันที

"ซีจิน! เอากล่องยามาให้เราหน่อย!" พระชายาสั่งด้วยน้ำเสียงที่คมชัด ซีจินรีบหยิบกล่องส่งให้ทันที พระชายาใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลอย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยทิงเจอร์เบตาดีน

ทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างมองดูการกระทำของพระชายาอย่างชื่นชม แม้ยาที่เธอใช้จะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ทุกการกระทำของเธอกลับแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่จริงใจ

สายตาขององค์ชายรัชทายาทในตอนนี้ เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย พระองค์มองพระชายาด้วยความประทับใจ

"เสร็จแล้ว เดี๋ยวแผลก็หายนะหนูน้อย" พระชายาปลอบเด็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เด็กน้อยที่ได้รับการดูแลดี ก้มกราบขอบคุณพระชายาอย่างรวดเร็ว

"พระชายาจะไปทางไหนต่อเพคะ?"

"เราอยากกินถังหูลู่... เออ... ผลไม้เสียบไม้ตรงนั้น" เธอตอบพร้อมทำท่าทางอยากจะกิน

"ล้างมือก่อนนะเพคะ" ซีจินกล่าว

ทันทีที่ลี่หรงเอ่ยปาก องค์ชายรัชทายาทพยักหน้าให้จินฝานที่ยืนข้างๆ จินฝานรู้ทันทีว่าต้องไปซื้อผลไม้เสียบไม้มาให้พระชายา

"นี่พะยะคะ พระชายา"

จินฝานยื่นผลไม้เสียบไม้ให้

"ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารู้ใจเราจริง" พระชายากล่าวพร้อมทำหน้ายิ้มให้จินฝาน

องค์ชายมองดูแต่ในใจกลับเกิดไม่พอใจเล็กน้อย

"ไปกลับได้แล้ว เข้าวังจะมืดเสียก่อน" องค์รัชทายาทพูดตัดบททันที

ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงกับอาการขององค์รัชทายาท แต่ก็ไม่กล้าถามอะไร

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มิติรัก ลากข้ามาเป็นฮองเฮา   28. บัลลังก์รัก ฮองเฮาของข้า (จบ)

    พระราชวังต้องประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน"ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระ

  • มิติรัก ลากข้ามาเป็นฮองเฮา   27. สมรสอีกครั้ง (รักฉ่ำ)

    วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว

  • มิติรัก ลากข้ามาเป็นฮองเฮา   26. ไม่อาจหวนคืน

    ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด

  • มิติรัก ลากข้ามาเป็นฮองเฮา   25. หุบเขาแห่งรัก

    ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก

  • มิติรัก ลากข้ามาเป็นฮองเฮา   24. พระชายาถูกพิษ

    ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่

  • มิติรัก ลากข้ามาเป็นฮองเฮา   23. ช่วยชีวิตฮ่องเต้

    ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status