เธอทะลุมิติสู่จีนโบราณ จำต้องเป็นชายาของรัชทายาทผู้เย็นชา ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ถูกทำร้ายทั้งกายและใจ เมื่อไฟแค้นแปรเปลี่ยนเป็นไฟรัก..เธอจะก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาเคียงข้างเขาหรือเลือกที่จะจากไปตลอดกาล?
더 보기เสียงโหวกเหวกของลูกค้าและเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังไม่ขาดสายในร้านอาหารจีน-ไทยชื่อดังแห่งหนึ่งในที่ฮ่องกง เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอันจัดจ้านและบรรยากาศคึกคัก
ลี่หรง เชฟสาววัย 29 ปี ลูกครึ่งไทย-จีน เธอเป็นเจ้าของร้าน ทุกวันเธอจะลงมือทำอาหารเอง เพราะร้านของเธอมีลูกค้ามากขายดิบขายดี
เธอยืนหน้าหม้อไฟใหญ่ มือหนึ่งจับทัพพี คนซุปอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่อีกมือถือทัพพีอีกอัน ตักน้ำซุปใส่ถ้วยให้ลูกค้าตามออเดอร์
“เจิ้นหมิงเสิร์ฟโต๊ะ 9” เสียงลี่หรง ตะโกนสั่ง
“ได้เลยครับ” ลูกน้องตอบเธอ
รอยยิ้มพอใจปรากฏบนใบหน้าของเธอเมื่อเห็นลูกค้ารับอาหารไปด้วยความตื่นเต้น
เธอรักงานของเธอที่นี่ แม้จะเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจที่ได้สืบทอดสูตรอาหารจากอาม่า และสร้างรสชาติที่ทำให้ลูกค้าติดใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าเย็นวันนั้น ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
ลี่หรงขับรถเดินออกจากร้านหลังเลิกงานพร้อมกล่องยาขนาดใหญ่และกล่องเครื่องปรุงสำหรับใช้ในร้านอาหาร ภายในมีสมุดบันทึกสูตรอาหารและหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรจีนที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ ฝนตกปรอยๆ ทำให้เธอขับรถกลับบ้าน อย่างลำบาก
เธอขับรถไปช้าๆ อย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น หางตาเธอเหลือบไปเห็นแสงไฟหน้ารถที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
“โครม” เสียงรถชน
ลี่หรงลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง ความรู้สึกหนักอึ้งประหลาดในร่างกายทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคย สายตากวาดมองรอบๆ ตัวห้องที่เธออยู่ไม่ได้เป็นห้องครัวของร้านอาหารที่เธอคุ้นเคย
แต่เป็นห้องหรูหราสไตล์จีนโบราณ ประดับด้วยเครื่องเรือนแกะสลักละเอียดลออ ผ้าม่านสีแดงเข้มทอด้วยเส้นทองพลิ้วไหวตามสายลมอ่อนๆ ที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง กลิ่นเครื่องหอมอบอวลไปทั่วห้อง
“นี่มันอะไรกัน?” ลี่หรงพึมพำในมือของธอกำสร้อยโบราณที่เธอพึ่งซื้อมาจากถนนคนเดิน ขณะพยายามยันตัวลุกจากเตียงที่ปูด้วยผ้าไหมเนื้อนุ่มละเอียด
เธอรู้สึกถึงสัมผัสแปลกตาของเสื้อผ้าที่สวมใส่ ชุดโบราณสีฟ้าปักลายทองงดงาม ใจเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อลุกขึ้นเดินไปส่องกระจก
ภาพสะท้อนของเธอเป็นหญิงสาวที่งดงามจับตา ผิวขาวราวหยก ดวงตากลมโตดำขลับ ริมฝีปากแดงระเรื่อ หญิงงามดั่งเทพนิยาย เสื้อผ้าที่เธอสวมช่างวิจิตรพิสดาร
“เดี๋ยวนะ…ที่นี่ที่ไหน เราฝันหรือ หรือทะลุมิติ อะไรวะเนี่ย ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
เธอตบแก้มตัวเองเบาๆ หวังให้ตื่นจากความฝัน แต่ความรู้สึกเจ็บเล็กๆ ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแน่นอน ก่อนจะทันได้ตั้งสติ เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นจากด้านนอก
ประตูเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มในชุดดำ ผ้าไหมปักทองสะท้อนแสงโคมทำให้เขาดูสง่างามเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ทำให้ลี่หรงต้องชะงักคือตาของเขาที่มองเธอ มันชั่งเย็นชาและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“หลินเหม่ยเยียน…” เขาพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ดวงตาคมกริบมองเธออย่างกับอยากฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
“อะ…อะไรนะ?” ลี่หรงขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“เจ้าอยากแต่งงานกับข้ามาก ถึงขั้นต้องลงมือฆ่าคนเลยหรือ? คนอย่างเจ้าไม่น่าฟื้นขึ้นมาเลย น่าจะตายให้พ้นๆ ไป”
เสียงของเขาเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง
ลี่หรงยืนนิ่งงัน ใจเต้นรัว ร่างนี้ไม่ใช่ของเธอ เธอคือหลินเหม่ยเยียนอย่างนั้นหรือ? และชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร?
เขากระชากแขนเธออย่างแรง จนเธอรู้สึกเจ็บ เธอดึงแขนกลับแต่ไม่อยากหลุดพ้นจากมือที่แข็งแรงนั้นได้
“ปล่อย...ฉันเจ็บ คุณจะทำอะไรฉัน?” เธอถามอย่างระแวง
เขาไม่ตอบอะไร เพียงแค่มองเธอด้วยสายตารังเกียจ เขาบีบแขนเธอแน่นขึ้น แล้วผลักเธอลงไปกองกับพื้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“ให้ตายสิ! นี่มันละครย้อนยุคชัดๆ”
เธอบ่นกับตัวเอง แล้วเหลือบไปเห็นลังใบหนึ่งวางอยู่ที่มุมห้อง เมื่อลองเปิดดูก็พบว่ามันคือกล่องเครื่องปรุงและกล่องยาที่เธอซื้อมาเพื่อใช้ในร้านอาหารนั่นเอง
“อย่างน้อยก็โชคดีอยู่ ที่มีของพวกนี้ข้ามมากับเธอด้วย…” เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก
“โอ๊ยปวดหัวจัง เกิดอะไรขึ้น” ลี่หรงจับหัวของตัวเองด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ขณะเดียวกัน ความทรงจำของเจ้าของร่างก็เริ่มไหลบ่าเข้ามาในหัวของเธอ เธอเห็นประวัติของเจ้าของร่างเดิมอย่างน่าอัศจรรย์
หลินเหม่ยเยียนเป็นบุตรสาวของมหาเสนาบดี มีโฉมงามเหนือสตรีใด ถูกทาบทามให้เป็นพระคู่หมั้นของรัชทายาทหานจื่อเหว่ยตั้งแต่เด็ก เมื่อเธอเติบโตขึ้นโดยเชื่อว่าอนาคตของเธอคือการเป็นฮองเฮา และเธอเองก็หลงรักหานจื่อเหว่ย องค์รัชทายาท มาโดยตลอด
แม้ว่าหานจื่อเหว่ยไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม เธอเฝ้าทำทุกอย่างเพื่อให้หานจื่อเหว่ย ประทับใจ เธอหวังเพียงว่าสักวันหานจื่อเหว่ย จะใจอ่อนมอบเศษเสี้ยวความรักให้เธอบ้าง แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอคิดว่าหัวใจของหานจื่อเหว่ยได้มอบให้กับเหม่ยจู ซึ่งเป็นหลานสาวของอาจารย์สอนขี้ม้าของเขา
หลินเหม่ยเยียนรู้มาโดยตลอด แต่เธอไม่เคยคิดอิจฉาในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่กลับให้ความเมตตาแก่เหม่ยจู รับมาเป็นสาวใช้ประจำตัว หวังว่าสักวันเมื่อเธอขึ้นเป็นฮองเฮาแล้ว จะแต่งตั้งเหม่ยจูให้เป็นสนมของหานจื่อเหว่ยเช่นกัน
แต่สุดท้ายเหม่ยจูกลับถูกวางยาพิษ ในห้องนอนของเธอและหานจื่อเหว่ย และทุกคนเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือเธอ
“ไม่นะ… นี่มันเรื่องบ้าอะไร?”
ลี่หรงกำมือแน่น รู้สึกถึงความสิ้นหวังและความเจ็บปวดของเจ้าของร่างเดิม
ก่อนคืนพิธีแต่งงาน หลินเหม่ยเยียนถูกใส่ร้ายจนถึงขีดสุด หานจื่อเหว่ยกล่าวโทษเธอโดยไม่ฟังเหตุผล และในที่สุด… หลินเหม่ยเยียนก็เลือกจบชีวิตตัวเองด้วยการพุ่งหัวชนเสา!
ลี่หรงตัวสั่นสะท้าน เธอเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านั้นราวกับเป็นความทรงจำของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น… ฉันต้องอยู่ในร่างของคนที่ตายไปแล้วงั้นเหรอ?”
เธอพึมพำกับตัวเอง เธอสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่
“ถ้าฉันมาอยู่ในร่างของเธอ ฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเองว่าเธอถูกกล่าวหา ฉันจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับเธอ ส่วนฉัน… ฉันจะหาทางกลับไปให้ได้”
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางในโลกใหม่ของเธอ… เธอจะผ่านพ้นไปได้หรือไม่?
พระราชวังต้องประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน"ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระ
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
댓글