มิลินของจอมทัพ
นิยายเรท อีโรติก / 20+ เริ่มเขียน 23/05/2023 ใครจะไปคิดว่าการเดินไปส่งข้าวให้ลูกค้าในวันที่แสนจะธรรมด๊าธรรมดา จะทำให้ฉันบังเอิญได้พบกับเขา… “คุณ! คุณไปโดนอะไรมาคะเนี่ย!” . . • ☆ . ° .• °:. *₊ ° . ☆ ‘เธอโอเคหรือเปล่า~’ น้ำเสียงที่หอบกระเส่าประสานกับจังหวะที่หนักหน่วงในตอนนั้น.. ฉันจำมันได้ดี.. ทั้งที่มันดีขนาดนั้น เขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกทรมานสักนิดเเท้ๆ.. ทั้งที่ดีขนาดนั้น.. ทำไมฉันถึงจำเขาไม่ได้! “..ใครใช้ให้พูดแบบนั้นกับครั้งแรกของผู้หญิงกันเล่า! อบอุ่นจนรู้สึกหงุดหงิดเลย!” มิลินควักน้ำล้างหน้าเป็นชุด มันแทบจะเปียกไปทั้งตัว.. ก่อนจะท้าวแขนแล้วมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ‘ช่วยทำ.. ให้แรงกว่านี้ที~ อ๊ะ!’ ‘ลินต้องการ~ จะ จนทนไม่ไหวอยู่เเล้ว~’ “กัดลิ้นตัวเองให้ตายไปเลยไหมมิลิน! กัดให้ตายไปเลย!” ทำตัวแย่ๆ ใส่กันยังจะลืมง่ายซะกว่า.. ที่บอกว่าจำคำพูดฉันได้เนี่ย.. จำประโยคพวกนี้ไปด้วยหรือเปล่านะ!>< . . • ☆ . ° .• °:. *₊ ° . ☆ จอมทัพ มาเฟียหนุ่ม มือของเขาเปื้อนเลือดมานับไม่ถ้วน แต่กลับพลาดท่าเสียทีในวันนั้น วันที่ทำให้เขาได้เจอกับเธอ.. สาวน้อยนัตย์ตาสีดำขลับ เธอที่มาพร้อมกับข้าวกล่องในมือ.. ข้าวกล่องที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง มิลิน เพราะกราฟชีวิตไม่เคยจะคงที่ ทำให้เธอต้องถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอ หญิงสาวที่ตกงานเพราะดันไปมีเรื่องกับกิ๊กเจ้าของบริษัท ทำให้ต้องพลันชีวิตจากพนักงานออฟฟิศมาเป็นเด็กเสริฟ์ที่ร้านอาหารตามสั่ง และการส่งข้าวที่ไปไม่ถึงปลายทางในวันนั้น ก็เป็นจุดเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตเธอ *₊ ° "ลินยังไม่เก่ง.." "ร่อนเร็วกว่านี้ฉันก็แตกแล้ว" *₊ ° 📌WARNING เยาวชนอายุต่ำกว่า18ปี ควรได้รับคำแนะนำ เนื่องจากเนื้อหามีความรุนแรงทางเพศ ผิดศีลธรรม ใช้คำหยาบคายรวมไปถึงมีการกระทำความรุนแรงและโหดร้าย นิยายเรท อีโรติก / 20+ 📌 ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้าม คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งในนิยายไปเผยแพร่ไม่ว่ากรณีใด ๆทั้งสิ้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษตามพระราชบัญญัติที่กําหนดไว้ #รับคำขอโทษเป็นเงินเท่านั้นค่ะ! เขียน : พลูโตไม่มีไดโนเสาร์ —————————— วันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกๆ วัน ฉันยังต้องทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเองอย่างไม่มีทางเลือกมากนัก.. กล่องข้าวถูกจัดเรียงใส่ถุง ช้อนส้อมและซองพริกน้ำปลา.. หญิงสาวคำนวณค่าอาหารก่อนจะเตรียมเงินทอนเผื่อลูกค้าที่อาจจะหยิบยื่นแบงค์ใหญ่มาให้ คนสมัยนี้มักแตกแบงค์พันกับทุกร้านค้าที่ซื้อของ แม้จะซื้อของเพียงสิบบาทแต่ก็ให้เเบงค์พันกันถมไป ฉันเลยต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน สวัสดีนะทุกคน ฉันชื่อ มิลิน มิลินทรา เอนกอนุวัตน์ ชื่อเพราะนามสกุลก็เสนาะหูใช่ไหมละ.. แต่ชีวิตฉันไม่สวยหรูดั่งชื่อสวยๆ หรอกนะ ฉันเพิ่งเรียนจบหมาดๆ งานที่สมัครก็ต้องออกกลางคันเพราะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ความผิดฉันเองแหละที่ไปมีเรื่องมีราวกับกิ๊กเจ้าของบริษัท สภาพก็เลยถูกเฉดหัวออกจากบริษัทตั้งแต่เดือนแรกที่เข้าทำงาน บวกกับพิษเศรษฐกิจ ที่ฉันรอว่ามันจะดีขึ้นแต่มันก็ไม่สมหวัง 7-8ปีที่ผ่านมายากเหลือเกินที่ใครจะฟื้นตัว ยิ่งเป็นฉันยิ่งแล้วใหญ่.. ฉันตัวคนเดียวค่ะ พ่อแม่เสียตั้งแต่ยังเด็ก มีแค่ยายที่เลี้ยงฉันมาอย่างดี แต่ท่านก็เพิ่งจากไปได้ไม่นาน ชีวิตฉันมีเวลาเสียใจได้เพียงหลักอาทิตย์ก็ต้องรีบหางานใหม่ หลังจากประสบพบเจอกับการสูญเสียทั้งคนที่รักและงานในเวลาไล่เลี่ยกัน ฉันก็ได้งานเป็นลูกจ้างอยู่ร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ทำมาเกือบสองเดือนแล้วค่ะ ถ้าไม่นับเรื่องเจ้าของร้านขี้หงุดหงิดขี้วีนละก็.. ค่าตอบแทนมันก็พอเลี้ยงชีพได้.. แต่ยังไม่พอ ฉันไม่คิดจะพอใจกับเงินเดือนหลักพันปลายๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิตหรอกนะ หญิงสาวพยายามหางานเสริมตลอดเวลาที่เป็นเด็กเสริฟ์ร้านอาหารข้างทางของ เจ๊หอย หอยใหญ่ “เจ๊ ลินไปส่งข้าวก่อนนะ” “แกเตรียมเงินทอนไปด้วยละ!” “เรียบร้อยแล้วจ๊ะ” ฉันชูเงินถอนที่เตรียมเสร็จสรรพ ผ้ากันเปื้อนนี่ยังไม่ถอดเลยด้วยซ้ำ ขาเรียวรีบเดินเพื่อทำเวลาเพราะที่ร้านข้าวก็มีลูกค้าเต็มร้านจนแน่นขนัด ขืนเอ้อระเหยลอยชาย เจ๊ได้เขวี้ยงตะหลิวใส่หัวฉันอีกเป็นแน่ “สองร้อยบาท สองร้อยบาททท~” ฉันละลั้นละล้าตามประสาได้ไม่นานนัก ก็เหมือนจะตาดีเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดแถวๆ.. กองขยะ มันคือขาคน.. แต่ทำไมขาคนถึงมาอยู่ตรงนี้ละ? มิลินหันซ้ายหันขวา คว้าซองพริกน้ำปลากพร้อมฉีกหากนั่นคือขาของพวกโจรชิงราว.. เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ขาที่ว่า มันกระดิกจนเธอแทบเขวี้ยงข้าวกล่องใส่ “อ๊ายยย!” ก่อนจะทำท่าประหลาดๆ พร้อมกับย่องเบาๆ ในเวลาต่อมา… “อึ่ก!” เสียงอะไร! นาทีนั้นฉันรวบรวมความกล้า ใช้เท้าเขี่ยกล่องลังที่สุมตัวของเจ้าของขายาวๆ นี่ ก่อนจะสตั้นค้างเพราะร่างกายช่วงบนของเขาอาบโชกไปด้วยเลือด!! ฉันรีบหาที่วางกล่องข้าวให้ปลอดภัยที่สุด ยัยเจ๊ปากนรกไม่ฟังคำแก้ตัวอะไรของฉันทั้งนั้นถ้าฉันบอกว่าฉันเจอคนบาดเจ็บข้างทาง และทำให้เลือดเลอะเปื้อนกล่องข้าวราคาสองร้อยบาทของแก “คะ คุณคะ! ได้ยินไหม! ไปโดนอะไรมาเนี่ย!” มิลินใช้เพียงปลายนิ้วเท่านั้นที่สัมผัสเลือดของชายหนุ่มที่นอนไร้เรี่ยวแรง ก่อนที่เจ้าตัวจะเบิกตามองเธอ สาวเจ้าแอบชะงักไปก่อนจะกลืนน้ำลายเพราะความคมเข้มของสายตา มันเข้มดุดันทะลุเลือด==^ “คุณ ไปโรงพยาบาลไหมคะ” “..ขับรถเป็นไหม~” คนที่บาดเจ็บเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด “ค๊ะ? ขับรถ.. เอ่อ เป็นค่ะ” “ขับให้ที” “ค๊ะ? แต่ว่าฉันต้องไปส่งข้าวนะ” “ค่าข้าวนั่นเท่าไหร่” “เอ่อ.. ถ้าทั้งหมดก็สองร้อยบาทค่ะ” “ฉันให้เธอหมื่นนึงค่าเสียเวลา พาฉันไปเซฟเฮาส์ที” “เอ่อ..” “เร็ว!” “อ๊ะ! คะ ค๊าาาา!!” เลือดที่โชกกายแทบจะกลายเป็นน้ำใสบริสุทธิ์ในสายตาฉัน ก็กลิ่นเงินมันหอมหวาน สภาพชีวิตอย่างฉันในตอนนี้ไม่ขอรักศักดิ์ศรีมากกว่าปากท้องหรอกหนาาาา “ไปค่ะ! มิลินจะช่วยคุณเอง!!” กล่องข้าวถูกวางทิ้งไว้ มิลินเลือกที่จะก้มลงประคองอีกฝ่ายที่นอนเจ็บ เเผลเดียวที่เธอเห็นคือที่ศรีษะ แต่ก็ดูเหมือนกับว่า.. เขาน่าจะมีบาดแผลจากที่ส่วนอื่นของร่างกายด้วย เพราะมีการทิ้งตัวแล้วฟุ้บหน้ากับไหล่บางแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่คนตัวน้อยก็เหมือนจะสะดุ้งเพราะพูดได้เต็มปากว่าต่อให้เป็นการช่วยเหลือ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับแผงอกของผู้ชายใกล้ๆ แบบนี้ แม้มันจะทำให้ตัวเธอเปื้อนเลือดไปด้วยก็ตาม ก่อนจะพยายามหิ้วปีกหามแขนให้กับคนตัวสูง และประคองด้วยความทุลักทุเล “ว่าแต่คุณชื่ออะไรคะ” “..จอมทัพ” เสียงทุ้มละมุนสุด นี่ขนาดเสียงตอนเจ็บนะ ยังรู้สึกใจหวิวเพราะเสียงหล่อไม่แพ้หน้าตาเลยอะ แต่ว่าชื่อแบบนี้ เหมือนฉันเคยได้ยินอยู่นะ.. “จอมทัพ? ชื่อเหมือนมาเฟียคนนั้นเลยนะคะ” “….” “เจ๊หอย เจ้าของร้านที่ฉันเป็นลูกจ้างเคยกู้เงินกับมาเฟียคนนั้นด้วยนะ แต่แค่พลาดส่งดอกแค่วันเดียว เชื่อไหมว่าเขาส่งลูกน้องมาแทบจะบุกเข้าไปในร้าน” “….” “เป็นคนที่ป่าเถื่อนชะมัดเลย ทั้งที่มีมากกว่าคนอื่นแท้ๆ ทั้งที่ปล่อยเงินให้กู้ ทั้งที่รู้ปัญหาของคนหาเช้ากินค่ำ ช้าแค่วันเดียวเอง” “เวลามาขอเงินก็อ้อนวอนจะเอาตอนนี้เดี๋ยวนี้ เวลาจะคืนเงินฉันจะเอาคืนตอนนั้นเลยไม่ได้หรือไง?” “ค๊ะ? ฉันไม่ได้หมายถึงคุณนะ ฉันหมายถึงจอมทัพที่เป็นมาเฟีย.. เอ๊ะ หรือว่า..” มิลินชะงักในท่าแบกปีกหามแขน ก่อนจะหันหน้ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด จอมทัพขมวดคิ้วมองเธอ “คนป่าเถื่อนที่เธอว่า..” “อึ้ก!” “..ฉันเอง”ชื่อทริป.. เกาะสวรรค์ สรรสร้างรัก..“..เอาจริงดิ ==^”“ก็กิจกรรมขำๆ ทำไมยะ? คนอย่างพวกฉันเนี่ยจะทำเรื่องมุ้งมิ้งกิ่งก่องแก้วไม่ได้หรือไง”“..มึงก็อย่าไปขัด”“ใครจะเหมือนมึง เมียกูก็ไม่ใช่ ขัดอะไรได้กูขัดหมดแหละ” ฉันนั่งมองคุณแฮช คุณไคโร คุณเรวี่นั่งเถียงกันไปมา เรื่องหากิจกรรมพักผ่อนหลังจากKing โหมงานอย่างหนักเพื่อเปิดตัวธุรกิจหลากหลายแขนง ล่าสุดคุณเรวี่เนี่ย ซื้อเกาะที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย ห่างไกลจากผู้คน มีความเป็นส่วนตัวแบบสูงลิบ สูงชนิดที่ถ้าสึนามิมาก็ตายภายในสามวิเลยอะ“มันเหมือนเกาะร้างมากกว่าอะ” ฉันเห็นด้วยกับคุณแฮชเลย “เล่นซื้อเกาะห่างไกลความเจริญแบบนี้ ต้องลงทุนอีกกี่สิบล้านมันถึงจะมีสาธารณูปโภคแบบครบครัน พี่คงไม่คิดจะอยู่ง่อยๆบนเกาะแบบนี้ในช่วงบั้นปลายชีวิตหรอกมั้ง” คุณโปรดพูดขึ้นมา เอาเข้าจริงตอนนี้มันก็ให้ความรู้สึกเรามาเข้าค่ายลูกเสืออะ กองไฟ เต้นท์ แล้วก็เรือ..เรานั่งเรือกันมา คนขับก็คุณคนโปรดนั่นแหละ เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ขับเรือได้ เรือก็เรือของคุณเขา ส่วนคุณจอมทัพ สามีที่แสนดี แสนโหดของมิลินคนนี้นะเหรออ้วกแตกอ้วกแตนอะ ในที่สุดฉันก็เจอจุดอ่อ
1ปีผ่านไป.. ตอนนี้ทุกอย่างคงที่แล้วละ เติบโตแล้ว ฉันยืนมองจอมทัพด้วยความภูมิใจ จอมทัพในตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่เก่ามากๆ เอาจริงไหม ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันเจอเขาที่ผับในคืนแรกของเราได้อยู่เลย ตอนนั้นนะ หน้าเขาใส อ่อนเยาว์และดูอบอุ่นสุดๆ แต่ตอนนี้เขาดูภูมิฐานมากๆ รายล้อมไปด้วยลูกน้องมากกว่าแต่ก่อน เขามีพี่ขุนพี่เชนคอยประกบข้าง ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าพี่เชนเขาจะกลับมาเพราะทางนั้นเองก็มีลูกมีเมียให้ดูแล ส่วนพี่ขุนยังโสดแต่ก็ดูจะเหมือนไม่ซิงแหละนะ บอดี้การ์ดที่รายล้อมจอมทัพดูไม่ใช่เล่นๆเลย หล่ออะหล่อมากๆ ตัวก็สูงราวกับกำแพงเมืองจีน ตัวหนาดูแข็งแรง.. ถ้าจะบอกว่าแอบหวั่นไหวก็บอดี้ดาร์ดได้ไหมนะฮ่าๆๆๆ มิลินที่สวมชุดหวานกระโปรงยาวคลุมเข่าเป็นภาพลักษณ์ที่ทุกคนจดจำเธอไปแล้ว ถึงจะเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแต่หุ่นสวยๆของเธอก็ไม่เพี้ยนไปจากตอนแรก “ทานตะวันหนึ่งขวบแล้วนะ แผนปั๊มทิวาไร้ผลสิท่า น้ำยามันคงบูดคาท่อ” แฮชเดินมาสมทบ วันนี้เป็นวันที่ทางKingจัดงานเล็กๆในเซฟเฮาส์ มีลูกค้าที่มาคุยเจรจาเรื่องอาวุธอยู่สองสามคน เป็นลูกครึ่งตัวโตและคะน้าก็ประกบติดไม่ปล่อยห่าง “มันเอาแค่พูดว่าจะมีลูกสองให้ได้” “พยายาม
#จอมทัพในห้องทำงานเงียบๆ ไฟล์แผนผังการก่อสร้างต่างๆ แผนการต่างๆที่ถูกลิสต์อีกเป็นตับ..จอมทัพทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะคว้าบุหรี่ ใช้มือป้องลมและจุดไฟแช๊ก แช๊ก…ควันโขมงลอยตลบอบอวล จอมทัพนั่งนิ่งๆหลับตาอยู่ในห้อง ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทาเข้ามา ช่วงหลังจอมทัพสูบบุหรี่จัดมาก เพราะต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่าง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู“เข้ามา” บุหรี่ยังคาบอยู่ในปาก พร้อมกับพ่นควันไหม้ออกไปพลาง จอมทัพเหลือบมองคนที่เข้ามา ที่เขาสูบหรี่ในนี้เพราะมิลินถูกกำชับว่าห้ามเข้า เพราะเขาในตอนนี้ยังหยุดสูบบุหรี่ไม่ได้“ลูกหนึ่งแล้วนะ กลัวตายบ้างเถอะ” เรวี่เดินย่างกรายเข้ามาในห้องทำงานของจอมทัพ เธอทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา ยกขาไขว้ห้าง ขาเรียวยกสูงจนเกือบจะเห็นจุดสงวน ก่อนจะคว้าบุหรี่ของจอมทัพขึ้นมาจุดสูบ“ไม่เคยมีใครบอก? ก่อนจะสอนคนอื่น ตัวเองต้องทำให้ได้ก่อน”“ก็ฉันยังไม่มีลูก จะเป็นมะเร็งปอดตายก็ไม่เห็นเป็นอะไร” จอมทัพเหลือบตามอง เขาหยิบแฟ้มใหญ่โยนให้กับเรวี่ เจ้าตัวแค่ชายตามอง“นายไว้ใจยัยเด็กนั่นให้ทำงานแทนที่ฉันแล้วนิ” แล้วก็หยิบแฟ้มที่ตักโยนไปข้างๆราวกับไม่สนใจ“ไม่มีฉันนายก็ไปต่อได
และแล้ววันนี้ก็มาถึง.. “..จอมทัพยังไม่มาเหรอ ลินจะไม่ไหวอยู่เเล้ว” อาการเจ็บท้องมันรุนแรงจนฉันจะทนต่อไปอีกไม่ไหวแม้กระทั่งอีกวินาทีเดียว“อ๊ายยย!” มิลินกรีดร้อง เธอไม่มีประสบการณ์กับการรับมือในวันคลอด แค่จะหายใจยังยากเลย“หายใจเข้าลึกๆลิน หายใจเข้าลึกลึกกกก” เรวี่เองก็ตื่นเต้นจนหายใจผิดจังหวะพอๆกับมิลิน เธอกุมมือมิลินแน่น แต่เห็นว่ามิลินทรมาน เรวี่ก็แทบจะเลิกล้มการมีลูกในอนาคต“ถ้ามีลูกแล้วต้องเจ็บขนาดนี้ ฉันไม่เอานะ”“คุณเรวี่ ละ ลินเจ็บ! อื้อออ!”ตึก ตึก ตึก! เสียงฝีเท้ารัวๆพุ่งตรงเข้ามา จอมทัพมีสีหน้าเป็นกังวล เขาที่ปกติไม่มีทางก้าวเท้าเข้าโรงพยาบาลไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่..“หมอละ! ทำห่าอะไรกันอยู่! เมียกูจะคลอด!”“หมอกำลังมาทัพ!” เรวี่ตอบแทนเธอพยายามบีบมือมิลินไปพลางๆ“กำลังมา? กำลังจะมา แต่กูมาถึงก่อนเนี่ยนะ?”“ทัพ~”“เพราะงี้ไง ถึงจะสร้างโรงพยาบาลของKingเอง” จอมทัพพูดออกมา เขาอยู่ไม่สุขก่อนที่หมอจะมาถึง “ขอญาติคุณแม่อยู่ข้างนอกด้วยครับ” เมื่อหมอมาถึงทุกอย่างก็ถูกจัดแจง เตียงมิลินถูกเข็นเข้าห้องคลอด เรวี่ต้องยอมปล่อยมือเพราะเข้าไปด้วยไม่ได้“แล้วผม”“..สามี คุณสามีเข้าไป
หลังจากวันนั้น คะน้าก็หายไป ติดต่อไม่ได้และฉันเริ่มหมดความอดทนกับความพยายามที่จะเปลี่ยนใคร มิลินที่นั่งรถหรูขับผ่านจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง และยังคงรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง กองขยะที่เขาเจอจอมทัพ ร้านอาการเจ๊หอยหอยใหญ่ที่ปิดตัวร้าง บรรยากาศเหมือนวันวานไม่มีผิด จะผิดก็ตรงที่ฉันเองไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ผิดก็ตรงที่เจ้าของร้านข้าว.. ก็ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเหมือนกันสายตาของมิลินเหลียวหลัง ก่อนจะก้มลงลูบหน้าท้องของตัวเอง ตอนนี้นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต.. ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันกับลูกแข็งแรงดี และฉันก็อาจจะได้ลูกสาวดั่งใจปรารถนา..คุณทัพยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อการตรวจเพศที่แม่นยำให้กับพวกเรา ดูเหมือนว่า ทานตะวัน ชื่อนี้คงจะได้ใช้แล้วสินะ สองมือสอดประสานที่เบาะคนนั่งด้านหลัง“ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแบบของมันนะ อาจจะมีหลายๆ เรื่องไม่ถูกใจเรา แต่มันก็เป็นธรรมดาของชีวิต” “คิดมากเรื่องที่คะน้าพูดหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ ไม่คิดมาก” “….” “เธอดูน่าสงสาร บางครั้งคนเราก็แสดงความรุนแรง ความหยาบคายเพราะตัวเองกำลังเศร้า” “….” “เพราะเรา ไม่รู้จักวิธีที่จะวิ่งหนีมัน” “..มิลินที่มีสาระ ฉันไม่ค่อยชินแฮะ” “แหมมม ค
คะน้าถูกให้ความสนใจเพียงเพราะ.. เรวี่รู้สึกไม่ถูกชะตา จะผีเห็นผี หรือจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ คะน้ากลายเป็นจุดสนใจของทุกคนที่นี้แม้กระทั่งน้ำฝน.. ขณะเสริฟ์อาหาร เธอก็เหลือบมองคะน้าด้วยความรู้สึกตามที่ได้ยินเขาเล่าๆกันมา อาจจะเพราะทุกคนพูดถึงเธอไปในทางเดียวกัน แต่สิ่งที่เห็น นอกจากความเริ่ด เชิดที่มี ก็เห็นทีจะมีแต่รอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”น้ำฝนคำนับก่อนจะถอยหลังออกไป ก็ดูไม่ใช่คนดีหรอกนะ แต่ก็ยังรู้จักการวางตัวอยู่บ้าง เธอคิดเช่นนั้นก่อนจะล่าถอยกลับไปโต๊ะอาหารครบคนก็เริ่มทานข้าวทันที ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ“จริงสิคะพ่อ”“อะไร?”“พอดีวันนี้มีการติดต่อซื้อขายอาวุธจำพวกขีปนาวุธจากสวิตเซอรเเลนด์ เหมาชุดใหญ่ด้วยนะ เขาบอกว่าฉันรู้จักขายของ”“อื้ม ข้อมูลเอกสารอย่าให้ขาดตกบกพร่องละ”“ค่ะ ถือจะเพิ่งเคยทำ แต่ก็จำได้ทุกขั้นตอนที่สอนนะ”“….” เรวี่พลันเหลือบตามอง“ว่าแต่ใครคือคนที่ดูแลตำแหน่งนี้ก่อนหน้าฉันเหรอ? เห็นฝั่งนั้นเขาพูดว่าเป็นคนที่ไม่มีสัมมาคาราวะสุดๆ แถมเย่อหยิ่ง”เกร๊ง! ช้อนส้อมถูกวาง เรวี่ฝืนทนสุดๆ ในขณะที่คณะแค่แค่นคิ้วมองมาเฟียสาว“..คุณเรวี่เหรอ ที่พวกเขาพูดถึง?”“แกรู้ใช้ไหมว่าฉันไม่
ณ เซฟเฮาส์.. รังมาเฟียที่เคยเงียบสงบ วันนี้กลับวุ่นวายและมีคนพลุกพล่าน เรวี่ที่เพิ่งขับรถกลับมา หลังจากมาจากคอนโดและไม่อยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งคืน“..เกิดอะไรขึ้น? มีใครตาย?” เรวี่ดึงลูกอมออกจากปาก ก้านของมันเรืองแสงตามสายปาร์ตี้“เปล่ามีคนตายครับ แต่มีงาน งานใหญ่ซะด้วย”“..งานใหญ่? งานอะไร?” เชนที่เดินเข้ามาสมทบรายงานมาเฟียหญิง เรียวนิ้วสีแดงเลือดนกหักนิ้วป๊อกแป๊ก ก่อนจะเหล่คิ้วแล้วใช้ลิ้นดุนลูกอมในปาก“คุณเรวี่เข้าไปดูเองเถอะครับ แล้วจะทึ่ง”“..พูดงี้อยากรู้เลย” ขาสวยก้าวฉับๆ กางเกงขาสั้นกลางเป็นกางเกงตัวจิ๋วเมื่ออยู่บนสรีระของมาเฟียสาว ก่อนกระนั้น เรวี่อ้าปากค้าง และพยายามมองหาเชนเพื่ออธิบายสิ่งที่เขาเห็น ก่อนที่จอมทัพจะเดินเข้ามาสมทบเคียงข้าง“..ฝีมือนายสินะแบบนี้”“ผมแค่หาหนทางให้เมียสบาย”“ลิฟต์อะพอเข้าใจ แต่ทำไมต้องสองตัว? พ่อแกผลิตแบงค์ไว้หรือไง? เว่อร์วังสิ้นเปลืองงบประมาณมากกก! แทนที่จะสร้างลิฟต์ แค่ย้ายมาอยู่ชั้นล่างเนี่ยง่ายกว่าเป็นขุม”“เมียไม่ชอบ ไม่มีวิวที่ดี”“ก็เลยคลั่งรัก? เสริฟ์ลิฟต์สองตัวในบ้านให้เมียใช้คนเดียวว่างั้น?”“แน่นอน”“เชื่อเขาเลย!” เรวี่ขมวดคิ้วให้กับคว
หลังจากผ่านมา5วัน..ขุนพลทำงานตามคำสั่งของเรวี่ที่มอบหมายให้ เขา จับตามองคะน้า และสังเกตพฤติกรรมอยู่ห่างๆอย่างแนบเนียน ทุกอย่างยังคงปกติดี ไม่มีเหตุการณ์อะไร หรือชนวนอะไร ที่จะทำให้คะน้าประพฤติตัวให้เป็นที่น่าสงสัย“..พี่ขุนคะ”“คุณลิน”“..คะน้าเป็นยังไงบ้าง ทำอะไรไม่ดีไปแล้วหรือยัง?”“ปกติดีครับ เธอยังไม่ทำอะไร”“..ลินนอนไม่ได้มาหลายวันแล้ว กำลังคิดว่าจะพูดเรื่องนี้กับคุณทัพดีไหม” ฉันเดินไปนั่งที่วิลแชร์ เพราะเริ่มรู้สึกเจ็บตรงช่วงสวมขาเทียมพอดี ฉันพยายามทำกายภาพร่วมด้วย ไม่อยากนั่งแต่วิลแชร์อย่างเดียว“ผมว่าคุณไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เดี๋ยวจะส่งผลถึงเด็กในท้องเอา เรื่องของคุณคะน้าผมจัดการเอง ส่วนเรื่องที่คุณเป็นห่วงคุณทัพ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณทัพไม่ใช่คนที่มองคนไม่ออกแบบนั้น”“….” มิลินพยักหน้า ก่อนจะกำลังเข็นวิลแชร์ตัวเอง“เดี๋ยวผมไปส่งครับ”“ไม่เป็นไรคะ ลินแค่จะเข้าไปที่ครัวเฉยๆ ตรงนี้เอง” เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็จะถึงครัวอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ต้องการการดูแลทุกย่างก้าวแบบนั้น ขุนพลเชื่อฟังแต่ก็ยืนมองมิลินไม่ละสายตาและเมื่อมาถึงครัว สิ่งแรกที่ทำคือกินขนมที่ถูกจัดวางเอาไว้ ครุ่นคิดคร
กึก.. “ฉันไม่ชอบยัยคะน้าเน่านั่น!”“ไม่พูดก็รู้” แฮชวางแก้วสวยๆลงก่อนจะเลียริมฝีปาก“..เด็กนั่นยังไม่ได้ทำอะไรนอกจากกล้าสู้สายตา อย่าเพิ่งคิดว่าจะเป็นคนไม่ดี”“นี่ไง นี่ไง! พวกผู้ชายไม่มีวันทันเล่ห์มารยาหญิงหรอก!” เรวี่ใช้นิ้วชี้โบกไปมาก่อนจะนั่งไขว้ห้าง จุดซิกก้าแท่งโปรดแล้วพ่นควันขึ้นกลางอากาศ“..ทัพคิดจะทำอะไร ..งูเห่าชัดๆ”“ล่อเลยไหมละ?” แฮชยุแหย่ แต่เรวี่กลับเบ้ปาก “ฉันไม่เสียเวลาไปขลุกกับผู้หญิงจิตใจสกปรกแบบนั้น” ริมฝีปากแดงกัดขบ เรวี่ไม่ชอบคะน้าแบบออกนอกหน้า แล้วก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมพวกผู้ชายสองคนตรงนี้ยังนิ่งและทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืน แม้แต่ท่ายืนก็ยังสง่าทุกอย่างก้าว“..ถามจริง ตอนเอานี่ท่าสวยแบบนี้ป้ะ?ปั่ก! ฝาขวดเหล้าถูกโยนใส่หน้าด้วยฝีมือไคโร ส่วนเรวี่ก็อมยิ้มมุมปาก ท่าทางของเธอติดยั่วยวนจนเป็นนิสัย เธอก้มโค้งลงต่ำ ปลายนิ้วบีบคางของแฮช“..คิดว่าไงละจ๊ะ~”“….” ไคโรเหลือบมอง“เอาละ ฉันจะไปหาไอ้ขุน ฉันต้องการประวัติยัยเด็กนั่น! ..ขัดใจสุดๆไปเลย ทัพนะทัพ! น่าจะปล่อยให้อดตายคากองขยะไปซะ งูเห่าแบบนั้นจะเลี้ยงไว้ทำไมกัน!”“..ไรท์มันอยากเขียนเรื่อ